เวลาสามวัน ป้อมปราการของหลินสวินก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ศพขนาดใหญ่ของสัตว์ประหลาดฟ้าดาราที่ราวกับวัวดำตัวนั้นถูกเขาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่
กระดูกและผิวหนังหลอมเป็นธงกระบวน รวมทั้งหมดสี่พันเก้าร้อยชิ้น กระจายอยู่รอบๆ ป้อมปราการ ตอนที่ฝึกปราณสามารถใช้กระบวนรอยสลักวิญญาณขนาดใหญ่ได้
ตอนที่ต่อสู้ สามารถจัดเรียงใหม่เป็น ‘กระบวนสังหารไร้ชีพ’ ได้
แหล่งกำเนิดพลังของกระบวนค่ายกล ดูดมาจากไอวิญญาณแรกกำเนิดที่กระจายอยู่ในฟ้าดารา ภายใต้การโคจรเต็มกำลัง กระบวนสังหารไร้ชีพสามารถยืนหยัดได้หนึ่งเค่อ
สิ่งที่ทำให้หลินสวินเสียดายคือ พลังระเบียบบนกำแพงเมืองหมื่นมรรคสูงส่งและคลุมเครือเกินไป ไม่สามารถถูกใช้ได้ ไม่เช่นนั้นอานุภาพของกระบวนสังหารไร้ชีพจะต้องเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีแน่
แก่นพลังในเลือดและเครื่องในถูกหลินสวินนำมาหลอมเป็น ‘ลูกกลอนกำเนิดโลหิต’ เก้าสิบเก้าเม็ด เทียบได้กับผลึกต้นกำเนิดมหามรรค สามารถเสริมพลังกายที่เสียไปได้อย่างรวดเร็ว
ฟันและเขาเดี่ยวถูกหลินสวินหลอมเป็นกระบี่กระดูกชุดหนึ่ง กระบี่กระดูกทุกเล่มล้วนสลักกระบวนค่ายกลลายมรรคแน่นขนัด
น่าเสียดายก็แต่บนกำแพงเมืองหมื่นมรรคแห่งนี้ วัตถุภายนอกและพลังนอกทั้งหมดล้วนไม่สามารถใช้ได้
บนตัวหลินสวิน เจตวัตถุจำนวนมหาศาลเอาออกมาไม่ได้ ตอนที่หลอมกระบี่กระดูกชุดนี้ วัตถุดิบจึงมีจำกัด ยามหลอมสำเร็จอานุภาพก็จำกัดอย่างมาก
หรือพูดอีกอย่างว่า กระบี่กระดูกชุดนี้นับได้ว่าเป็นกระบี่กึ่งสำเร็จที่ไม่สมบูรณ์เท่านั้น
หลินสวินตั้งใจว่าหลังจากนี้หากสามารถล่าสัตว์ประหลาดฟ้าดาราได้มากกว่านี้ จะหลอมกระบี่กระดูกต่อไปเรื่อยๆ
สำหรับชิ้นเนื้อของสัตว์ประหลาดฟ้าดาราที่ราวกับวัวดำนั่น… อืม ถูกหลินสวินทำเป็นอาหารแล้ว
สรุปแล้วสัตว์ประหลาดฟ้าดาราที่เทียบได้กับระดับจักรพรรดิขั้นสองตัวนี้ เป็นสมบัติทั้งตัว นำมาหลอมลวกๆ ก็ได้เจตวัตถุที่เทียบได้กับระดับจักรพรรดิจำนวนมากแล้ว
กลิ่นหอมเนื้อย่างที่น่าเย้ายวนคละคลุ้ง ตรงหน้าป้อมปราการกองไฟลุกโชน ด้านบนวางเนื้อเสียบไม้แถวหนึ่ง ชิ้นเนื้อที่นุ่มสดถูกเสียบด้วยกระดูก พอไฟจากเพลิงมรรคอัศจรรย์ย่างไป เนื้อเสียบไม้เหล่านั้นก็ค่อยๆ สุกและส่งมันเยิ้มออกมา โรยด้วยผงเกล็ดตากแห้งก็ส่งกลิ่นหอมที่ชวนให้น้ำลายไหลแล้ว
หลินสวินนั่งอยู่หน้ากองเพลิง ย่างเนื้ออย่างจดจ่อ
เนื้อของสัตว์ประหลาดฟ้าดาราที่ราวกับวัวดำนี้แม้จะเลิศรสหาที่เปรียบไม่ได้ แต่ก็แข็งมาก ต้องใช้เพลิงที่เผด็จการไร้ที่เปรียบอย่างเพลิงมรรคอัศจรรย์ย่าง จึงจะสามารถสลายแก่นพลังตามธรรมชาติที่สั่งสมอยู่ในชิ้นเนื้อได้ทีละน้อย
ได้กลิ่นหอมเตะจมูกนั่น หลินสวินเองก็น้ำลายไหล หลายปีแล้วที่เขาไม่ได้ย่างเนื้อกินอย่างตั้งใจขนาดนี้…
ไม่นานหลินสวินก็กัดเนื้อเสียบไม้ชิ้นหนึ่งออกมา ยามเคี้ยวเข้าปาก ต่อมรับรสตรงปลายลิ้นราวกับถูกคลาย ความอร่อยของเนื้อย่างแผ่อยู่ในปาก เคลิ้มจนหลินสวินถึงขั้นหรี่ตา
เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเนื้อของสัตว์ประหลาดฟ้าดาราจะอร่อยขนาดนี้ สิ่งเดียวที่เสียดายคือเครื่องปรุงไม่พอ ไม่เช่นนั้นรสชาติของเนื้อย่างจะอร่อยไปอีกขั้น
“หากมีเหล้าจะดียิ่งกว่า…” หลินสวินถอนหายใจ เขามีน้ำเต้าสุรา ประเด็นคือในแดนปรินิพพานไม่สามารถเอาออกมาได้
“เจ้า… เอื๊อก เนื้อย่างนี่ไม่เลวนะ…”
เสียงของจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงดังขึ้น ในป้อมปราการอีกหลัง เขาจ้องจนตาแทบถลน กลืนน้ำลายไม่หยุด จิตสัมผัสวิญญาณของเขายิ่งรู้สึกถึงรสชาติอันยั่วยวนของเนื้อย่างแต่ละไม้
เขาชื่นชมไม่ขาดปาก “อาหารระดับนี้เรียกได้ว่าสุดยอดในทั่วหล้าอย่างแน่นอน หากสามารถใส่ผงพริกไทยแดงวิญญาณสวรรค์ ทาน้ำมันวิญญาณห้ารสที่หลอมจากงูปาเสอระดับกึ่งจักรพรรดิ เสริมด้วยเกลือม่วงหยาดน้ำค้างดาราที่ผลิตในโลกหลุมดำ รสชาติจะต้องมหัศจรรย์กว่าอย่างแน่นอน”
ว่าแล้วน้ำลายของเขาก็เกือบไหลออกมา
หลินสวินอดประหลาดใจไม่ได้ เฒ่าชรานี่เป็นนักกินชั้นยอดอย่างแน่นอน ถึงขั้นวิเคราะห์ส่วนผสมและเครื่องปรุงรสขนาดนี้ คนทั่วไปไม่มีทางพิถีพิถันขนาดนี้แน่
จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงรีบพูดว่า “สหายน้อย วัตถุดิบนี่เหลือให้ข้าหน่อย รอแดนปรินิพพานสิ้นสุดลง ข้าเอาสมบัติมาแลกกับเจ้า”
“ยังมีกระดูกก็เหลือไว้หน่อยด้วย สามารถเคี่ยวน้ำแกงที่บำรุงร่างกายได้”
“อืม ไตล่ะ ไตยังไม่ได้ทิ้งใช่ไหม หึๆๆ ของนี่ล้ำค่ามาก เหลือให้ข้าด้วย…”
หลินสวิน “??”
เขาเกือบจะสงสัยแล้วว่าจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงมาจากเผ่าเทาเที่ย[1] เดินบนมรรคางานครัวหรือเปล่า…
“สหายยุทธ์ นี่เจ้าจะมาถกเรื่องอาหารกับข้าหรือ” หลินสวินกินเนื้อย่างคำใหญ่พลางเอ่ยถาม
จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงร้องเอ้อคำหนึ่ง แล้วถึงพูดว่า “ก็ไม่ขนาดนั้น ข้าไม่ใช่ว่างจนเบื่อหรือ ถึงอยากคุยกับเจ้าสักหน่อย”
หลินสวินกัดเนื้อย่างต่อ “อืม เจ้าว่ามา”
จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงมองหลินสวินที่กินคำใหญ่ กินอย่างเพลิดเพลินแล้วกลืนน้ำลายอีกครั้ง
เขาสูดหายใจลึกๆ กลืนน้ำลาย ถึงค่อยพูดอย่างไม่อภิรมย์ “หยุดกินก่อนได้ไหม จงใจยั่วน้ำลายข้าหรือ”
หลินสวินกินจนเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว หยิบกระดูกชิ้นบางขึ้นมาแคะฟันอย่างพอใจ “อืม เสร็จแล้ว อยากคุยอะไรล่ะ”
จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงเพิ่งจะอ้าปาก คำพูดที่อยู่ข้างปากกลับพูดไม่ออก งึมงำอย่างไม่พอใจ “ยังจะคุยอะไรอีก ไม่มีอารมณ์แล้ว คราวหน้าค่อยคุย”
หลินสวินยิ้ม เจ้าเฒ่าเฟิงหลิงนี่… นับว่าไม่เลว
ตอนนี้เองในส่วนลึกของฟ้าดาราที่อยู่ห่างออกไป จู่ๆ ก็ปรากฏเงาดำแน่นขนัด บดบังดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับ
“เอ๊ะ! สามวันก่อนเพิ่งมีทัพสัตว์ขนาดเล็กบุกมา เหตุใดตอนนี้มาอีกแล้ว”
เสียงของจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงดังขึ้น แฝงความประหลาดใจ
“แปลกมากหรือ”
หลินสวินถาม
“ในเจ็ดปีที่ผ่านมา อย่างน้อยก็เจ็ดวันจึงจะมีการโจมตีของทัพสัตว์ครั้งหนึ่ง หากยาวหน่อยสิบวันหรือครึ่งเดือนก็ยังไม่เห็นสักครั้ง”
จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงพูดถึงตรงนี้ จู่ๆ ก็ส่งเสียงร้องประหลาดคราหนึ่ง “ไม่ถูกต้อง ครั้งนี้เหตุใดจึงมีสัตว์ประหลาดฟ้าดารามากมายขนาดนี้”
ส่วนลึกของฟ้าดารา เงาดำอันแน่นขนัดเคลื่อนตัวเข้ามาราวกับน้ำหมึกสีดำเข้มที่กระจายตัว เมื่อเข้าใกล้ร่างของเงาดำเหล่านั้นก็ค่อยๆ ใหญ่ขึ้น…
พวกมันราวกับกระแสน้ำ ท่วมทับฟ้าดารา ทุกที่ที่ผ่านดวงดาวนับไม่ถ้วนถูกกลบทับ กลายเป็นเล็กจ้อยไม่สะดุดตา
หลินสวินนัยน์ตาหดรัด นี่… อย่างน้อยต้องมีหลายร้อยตัว! เรียกได้ว่าเป็นทัพสัตว์ขนาดใหญ่ที่พบเห็นได้ยากแล้ว!
“สมควรตาย จะเกิดศึกดุเดือดอีกครั้งแล้ว!”
“เมื่อก่อนทุกครั้งที่มีทัพสัตว์ขนาดนี้ จะต้องมีระดับจักรพรรดิร่วงหล่น ครั้งนี้…”
“แย่แล้ว รีบเตรียมพร้อมต่อสู้!”
บนกำแพงเมืองหมื่นมรรคในตอนนี้ ระดับจักรพรรดิทุกคนล้วนตกใจ สีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความจริงจัง
เจ็ดปีมานี้ทัพสัตว์ขนาดใหญ่เช่นนี้เคยเกิดขึ้นไม่กี่ครั้งเท่านั้น แต่ทุกครั้งจะต้องนำมาซึ่งความตาย!
บรรยากาศกดดันขึ้นมา
กำแพงเมืองหมื่นมรรคที่ทอดตัวพาดขวางกลางฟ้าดาราเสมือนแนวป้องกันยาว ตอนนี้ก็แผ่คลื่นพลังระเบียบออกมาเป็ฯระลอก
“สหายน้อย ครั้งนี้เจ้าจะต้องระวังสักหน่อยจริงๆ” จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงสีหน้าจริงจัง
เขาเห็นแล้วว่าสัตว์ประหลาดฟ้าดาราจำนวนหนึ่งพุ่งมายังบริเวณที่เขากับหลินสวินอยู่ แต่ละตนกลิ่นอายเย็นชาเหี้ยมโหด น่ากลัวจนทำให้หนังหัวชาวาบ
หลินสวินพยักหน้าน้อยๆ ลุกขึ้นจากพื้นเดินมาอยู่หน้าป้อมปราการ เงาร่างสง่างามราวกับทวนยาว เสื้อผ้าโบกสะบัดจนเกิดเสียง
“แย่แล้ว เหตุใดเดรัจฉานพวกนั้นถึงโจมตีมาทางพวกเราทั้งหมด”
ไม่ทันไรจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงก็สังเกตเห็นความผิดปกติ ตกใจจนนัยน์ตาหดรัด แทบไม่กล้าเชื่อ
หลินสวินเองก็สังเกตเห็นเช่นกัน สัตว์ประหลาดฟ้าดารามากมายเหล่านั้นฝูงฉลามได้กลิ่นเลือด พุ่งทะยานมาทางเขา
ภาพนี้สามารถทำให้คนสิ้นหวังได้จริงๆ!
ผู้แข็งแกร่งที่กระจายตัวอยู่ในบริเวณอื่นของกำแพงเมืองหมื่นมรรคก็สังเกตเห็นภาพอันแปลกประหลาดนี้เช่นกัน แต่ละคนต่างประหลาดใจไม่สามารถสงบได้
นี่มันสถานการณ์อะไรกัน
ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดฟ้าดารามาเจ็ดปี ทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิทุกคนต่างรู้ชัด ว่าสัตว์ประหลาดระดับนี้แม้พลังต่อสู้แข็งแกร่งยิ่งยวด แต่กลับมีเพียงการรับรู้โดยสัญชาตญาณเท่านั้น ไม่มีสติปัญญา
แต่ตอนนี้พวกมันกลับรวมตัวพุ่งไปยังตำแหน่งเดียวกัน ที่ผ่านมาเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ตูม!
บนกำแพงเมืองหมื่นมรรค พลังระเบียบกลายเป็นกระแสน้ำซัดสาด พุ่งสู่ฟ้าดารา ชั่วพริบตาก็ซัดสัตว์ประหลาดฟ้าดาราหลายร้อยตัวที่เกาะกลุ่มกันมาให้กระจายออก
เห็นได้ชัดว่าพลังระเบียบของกำแพงเมืองหมื่นมรรคก็สัมผัสถึงอันตราย เริ่มการโต้ตอบป้องกัน
ภาพนี้ทำให้ระดับจักรพรรดิไม่น้อยโล่งอก โชคดีที่ที่นี่คือกำแพงเมืองหมื่นมรรค สัตว์ประหลาดเหล่านั้นอยากรวมตัวพุ่งชนแนวป้องกัน จะต้องพบเจอการโต้ตอบของกำแพงเมืองหมื่นมรรคอย่างแน่นอน
ทว่าสิ่งที่ทำให้คนมากมายผิดคาดคือ สัตว์ประหลาดฟ้าดาราที่ถูกกระแทกกระจายออกไปเหล่านั้นไม่ได้ถอยทัพ และไม่ได้พุ่งไปยังบริเวณอื่นๆ หลังจากทรงตัวได้ก็พุ่งมายังทิศทางเดิมอีกครั้ง
“เดรัจฉานพวกนี้ต้องถูกคนชี้นำอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นไม่มีทางบ้าคลั่งเช่นนี้!” มีสัตว์ประหลาดเฒ่าใจสั่น วิเคราะห์ออกมา
“แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะถูกสหายยุทธ์คนใดดึงดูด ทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้…”
หลายคนประหลาดใจไม่หยุด
นี่น่ากลัวเกินไป เจ็ดปีที่ผ่านมาเป็นครั้งแรกที่เกิดเรื่องประหลาดเช่นนี้
“จบสิ้นแล้ว…”
และตอนนี้จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงสีหน้าย่ำแย่ ใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม สัตว์ประหลาดฟ้าดาราแน่นขนัดเหล่านั้น แม้พบเจอแรงโจมตีของพลังระเบียบกำแพงเมืองหมื่นมรรค แต่ก็ยังคงพุ่งสังหารเข้ามามากมาย
เงาร่างที่ใหญ่โต กลิ่นอายที่เย็นชาโหดเหี้ยมนั่นเข้าปกคลุมพื้นที่แถบนี้ทั้งหมดแล้ว
จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงเป็นบุคคลระดับจักรพรรดิขั้นสี่ ทั้งชีวิตเข่นฆ่ามานับไม่ถ้วน เห็นคลื่นลมจนชินตานานแล้ว
ทว่าชั่วขณะนี้เขากลับสั่นไปทั้งตัว!
เขาถึงขั้นมองเห็นว่า ในบรรดาสัตว์ประหลาดฟ้าดาราที่พุ่งมา ยังมีพวกน่ากลัวที่เทียบได้กับระดับจักรพรรดิขั้นห้า!
“นี่… จะสู้อย่างไร”
“ดูท่าวันนี้เฒ่าชราอย่างข้าจะต้องตายที่นี่แล้ว…”
จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงเอ่ยปากอย่างขมขื่น ที่นี่คือกำแพงเมืองหมื่นมรรค เป็นเส้นทางนิพพานของระดับจักรพรรดิ ไม่ถึงสิบปีไม่มีใครสามารถจากไปได้
นี่ก็หมายความว่า เขาทำได้เพียงเฝ้าอยู่ที่นี่จนตาย ต่อสู้อย่างสุดชีวิต!
“สารเลวพวกนี้ แม้ข้าตายก็จะต้องลากพวกเจ้าลงหลุมไปด้วย!” จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงลอบกล่าวกับตัวเองอย่างเหี้ยมเกรียม
แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจคือ เหล่าสัตว์ประหลาดฟ้าดาราที่พุ่งมาบริเวณนี้ มองข้ามตัวตนของเขาโดยสิ้นเชิง ทะยานไปอีกด้าน
จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงที่เตรียมสู้สุดชีวิตแล้วพลันอึ้งงัน สีหน้าเปลี่ยนไปทันที ร้องเสียงหลง
“สหายน้อย ระวังนะ…!”
เขามองออกอย่างสิ้นเชิงแล้ว ว่าสัตว์ประหลาดฟ้าดาราที่พุ่งมาเหล่านั้น ถึงกับพุ่งไปยังป้อมปราการที่หลินสวินอยู่
นี่ทำให้เขาไม่กล้าเชื่อ
กึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งเท่านั้นะ จะดึงดูดความสนใจของสัตว์ประหลาดฟ้าดารามากมายขนาดนี้ได้อย่างไร
หรือเพราะก่อนหน้านี้เขากิน…
ปิ้งย่างไปมื้อหนึ่งหรือ
แน่นอนว่าจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงรู้ว่าการคาดเดานี้เหลวไหลมาก แต่เขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่าหลินสวินมีตรงไหนที่สะดุดตาเกินไป ถึงได้ชักนำเคราะห์สังหารที่น่ากลัวเช่นนี้มา
——
[1] เทาเที่ย เป็นหนึ่งในลูกมังกรทั้งเก้าตามตำนานเทพโบราณของจีน ลำตัวคล้ายหมาป่า นิสัยตะกละตะกลามและดุร้าย มักใช้เป็นลายประดับกระถางสำริดหรือภาชนะเซ่นไหว้