Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2168 คลื่นระเบียบในหยกประดับ

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2168 คลื่นระเบียบในหยกประดับ

พริบตาที่ข่าวแพร่ออกไป ทั้งจวนกระบี่หมอกตะวันรอนต่างสะท้านสะเทือน

หน้าประตูบ้านตน ผู้สืบทอดสองคนที่เจิดจรัสที่สุดในจวนถูกกำราบให้คุกเข่าลงกับพื้น นี่ไม่ต่างอะไรกับการตบหน้าถึงที่ชัดๆ

เพียงชั่วขณะแสงรุ้งดุจสายฝน บุคคลรุ่นอาวุโสมากมายต่างพุ่งออกมา แต่ละคนล้วนมีพลังปราณระดับกระบวนแปรจุติที่เรียกได้ว่าเป็นมหายุทธ์

ในโลกกระบวนแปรจุติ บุคคลเช่นนี้เรียกได้ว่าเป็นตัวตนที่เหมือนมกุฎ

เมื่อเห็นโอวหยางชิงที่พลังปราณถูกกำจัด เห็นหลันอิงเสวี่ยที่คุกเข่ากับพื้นด้วยใบหน้าหม่นแสง คนใหญ่คนโตของจวนกระบี่หมอกตะวันรอนพวกนี้แต่ละคนบันดาลโทสะ สีหน้าอึมครึม

ทุกสายตาจับจ้องไปที่ร่างคนผู้หนึ่งตามๆ กัน

“ผู้อาวุโส ช่วยข้าด้วย!”

หลันอิงเสวี่ยเหมือนคนใกล้จมน้ำตายคว้าฟางยื้อชีวิตไว้ได้ ส่งเสียงขอความช่วยเหลืออย่างโหยหวน

ภาพนี้ทำให้คนใหญ่คนโตพวกนั้นปวดใจไม่หยุด โมโหยิ่งกว่าเดิมทันที ในดวงตาเต็มไปด้วยไอสังหาร

“พวกเขาก็ช่วยเจ้าไม่ได้”

กลับเห็นหลินสวินกล่าวเรียบๆ “หรือพูดได้ว่าในโลกนี้ไม่มีใครช่วยเจ้าได้”

น้ำเสียงเผยความมั่นใจอย่างที่สุด

“โอหัง!”

ชายชราอารมณ์ฉุนเฉียวคนหนึ่งทนไม่ไหว พุ่งทะยานออกไป กลิ่นอายบ้าระห่ำ ระหว่างสะบัดแขนเสื้อปราณกระบี่มหึมาสายหนึ่งปรากฏ แหวกผ่านอากาศเข้ามา

นี่คือผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่ง หนึ่งกระบี่ฟันออกมา ลักษณ์ประหลาดสะท้านโลก

หลินสวินไม่หลบไม่หนี ยื่นมือทำท่าชักกระบี่กลางอากาศ

มรรคชักกระบี่

สามชุ่นสงัดนิรันดร์!

แต่คมกระบี่สามชุ่นกลับสาดปราณกระบี่พันฉื่อออกไป ห้วงอากาศพลันขาดสะบั้นราวกับผืนผ้า ปราณกระบี่โหญ่โตที่พุ่งเข้ามานั้นถูกบดขยี้อย่างง่ายดาย

ฉัวะ!

ชายชราถูกหนึ่งกระบี่ฟันลอยไป เสื้อผ้าตรงหน้าอกฉีกขาด เกราะสมบัติแตกออก ปราณกระบี่กัดกร่อนเข้าไปในร่าง โจมตีอวัยวะตันห้ากลวงหกของเขาอย่างหนัก

ยามร่วงตกลงบนพื้น ชายชราเลือดกบปากจมูก สีหน้าซีดเผือด เต็มไปด้วยความหวาดผวา

ณ ที่นั้นเงียบสนิท

กระบี่เดียวโจมตีผู้ฝึกกระบี่ใหญ่ระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่งบาดเจ็บสาหัส!

พวกเบื้องบนของจวนกระบี่หมอกตะวันรอนถูกทำให้ตกใจ แต่ละคนหน้าเปลี่ยนสี เวลานี้ในที่สุดพวกเขาก็แยกแยะได้ บนตัวเด็กหนุ่มที่แต่งกายเรียบง่ายนั้น อบอวลไปด้วยพลังปราณของระดับหยั่งสัจจะขั้นสมบูรณ์

แต่เหตุการณ์นี้ทำให้ใจของพวกเขาต่างกระตุกขึ้นมา ตื่นตระหนกยิ่งกว่าเดิม ด้วยระดับหยั่งสัจจะและระดับกระบวนแปรจุติห่างกันหนึ่งระดับใหญ่เต็มๆ!

เด็กหนุ่มคนนี้เป็นใคร

เพิ่งอายุสิบกว่าปี ทำไมถึงมีพลังปราณระดับหยั่งสัจจะขั้นสมบูรณ์ ซ้ำยังข้ามระดับอย่างเย้ยฟ้า ซัดคนที่อยู่ระดับกระบวนแปรจุติให้พ่ายยับเยินได้

น่ากลัวเกินไปแล้ว!

ต้องรู้ว่าคนรุ่นเยาว์อย่างหลันอิงเสวี่ยและโอวหยางชิงเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ชั้นยอดในแคว้นสันติ แต่ยามนี้มีแค่พลังปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณเท่านั้น

หลันอิงเสวี่ยก็ถูกทำให้ตกใจ ทั้งตัวนิ่งงันอยู่ตรงนั้น ในสมองว่างเปล่า นี่จะเป็นพลังของเด็กหนุ่มชนบทที่ต้อยต่ำคนนั้นได้อย่างไร

“ข้ามาครานี้แค่เพื่อทวงคืนความเป็นธรรม ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า แน่นอนว่าหากไม่กลัวตาย พวกเจ้าสามารถลงมือได้เต็มกำลัง”

ในตอนที่หลินสวินเอ่ยปาก สีหน้าไม่สะทกสะท้าน แค่ตัวคนเดียวชัดๆ แต่กลับมีอานุภาพเหมือนหนึ่งคนเฝ้าด่าน หมื่นทหารมิอาจย่างกราย

ยามสิ้นเสียง ณ ที่นั้นเงียบสงัด

คนใหญ่คนโตพวกนั้นสีหน้าปรวนแปรไม่หยุด ส่วนผู้สืบทอดรุ่นเยาว์เหล่านั้นก็ตกใจจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนานแล้ว ลุกลี้ลุกลนทำอะไรไม่ถูก

“หากให้เจ้ากระทำการชั่วร้ายถึงหน้าประตูจวนกระบี่หมอกตะวันรอนของข้า ถ้าแพร่งพรายออกไปจวนกระบี่หมอกตะวันรอนของข้าจะยืนหยัดในแคว้นสันติได้อย่างไร”

ทันใดนั้นชายวัยกลางคนน่าเกรงขามคนหนึ่งกล่าวเสียงขรึม

ชิ้ง!

ตรงหว่างคิ้วของเขามีกระบี่บินเขียวเลื่อมพรายสายหนึ่งปรากฏออกมา หมอกเมฆอบอวล แสงวิญญาณส่องประกาย

“ข้าน้อยเยวี่ยเหิงเฟิง เจ้าจวนกระบี่หมอกตะวันรอน หากเจ้าขวางหนึ่งกระบี่ของข้าได้ เรื่องนี้จวนกระบี่หมอกตะวันรอนของข้าจะยอมจำนน สองคนนี้ยกให้เจ้าจัดการ!”

ชายวัยกลางคนน่าเกรงขามเอ่ยปาก

คนอื่นต่างหน้าเปลี่ยนสี เจ้าจวนจะตัดสินแพ้ชนะด้วยกระบี่เดียวรึ!

“ฉลาด”

หลินสวินเหลือบมองเยวี่ยเหิงเฟิงเล็กน้อย รูปร่างหน้าตาเขาเพิ่งจะอายุสิบกว่าปี แต่คำพูดกลับเหมือนกำลังวิจารณ์คนรุ่นหลัง ทำเอาทุกคนพลันเดือดดาล ท่าทางนี้ไม่อวดดีเกินไปหน่อยหรือ!

ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าเจ้าจวนกระบี่หมอกตะวันรอนของพวกเขา เป็นผู้ฝึกกระบี่ใหญ่ที่จัดอยู่ในอันดับสี่ของแคว้นสันติ

เยวี่ยเหิงเฟิงกลับเหมือนไม่มีโทสะ เขาสูดหายใจลึก ทั้งตัวพลันพรั่งไปด้วยเจตกระบี่ทรงพลังราวกับพลุ่งพล่าน พุ่งทะลวงท้องนภา

ห้วงอากาศใกล้เคียงส่งเสียงกระหึ่ม ผู้สืบทอดที่พลังค่อนข้างอ่อนแอพวกนั้นยิ่งจิตใจสะท้านไหว ตกใจจนเกือบทรุดยวบลงกับพื้น

เหตุการณ์นี้ทำให้หลันอิงเสวี่ยมีความหวังขึ้นเสี้ยวหนึ่ง เยวี่ยเหิงเฟิงเป็นอาจารย์ของนาง ทั้งเป็นผู้ฝึกกระบี่ระดับกระบวนแปรจุติขั้นสัมบูรณ์คนหนึ่ง!

กระบี่นี้ของเขา ในใต้หล้านี้คนที่สามารถรับมือมีจำนวนแค่นับนิ้วได้!

“ทะยาน!”

กระบี่บินตรงหน้าเยวี่ยเหิงเฟิงพุ่งขึ้นมา ตัวกระบี่มีคลื่นปราณกระบี่ที่น่าหวาดกลัวไหลวน น่าเกรงขามดั่งเทพมังกร สะเทือนลมเมฆทั่วทิศ

กระบี่นี้ทำให้ทุกคนในจวนกระบี่หมอกตะวันรอนต่างรู้สึกสั่นสะท้านและตกตะลึง เพิ่งพบว่าความเชี่ยวชาญในมรรคกระบี่ของเจ้าจวน ลึกล้ำยากหยั่งถึงยิ่งกว่าเดิมแล้ว

เกรงว่าคงมีโอกาสไปชิงตำแหน่งผู้ฝึกกระบี่ใหญ่สามอันดับแรกในแคว้นสันติได้แล้ว!

และกระบี่นี้ ทำให้หลินสวินสนใจขึ้นมาเล็กน้อย

เขาไม่ได้ออมมือ บุกโจมตีด้วยพลังไร้คู่ต่อกรในระดับหยั่งสัจจะที่โดดเด่นเหนือกาลเวลา สิ่งที่สำแดงยังคงเป็นมรรคชักกระบี่ที่ถ่ายทอดมาจากจอมกระบี่อันดับหนึ่งของโลกมืด

สามชุ่นสงัดนิรันดร์!

“ฟัน!”

ขณะเดียวกันตรงหน้าเยวี่ยเหิงเฟิง กระบี่บินที่เตรียมพร้อมนานแล้วทะยานเป็นรุ้งเขียวเจิดจรัส ผ่าฟันลงมาเหมือนอสนีบาตสีเขียวสายหนึ่งหมายจะทำลายโลกมนุษย์

แต่ปราณกระบี่ที่เจิดจรัสและน่าหวาดกลัวหาใดเปรียบสายนี้กลับถูกฟันขาดในพริบตา ง่ายดายเหมือนตัดไหมทอพับหนึ่ง

ส่วนกระบี่บินที่ทะยานเข้ามานั้นก็ถูกตัด เสียบลงกับพื้นดังฉึบ ส่งเสียงครวญรุนแรง บนคมกระบี่ที่พาดเฉียงนั้นปรากฏรอยแตกน่าพรั่นพรึงสายหนึ่ง

พรูด!

เยวี่ยเหิงเฟิงกระอักเลือด เงาร่างโอนเอนเซไปมา สีหน้าเต็มไปด้วยความตระหนก

เด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่ง เอาชนะยอดกระบี่แข็งแกร่งที่เขาภูมิใจที่สุดในชีวิตได้อย่างง่ายดาย!

บริเวณนี้เงียบสงัด อากาศราวจับตัวเป็นน้ำแข็ง ทุกคนล้วนนิ่งงันอยู่ตรงนั้น ไม่กล้าเชื่อและไม่อยากจะเชื่อ

หลันอิงเสวี่ยที่เดิมมีความหวังขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง จิตใจล้วนมีสัญญาณว่าจะพังทลาย ภาพตรงหน้ามืดสลัว เป็นไปได้อย่างไร… เป็นไปได้อย่างไร…

“ข้าบอกแล้วว่าฟ้าดินแห่งนี้ไม่มีใครช่วยเจ้าได้”

หลินสวินเอ่ยราบเรียบ ยังคงสุขุมและไม่สะทกสะท้านเหมือนเดิม

“เรื่องนี้จวนกระบี่หมอกตะวันรอนของพวกเรายอมจำนน!”

เยวี่ยเหิงเฟิงพูดจบก็สะบัดแขนเสื้อจากไป

“ดูสิ อาจารย์ของเจ้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้”

ทุกถ้อยคำของหลินสวินในยามนี้เหมือนค้อนหนักฟาดลงกลางใจหลันอิงเสวี่ย ทำให้นางเสียการควบคุมอย่างสมบูรณ์ หวีดร้องลั่น

“อวิ๋นฉางคง เจ้าคนหลอกลวง ทำไมก่อนหน้านี้เจ้าไม่เคยบอกข้าว่าเจ้าก็เป็นคนที่เยียบย่างบนเส้นทางการฝึกปราณ เพราะอะไร สามปีมานี้เจ้ารู้ไหมว่าข้าลำบากเพื่อฝึกปราณแค่ไหน แต่เจ้ากลับหลอกข้ามาตลอด!”

ครั้งนี้หลินสวินอึ้งงันแล้วจริงๆ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าในเวลานี้หลันอิงเสวี่ยจะยังพูดได้เต็มปากเต็มคำเช่นนี้

นาง… ไม่เคยคิดว่าเป็นความผิดของตนเลยหรือ

หลินสวินเงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าว “ข้าขอถามเจ้า ตอนเด็กเจ้าร่อนเร่อยู่ตามถนน ขอทานประทังชีวิต ใครที่เลี้ยงดูเจ้าจนเติบใหญ่ เห็นเจ้าเป็นลูกในไส้”

หลันอิงเสวี่ยยิ้มหยัน “เจ้ากำลังพูดถึงแม่ของเจ้ากระมัง ทำไมยายแก่นั่นถึงทำดีกับข้า เพราะตั้งแต่ต้นก็คิดจะรอให้ข้าเติบใหญ่แล้วแต่งกับเจ้าไม่ใช่หรือ”

แววตาหลินสวินเฉยชาพลางกล่าว “ข้าขอถามเจ้าอีก สามปีก่อนเป็นใครที่ทุ่มทุนทั้งหมด ส่งเจ้ามาฝึกปราณที่จวนกระบี่หมอกตะวันรอน”

หลันอิงเสวี่ยเผยสีหน้าดูถูก “อวิ๋นฉางคง เจ้าพูดมากเช่นนี้คิดจะให้ข้าสำนึกผิดหรือ บอกเจ้าเลยว่าต่อให้ข้าตายก็ไม่ยอมรับผิด!”

ในใจหลินสวินอดเสียดายแทนอวิ๋นฉางคงกับมารดาของเขาไม่ได้ หลายปีนี้กินอยู่ใช้สอยอย่างประหยัด ทุ่มเทไปตั้งมาก แต่กลับได้พวกเนรคุณที่เห็นแก่ตัวและชั่วร้ายหาใดเปรียบมาคนหนึ่ง

หากไม่ใช่ว่าตนมาที่นี่ หลันอิงเสวี่ยคนนี้เกรงว่าคงได้เป็นผู้กล้าหญิงในสายตาของคนทั่วไป เสพสุขกับความอิจฉาและห้อมล้อมจากคนนับไม่ถ้วนไปแล้วกระมัง

ส่วนอวิ๋นฉางคงล่ะ เด็กหนุ่มบ้านนอกที่ลุ่มหลงมัวเมาคนหนึ่ง ยังคิดว่าหญิงสาวที่ชอบพอมาตั้งแต่เด็กคนนั้นจะตามเขากลับบ้านไปแต่งงาน สุดท้ายกลับถูกทำร้ายโดยหญิงสาวที่ปรารถนาคนนี้…

หากมารดาที่เตรียมงานแต่งให้เขาอยู่ที่บ้านเกิดรู้ว่าบุตรชายของตนไม่กลับมาอีกแล้ว จะเสียใจเพียงใด

เรื่องทางโลกเหี้ยมโหด ไม่ยุติธรรมอย่างสิ้นเชิง

แต่เรื่องนี้ในเมื่อถูกเขาหลินสวินมาเจอเข้า เช่นนั้นก็ต้องจัดการให้ดีๆ

“ข้าไม่ฆ่าเจ้าหรอก”

หลินสวินเอ่ยราบเรียบ “แต่ข้าจะช่วงชิงทุกอย่างไปจากเจ้า หน้าตา มรรควิถี ตำแหน่ง ชื่อเสียงที่เจ้าเคยถือเป็นความภาคภูมิใจ… ตั้งแต่วันนี้ไปล้วนไม่ใช่ของเจ้าแล้ว”

“ถึงตอนนั้นข้าอยากดูนักว่าใต้หล้านี้ใครจะมองเจ้าเป็นผู้กล้าหญิงอีก ยามเผชิญหน้ากับหญิงที่กลายเป็นคนไร้ประโยชน์อย่างเจ้า คนที่ประจบประแจงเจ้าในอดีตพวกนั้นจะมีท่าทีอย่างไร”

แต่ละคำแต่ละประโยคราวกับใบมีดคมกริบ เสียบแทงเข้าไปในใจของหลันอิงเสวี่ยอย่างหนักหน่วง นางหน้าเปลี่ยนสีอย่างสมบูรณ์ รู้สึกหวาดผวาหาใดเปรียบ

สามปีมานี้นางเดินไปที่ไหนล้วนถูกห้อมล้อมเหมือนดาวล้อมเดือน รูปโฉมของนางยิ่งทำให้หญิงสาวนับไม่ถ้วนลอบปวดใจ ทั้งนางยังเป็นผู้สืบทอดของเจ้าจวนกระบี่หมอกตะวันรอน ฐานะโดดเด่นเหนือใครในแคว้นสันติ

แต่หากไม่มีทุกอย่างนี้แล้ว…

นั่นคงยากจะรับได้ยิ่งกว่าฆ่านางให้ตาย!

“ไม่ ไม่เอา ข้าผิดไปแล้ว อวิ๋นคง ขอร้องเจ้าล่ะ ขอร้องเจ้าเห็นแก่ที่พวกเราโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ครั้งนี้ละเว้นข้าเถอะ”

หลันอิงเสวี่ยผมเผ้ายุ่งเหยิง หวีดร้องวิงวอน “เจ้าอยากพาข้ากลับบ้านไปแต่งงานไม่ใช่หรือ ข้าจะไปกับเจ้า ยังมีท่านแม่ของเจ้าด้วย ภายหน้าก็คือท่านแม่ของข้า ข้าจะทำดีกับนางเป็นร้อยเท่าพันเท่า ขอร้องเจ้าล่ะ ขอร้องเจ้าอย่าไร้เยื่อใยเช่นนั้นเลย…”

นางในเวลานี้หวาดกลัวจริงๆ แล้ว

ผู้แข็งแกร่งของจวนกระบี่หมอกตะวันรอนที่อยู่ใกล้พวกนั้น เห็นหลันอิงเสวี่ยที่ประหนึ่งเทพธิดาในใจตนเวลานี้กลับทำท่าลุกลี้ลุกลนอ้อนวอนเช่นนี้ ความชื่นชมและเคารพเลื่อมใสในใจที่มีต่อนาง ราวกับพังทลายสนั่นหวั่นไหวไปในพริบตา

ในแววตาของหลินสวินไม่มีความเวทนาแม้แต่น้อย

วันนี้ หลันอิงเสวี่ยผู้สืบทอดของเจ้าจวนกระบี่หมอกตะวันรอน บุคคลที่เจิดจรัสเหมือนไข่มุกงามในหมู่คนรุ่นเยาว์ พลังปราณถูกกำจัด หน้าตาถูกทำลาย

วันนี้ พลังปราณของโอวหยางชิงนายน้อยตระกูลโอวหยางถูกกำจัดไปเช่นกัน กลายเป็นคนไร้ประโยชน์

วันนี้ เจ้าจวนกระบี่หมอกตะวันรอนถูกโจมตีจนบาดเจ็บในกระบี่เดียว

วันนี้ เมื่อข่าวแพร่ออกไป แคว้นสันติปั่นป่วน เป็นที่จับตามองจากทั่วหล้า ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนพากันสั่นสะท้าน

ส่วนจวนกระบี่หมอกตะวันรอนก็เสียหน้า เกียรติภูมิพังทลายอย่างรวดเร็ว

วันนี้ ชื่อของอวิ๋นฉางคงโด่งดังก้องท้องนภา

ทั้งหมดนี้ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับหลินสวิน ยามจากจวนกระบี่หมอกตะวันรอนไป เขานำหยกประดับตกทอดของตระกูลอวิ๋นชิ้นนั้นไปด้วย

สิ่งที่ทำให้หลินสวินผิดคาดคือ พริบตาที่เห็นหยกประดับชิ้นนี้ก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังระเบียบที่คุ้นเคย!

……………………..

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท