Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2162 ระดับกำลังภายใน ยอดมงกุฎนับจากอดีตถึงปัจจุบัน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2162 ระดับกำลังภายใน ยอดมงกุฎนับจากอดีตถึงปัจจุบัน

ตอนที่ 2162 ระดับกำลังภายใน ยอดมงกุฎนับจากอดีตถึงปัจจุบัน

สู้!

ในการต่อสู้อันดุเดือดหาใดเปรียบ หลินสวินลืมเวลาไปสนิท และลืมว่าตอนนี้ตนอยู่ที่ใด ความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมดในหัวสมองล้วนไม่มีเหลืออยู่

ทั้งร่างจิตต่อสู้ลุกโชนดุจดั่งเพลิง

ศิษย์พี่ผู่เจินสมัยเด็กแข็งแกร่งถึงขั้นวิปริตชัดๆ มรรควิถี เจตจำนง สภาวะจิต ฝีมือการต่อสู้ ล้วนเรียกได้ว่าเป็นที่สุดในโลกหล้า กร้าวแกร่งถึงขั้นไม่อาจจินตนาการ

ก่อนหน้านี้หลินสวินมักจะถูกคนมองเป็นปีศาจ คิดว่าไม่สามารถใช้หลักการทั่วไปประเมินได้

แต่ตอนนี้หลินสวินก็รู้สึกว่าผู่เจินในสมัยเด็กเป็นปีศาจคนหนึ่งเช่นกัน พลังต่อสู้ที่มีไม่เหมือนสิ่งที่คนในระดับกำลังภายในจะมีได้เลยชัดๆ!

ปึง! ปึง! ปึง!

พลังหมัดดังสนั่น เกิดเสียงก้องกระหึ่มสะเทือนฟ้าดิน

หลินสวินจำไม่ได้ว่าถูกทำร้ายบาดเจ็บไปกี่ครั้ง พลังทั้งหมดทั่วร่างล้วนมีความรู้สึกว่าถูกสูบเกลี้ยง

แต่ในใจยังคงมีจิตต่อสู้ที่ราวกับลุกโหมแผ่พุ่งและร้องคำราม

สู้!

เหนือสายน้ำแห่งกาลเวลา หลินสวินต่อสู้ดุจบ้าคลั่ง ปล่อยหมัดซัดออกไปอย่างหนัก หนึ่งหมัดที่ธรรมดาเรียบง่าย กลับเสมือนเตาหลอมใบหนึ่ง ส่งเสียงดังสนั่นสะเทือนฟ้าดินออกมา

พริบตานี้สายน้ำแห่งกาลเวลาที่ม้วนตลบซัดสาดยังเกิดการชะลอตัว คล้ายถูกเจตจำนงน่าสะพรึงที่บรรจุในพลังหมัดนี้สะท้านสะเทือน

จากนั้นเงาร่างของเด็กหนุ่มผู่เจินที่แต่เดิมก็เลือนรางเกือบว่างเปล่าอยู่แล้ว ก็แตกสลายภายใต้หมัดนี้ กลายเป็นละอองแสงกระเซ็นสาดทั่วฟ้า

หลินสวินหอบหายใจถี่กระชั้น มองภาพนี้อย่างอึ้งงัน เนิ่นนานกว่าจะยกมุมปากเผยรอยยิ้ม ประสานมือกล่าวว่า “ศิษย์พี่ผู่เจิน ออมมือแล้ว!”

เวลานี้เขาเอาชนะเด็กหนุ่มผู่เจิน อันดับหนึ่งในพลังระดับกำลังภายในตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน อยู่เหนือสุดในสายน้ำแห่งกาลเวลา!

ใต้เท้าสยน้ำม้วนตลบไหลสาด เกลียวคลื่นกวาดล้างเหล่าผู้กล้า

คลื่นระเบียบอันแปลกประหลาดระลอกหนึ่งผุดเผย ปิดครอบเงาร่างหลินสวิน ทำให้ร่างกายเหนื่อยล้าที่ประหนึ่งตะเกียงสิ้นน้ำมันพลันกลับสู่สภาพปกติในทันที

และพร้อมกันนั้นเงาร่างที่วิวัฒน์จากระเบียบสายหนึ่งก็เดินออกมาจากกลางสายน้ำแห่งกาลเวลา ปรากฏสู่ครรลองสายตาของหลินสวิน

“จากพลังของเจ้า สามารถฝากชื่อในประวัติศาสตร์ เป็นอันดับหนึ่งในระดับกำลังภายในนับจากอดีตตราบปัจจุบัน”

ประโยคเดียวทำเอาใจหลินสวินสั่นสะท้าน

ฝากชื่อในประวัติศาสตร์ ก็เท่ากับมรรควิถีระดับกำลังภายในแห่งตน สามารถคงอยู่ในระเบียบต้นกำเนิดมหามรรคฟ้าดาราตลอดกาล ไม่ว่ากาลเวลาจะผันผ่านก็ไม่อาจถูกดับสลาย!

นี่คือเกียรติยศสูงสุด

เหมือนอย่างเก้าคนที่เคยอยู่ในเก้าอันดับแรกนับแต่อดีตถึงปัจจุบันที่หลินสวินเอาชนะมาก่อนหน้านี้ แม้คนเหล่านั้นจะไม่ใช่คนจริงๆ แต่ความสำเร็จทางมหามรรคของพวกเขากลับถูกจารึกไว้ตลอดกาล ไม่เสื่อมสลายชั่วนิรันดร์ ไม่เคยอับแสง!

และสำหรับหลินสวินแล้ว ความสำเร็จที่ได้รับในตอนนี้ พิสูจน์ว่ามรรคาแห่งการฝึกปราณใหม่อีกครั้งของเขานั้น เรียกได้ว่า ‘อดีตปัจจุบันไม่เคยมี มรรคข้าเป็นหนึ่ง’ อย่างไม่ต้องสงสัย!

“เข้าประตูนี้ ก็สามารถเข้าสู่โลกจิตผสานวิญญาณ หากปฏิเสธ ก็ต้องออกจากวัฏจักร”

ร่างระเบียบนั่นกล่าว จู่ๆ คลื่นคลุมเครือระลอกหนึ่งพลิกม้วน ปรากฏเป็นบานประตูที่วิวัฒน์ขึ้นจากพลังวัฏจักรกาลเวลาบานหนึ่ง

นัยน์ตาดำของหลินสวินวูบไหวไม่นิ่ง

ก่อนจะเข้าสู่โลกกำลังภายใน พลังระเบียบเคยบอกว่า หากกลับมาจากวัฏจักร จำต้องทิ้งประทับมหามรรคที่เป็นของตนไว้ในโลกกำลังภายใน

ดังคาด ตอนนี้ตนทำสำเร็จแล้ว!

และทำมาถึงขั้นนี้โดยใช้เวลาเพียงสิบเดือนเท่านั้น ห่างจากกำหนดเวลาสิบปีไปไกลยิ่ง

ทว่าตอนนี้ ตัวเลือกหนึ่งวางอยู่ต่อหน้าหลินสวิน

หากเข้าประตูวัฏจักรบานนั้น ก็จะเข้าสู่ ‘โลกจิตผสานวิญญาณ’ ไม่ต้องคาดเดาหลินสวินก็รู้ว่าโลกจิตผสานวิญญาณแห่งนี้ต้องเหมือนโลกกำลังภายในอย่างแน่นอน

ปราณห้าระดับใหญ่ กำลังภายใน จิตผสานวิญญาณ มหาสมุทรวิญญาณ หยั่งสัจจะ กระบวนแปรจุติ!

นี่ถูกเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าห้าระดับล่าง

บททดสอบของโลกจิตผสานวิญญาณ จะต้องเป็นเส้นทางสู่นิพพานสายหนึ่งเหมือนกัน เพียงแต่เกี่ยวข้องกับระดับจิตผสานวิญญาณ

และหากไม่เข้าสู่โลกจิตผสานวิญญาณ ตอนนี้ก็สามารถออกจากวัฏจักรนี้ได้โดยตรง กลับไปในแดนนิพพาน ถึงตอนนั้นจะต้องเผชิญหน้ากับอะไรอีกใครก็ไม่อาจพูดได้ชัด

หลินสวินขบคิดเล็กน้อยแล้วเอ่ยถาม “ข้าถามสักเรื่องได้หรือไม่ โลกกำลังภายในนั่นมีอยู่จริง หรือว่าเป็นมายากันแน่”

“ทุกอย่างเป็นจริง”

ร่างระเบียบกล่าว ไร้แววไหวหวั่น

ตอนนี้ในที่สุดหลินสวินก็กล้ามั่นใจแล้ว ว่าเฉียนอวี้หลิว ชิงจู๋ ซูชิงหาน ซูชิงโฉว… คนเหล่านี้ที่แท้ก็มีชีวิตเหมือนกันกับตน!

“แต่เหตุใดพวกเขาถึงไม่สามารถเหยียบย่างมรรคาที่สูงกว่าระดับกำลังภายในได้” หลินสวินอดเอ่ยถามไม่ได้

ร่างระเบียบไม่ได้ตอบคำถาม

หรืออาจกล่าวว่า เดิมเขาก็วิวัฒน์มาจากระเบียบ ไม่ได้มีจิตสำนึกและสติปัญญาอยู่แล้ว ที่สามารถตอบคำถามหลินสวินได้ ก็เป็นเพียงสิ่งที่ตัวเขาสามารถ ‘รู้’ ได้เท่านั้น

หลินสวินนิ่งเงียบครู่หนึ่งก่อนส่ายหน้าเบาๆ ไม่ถามมากความอีก นัยเร้นลับที่เกี่ยวโยงถึงระเบียบของโลกแห่งหนึ่งเช่นนี้ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่เขาในตอนนี้จะสามารถสัมผัสได้

เขาสูดหายใจลึกแล้วก้าวเข้าประตูวัฏจักรบานนั้น เมื่อเงาร่างของเขาหายลับ ประตูบานนั้นก็อันตรธานหายไปด้วย

สิ่งที่หายไปพร้อมกันยังมีร่างระเบียบร่างนั้นด้วย

มีเพียงสายน้ำแห่งกาลเวลาไหลพวยพุ่งไหลหลั่งไม่หยุด

ที่คิดไม่ถึงก็คือ ในเวลานี้กลางสายน้ำแห่งกาลเวลานั้น จู่ๆ ก็มีนัยน์ตาที่กระจ่างชัดลุ่มลึกคู่หนึ่งลืมตาขึ้นมา

“เคราะห์จ่อมจมชั่วกัปกัลป์ หนึ่งบัวเบ่งบาน ตัวแปรนี้ในที่สุดก็ปราฏขึ้นแล้ว… ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าดอกนี้จะเบ่งบานได้หรือไม่…”

เสียงเนิบนาบดังขึ้น ดุจเสียงมรรคแผ่วพลิ้ว

ต้นยุคดึกดำบรรพ์ เพื่อทำนายพลังระเบียบต้นกำเนิดฟ้าดารา เจ้าแห่งคีรีดวงกมลต้องจ่ายค่าตอบแทนไปมาก สุดท้ายเหลือมรรคคาถาไว้บทหนึ่ง

ตอนนี้ ‘นัยเร้นลับ’ ที่ประทับอยู่ในมรรคคาถาบทนี้กำลังสำแดงอยู่!

โลกกำลังภายใน

ผ่านไปเก้าวันแล้วนับตั้งแต่หลินสวินเข้าสู่เขายอดยุทธ์

เฉียนอวี้หลิวเฝ้ารออยู่ตลอด

ส่วนลึกภายในใจนางแค่ต้องการคำตอบเดียวเท่านั้น

หืม?

ทันใดนั้นในลานประลองยอดยุทธ์ที่รูปทรงดุจดั่งดอกบัวแห่งนั้น ปรากฏระลอกคลื่นคลุมเครือระลอกหนึ่ง จากนั้นก็ปรากฏเงาร่างสูงโปร่งกำยำสายหนึ่ง

เฉียนอวี้หลิวตื่นเต้นขึ้นมาทันที เงาร่างนี้นางคุ้นเคยยิ่ง เป็นคนผู้นั้นที่นางตรากตรำเฝ้ารอมาเก้าวัน

“สหายยุทธ์!”

เฉียนอวี้หลิวก้าวไปหา เนตรดาราเจือแววยินดี

ซูชิงหานสีหน้าอึ้งงัน ท่าทางมึนงง “ข้า… นี่ข้าอยู่ที่ไหน”

ฝีเท้าเบิกบานของเฉียนอวี้หลิวพลันหยุดชะงักทันควัน แววยินดีในดวงตานิ่งค้าง กล่าวว่า “เจ้าจำได้หรือไม่ว่าเจ้าเป็นใคร”

ซูชิงหานกล่าวโดยไม่ลังเล “ซูชิงหาน แล้ว… เจ้าเป็นใคร”

เขาทำหน้าสงสัย

ประโยคเดียวเหมือนน้ำเย็นอ่างหนึ่ง สาดรดความยินดีภายในใจเฉียนอวี้หลิวให้มอดดับ

คราวนี้ในที่สุดนางก็กล้ามั่นใจ ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่คนผู้นั้นแล้ว!

“เจ้าจำเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงหลายวันนี้ไม่ได้จริงๆ หรือ” เฉียนอวี้หลิวอดเอ่ยถามไม่ได้

ซูชิงหานขมวดคิ้วขบคิดอย่างหนักถึงค่อยส่ายหน้ากล่าวว่า “ข้าจำได้รางๆ ข้าหลับอยู่ในบ้าน แต่ตอนที่ตื่นขึ้นก็โผล่มาอยู่ที่นี่แล้ว”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ความท้อแท้ที่บอกไม่ถูกก็ทะลักสู่หัวใจของเฉียนอวี้หลิว มองซูชิงหานนิ่งๆ อยู่เนิ่นนาน จู่ๆ นางก็หมดความสนใจ โบกมือกล่าวว่า “เจ้าไปเถอะ ข้าจำคนผิด”

นางหมุนตัวจากไป

ซูชิงหานก็คือซูชิงหาน เพียงแต่ขาดสิ่งหนึ่งไป… วิญญาณที่น่าสนใจ

ระหว่างทางเฉียนอวี้หลิวเอาม้วนตำราที่ปิดผนึกม้วนหนึ่งออกมา นี่คือสิ่งที่หลินสวินมอบให้เองกับมือในคืนก่อนหน้างานประลองยอดยุทธ์ และให้นางเปิดหลังงานประลองยอดยุทธ์ปิดม่าน

นางอดใจไม่ไหวมาตลอด รอคอยอยู่เรื่อยมา ดังนั้นจึงไม่ได้เปิดอ่าน

แต่ตอนนี้…

นางแทบจะปลุกความกล้าทั้งหมดกว่าจะเปิดม้วนตำราออกอย่างยากลำบาก

บนม้วนตำราบันทึกเคล็ดวิชาฝึกปราณที่เกี่ยวข้องกับระดับจิตผสานวิญญาณ ในนั้นยังอธิบายนัยเร้นลับทั้งหมดของระดับจิตผสานวิญญาณโดยละเอียดอีกด้วย!

ขณะนี้ก็เหมือนประตูใหญ่ใหม่เอี่ยมบานหนึ่งเปิดอยู่เบื้องหน้าเฉียนอวี้หลิว

‘หากวันหน้าข้าสามารถทะลวงระดับได้ จะต้องไปดูโลกฟ้าดารานั่นที่เจ้าพูดถึงให้ได้!’ เฉียนอวี้หลิวกำมือหยกแน่น

ซูชิงหานที่ชื่อเสียงเกรียงไกรโลกกำลังภายใน คว้าอันดับหนึ่งงานประลองยอดยุทธ์กลับสู่ตระกูลซูแล้ว

การปรากฏตัวของเขานำพาความโกลาหลทั่วมาทั้งตระกูล และเรียกความอึงอลทั่วเมืองเหวมังกร ผู้คนทั้งบนล่างตระกูลซู ไม่มีใครไม่ปิติยินดี

และเมื่อเวลาเคลื่อนคล้อย ซูชิงหานค่อยๆ เข้าใจเรื่องราวเหลือเชื่อมากมายที่เกิดขึ้นกับตัวแต่ตนเองกลับไม่รู้เหล่านั้น และตระหนักได้ว่าร่างกายที่ไม่สามารถฝึกปราณของตน กลับมีมรรควิถีขอบเขตมกุฎระดับกำลังภายในขั้นสัมบูรณ์ติดตัว…

ต่อมาเขาได้ยินชิงจู๋สาวใช้ข้างกายพูดว่า เป็นผู้เข้าวัฏจักรคนหนึ่งตื่นขึ้นในร่างของเขา ใช้เวลาสิบเดือนเปลี่ยนร่องรอยในชีวิตของเขา…

จากนั้นซูชิงหานจึงค่อยๆ รู้ว่า ในโลกกำลังภายในมีผู้เข้าวัฏจักรมากมายตื่นรู้และปรากฏตัวขึ้น

ในกาลเวลาต่อมา ต้าเฉียน ต้าฉู่ ต้าเว่ย… ทั่วทั้งใต้หล้า เกิดการพลิกผันที่ไม่เคยมีมาก่อนเพราะการปรากฏตัวของผู้เข้าวัฏจักร

“หลายปีหลังจากนี้ตอนที่งานประลองยอดยุทธ์เปิดม่าน ก็จะเป็นโอกาสที่พวกเราจะออกจากวัฏจักร!”

ผู้เข้าวัฏจักรทุกคนที่ตื่นรู้ต่างตระหนักได้ และมั่นใจอย่างชัดเจนว่ามีแต่เข้าร่วมงานประลองยอดยุทธ์ จึงจะสามารถประทับมหามรรคแห่งตนในโลกนี้ และออกไปจากโลกนี้ได้

“งานประลองยอดยุทธ์ครั้งก่อน คนที่อยู่อันดับหนึ่งคือซูชิงหานจากต้าเฉียน นั่นคือพวกสวะที่ยังไม่สามารถฝึกปราณได้ในในช่วงสิบเดือนก่อนงานประลองยอดยุทธ์จะเริ่มขึ้น เจ้าหมอนี่ก็เป็นผู้เข้าวัฏจักรคนหนึ่งด้วยหรือไม่”

“ต้องเป็นเช่นนี้แน่!”

“เขาเป็นใคร เหตุใดถึงได้ตื่นรู้เร็วขนาดนี้”

…ผู้เข้าวัฏจักรทุกคนในใจต่างตกใจ รู้สึกน่าเหลือเชื่อ

“ต้องเป็นเจ้าหมอนั่นแน่ๆ”

และหลังจากพวกเสวียนจิ่วอิ้น หลิงเคอจื่อตื่นรู้ ก็แทบจะชี้ขาดได้ทันทีว่าคนที่ตื่นรู้ในร่างของซูชิงหาน ต้องเป็นหลินสวินอย่างไม่ต้องสงสัย

พวกเขาไปตามหาที่ตระกูลซูด้วยกัน จากนั้นก็เห็นจินเทียนเสวียนเยวี่ยที่กลายเป็นชิงจู๋ ซ้ำยังได้รับวิชาฝึกปราณจากมือของอีกฝ่ายด้วย

เพียงแต่เมื่อนึกถึงว่าหลินสวินถึงกับชิงออกไปจากโลกกำลังภายในภายในสิบเดือนสั้นๆ ตัดหน้าพวกเขา ในใจพวกเขาก็ท้อแท้ไปพักหนึ่ง

คิดอยากไล่ตามฝีเท้าของเจ้าหมอนั่น… ช่างยากเกินไปจริงๆ!

ในความเป็นจริง การทดสอบวัฏจักรครั้งนี้เดิมก็มีกำหนดเวลาสิบปี เพื่อให้ผู้เข้าวัฏจักรมากมายตื่นรู้ และเข้าร่วมในงานประลองยอดยุทธ์ที่กำหนดเวลาสิบปีอยู่แล้ว

ทว่าดังคาด หลินสวินเป็นพวกตัวประหลาดคนหนึ่ง นำหน้าผู้เข้าวัฏจักรคนอื่นๆ ไปสิบปี นิพพานจากวัฏจักรได้สำเร็จเป็นคนแรก!

โลกจิตผสานวิญญาณ

เมืองต้าเหลียง หิมะหนาลอยล่องดั่งขนห่าน ลมหนาวเหน็บเย็นเยียบ

แต่บนท้องถนนยังคงเป็นภาพคึกคักจอแจอันครึกครื้น รถราพาหนะสวนกันขวักไขว่ทุกแห่งหน

เด็กหนุ่มขอทานที่ผอมเห็นกระดูก หน้าเหลืองผอมโซ สวมเสื้อผ้าเก่าขาดบางๆ คนหนึ่ง สุดท้ายก็ทนความทุกข์ทรมานจากลมหนาวไม่ไหว เงาร่างซวนเซ ทรุดล้มลงระหว่างทางที่ขอทานขอข้าวกิน

ท่ามกลางลมหิมะ เกี้ยวสมบัติหรูหราหลังหนึ่งห้อตะบึงมาจากไกลๆ ชายวัยกลางคนร่างกำยำที่บังคับรถม้ามองเห็นภาพนี้ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

ทว่าไม่ได้คิดจะหยุดแต่อย่างใด

เขายกแส้ขึ้น ตั้งใจบังคับเกี้ยวสมบัติทับร่างผอมโซที่เห็นได้ชัดว่าแข็งตายกลางลมหิมะร่างนั้นไป

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท