Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2139 มหาภัยชั้นสิบแปดปรากฏ

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2139 มหาภัยชั้นสิบแปดปรากฏ

ปึง!

เสียงกระแทกสะท้านฟ้าสะเทือนดินเสียงหนึ่งดังขึ้น น้ำเต้าวิญญาณต้นกำเนิดสั่นระรัวรุนแรง ถูกกำราบเข้าไปในเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดทันที

บุตรนรกเห็นภาพนี้เกิดขึ้นต่อนหน้าต่อตาก็สีหน้าอึมครึมโดยสมบูรณ์

ก่อนหน้านี้บุตรนรกรู้สึกสะใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ขณะนี้บุตรนรกรู้สึกไม่เบิกบานอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

เขาสีหน้าไม่น่าดู แทบจะโมโหโกรธจนควันออกหู สั่นไปทั้งตัว กระอักเลือดออกมาคำหนึ่งอย่างห้ามไม่อยู่อีก

ทวนยอดทมิฬพินาศ ภาพหมื่นลักษณ์ฟ้าดารา น้ำเต้าวิญญาณต้นกำเนิด…

ถูกชิงไปหมดแล้ว!

ทั้งหมดเลย!

อ๊าก!

บุตรนรกนึกถึงเรื่องน่าสังเวชที่ได้ประสบในอดีตเรื่องแล้วเรื่องเล่าอย่างห้ามไม่อยู่ ใจสั่นระรัว แค้นจนกัดฟันกรอด

“หลินสวิน…”

บุตรนรกเงยหน้าขึ้นทันควัน จ้องหลินสวินตาแดงก่ำ อ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง

แต่กลับเห็นเงาร่างหลินสวินหายลับไปจากที่เดิมดังสวบ แล้วพุ่งไปหาต้นทองแดงเฒ่าที่อยู่ไกลออกไป

บุตรนรกอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นถึงตระหนักได้ว่าหลินสวินจะทำอะไร เจ้าหมอนี่… ถึงกับ… ถึงกับถือโอกาสเอา ‘กระบี่สามสิบหกทำลายล้าง’ นั้นไปด้วยแล้ว!

“อึก!”

บุตรนรกเพียงรู้สึกจุกที่หน้าอก เลือดเก่าที่อัดอั้นอยู่กระอักออกมาในที่สุด

รังแกกันเกินไปแล้ว!

ทว่าตอนเขาจะต่อต้าน เมื่อหลินสวินกระตุ้นประทับไร้ชีพกระแทกดังปังๆๆ เข้ามา กระบี่จักรพรรดิสามสิบหกเล่มนั้นก็เหมือนดั่งมัจฉาแหวกว่ายที่ถูกทุบให้มึนงงตัวแล้วตัวเล่า ร่วงพรูลงมาจากห้วงอากาศ และถูกหลินสวินรับไว้ทั้งหมด

ส่วนบุตรนรกที่ถูกพลังสะท้อนกลับสั่นสะท้านไปทั้งตัว สีหน้าซีดเผือด

“ไม่เป็นไรใช่ไหม”

หลินสวินถามต้นทองแดงเฒ่า

ต้นทองแดงเฒ่าดีใจเหมือนรอดจากเคราะห์ สีหน้าซับซ้อน “สมบัติพวกนี้ยอดเยี่ยมจริง ยังดีที่ถูกสหายยุทธ์เก็บไป หาไม่เฒ่าชราอย่างข้าจะต้องถูกฟันยับแน่… ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ขอแสดงความยินดีกับสหายยุทธ์ด้วย พวกนี้เป็นของดีจริงๆ…”

พูดถึงตอนสุดท้าย ในน้ำเสียงถึงกับเจือความอิจฉาและปรารถนาอย่างยากควบคุม

หลินสวินเก็บกระบี่บินเหล่านี้ไป ยิ้มมองดูบุตรนรกที่อยู่ไกลๆ แล้วเอ่ยว่า “นี่ต้องขอบคุณเด็กแจกทรัพย์ ถ้าไม่มีเขา มีหรือที่เจ้ากับข้าจะได้รู้จักสมบัติอัศจรรย์เช่นนี้”

ต้นทองแดงเฒ่าพยักหน้าต่อเนื่อง

เด็กแจกทรัพย์หรือ

เหมาะจริงๆ!

พอได้ยินบทสนทนาของหนึ่งคนหนึ่งต้นไม้ บุตรนรกเพียงรู้สึกว่าเลือดพุ่งขึ้นหน้า อยากกระอักเลือดขึ้นมาอีกอย่างอดไม่ได้

เขารีบสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เก็บกลั้นความคลุ้มคลั่งแค้นเคืองในใจเอาไว้ กัดฟันพูดชัดถ้อยชัดคำว่า “คนแซ่หลิน! คราวนี้เจ้าตายแน่ ใต้หล้าในฟ้าดินนี้ ใครก็ช่วยเจ้าไม่ได้!”

ผมยาวของเขาพลิ้วไหวบ้าคลั่ง ดวงตาเบิกถลน เสียงดังสะเทือนฟ้าดิน

ตูม!

ใต้เท้าเขากาหลอมจิตส่องแสง เกิดเป็นคลื่นพิสดารและคลุมเครือ ท่ามกลางความคลุมเครือเหมือนมีกฎเกณฑ์ระเบียบนับไม่ถ้วนจำแลงออกมา ล้อมทั้งร่างบุตรนรกไว้

หลินสวินนัยน์ตาหดรัด กระตุ้นประทับไร้ชีพเข้าโจมตีก่อน

ภาพอันพิสดารภาพหนึ่งอุบัติขึ้น ประทับไร้ชีพเป็นศาตราจักรพรรดิคุนหลุนที่แข็งแกร่งปานไหน แต่ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็ถูกพลังกฎเกณฑ์ระเบียบที่กาหลอมจิตนั้นปล่อยออกมาซัดให้ถอยไป!

วู้ม!

ประทับไร้ชีพซวนเซแทบสูญเสียการควบคุม ทำเอาเลือดลมหลินสวินยังปั่นป่วนไปครู่หนึ่ง

“นี่จึงจะเป็นสมบัติที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา!” ต้นทองแดงเฒ่าร้อง

หลินสวินพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ไร้สาระ”

กาหลอมจิตใบนี้มีที่มาลึกลับหาใดเทียบ ในอดีตทุกครั้งที่หลินสวินคิดว่าสังหารบุตรนรกได้ ก็จะถูกกาหลอมจิตนี้ช่วยไว้ทุกครั้งไป มหัศจรรย์หาใดเทียบ น่าเหลือเชื่อเป็นที่สุด

กล่าวอย่างไม่เกินเลยได้ว่า หากไม่ใช่กาหลอมจิต ‘คลังสมบัติร่างมนุษย์’ ที่มีสมบัติมากมายอยู่กับตัวอย่างบุตรนรกคงถูกฆ่าตายไม่รู้กี่ครั้งไปนานแล้ว

ขณะนี้หลินสวินก็ค่อยๆ มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น

เห็นได้ชัดว่าบุตรนรกที่อยู่ไกลออกไปกำลังกระตุ้นวิชาลับวิชาหนึ่งอยู่ ทำให้กาหลอมจิตนั้นเหมือนกับตื่นจากการหลับใหลในหมื่นกาล กลิ่นอายที่แผ่ออกมาก็คลุมเครือลึกลับเหมือนระเบียบมหามรรค น่าครั่นคร้ามหาใดเทียบ

หลินสวินลงมืออีกครั้งหนึ่งโดยไม่ลังเล แต่ไม่ว่าเขาจะใช้สมบัติชั้นใด วิชาลับขั้นไหน กลับไม่สามารถสั่นคลอนพลังของกาหลอมจิตนั้นได้ในทันที

“เจ้าคนแซ่หลิน เจ้าไม่ได้แข็งแกร่งมากหรอกหรือ เข้ามาสิ เข้ามาฆ่าข้าไหม” บุตรนรกสีหน้าเหี้ยมเกรียม แววแค้นถั่งโถมแผดเผาอยู่ในดวงตา

กลิ่นอายกาหลอมจิตนั้นยิ่งหนาแน่นขึ้น คล้ายกำลังสื่อสารอะไรอยู่

“สหายยุทธ์ ทีนี้จะทำอย่างไรดี”

ต้นทองแดงเฒ่าก็สังหรณ์ใจไม่ดี ในใจหวาดผวา เหมือนครู่ต่อมาก็จะมีภัยพิบัติใหญ่เทียมฟ้ามาเยือน

หลินสวินนิ่วหน้าไม่พูดจา

บุตรนรกไม่น่ากลัว มีเพียงกาหลอมจิตนั่นที่พิสดารเกินไป ทำให้เขายังได้กลิ่นอันตรายอย่างแรงกล้า

“ฮ่าๆๆ เจ้าโง่อย่างพวกเจ้าสองคนไม่คิดหรือว่าสถานที่บ้าๆ นี่ระดับจักรพรรดิเข้ามายังประสบเคราะห์ แล้วข้า… มาถึงที่นี่ได้อย่างไร”

บุตรนรกแหงนหน้าหัวเราะร่า เผยแววน่าสะพรึงกลัว

เรื่องนี้ย่อมเป็นสิ่งที่หลินสวินกังขาเช่นกัน ทางเข้าสู่นรกอำพรางถูกหอวิหคทองแดงควบคุมตลอด จะให้คนอย่างบุตรนรกเข้ามาสุ่มสี่สุ่มห้าได้อย่างไร

มิหนำซ้ำบุตรนรกไม่ได้บรรลุจักรพรรดิ พลังต่อสู้มีจำกัด ถ้าไม่มีกาหลอมจิต อย่าว่าแต่ชั้นเก้านี้ เกรงว่าคิดจะเข้าชั้นหกยังอันตรายนัก!

“ไม่เข้าใจก็ปกติ บนโลกนี้สิ่งที่มีมากก็คือเรื่องที่เจ้าไม่รู้!”

บุตรนรกแววตาเจือความเหี้ยมเกรียม สีหน้ากลับมาสุขุมเยือกเย็น ยามเผชิญหน้าหลินสวินเจือความรู้สึกเหนือกว่าอีกฝ่าย

“ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังตั้งใจถ่วงเวลา หาไม่ด้วยความแค้นที่เจ้ามีต่อข้า ถ้ามีโอกาสฆ่าข้าจะต้องไม่พูดพล่ามมากขนาดนี้แน่”

หลินสวินเอ่ยเสียเรียบ “ต้นทองแดงเฒ่า พวกเราไปกัน ถึงอย่างไรการเคลื่อนไหวนี้ก็ชิงของดีไปได้ไม่น้อยแล้ว ไม่ขาดทุน”

ขณะที่พูดก็หันกายจะจากไป

ต้นทองแดงเฒ่ารีบตามไป

ด้วยจับสถานการณ์ไม่ถูก หลินสวินวางแผนจะหลบไปก่อน บุตรนรกไม่น่าห่วง แต่กาหลอมจิตนั่นพิสดารเกินไปแล้ว

บุตรนรกหัวเราะหยันทันที “ตอนนี้ยังคิดจะไปอีกหรือ สายไปแล้ว!”

เมื่อสิ้นเสียง

โครม!

ทั้งนรกอำพรางชั้นเก้าสั่นระรัวรุนแรงทันที ราวกับใต้ชั้นเก้าแห่งนี้มีสิ่งที่น่ากลัวหาใดเทียบอย่างหนึ่งจะพุ่งออกมา

อันที่จริงที่นรกอำพรางชั้นสิบแปดในขณะนี้ล้วนสั่นสะเทือน เจตจำนงเย็นชาน่ากลัวประหนึ่งทวยเทพผู้ยึดครองส่วนลึกสุดของนรก ตื่นขึ้นจากชั้นล่างสุดแล้วทะยานขึ้นชั้นสิบเจ็ด สิบหก สิบห้า…

ในทุกที่ที่ผ่านชักนำให้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในโลกแต่ละชั้น วิญญาณร้ายที่อาศัยอยู่ในนั้นไม่รู้เท่าไรถูกปลุกให้ตื่น จากนั้นก็ตัวสั่นเทา ประหวั่นพรั่นพรึงไม่อาจสงบได้

และเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ผีสุรากับต้าหวงที่อยู่นอกนรกอำพรางก็ต่างรับรู้ได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงฉับพลันอุบัติขึ้น

“เป็นเจ้าคนที่ถูกกำราบที่ชั้นสิบแปดนั่น!”

ผีสุราเพิ่งพูด ต้าหวงก็หายตัวจากกลางอากาศ กระโจนเข้านรกอำพรางไปก่อนแล้ว

“หมาแก่ตัวนี้ ทุกครั้งที่สัมผัสได้ว่ามีโอกาสมีเรื่องก็รีบร้อนเสียจริง…”

ผีสุราพึมพำ พูดพลางกระโจนตามเข้าไป

เก้าชั้นบนของนรกอำพรางไม่อาจรองรับคนอย่างพวกเขาได้ แต่ถ้าเข้าเก้าชั้นล่างก็ไม่มีปัญหา

“ชั้นสิบแปด… หรือจะเป็นคนผู้นั้น”

ชิงอิงเหลืออยู่เพียงลำพัง เนตรดาราฉายแววตะลึง

ในบันทึกคัมภีร์โบราณ ในนรกอำพรางชั้นสิบแปดมีแต่พลังเจตจำนงที่ยอดบุคคลดึกดำบรรพ์หลงเหลือไหว้ถูกกำราบอยู่!

นั่นยังเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในนรกอำพราง ในกาลเวลาอันยาวนานนับตั้งแต่เคราะห์จ่อมจมสมัยดึกดำบรรพ์ปิดฉากลงจนถึงตอนนี้ ที่ชั้นสิบแปดนั้นก็คือแดนผนึกแห่งหนึ่ง ทำให้คนไม่รู้เท่าไรไม่กล้าบุกเข้าไปในนั้น

ตามที่ชิงอิงรู้ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันก็มีเพียงจักรพรรดิกระบวนลู่กับเจ้าหอวิหคทองแดงที่เข้าไปในแดนผนึกแห่งนั้นได้

ยามจักรพรรดิกระบวนลู่กลับมาเคยพูดไว้ว่า ‘ยึดติดกับมรรคจนฟั่นเฟือน น่านับถือ’

หลังจากเจ้าหอวิหคทองแดงกลับมาในตอนนั้น กลับไม่พูดสักคำ เพียงมีคำสั่งลงมาว่าไม่อนุญาตให้ใครเข้าใกล้ชั้นสิบแปดนั้นอีกแม้แต่เก้าเดียว!

‘ด้วยพลังในตอนนี้ของคุณชายหลิน แม้มีอานุภาพสังหารจักรพรรดิ แต่ยังเข้าไปได้แค่ชั้นเก้า ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีโอกาสไปล่วงเกินสิ่งที่อยู่ในสิบแปดนั่น..’

ชิงอิงฉงนอยู่ในใจ นางคาดการณ์ได้ว่าในนรกอำพรางชั้นเก้านั้น เกรงว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงน่าตื่นตะลึงบางอย่างเกิดขึ้น!

……

นรกอำพราง

ภาพมายาเงาร่างหนึ่งก้าวย่างจากชั้นสิบสี่ครั้งเดียวก็ขึ้นมาชั้นสิบสามได้อย่างง่ายดาย ตั้งแต่ต้นจนจบเหมือนเดินบนพื้นราบ

แต่ทุกที่ที่เขาผ่าน วิญญาณร้ายน่าสะพรึงนับไม่ถ้วนต่างตัวสั่นงันงก ประหวั่นพรั่นพรึงยากสงบใจ

เงาร่างนี้สวมชุดขาวทั้งตัว ผมยาวดุจหิมะพลิ้วไหว เงาร่างดูผอมบางอ่อนแอหาใดเทียบ รูปลักษณ์เขาคลุมเครือ ดูเหมือนภาพมายาและพร่ามัว

ชั้นสิบสอง

ชั้นสิบเอ็ด

เขาเดินก้าวเดียวข้ามได้หนึ่งโลก สุขุมเยือกเย็น แต่ความเร็วกลับเรียกได้ว่าน่าตกตะลึง ไม่หวั่นเกรงการกำราบและพันธนาการของพลังระเบียบนรกอำพราง!

กระทั่งมาถึงชั้นสิบ เงาร่างชุดขาวกำลังจะก้าวเดินแต่ก็พลันหยุดลง

ก็ในตอนนี้เอง สุนัขขนทองตัวหนึ่งพลันพุ่งออกมาจากกลางอากาศ เข้าขวางทางข้างหน้าไว้

“เป็นเจ้าดังคาด จูคง คนที่ก่อเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ได้ก็มีแต่เจ้า ตอนนั้นเจ้านายข้าเลื่อมใสความสามารถโดดเด่นของเจ้า ถึงไม่ได้ลงมือรุนแรง เหตุใดเจ้าต้องละเมิดกฎด้วย”

ต้าหวงสีหน้าเต็มไปด้วยความระแวดระวัง ท่าทางยโสโอหังที่มีอยู่ประจำนั้นหายไปแล้ว ที่เข้ามาแทนที่ก็คือความเคร่งเครียด

“ละเมิดกฎหรือ ไม่ ข้าเพียงแค่ไปช่วยทายาทของคนรู้จักเก่าก่อน เจ้าให้ข้าไปจะดีที่สุด หาไม่ข้าจะไม่เกรงใจ”

ชายหนุ่มชุดขาวเอ่ยปาก เสียงดั่งดาบดุจกระบี่ ไม่มีคลื่นอารมณ์สักนิด

เขาร่างกายผอมบางอ่อนแอ แต่ยามพูดจากลับมีน้ำเสียงไม่อาจกังขา ไม่อาจต่อต้านได้ ราวกับทวยเทพผู้สูงส่งองค์หนึ่ง

หากเปลี่ยนเป็นระดับจักรพรรดิคนอื่น เกรงว่าคงจิตวิญญาณหวาดผวา คุกเข่าลงไปตรงๆ แล้ว

แต่ถึงอย่างไรต้าหวงก็คือต้าหวง ต้าหวงที่ตอนนั้นเคยไล่กัดจนจักรพรรดิธรรมเทียนตู หนึ่งใน ‘สามยอดนักฆ่า’ ยังต้องหนีหัวซุกหัวซุน!

ขณะนี้มันสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เผยฟันขาวสะอาด เอ่ยเย็นชาว่า “ทายาทของคนรู้จักหรือ นรกอำพรางแห่งนี้ถูกหอวิหคทองแดงของข้าควบคุมมาตลอด ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าทายาทของคนรู้จักของเจ้าจูคงมาที่นรกอำพรางแห่งนี้”

ละอองแสงพร่ามัวไหลออกมาจากผิวหนังเส้นขนบนร่างของมัน อานุภาพดุดันอหังการ น่าหวาดหวั่นเป็นที่สุด เหมือนกับสัตว์ร้ายดึกดำบรรพ์ครองอาณาเขต

“นรกอำพรางแห่งนี้เป็นสิ่งที่แปลงขึ้นจากเคราะห์จ่อมจม เพียงแต่เจ้านายของเจ้ายึดครองไว้ก็เท่านั้น ความลึกลับภายในนี้ เจ้าไม่เข้าใจ หนำซ้ำแค่เจ้าตัวเดียว… ยังขวางข้าไม่ได้”

ชายชุดขาวพูดพลางก้าวขาจะจากไป

“ถ้ารวมข้าด้วยล่ะ”

ห้วงอากาศปั่นป่วน เงาร่างผีสุราปรากฏขึ้น ขณะนี้ดวงตาเมามายง่วงงุนทั้งสองของเขาแปรเปลี่ยนเป็นกระจ่างดั่งดวงดารา แหลมคมดุจกระบี่

เสื้อผ้าทั้งกายไหวกระพือ ยืนอยู่ข้างต้าหวง

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท