ขณะที่จ้องจดหมายในมือ แววตาจินเทียนเสวียนเยวี่ยก็เปลี่ยนเป็นเข้าใจยาก
“ที่แท้คุณชายสามซูชิงหานที่ชิงจู๋คนนี้ปรนนิบัติ ดันเป็นผู้เข้าวัฏจักรที่ตื่นรู้ก่อนข้าคนหนึ่ง…”
ใช่แล้ว ชิงจู๋ในขณะนี้ในร่างกายถูกจิตรับรู้ที่ตื่นขึ้นของจินเทียนเสวียนเยวี่ยแทนที่อยู่
“เจ้าหมอนี่เป็นคนดีจริงๆ”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยหยิบคัมภีร์ลับฝึกปราณบนโต๊ะ ดวงตาเปี่ยมชีวิตชีวามีรอยยิ้ม
พอเข้าสู่โลกวัฏจักร มรดกและมรรควิถีในอดีตก็จะหายไป คิดจะเหยียบย่างบนมรรคาอีกครั้งก็ต้องหาวิชาฝึกปราณอื่น
จินเทียนเสวียนเยวี่ยพบว่าตนโชคดี เพิ่งตื่นรู้ก็ได้วิชาฝึกปราณที่ผู้เข้าวัฏจักรอีกคนทิ้งไว้ให้
มิหนำซ้ำพอนางประเมินก็ดูออก ว่าวิชาฝึกปราณนี้ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง!
แต่ไม่นานนักจินเทียนเสวียนเยวี่ยก็ชะงักไป เอาจดหมายกับคัมภีร์ลับฝึกปราณมาวางไว้ตรงหน้าด้วยกัน มองดูลายมือแต่ละตัวนั้น ในใจก็ให้เกิดความรู้สึกคุ้นเคยอย่างหนึ่ง
แต่จินเทียนเสวียนเยวี่ยแยกไม่ออกว่าความรู้สึกคุ้นเคยนี้มาจากชิงจู๋หรือมาจากตัวนางเอง
อึ้งเหม่อไปครู่ใหญ่ จินเทียนเสวียนเยวี่ยจึงเริ่มจัดระเบียบความทรงจำของชิงจู๋
ไม่นานนักนางก็พบว่าตั้งแต่เล็กจนโต ในความทรงจำของชิงจู๋แทบจะมีแต่เรื่องที่เกี่ยวกับนางและคุณชายสามซูชิงหานของนางผู้นั้น
เป็นเพื่อนเล่นกันแต่เด็กโดยไม่คิดอะไรมาก เติบโตและใช้ชีวิตมาด้วยกัน ชิงจู๋อายุมากกว่าหน่อย ในใจจึงมองซูชิงหานเป็นน้องชายมาตลอด
พร้อมๆ กับอายุที่เพิ่มมากขึ้น ความสัมพันธ์ของชิงจู๋กับซูชิงหานก็ยิ่งสนิทชิดเชื้อ
ครู่ใหญ่จินเทียนเสวียนเยวี่ยรำพึงในใจอย่างอดไม่ได้ นี่เป็นพี่สาวที่ร่าเริงและใส่ใจจริงๆ ถ้าไม่ได้นางอยู่เคียงข้าง เกรงว่าซูชิงหานที่ฝึกปราณไม่ได้คนนี้คงจะโดดเดี่ยวมากกระมัง
หืม?
ไม่นานนักจินเทียนเสวียนเยวี่ยก็จับความทรงจำที่ต่างออกไปบางอย่างได้ ความทรงจำเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อครึ่งปีก่อน
ตอนนั้นจู่ๆ ชิงจู๋ก็พบว่าคุณชายสามเหมือนโตขึ้นชั่วข้ามคืน…
และด้วยความรู้สึกและภาพความทรงจำเหล่านี้ของชิงจู๋ ก็ทำให้จินเทียนเสวียนเยวี่ยได้เห็นซูชิงหานที่แตกต่างจากเมื่อก่อน
นางตัดสินได้ทันที ว่าผู้เข้าวัฏจักรที่อยู่ในร่างซูชิงหานตื่นรู้ในตอนนั้น!
แต่ว่า…
พอนางเห็นซูชิงหานที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ในใจจินเทียนเสวียนเยวี่ยก็มีความรู้สึกคุ้นเคยปรากฏขึ้นอีกอย่างอดไม่ได้
ความรู้สึกนั้นคล้ายกับเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ทั้งยังคุ้นเคยมากด้วย…
สักพักจินเทียนเสวียนเยวี่ยก็ใจสั่น ในสมองเหมือนมีสายฟ้าพริบวาดผ่านไป ทำลายหมอกหนาที่โอบล้อมอยู่
“เป็นคุณชายนี่เอง!”
“ต้องเป็นเขาแน่!”
พริบตานั้นในที่สุดจินเทียนเสวียนเยวี่ยก็เข้าใจแล้ว ว่าความรู้สึกอันคุ้นเคยนั้นมาจากไหนกัน
รูปลักษณ์ของคนผู้หนึ่งเปลี่ยนได้ แต่ลายมือของเขา อิริยาบถของเขา นิสัยที่เคยชินตอนกระทำการต่างๆ ของเขากลับเปลี่ยนได้ยากนัก!
แต่ก่อนจินเทียนเสวียนเยวี่ยเคยติดตามข้างกายหลินสวินเดินทางไปในโลกใหญ่หงเหมิง คุ้นเคยกับอิริยาบถและนิสัยของเขาเป็นที่สุด มาคิดดูตอนนี้ จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าคนที่ตื่นรู้ในร่างซูชิงหานก็คือจิตสำนึกของหลินสวิน
ความยินดียากบรรยายผุดขึ้นในใจจินเทียนเสวียนเยวี่ย นางคิดไม่ถึงว่าหลังจากเข้าสู่โลกกำลังภายในจะได้มาติดตามข้างกายหลินสวินด้วยวิธีเช่นนี้
ที่อัศจรรย์ยิ่งกว่าก็คือ ฐานะของนางกับฐานะของหลินสวินในตอนนี้ยังมีความสัมพันธ์เป็นเพื่อนสมัยเด็กที่โตมาด้วยกันแต่เล็กจนโต
นี่… หรือจะเป็นลิขิตสวรรค์
จินเทียนเสวียนเยวี่ยจิตใจไหวกระเพื่อม ดวงตาฉายแววประหลาดไม่ขาดสาย
แต่ทันใดนั้นความผิดหวังอย่างไร้สาเหตุก็ผุดขึ้นในใจ
คุณชายเขา… จากไปแล้ว!
จินเทียนเสวียนเยวี่ยอ่านเนื้อหาที่อยู่บนจดหมาย และตระหนักได้ทันทีว่าที่หลินสวินไปเข้าร่วมงานประลองยอดยุทธ์ครั้งนี้ จะต้องคิดว่าในการประลองใหญ่ขนาดนี้ สามารถทิ้งเจตจำนงมหามรรคของตนไว้ในโลกกำลังภายในแห่งนี้ได้เป็นแน่!
ถึงกับว่าหลังจากเขาทำได้ถึงขั้นนี้ เป็นไปได้สูงมากที่จะออกไปจากโลกกำลังภายใน…
ความยินดีปรีดาเต็มอกจินเทียนเสวียนเยวี่ยหายไป ในใจว่างเปล่า
ยังไม่ทันได้พบก็จากกันเสียแล้ว!
“ไม่ได้ ข้าต้องไปหาคุณชาย ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องพบหน้าให้ได้พบสักครั้ง…”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ทำการตัดสินใจ
……
เมืองหลวงราชวงศ์ต้าเฉียน
หอบรรลุเมฆ ที่นี่เป็นสถานที่รวมตัวซึ่งเฉียนอวี้หลิวนัดไว้กับหลินสวิน
“พี่ซู เจ้าบอกความจริงมา เจ้าเป็นผู้เข้าวัฏจักรใช่ไหม”
ทันทีที่ได้พบกันเฉียนอวี้หลิวก็เอ่ยถามทันที แววจริงจังอันหาได้ยากเผยบนใบหน้าเรียวพริ้มพรายเหนือธรรมดา
หลินสวินพยักหน้า ดูเยือกเย็นนัก
“เป็นเช่นนี้ดังคาด” ดวงหน้างามเฉียนอวี้หลิวซับซ้อน คล้ายผิดหวังอยู่บ้าง “เช่นนี้แล้ว ภายหน้าเจ้ายังต้องจากโลกนี้ไปใช่ไหม”
หลินสวินมองเฉียนอวี้หลิวแปลกๆ อยู่บ้าง เอ่ยว่า “เป็นเช่นนี้จริงๆ”
เฉียนอวี้หลิวสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง “ข้าเฉียนอวี้หลิวโตจนป่านนี้ยังเพิ่งเคยพบคนที่ไม่ได้มาจากโลกนี้เป็นครั้งแรก ก่อนเจ้าจากไป จะเล่าเรื่องโลกที่เจ้าอยู่แห่งนั้นให้ข้าฟังได้หรือไม่”
“ได้สิ”
หลินสวินมีมุมมองที่ดีกับเฉียนอวี้หลิว
เฉียนอวี้หลิวยิ้มเบิกบาน ลุกขึ้นเอ่ยว่า “ไปเถอะ ข้าพาเจ้าไปพบคนอื่น จากนั้นก็จะออกเดินทางไปเขายอดยุทธ์ด้วยกัน”
เขายอดยุทธ์ ก็คือสถานที่จัดงานประลองยอดยุทธ์
ที่นี่ตั้งอยู่ในจุดเชื่อมระหว่างอาณาเขตของราชวงศ์ต้าเฉี่ยน ต้าฉู่และต้าเว่ย สูงนับหมื่นจั้ง ถูกมองเป็นภูเขาอันดับหนึ่งในโลกกำลังภายใน
งานประลองยอดยุทธ์ในอดีตต่างเปิดฉากขึ้นที่เขาลูกนี้
ไม่นานนักหลินสวินที่มาพร้อมกับเฉียนอวี้หลิว ก็ได้พบผู้แข็งแกร่งซึ่งเข้าร่วมงานประลองยอดยุทธ์ด้วยอีกแปดคน ต่างเป็นเด็กหนุ่มเด็กสาวอายุสิบกว่าปี รูปร่างแข็งแรงองอาจ สติปัญญาโดดเด่น สง่างามเป็นที่สุด
นอกจากหลินสวินแล้ว เก้าคนรวมถึงเฉียนอวี้หลิวต่างมีพลังปราณระดับกำลังภายในขั้นเก้าทั้งนั้น!
ในนี้เฉียนอวี้หลิวกับอีกสองคนยังบรรลุมกุฎมรรคา
ทว่าพอคิดว่าในหมู่คนรุ่นเยาว์ทั้งราชวงศ์ต้าเฉียนเพิ่งมีบุคคลขอบเขตมกุฎปรากฏตัวขึ้นเท่านี้ ในใจหลินสวินก็ทอดถอนใจระลอกหนึ่ง
โลกกำลังภายในแห่งนี้ถือเป็นเพียงโลกธรรมดาใบหนึ่งจริงๆ
ด้วยการแนะนำของเฉียนอวี้หลิว หลินสวินกับคนอื่นทักทายกันรอบหนึ่ง จากนั้นเฉียนอวี้หลิวก็พาทุกคนออกเดินทางไปเขายอดยุทธ์
ตลอดทางขอเพียงเฉียนอวี้หลิวมีเวลาก็จะมาพูดคุยกับหลินสวิน สอบถามเรื่องภายนอกโลกกำลังภายในเหมือนเด็กน้อยช่างสงสัย
หลินสวินไม่อยากทำให้เฉียนอวี้หลิวสะเทือนใจ จึงเลือกแค่บางเรื่องในจักรวรรดิจื่อเย่ามาเล่า อีกทั้งเรื่องระดับฝึกปราณก็พูดถึงแค่ห้าระดับล่าง
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ทุกครั้งที่เฉียนอวี้หลิวฟังจบก็จะอุทานอย่างอดไม่ได้ ปรารถนาไปไกล
การใช้ชีวิตในโลกกำลังภายในมารุ่นแล้วรุ่นเล่า ทำให้แม้เฉียนอวี้หลิวจะสูงส่งเป็นถึงผู้กล้าหญิงอันดับหนึ่งแห่งต้าเฉียน แต่พอได้รู้ว่าที่นอกโลกกำลังภายในยังมีโลกอันงดงามอีกใบอยู่ ก็ยังทำให้นางกระเทือนใจถึงขีดสุดดังเดิม
เฉียนอวี้หลิวรู้ดีว่าชีวิตนี้ตนย่อมอยู่ได้แค่ในโลกกำลังภายใน แต่ในใจกลับออกจะไม่ยินยอมอยู่ดี
“กำลังภายใน จิตผสานวิญญาณ มหาสมุทรวิญญาณ หยั่งสัจจะ กระบวนแปรจุติ…”
วันนี้จู่ๆ เฉียนอวี้หลิวก็พูดว่า “คุณชายซู เจ้าว่าในโลกกำลังภายในแห่งนี้ ไม่อาจบรรลุระดับที่สูงกว่าระดับกำลังภายในได้จริงๆ หรือ”
หลินสวินส่ายหน้า เขาเป็นเพียงผู้เข้าวัฏจักรคนหนึ่ง จะไปรู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร
เฉียนอวี้หลิวสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง “ข้าเชื่อว่าต้องทำได้แน่! สักวันยามข้าบรรลุ ไม่แน่… ข้าก็อาจจะออกจากโลกกำลังภายในแห่งนี้ได้ก็เป็นได้”
พูดถึงตรงนี้แววหมายมาดปรากฏขึ้นบนใบหน้าเรียวขาวสะอาดของนาง
หลินสวินใจกระตุก ถ้าเป็นไปได้ เขาก็ไม่ถือสาที่จะช่วยเฉียนอวี้หลิวสักครั้ง
เจ็ดวันผ่านไป
มองเห็นเส้นขอบฟ้าอยู่ไกลๆ แล้ว มีภูเขาใหญ่องอาจตั้งตระหง่านอยู่ลูกหนึ่ง สูงเหนือพื้นดินทะลุชั้นเมฆ
“นั่นก็คือเขายอดยุทธ์ ถูกไอหมอกโอบล้อมทั้งปี ที่แปลกที่สุดก็คือหลายปีมานี้ไม่มีใครขึ้นเขาลูกนี้ได้ ถึงกับยังเข้าใกล้ไม่ได้ด้วยซ้ำ”
เฉียนอวี้หลิวชี้ภูเขาใหญ่ไกลออกไปแล้วเอ่ยว่า “คนรุ่นอาวุโสต่างบอกว่านั่นเป็นเขาเทพลูกหนึ่ง ปกคลุมด้วยพลังสวรรค์ ไม่ใช่สถานที่ที่สิ่งมีชีวิตบนโลกนี้เข้าใกล้ได้”
คนอื่นต่างก็พากันมองไป
เขายอดยุทธ์ ถูกสามราชวงศ์ใหญ่มองเป็น ‘ภูเขาเทพ’ อันดับหนึ่งในใต้หล้าอย่างเป็นเอกฉันท์ ประหนึ่งเขตหวงห้าม ในกาลเวลาไม่รู้กี่ปีมีผู้แข็งแกร่งไม่รู้เท่าไรมุ่งหน้าไปสำรวจ
แต่ต่างเข้าใกล้เขาลูกนี้ไม่ได้โดยไม่มีข้อยกเว้น
สายตาหลินสวินมองไปก็อดเผยแววประหลาดไม่ได้
ทั้งเขายอดยุทธ์ลูกนั้นมีพลังคลุมเครือดุจระเบียบมรรคสวรรค์ปกคลุมอยู่ชั้นหนึ่ง อย่าว่าแต่ระดับกำลังภายใน เกรงว่าบุคคลระดับจักรพรรดิบนทางเดินโบราณฟ้าดารามาแล้วยังไม่อาจเข้าใกล้!
นี่ทำให้หลินสวินสั่นสะท้านอยู่ในใจ โลกธรรมดาใบหนึ่ง กลับมีภูเขาเทพที่ปกคลุมด้วยพลังระเบียบมรรคสวรรค์อยู่ลูกหนึ่ง เรื่องนี้น่าเหลือเชื่อถึงที่สุด
จู่ๆ หลินสวินก็กล่าวว่า “ได้ยินว่าขอเพียงชิงอันดับหนึ่งในงานประลองยอดยุทธ์ไปได้ ก็จะเข้าภูเขาลูกนั้นได้หรือ”
“ใช่แล้ว”
เฉียนอวี้หลิวพยักหน้า “ทุกๆ สิบปีจะมีงานประลองยอดยุทธ์หนึ่งครั้ง แต่ละครั้งต่างมีเพียงอันดับหนึ่งถึงมีโอกาสเข้าไปในเขายอดยุทธ์”
“คนที่เคยเข้าไปในเขายอดยุทธ์เหล่านั้นค้นพบอะไรหรือไม่” หลินสวินถามอย่างอดไม่ได้
“เมื่อสามสิบปีก่อนเสด็จพ่อของข้าเคยเข้าไปในเขายอดยุทธ์ลูกนั้นในฐานะอันดับหนึ่ง จากคำพูดของเสด็จพ่อ หลังจากเข้าไปในภูเขาลูกนี้จิตสำนึกก็จะคลุมเครือ หลังจากเดินออกมาจากเขาลูกนี้ ไม่ว่าอะไรล้วนลืมไปหมดสิ้น”
เนตรดาราของเฉียนอวี้หลิวฉายแววครุ่นคิด “แม้ว่าจะจำอะไรไม่ได้ แต่เสด็จพ่อข้ายังสัมผัสได้ว่าหลังจากกลับมาจากเขาลูกนั้น บนตัวเขาก็มีโชควาสนาลี้ลับเพิ่มขึ้นมาหนึ่งอย่าง ทำให้ไม่ว่าเขาทำเรื่องอะไรก็ราบรื่นไปหมด”
“ในอดีตผู้แข็งแกร่งที่มีโอกาสเข้าสู่เขายอดยุทธ์เหมือนกับเสด็จพ่อก็เป็นเช่นนี้ทั้งนั้น ไม่มีใครจำได้ชัดเจนว่าในเขาลูกนั้นมีทัศนียภาพเช่นไรกันแน่ ทั้งยังไม่รู้ว่าหลังจากเข้าไปในเขาลูกนั้น ตนได้ประสบกับอะไรบ้าง”
หลินสวินอึ้งไป หลังจากเข้าไปในเขายอดยุทธ์จะเรียบง่ายแค่ได้โชควาสนาเพิ่มมาเท่านั้นจริงๆ หรือ
เกรงว่าจะไม่ธรรมดาปานนั้นหรอก!
ขณะที่พูดคุยพวกเขาก็เร่งฝีเท้าแล้ว ไม่นานนักก็มาถึงจุดที่อยู่ไม่ไกลจากตีนเขายอดยุทธ์
ลานมรรคเก่าแก่เป็นที่สุดลานหนึ่งตั้งอยู่ที่นี่ ลานมรรคก่อขึ้นจากศิลาเขียวไม่รู้ที่มา อบอวลด้วยกลิ่นอายพร่างพร้อยเจนโลก มีขอบเขตหลายร้อยจั้ง
ถ้ามองลงมาจากเวิ้งฟ้า ลานมรรคแห่งนี้มีรูปร่างคล้ายดอกบัวกลมมนดอกหนึ่ง
ที่ประหลาดก็คือ ในสมองหลินสวินมีคำที่ว่า ‘เคราะห์จ่อมจมชั่วกัปกัลป์ หนึ่งบัวเบ่งบาน’ ขึ้นมา ถึงขั้นทำให้ยามเขามองลานมรรครูปดอกบัวแห่งนี้ แววตาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
เฉียนอวี้หลิวตาเป็นประกาย เอ่ยเรื่อยเฉื่อยว่า “นี่ก็คือลานประลองยอดยุทธ์ อีกสามวันพวกเรากับผู้แข็งแกร่งจากต้าฉู่และต้าเว่ยจะประชันกันในลานประลองยอดยุทธ์แห่งนี้!”
——