ตามตำนานหุบเขาราชันเคยเกิดการต่อสู้ของราชันนับครั้งไม่ถ้วน ราชันหลายคนได้ผงาดที่นี่ และมีราชันอีกมากพ่ายแพ้ยับเยินที่นี่
หุบเขาแถบนี้ได้บันทึกเกียรติภูมิของโลกระดับราชันไว้ เขียนเรื่องเล่าของผู้แข็งแกร่งจากอดีตเรื่อยมาจนปัจจุบันไว้นับไม่ถ้วน
เมื่อหลินสวินมาถึงก็กำลังมีศึกใหญ่ปะทุอยู่
ทั้งสองฝ่ายล้วนมีห้าคน แต่ละคนล้วนเป็นราชันที่เลื่องชื่อลือนามบนโลก นอกหุบเขาราชันมีผู้แข็งแกร่งมากมายกำลังชมการต่อสู้
ผู้ฝึกปราณหญิงบางคนตื่นเต้นจนส่งเสียงแหลม กู่ร้องยินดีให้ราชันที่เจิดจรัสและมีชื่อเสียงมาหลายปีแล้วพวกนั้น
แม้แต่ผู้ฝึกปราณชายพวกนั้นก็เผยแววตาเร่าร้อน ตื่นเต้นหาใดเปรียบ
นี่คือการต่อสู้ระหว่างราชัน ย่อมเป็นเรื่องที่เจิดจรัสที่สุดในใต้หล้า
น่าเสียดาย หลินสวินไม่สนใจเรื่องนี้แต่แรก
แต่เมื่อเขาคิดจะเข้าไปในหุบเขาราชันกลับถูกคนห้ามไว้
“ไม่เข้าใจกฎหรือ ไม่เห็นการช่วงชิงความเป็นใหญ่ของเหล่าราชันที่กำลังเปิดฉากรึ”
“อยากเข้าไปในหุบเขารึ ง่ายมาก ไปลงชื่อทางนั้น พิสูจน์ความสามารถของตนเองก่อน ค่อยพาสหายยุทธ์อีกสี่คนมาด้วยกันก็เริ่มสู้ได้”
หลินสวินเพิ่งรู้ว่าที่แท้การต่อสู้ของหุบเขาราชันนี้ ยังมีเรื่องพิถีพิถันมากเช่นนี้ด้วย
เฝ้าดูเงียบๆ ครู่ใหญ่ หลินสวินพลันเบื่อหน่ายแล้วอดกล่าวไม่ได้ “ข้ารีบทำเวลา ผ่อนปรนให้หน่อยได้หรือไม่ รับรองว่าจะไม่รบกวนการต่อสู้ของพวกเขา”
“ไม่ได้!”
ผู้แข็งแกร่งที่จัดระเบียบอยู่ใกล้ๆ ปฏิเสธพร้อมกัน
พูดเป็นเล่น การช่วงชิงความเป็นใหญ่ของระดับราชันนี้ดึงดูดความสนใจจากทั่วหล้า สุดท้ายจะเป็นการคัดเลือกราชันที่แข็งแกร่งที่สุด จะให้คนทำลายกฎได้อย่างไร
“หากข้าบุกเข้าไปล่ะ” หลินสวินกล่าว
“ถ้าไม่กลัวตายเจ้าก็ลองบุกเข้าไปสิ” ราชันอาวุโสมากประสบการณ์คนหนึ่งกล่าวอย่างไม่เป็นมิตร
หลินสวินยิ้มแล้วกล่าว “ได้”
ฟุ่บ!
เขาหายตัวพุ่งขึ้นไป โฉบไปทางหุบเขาราชัน
“รีบขวางเขาไว้!” เสียงคำรามอย่างเดือดดาลดังก้องขึ้น
เพียงชั่วขณะราชันนับไม่ถ้วนที่ยืนอยู่บนแถบนี้ออกเคลื่อนไหว ทะยานไปทางหลินสวินกันแน่นขนัดราวกับฝนแสงรุ้งเทพ
ผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนที่อยู่ใกล้เคียงล้วนถูกดึงดูดทันที บรรยากาศปั่นป่วน ก่อเรื่องหน้าหุบเขาราชัน นี่ไม่ใช่รนหาที่ตายหรือ
ตูม!
การต่อสู้ปะทุขึ้นแล้ว ฟ้าดินแถบนี้สั่นสะเทือน
ภาพที่พาให้คนตกตะลึงอ้าปากค้างเกิดขึ้นแล้ว ราชันที่เลื่องชื่อลือนามบนโลกลงมือพร้อมกันมากขนาดนั้น กลับไม่อาจขวางคนที่ก่อเรื่องนั้นได้!
พลันเห็น…
เขาก้าวย่างไปในอากาศ เงาร่างเจิดจรัสดั่งดวงตะวันส่องประกายเคลื่อนขวาง ไม่ว่าจะมีราชันพุ่งเข้ามากี่คน ล้วนถูกกระแทกปลิวออกไปอย่างหนักหน่วง เหมือนผีเสื้อราตรีที่สะกิดนิดเดียวก็ล้ม
ตลอดทางไม่มีใครต้านได้!
ราชันอาวุโสมากประสบการณ์ที่ก่อนหน้านี้ยังกล่าวอย่างไม่เป็นมิตร ตวาดใส่หลินสวินคนนั้นอดตกตะลึงตาค้างไม่ได้ เมื่อไหร่กันที่โลกนี้มีราชันที่แข็งแกร่งเช่นนี้อุบัติขึ้น
เพียงพริบตาเงาร่างของหลินสวินก็พุ่งเข้าไปในหุบเขาราชันนั้นเหมือนผ่าลำไผ่
ศึกใหญ่ที่กำลังเปิดฉากในหุบเขา เห็นอยู่ว่าใกล้ตัดสินผลแพ้ชนะแล้ว แต่กลับถูกหลินสวินที่พุ่งเข้ามาทำให้ตกใจกะทันหัน
จากนั้นทั้งสองฝ่ายที่สู้กันห้าต่อห้าล้วนเดือดดาล ต่างสบตากันวูบหนึ่ง ลงมือพร้อมกัน พุ่งโจมตีไปทางหลินสวินคนเดียว
เมื่อเห็นภาพนี้ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนที่อยู่นอกหุบเขาต่างพลุ่งพล่าน ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันไม่เคยเกิดเรื่องที่สะเทือนใต้หล้าเช่นนี้มาก่อน
แต่เพียงชั่วขณะทุกคนก็ตาค้าง
ราชันที่เป็นตัวแทนของยอดขุมพลังบนโลกสิบคนนั้น ภายใต้การร่วมมือกัน กลับไม่อาจขวางคนผู้นั้นได้!
ถึงขั้นถูกอีกฝ่ายตีฝ่าวงล้อมไปทีละด่านจนพ่ายแพ้ยับเยินด้วย!
กระทั่งเงาร่างของหลินสวินหายไปในหุบเขาราชัน บนใบหน้าราชันสิบคนเต็มไปด้วยความอับอาย สีหน้าปรวนแปรไม่หยุด ศึกนี้ของพวกเขาเดิมต้องการช่วงชิงตำแหน่ง ‘ราชันที่แข็งแกร่งที่สุด’
ใครจะคิดว่าลงมือพร้อมกันแล้วยังแพ้ นี่ยังชิงตำแหน่งราชันที่แข็งแกร่งที่สุดอะไรได้อีก
นอกหุบเขาราชันเงียบสงัดไปทั้งแถบเช่นกัน ผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนใจสั่นระรัว แววตาไหววูบ ถูกภาพต่างๆ ที่เห็นเมื่อครู่ทำให้นิ่งอึ้งตะลึงงัน
ครู่ใหญ่ราชันอาวุโสมากประสบการณ์คนนั้นจึงกล่าวเหมือนทอดถอนใจ “นี่สิถึงเป็นราชันที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลก…”
ประโยคเดียวทำลายบรรยากาศเงียบสงัดในที่นั้น นำมาซึ่งเสียงขานรับจากผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วน
วันนี้โลกราชันมีข่าวใหญ่ชวนฮือฮาหาใดเปรียบแพร่ออกไป ราชันที่ผ่านทางมาคนหนึ่งบุกเข้าไปในหุบเขาราชัน กลายเป็น ‘ราชันที่แข็งแกร่งที่สุด’ อย่างน่าอัศจรรย์
หลายคนต่างรับรองด้วยวาจาหนักแน่น คนผู้นั้นแค่ผ่านทางมาจริงๆ…
การต่อสู้นี้ทำให้บุคคลปริศนาอย่างหลินสวินกลายเป็นตำนาน ในโลกราชันถูกคนนับไม่ถ้วนยกให้เป็นราชันอันดับหนึ่ง ไม่อาจเทียบเคียง!
…
สำหรับเรื่องทุกอย่างนี้ หลินสวินไม่รับรู้อย่างสิ้นเชิง
เป็นอย่างที่ผู้คนสันนิษฐาน เขาเป็นแค่คนผ่านทางจริงๆ
สายน้ำแห่งกาลเวลาที่คุ้นเคยปรากฏ
ครั้งนี้ไม่เหมือนที่ผ่านมา คู่ต่อสู้คนแรกที่หลินสวินเจอ ก็คือผู้แข็งแกร่งที่พลังต่อสู้เป็นอันดับสองบนมรรคาอมตะตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
นี่ทำให้หลินสวินชี้ชัดได้ทันที ว่าหากครั้งนี้ข้าไม่เข้ามาในโลกราชันเพื่อฝึกใหม่ อันดับของตนในอดีตจนถึงปัจจุบันจะอยู่ในอันดับสาม!
เมื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ที่อยู่ในอันดับสองคนนี้ได้ ไม่เกินความคาดหมายของหลินสวิน เขาได้เจอกับคนคุ้นเคยอีกครั้ง
ผู้สืบทอดลำดับที่เก้าแห่งคีรีดวงกมล ศิษย์พี่เก่ออวี้ผูที่มีสมญาว่า ‘จอมจักรพรรดิหวงถิง’!
เก่ออวี้ผูสมัยเป็นเด็กหนุ่ม ถึงกับเป็นราชันที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน นี่ทำให้หลินสวินอดทอดถอนใจไม่ได้
แต่เมื่อใคร่ครวญเล็กน้อยเขาก็เข้าใจขึ้นมา
เก่ออวี้ผูที่มีร่างแยกทั้งห้า ในการต่อสู้ระดับราชันต้องเป็นตัวตนที่วิปริตคนหนึ่งแน่
การต่อสู้กับศิษย์พี่เก้าในวัยหนุ่มครั้งนี้ ทำให้หลินสวินตระหนักอย่างลึกซึ้งว่าอะไรที่เรียกว่าแรงกดดัน อะไรที่เรียกว่าอันตรายและยากเข็ญ
แน่นอนว่าสุดท้ายเขาก็ชนะ ยามได้ชัยชนะร่างกายเขาเกือบจะระเบิด บาดเจ็บสาหัสหาใดเปรียบ
แต่ถึงอย่างไร…
ก็ชนะแล้ว!
คลื่นพลังระเบียบที่คุ้นเคยปรากฏ กลายเป็นเงาร่างสายหนึ่ง ทันทีที่ปรากฏตัวก็กล่าวอย่างตรงไปตรงมา “เจ้าจากไปได้แล้ว”
หลินสวินชะงัก “ไม่มีแล้วหรือ”
ร่างระเบียบกล่าวด้วยเสียงที่ไม่มีคลื่นสะเทือนแม้แต่น้อย “เส้นทางแห่งระดับอริยะ เจ้าเป็นอันดับหนึ่งนับแต่อดีตถึงปัจจุบันนานแล้ว เส้นทางแห่งกึ่งจักรพรรดิก็เช่นกัน”
ในใจหลินสวินรู้สึกทอดถอนใจไปชั่วขณะ
นึกถึงเส้นทางวัฏจักรนิพพานครั้งนี้ เหตุการณ์ต่างๆ นั้นเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน
โลกกำลังภายใน เขากลายเป็นซูชิงหานคุณชายสามแห่งตระกูลซู แม้ก่อนหน้านี้จะฝึกปราณไม่ได้ แต่กลับได้รับการทะนุถนอมและดูแลจากคนในตระกูล
ยังมีชิงจู๋ เฉียนอวี้หลิว เนี่ยเหิงด้วย…
โลกจิตผสานวิญญาณ กลายเป็นขอทานข้างถนน ตื่นขึ้นมากลางพายุหิมะ ข้นแค้นขัดสน ไม่มีบิดามารดา ไร้ที่พึ่งพิง
โลกมหาสมุทรวิญญาณ กลายเป็นหลันอวี่ชิงบัณฑิตหนุ่มที่เกิดมายากจน มีใจกตัญญูบริสุทธิ์ เมตตาอ่อนโยน ทำให้หลินสวินชื่นชมยิ่งนัก
โลกหยั่งสัจจะ กลายเป็นเหลียงเซียวลูกผู้ดีเจ้าสำราญ
โลกกระบวนแปรจุติ กลายเป็นอวิ๋นฉางคงเด็กหนุ่มบ้านนอกที่ช้ำใจเพราะความรัก
…แต่ละโลก แต่ละประสบการณ์ชีวิต เหมือนภาพฝันที่น่าเหลือเชื่อมากมาย แต่กลับเป็นความจริง
หลินสวินจิตใจสั่นไหวครู่ใหญ่แล้วกล่าว “นี่… ก็คือวัฏจักรหรือ”
ร่างระเบียบเงียบสนิท
หลินสวินเหมือนกล่าวกับตัวเอง “วัฏจักร หากนี่ก็เป็นระเบียบมหามรรคที่สูงส่งอย่างหนึ่ง ย่อมน่าจะเกี่ยวข้องกับพลังของเวลากระมัง”
“นิพพาน โชคชะตา วัฏจักร กาลเวลา… พลังระเบียบเช่นนี้พาให้คนลุ่มหลงจริงๆ…”
เนิ่นนานกว่าแววตาของหลินสวินจะกลับมาใสกระจ่าง “ภายหน้าข้าต้องมองทะลุนัยเร้นลับของวัฏจักรนี้ให้ได้!”
ผ่านไปเจ็ดปี หลินสวินออกจากโลกวัฏจักร
…
ทุ่งรกร้างไร้ขอบเขต ความเยียบเย็นแผ่กว้าง
สูงขึ้นไปเหนือฟ้า กำแพงเมืองแห่งหนึ่งทอดผ่านเหนือฟ้าดารา สูงตระหง่านโดดเด่นหาใดเปรียบ ทอดยาวติดต่อกันราวกับไม่มีที่สิ้นสุด
มันใหญ่โตเกินไปแล้ว ดวงดาวที่อยู่ใกล้กำแพงเมืองนั้นล้วนเปลี่ยนเป็นเล็กจ้อยดุจแสงโคม!
บนกำแพงเมือง ในแต่ละช่วงระยะห่างที่กว้างไกลจะมีป้อมปราการแห่งหนึ่งปรากฏ ในป้อมปราการแต่ละแห่งล้วนมีสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิคนหนึ่งประจำการอยู่
ตูม!
ในส่วนลึกของฟ้าดารา สัตว์ยักษ์ขนาดมหึมาราวกับผืนดินลอยได้ตัวหนึ่งเคลื่อนขวางเข้ามา นัยน์ตาที่เบิกกว้างนั้นส่องประกายดั่งดวงตะวันสองดวง
กลิ่นอายของมันเหี้ยมเกรียมและเยียบเย็น ยามร่างกายเคลื่อนผ่าน ดวงดาวระหว่างทางมากมายระเบิดแหลก สาดแสงงามตระการออกมา
มองจากไกลๆ ก็เหมือนว่าในฟ้าดารามีดอกไม้ไฟมากมายบานสะพรั่ง งดงามตระการตา
ในตำนานโบราณ มีผู้เก่งกาจฟันดวงดาวให้ร่วงหล่นได้ในกระบี่เดียว
แต่ตอนนี้สัตว์ยักษ์ฟ้าดาราตัวนั้นแค่เคลื่อนไหวร่างกาย ก็บดขยี้ดวงดาวได้อย่างง่ายดาย!
“ฆ่า!”
สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิคนหนึ่งยืนอยู่บนป้อมปราการ แขนเสื้อทั้งสองสะบัดไปมา ผมเผ้าหนวดเคราพลิ้วไหวกลางสายลม ยามกะพริบตาจะเผยประกายวาววามน่าพรั่นพรึง
กระทั่งสัตว์ยักษ์ฟ้าดารานั้นเข้ามาใกล้ ในแขนเสื้อที่โบกสะบัดนั้นของเขามีแสงดาบที่ปิดฟ้าคลุมตะวันสายหนึ่งพุ่งขึ้นมา ความยาวหลายพันจั้ง ฟันออกไปอย่างเดือดดาล
ฟุ่บ!
แสงดาบสะเทือนใต้หล้า ทำให้ดวงดาวต่างมืดสลัว
ศึกใหญ่ปะทุขึ้นด้วยเหตุนี้
“มาอีกแล้ว…”
ในป้อมปราการแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจุดนี้ไปหลายหมื่นลี้ ชายชุดเหลืองคนหนึ่งเห็นภาพนี้อยู่ในสายตาแล้วอดทอดถอนใจไม่ได้
เจ็ดปีแล้ว
ในเจ็ดปีนี้บุคคลระดับจักรพรรดิที่มาจากทั่วฟ้าดาราเข้าสู่แดนปรินิพพานอย่างพวกเขา ล้วนประจำการอยู่บนกำแพงเมืองหมื่นมรรคแห่งนี้
ทุกช่วงเวลาหนึ่งจะพบเจอการโจมตีจาก ‘ทัพสัตว์’ ครั้งหนึ่ง
ที่เรียกว่าทัพสัตว์ ก็คือสัตว์ประหลาดฟ้าดาราที่มาจากส่วนลึกของฟ้าดารานั่น ทุกครั้งที่ปรากฏตัว อย่างน้อยคือหลายสิบ อย่างมากคือนับร้อย
สัตว์ประหลาดฟ้าดาราแต่ละตัวล้วนมีพลังแข็งแกร่งที่เคลื่อนผ่านฟ้าดาราได้ ตัวที่อ่อนแอที่สุดสามารถเทียบได้กับระดับจักรพรรดิขั้นหนึ่ง
ส่วนตัวที่น่ากลัวบางส่วน ถึงขั้นมีรากฐานพลังที่เหนือกว่าระดับจักรพรรดิขั้นหก!
ที่โชคดีคือบนกำแพงเมืองหมื่นมรรคนี้ปกคลุมด้วยพลังระเบียบต้นกำเนิดของทางเดินโบราณฟ้าดารา ราวกับยอดกระบวนผนึกแห่งหนึ่งโดยธรรมชาติ
ยามเผชิญหน้ากับการโจมตีของทัพสัตว์ สามารถช่วยระดับจักรพรรรดิที่ประจำอยู่ในป้อมปราการพวกนั้นไปล่าสัตว์ประหลาดฟ้าดาราเหล่านั้นได้
หากไม่เป็นเช่นนี้ ชายชุดเหลืองก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเฒ่าชราระดับจักรพรรดิอย่างพวกเขา จะยืนหยัดอยู่ที่นี่มาได้นานถึงเจ็ดปีหรือไม่
“ฮ่าๆๆ ข้าทะลวงขั้นแล้ว!”
ทันใดนั้นในจุดที่ไกลออกไปมีเสียงหัวเราะร่าดังก้องขึ้น เจือความปิติยินดีหาใดเปรียบ สะท้อนอยู่เหนือกำแพงเมืองหมื่นมรรค
ระดับจักรพรรดิที่กระจายกันอยู่ในป้อมปราการอื่นต่างรับรู้ได้ทันที ล้วนเผยสีหน้าต่างกันออกไป บ้างอิจฉาและบ้างมุ่งหวัง
ชายชุดเหลืองก็เผยสีหน้าอิจฉาเสี้ยวหนึ่ง
บนกำแพงเมืองหมื่นมรรคนี้ ยิ่งมีสัตว์ประหลาดฟ้าดาราโจมตีมากเท่าไร ประโยชน์ที่ได้รับก็ยิ่งมาก
และผลประโยชน์พวกนี้ เกือบทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับมรรคาที่ระดับจักรพรรดิเสาะหา!
เจ็ดปีมานี้ อย่างน้อยชายชุดเหลืองก็เป็นพยานเห็นการทะลวงปราณของระดับจักรพรรดิมาสามสิบห้าคนแล้ว หากอยู่ที่ทางเดินโบราณฟ้าดารา ต้องเป็นเรื่องที่ไม่กล้าจินตนาการแน่
ต้องรู้ว่าหนทางแห่งระดับจักรพรรดิ ทุกก้าวย่างเหมือนตะกายขึ้นฟ้า อันตรายและยากลำบาก
ระดับจักรพรรดิส่วนใหญ่ใช่ว่าจะทะลวงระดับได้ในร้อยพันปี
ต่อให้เป็นบุคคลในตำนานที่ฝีมือเลิศล้ำอัศจรรย์ คิดจะทะลวงปราณในเวลาสั้นๆ ไม่กี่ปีก็แทบเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
แต่บนกำแพงเมืองหมื่นมรรคนี้ ทุกอย่างล้วนเต็มไปด้วยความเป็นไปได้!
นี่ก็คือ ‘หนทางสู่นิพพาน’ ของระดับจักรพรรดิ
………………………..