Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2144 มรรคชักกระบี่ สามชุ่นสงัดนิรันดร์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2144 มรรคชักกระบี่ สามชุ่นสงัดนิรันดร์

อสนีพลุ่งพล่าน กฎเกณฑ์สลับทับซ้อน ห้วงอากาศแห่งนี้ล้วนปั่นป่วน

ภูเขาใหญ่ที่แปลงจากอสนีมหาศาลตกลงจากท้องฟ้ากะทันหัน ก็เห็นบนเขาอสนีนั่นมีตำหนักเรียงราย เสาแกะสลักลวดลายสวยงาม ตัวตำหนักเต็มไปด้วยภาพวาด ยิ่งมีดอกไม้ใบหญ้าและไม้โบราณขึ้นอยู่ภายใน ทั้งหมดล้วนแปลงจากกฎเกณฑ์อสนี

ตูม!

ฟ้าดินสั่นไหว อานุภาพของเขาอสนีนี้ไม่ด้อยไปกว่าระดับจักรพรรรดิขั้นสอง โดยเฉพาะกลิ่นอายทำลายล้างนั่น ยิ่งน่าตกใจอย่างหาใดเปรียบ

สำหรับผู้ฝึกปราณทั่วไป เขาอสนีแห่งนี้ไม่ต่างอะไรกับเคราะห์สวรรค์

ต้นทองแดงเฒ่านัยน์ตาหดรัด หมายจะเข้าไปช่วย

หนึ่งเดือนมานี้ทุกครั้งที่หลินสวินสงบใจฝึกปราณ ต้นทองแดงเฒ่าก็จะรับหน้าที่คุ้มกันให้เอง บดบังการโจมตีของสายฟ้าให้กับหลินสวิน

ทว่าครั้งนี้ตอนที่ต้นทองแดงเฒ่าคิดจะลงมือนั่นเอง…

ชิ้ง!

กระบี่ครวญดังก้องขึ้นอีกครั้ง ราวกับมังกรครวญเสือคำรามกระทิงพุ่งชน เพียงแค่เสียงนั่นก็ซัดจนต้นทองแดงเฒ่ารู้สึกเหมือนจะกระอักเลือด

ควรรู้ว่าเขาเป็นถึงวิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิ แต่ตอนนี้กลับถูกเสียงครวญกระบี่ซัดจิตวิญญาณ ได้รับความกระทบกระเทือน!

ก็เห็นในอากาศ เขาอสนีบาดตาที่พุ่งลงมานั่นพลันหยุดชะงัก เกิดอาการสั่นขึ้นมา

และตอนนี้มือขวาที่กำความว่างเปล่าของหลินสวินชักออกมาสองชุ่นแล้ว ปราณกระบี่สว่างไสวราวกับดวงอาทิตย์นั่น เจิดจรัสถึงขั้นตระการตา

มองดูหลินสวินอีกครั้ง เสื้อผ้าสะบัดโบก สีหน้ายิ่งจดจ่อและนิ่งสงบ ปราณกระบี่ในดวงตามีท่าทีจะเดือดปะทุอยู่รางๆ

ตูม!

เขาอสนีส่งเสียงกึกก้อง ห้อมล้อมด้วยพลังทำลายล้างแห่งอสนีที่น่าสะพรึง กำราบลงมาต่อ

และก็ตอนนี้เอง…

หลินสวินชักปราณกระบี่ชุ่นที่สามออกมา

กระบี่ครวญราวกับกระแสน้ำเชี่ยว ดุจดั่งเสียงเทพเก้าสวรรค์ เหล่าเทพคำรามด้วยความกราดเกรี้ยว

เขาอสนีที่โจมตีลงมาพลันสั่นไหวรุนแรงในอากาศ ถูกมือใหญ่ล่องหนข้างหนึ่งโจมตีจากล่างขึ้นบน

หลินสวินเงยหน้าขึ้น ปราณกระบี่สามชุ่นในมือส่งประกายคมพันฉื่อฟันขึ้นกลางอากาศ

ฉัวะ!

เขาอสนีที่ยิ่งใหญ่ถูกฟันออกครึ่งหนึ่งราวกับเต้าหู้ ถล่มทลายกลางอากาศ ตำหนักด้านบนทรุดตัว ดอกไม้ใบหญ้าต้นไม้โบราณแหลกละเอียดสาดกระเซ็น

สุดท้ายเขาอสนีที่แปลงจากกฎเกณฑ์อสนีชั้นสูง มีอานุภาพเทียบเคียงกับระดับจักรพรรดิขั้นสองนี้ก็กลายเป็นละอองอสนีทั่วฟ้า ก่อนจะสลายหายไปในระยะสิบจั้งจากศีรษะหลินสวิน

หนึ่งกระบี่สามชุ่น

เผยประกายคมพันจื่อ

ฟันเขาอสนีร้อยจั้ง!

ห่างออกไปต้นทองแดงเฒ่าอึ้งงัน ตกใจกับอานุภาพของหนึ่งกระบี่นี้ จิตใจตะลึงงัน

หลินสวินก้มหน้ามองฝ่ามือ ในสายตาเผยประกายประหลาด

ความเฉียบคมแห่งสามชุ่น เป็นตายสงัดนิรันดร์

กระบี่นี้นามว่า ‘สงัดแห่งสามชุ่น’!

ฮู่ว…

ครู่ใหญ่หลินสวินจึงถอนหายใจยาว กระบี่นี้สำแดงฤทธิ์ด้วยพลังสูงสุด หลอมเข้าไปในเจตจำนงและพลังปราณทั้งร่างของเขา

ดูเหมือนเรียบง่าย แต่ความจริงมีนัยเร้นลับมากมายอยู่ภายใน มีการปลดปล่อยมหามรรคนี้ถึงขีดสุด มีการใช้พลังปราณที่สมบูรณ์แบบ มีความจดจ่อต่อสภาวะจิตและเจตจำนง…

กระบี่นี้ยังหลอมเข้าไปในแก่นอัศจรรย์ของวิชาต่อสู้ แก่นพิสุทธิ์แห่งยอดนิรันดร์ไร้รั่ว!

คมประกายสามชุ่น ชักกระบี่กลางอากาศ ง่ายและมหัศจรรย์อย่างที่สุด!

ในขณะเดียวกันอานุภาพของกระบี่นี้แม้เรียกได้ว่าโดดเด่นที่สุดในอดีตและปัจจุบัน แต่สิ่งที่หลินสวินจ่ายไป กลับเป็นพลังสามส่วนของทั้งร่าง

ก็หมายความว่าด้วยศักยภาพในตอนนี้ของหลินสวิน อย่างมากสามารถฟันออกมาได้เพียงสามกระบี่เท่านั้น!

หลินสวินนั่งขัดสมาธิ หยั่งรู้ความมหัศจรรย์ของกระบี่ที่ฟันออกไปก่อนหน้านี้

สงัดแห่งสามชุ่น เป็นกระบวนท่าหนึ่งที่บันทึกไว้ในมรดกมรรคกระบี่ที่จูคงทิ้งเอาไว้

อันที่จริงมรดกมรรคกระบี่ของจูคงแบ่งเป็นสามระดับใหญ่เท่านั้น

คือ ชักกระบี่ คุมกระบี่ กระบี่ดั่งใจ

‘ชักกระบี่’ เรียกอีกอย่างว่ามรรคชักกระบี่ ชักกระบี่ออกจากฝัก สั่งสมอานุภาพเพื่อโจมตี คาดเดาศัตรูล่วงหน้า ออกโจมตีก่อนศัตรูเคลื่อนไหว หนึ่งกระบี่เมื่อชักออกตัดสินเป็นตาย

มรรคชักกระบี่แบ่งเป็นสามขั้น คือสามชุ่นสงัดนิรันดร์ หกชุ่นอวสาน เก้าชุ่นมอดม้วย

‘คุมกระบี่’ เรียกอีกอย่างว่ามรรคคุมกระบี่ คุมกระบี่เมื่อชักออก ห่างไกลไร้ขอบเขต

มรรคคุมกระบี่แบ่งเป็น ความงามโดยไม่ต้องเอ่ย ทักษะไม่เสริมสร้าง มหาลักษณ์ไร้รูป

‘กระบี่ดั่งใจ’ ก็คือมรรคกระบี่ดั่งใจ ระดับนี้มีแก่นหลักอย่างเดียว คือจิตมรรคดั่งกระบี่ กระบี่ดุจใจข้า ภายใต้หนึ่งกระบี่ สรรพสิ่งว่างเปล่า!

มรรคชักกระบี่ มรรคคุมกระบี่ มรรคกระบี่ดั่งใจ รวบรวมเข้าหากัน ก็คือมรรคกระบี่ชั้นเลิศที่จูคงใช้พลังทั้งชีวิตเปิด

มรดกนี้จูคงเป็นคนสร้างขึ้น จึงนามว่า ‘คัมภีร์กระบี่จูคง’!

ตอนนี้หลินสวินเพิ่งหยั่งรู้มรดกนี้ได้ไม่นาน หยั่งถึงเพียงแค่ความลึกลับของ ‘สงัดแห่งสามชุ่น’ ของมรรคชักกระบี่

แต่สามารถคาดเดาได้ว่า พอเวลาผ่านไป การหยั่งรู้ต่อ ‘คัมภีร์กระบี่จูคง’ ของเขายิ่งลึกล้ำขึ้นกว่าเดิม ยิ่งยอดเยี่ยม

ถึงระดับที่หลินสวินในตอนนี้ เข้าใจตั้งนานแล้วว่า มรดกบนโลกนี้ล้วนเป็นเช่นนี้อย่างไม่มียกเว้น แรกก้าวสำรวจ เข้าถึงความชำนาญก่อน จากนั้นฝีมือจึงจะไปถึงระดับสุดยอด บรรลุสูงสุด

จนกระทั่งควบคุมมรดกนี้อย่างสิ้นเชิง จึงมีสิทธิ์ศึกษาอย่างกว้างขวางและรอบด้านจนเข้าใจทะลุปรุโปร่ง สืบทอดบุกเบิก สุดท้ายเหนือกว่าอาจารย์!

นรกอำพรางสิบแปดชั้น จูคงในชุดขาวนั่งเฉาอยู่บนพื้น สีหน้าจดจ่อและนิ่งสงบ

หลังจาก ‘เห็น’ คมกระบี่สามชุ่นที่ปรากฏบนชั้นเก้า ในส่วนลึกของสายตาของเขาเผยความสับสนที่ยากจะอธิบาย

มีคนที่ดีใจ ปลอบโยนและโล่งใจ

เขานั่งอยู่ในความมืดเพียงลำพัง เงาร่างที่ผอมบางและอ่อนแอค่อยๆ คลุมเครือ จนกระทั่งหลังจากนั้น แปลงเป็นละอองแสงแดงสดโปร่งแสงสาดกระเซ็น

ราวกับกลับสู่แรกกำเนิดผืนนั้นอีกครั้งอย่างรางๆ ปลา ปลาแดงตัวหนึ่งแหวกว่ายอยู่ในแม่น้ำทะเล เป็นอิสระท่ามกลางคลื่น…

ร่าเริงเพียงนี้

……

สองเดือนหลังจากนั้น

หลินสวินฟื้นจากการนั่งสมาธิ พร้อมกับความคิดหนึ่ง แดนมรรคแรกกำเนิดปรากฏขึ้น คลุมเครือละเอียดอ่อน แสงมรรคไหลเวียนอยู่ภายใน

แดนมรรคแรกกำเนิด คือการแสดงออกของพลังมหามรรคทั้งชีวิตของหลินสวิน ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต ลึกล้ำไม่มีที่สิ้นสุด เปลี่ยนแปลงไร้ขอบเขต

พอหลินสวินหมุนเวียนพลังแห่งตน ในแดนมรรคแรกกำเนิดปรากฏลักษณ์แปลกประหลาดมากมาย ราวกับโลกที่ยิ่งใหญ่และงดงามฝั่งหนึ่งถือกำเนิด เปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการอยู่ภายใน… ภูผาธารา หลักการฟ้าดิน สี่ฤดูผันเปลี่ยน เรื่องราวบนโลกไหลเคลื่อนอยู่ภายใน

แรกกำเนิดเป็นหนึ่ง หนึ่งเกิดเป็นสอง สามเกิดสรรพสิ่ง

“สหายยุทธ์ เจ้าเข้าถึงมรรคบรรลุจักรพรรดิแล้วหรือ” ต้นทองแดงเฒ่าที่อยู่ห่างออกไปพูดเสียงสั่น ยากจะเชื่อ

ในสายตาของเขา กฎเกณฑ์มหามรรคที่หลินสวินครอบครองตอนนี้ เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ของระดับจักรพรรดิ มีท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่สูงส่งไม่อาจประมาณ

หลินสวินฟังแล้วอดหัวเราะไม่ได้ “เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า”

ต้นทองแดงเฒ่าจ้องมองอยู่นาน ใบหน้างุนงง เอ่ยว่า “นี่เป็นพลังกฎเกณฑ์ระดับจักรพรรดิแท้ๆ แต่เหตุใดกลิ่นอายบนร่างของสหายยุทธ์ กลับไม่มีอานุภาพของระดับจักรพรรดิที่แท้จริง แปลก แปลกเกินไปแล้ว”

กฎเกณฑ์ที่ระดับกึ่งจักรพรรดิควบคุม คือกฎเกณฑ์จักรพรรดิวิถีที่บกพร่อง นี่เป็นเรื่องที่รู้กันดีตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

ทว่าหลินสวินกลับใช้พลังปราณของกึ่งมกุฎจักรพรรดิ ครอบครองกฎเกณฑ์ที่ผู้ควบคุมระดับจักรพรรดิที่แท้จริงจึงจะครอบครองได้ นี่เหลือเชื่อเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย

“ข้าไม่เข้าใจ”

หลินสวินคิดๆ แล้วตอบไปเช่นนี้

เรื่องเช่นนี้ก็ไม่สามารถอธิบายได้ หรือจะบอกต้นทองแดงเฒ่าว่า พลังมหามรรคที่เขาครอบครอง ถึงขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว จึงปรากฏลักษณ์อันยิ่งใหญ่ที่สมบูรณ์แบบไร้ข้อบกพร่องเช่นนี้

ต้นทองแดงเฒ่าอึดอัด คำพูดนี้ของหลินสวินกระทบกระเทือนจิตใจเกินไปจริงๆ แต่เขา…ไม่รู้จริงๆ นี่น่า…

คิดๆ แล้ว ต้นทองแดงเฒ่ารู้สึกทรุด รู้สึกเหมือนมหามรรคที่แสวงมาทั้งชีวิตถูกล้มล้างอย่างสิ้นเชิง มีความงุนงงที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้

เมื่อก่อน เขาไม่ได้รู้ว่า บนโลกนี้จะมีคนสามารถข้ามระดับจักรพรรดิ สังหารระดับจักรพรรดิ

เมื่อก่อนเขาก็ไม่เคยได้ยินว่า บนโลกนี้จะมีใครที่อยู่ในระดับกึ่งมกุฎจักรพรรดิ สามารถควบคุมพลังกฎเกณฑ์ที่ไม่ด้อยกว่าระดับจักรพรรดิ!

แต่ทุกสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นนี้ ตอนนี้กลับปรากฏบนร่างของคนรุ่นหลังคนหนึ่ง นี่เหมือนปาฏิหาริย์ที่เป็นไปไม่ได้เกิดขึ้นตรงหน้า

หลินสวินไม่สนใจอารมณ์ของต้นทองแดงเฒ่า เขารับรู้กับการเปลี่ยนแปลงของกฎเกณฑ์มหามรรครอบตัว ในใจกลับกำลังคิดอีกเรื่องหนึ่ง

ตอนนี้ ขาดแค่พลังปราณการฝึกยุทธ์ที่ยังไม่ถึงขั้นสมบูรณ์แบบขั้นสุด!

……

สามเดือนหลังจากนั้น

โครม!

เสียงคำรามดังก้องขึ้น ในเขตต้องห้ามอสนีแห่งนี้ เงาร่างของหลินสวินลอยลงอากาศ

ที่ที่เขาจากไป มังกรขนาดใหญ่ที่แปรจากกฎเกณฑ์อสนีจักรพรรดิและอานุภาพเทียบเคียงระดับจักรพรรดิด่านสาม ระเบิดทุกกระเบียด ประกายอสนีอันงดงามสาดกระเซ็นราวกับพิรุณ

ยืนตระหง่านอยู่ข้างบ่ออสนี หว่างคิ้วของหลินสวินปรากฏความองอาจปานไร้ศัตรู

การฝึกยุทธไม่มีที่สิ้นสุด

แต่ในแดนกึ่งจักรพรรดิ การฝึกยุทธของเขาได้ถึงขั้นสมบูรณ์แบบขั้นสุดแล้ว อยากจะพัฒนาไปอีกก้าว ก็มีเพียงเส้นทางทะลวงระดับให้เลือกแล้ว

ถึงตอนนี้ พลังปราณ สภาวะจิต เจตจำนง พลังมหามรรค พลังการฝึกยุทธ…ล้วนถึงจุดขั้นสุดที่ไม่เคยมีมาก่อนของระดับนี้แล้ว

ระดับนี้ เรียกได้ว่าบริบูรณ์แล้ว!

ต้นทองแดงเฒ่าตกใจอีกครั้ง มองหลินสวินที่อยู่ห่างออกไป เสื้อผ้าพลิ้วไปตามสายลม เงาร่างโดดเด่น กลิ่นอายทั่วตัวราวกับหยกไร้ที่ติ กลมมนไร้ตัวตน

ไม่มีประกายคมที่ข่มเหง ไม่มีความแข็งแกร่งที่กดขี่สรรพสิ่ง และไม่มีกลิ่นอายที่กำเริบเสิบสาน มีความนิ่งสงบและเย็นชาราวกับหลุดพ้นทางโลก

มองจากระยะไกล ไม่มีใครรับรู้ได้ว่า นี่จะเป็นการดำรงอยู่อันพลิกฟ้าที่ถึงขั้นสุดยอดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในระดับกึ่งมกุฎจักรพรรดิ

ยิ่งไม่มีใครรู้ว่า คนรุ่นหลังที่กลิ่นอายราบเรียบ พลังต่อสู้ขั้นสุดที่ควบคุม สามารถสังหารกฎเกณฑ์มรรคอสนีที่ครอบครองอานุภาพระดับจักรพรรดิด่านสามแล้ว!

ความเป็นจริง การคาดเดาของต้นทองแดงเฒ่าแม้ไม่แม่นยำ แต่ก็ต่างไม่มาก

อย่างน้อยถ้าตอนนี้หลินสวินเจอจักรพรรดิผีค้างคาวเงินอีก มีความมั่นใจที่จะประชันซึ่งๆ หน้าอย่างแน่นอน ใช้มรรควิถีแห่งตน กำราบอีกฝ่าย!

หยั่งรู้เพียงลำพังอยู่นาน หลินสวินฟื้นจากภวังค์ความจริง มองต้นทองแดงเฒ่าในบ่ออสนีพร้อมพูดว่า “ข้าจะจากไปแล้ว”

ต้นทองแดงเฒ่าอึ้ง พลันถามตามสัญชาตญาณ “สหายยุทธ์ไปไหน”

“ทะลวงด่าน”

คำตอบของหลินสวินสั้นกะทัดรัด สรรพสิ่งครบถ้วน ขาดแต่ลมบูรพา หลังจากนี้สิ่งที่เขาแสวง คือเส้นทางทะลวงที่บรรลุมกุฎจักรรพรรดิ!

“ข้ารอคอยวันที่เจ้ากลายเป็นต้นไม้เทพคุนอู๋เป็นอย่างมาก” หลินสวินโบกมือกับต้นทองแดงเฒ่าพร้อมรอยยิ้ม พลันหมุนตัวจากไป

“สหายยุทธ์ ข้าฉายาธรรม ‘ฮว่าอู๋’!”

ต้นทองแดงเฒ่าตะโกน ราวกับอยากให้หลินสวินจำสหายยุทธ์คนนี้ให้แม่น

“แปลงเป็นคุนอู๋ ไม่เลว! ข้าจำได้แล้ว”

หลินสวินค่อยๆ เดินไกลไปเรื่อยๆ เสียงล่องลอยกลางฟ้าดินที่อสนีปกคลุมนี้

มองเขาจากไป จู่ๆ ในใจต้นทองแดงเฒ่าก็เกิดความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ เขารู้ว่า ชาตินี้ตนลืมคนรุ่นหลังที่สะดุดตาราวกับตำนานคนนี้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

ก็ไม่รู้ว่า ต่อไปบนทางเดินโบราณฟ้าดารา คนรุ่นหลังเช่นนี้ จะสามารถเขียนตำนานต่อไปได้ตลอดทาง สร้างเส้นทางมหามรรคที่ล้มล้างการรับรู้ของทั่วหล้าได้หรือไม่

ต้นทองแดงเฒ่าพึมพำในใจ ‘ต้องได้แน่ อัจฉริยะบนโลกนี้นับไม่ถ้วน แต่คนอย่างเขา ถูกกำหนดให้ชั้นเลิศและไม่มีใครเหมือน…’

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท