Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2181 ข้าจะยืนอยู่เบื้องหน้าเจ้าตลอดไป

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2181 ข้าจะยืนอยู่เบื้องหน้าเจ้าตลอดไป

การต่อสู้ครั้งนี้ดำเนินมาสามเค่อแล้ว

ความอันตราย ยากลำบาก คาวเลือด เต็มไปด้วยบรรยากาศปานกดดันและสิ้นหวัง

สัตว์ประหลาดฟ้าดาราที่ตายในมือของหลินสวินและซย่าจื้อ อย่างน้อยก็สามร้อยตัวแล้ว ในนั้นไม่ขาดตัวที่เทียบเท่าระดับจักรพรรดิขั้นห้าและหก

และคนที่สังหารพวกร้ายกาจเหล่านี้ล้วนเป็นซย่าจื้อ

ใครต่างรู้ดี ว่าถ้าไม่ใช่เพราะมีซย่าจื้อ หลินสวินคนเดียวไม่มีทางยืนหยัดมาถึงตอนนี้ได้

แต่ตอนนี้ไม่มีกระบวนสังหารไร้ชีพและกระบวนค่ายกลมรรคสิ้นฟ้าอาสัญแล้ว แม้แต่ซย่าจื้อยังเต็มไปด้วยบาดแผล…

สถานการณ์อันตรายอย่างที่สุด!

เสียงที่เผยความสะใจเหล่านั้นยังคงดังขึ้น อีกทั้งยิ่งพูดยิ่งรุนแรง

จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงไฟสุมอก แต่ทำได้เพียงมองดูตาปริบๆ!

ทว่าทั้งหมดนี้เสมือนไม่ส่งผลกระทบต่อชายหญิงที่ยังคงอาบเลือดเข่นฆ่า

“เมื่อก่อนบาดแผลที่ข้าเคยได้รับรุนแรงกว่านี้ อันตรายที่ประสบก็ทำให้คนสิ้นหวังยิ่งกว่าตอนนี้ ดังนั้นเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงว่าข้าจะยืนหยัดไม่ไหว”

หลินสวินหายใจหอบ บนใบหน้าขาวซีดประดับด้วยรอยยิ้ม คล้ายกับต้องการพิสูจน์ให้ซย่าจื้อเห็น เขาจึงยิ่งเข่นฆ่าอย่างดุดันขึ้น

ความจริงเขาเพียงแค่เป็นห่วงว่าซย่าจื้อจะปกป้องตนโดยไม่สนอะไรเพราะเห็นว่าตนบาดเจ็บรุนแรง

“หลายปีมานี้ข้าผ่านการต่อสู้เป็นตายอย่างน้อยก็มากกว่าร้อยครั้ง หลับใหลและนิพพานมาสิบกว่าครั้งแล้ว ตอนที่ย่ำแย่ที่สุดเหลือเพียงร่างกายที่แตกหักและจิตวิญญาณที่กำลังจะดับสลายเท่านั้น”

ซย่าจื้อเอ่ยปาก เสียงกระจ่างยังคงราบเรียบเหมือนที่ผ่านมา “ดังนั้นเรื่องแบบนี้เจ้าอย่ามาแข่งกับข้า”

ยามพูดนางกวัดแกว่งทวนในมือ แทงทะลุหัวสัตว์ประหลาดฟ้าดาราตัวหนึ่ง เลือดสดสาดกระเซ็นราวกับกระแสน้ำ

หลินสวินคลี่ยิ้ม “แข่งอะไร แข่งความน่าอนาถหรือ พวกเรา… น่าอนาถพอแล้ว”

ตอนที่พูดมุมปากมีเลือดไหลออกมา

ซย่าจื้อเงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ต่อไปจะไม่เป็นแบบนี้อีกแล้ว”

กลิ่นอายรอบตัวนางอันตรายและดุดันกว่าเดิม แต่หลินสวินสังเกตเห็นว่าในฝ่ามือขวาขาวผ่องที่กำทวนกระดูกขาวอยู่ของนาง มีเลือดแดงสดไหลพราก…

นี่ทำให้ในใจเขาตื่นตระหนก

สัตว์ประหลาดฟ้าดาราที่รับมือยากที่สุดและน่ากลัวที่สุดนั่น ซย่าจื้อจัดการเพียงลำพังแทบจะทั้งหมด นางบาดเจ็บเพราะเหตุนี้ไปแล้วเท่าไหร่กันแน่

นางไม่พูด แต่หลินสวินกลับไม่สามารถทนให้สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินต่อไปได้อีก!

“รู้ไหม จำนวนครั้งที่ถูกเจ้าปกป้องมากขึ้น ในใจข้ากลับจะยิ่งไม่สบายใจ ข้าคิดมาตลอดว่าเมื่อไหร่ข้าหลินสวินจะสามารถไม่ต้องยืนอยู่ด้านหลังเจ้าอีกต่อไป”

หลินสวินสูดหายใจลึกคราหนึ่ง ดวงตาที่ประหนึ่งเต็มไปด้วยเลือดของหลินสวินเผยความแน่วแน่ “ตอนนี้ข้ามีคำตอบแล้ว ตั้งแต่นี้ไป ข้าจะยืนอยู่เบื้องหน้าเจ้าตลอดไป!”

กลิ่นอายอันตรายที่ไม่สามารถอธิบายได้แผ่ออกจากร่างที่เปื้อนเลือดและเต็มไปด้วยบาดแผลของหลินสวิน

เขาหันไปยิ้มให้ซย่าจื้อน้อยๆ “จำไว้ ตลอดไป!”

ตูม!

ราวกับทำลายพันธการสายหนึ่งบนร่างออกไป หลินสวินในตอนนี้ปลดปล่อยมรรควิถีทั้งตัวถึงที่สุด!

เสมือนเตาหลอมที่ผ่านการตีหลอมมานับพันครั้ง เดือดพล่าน ลุกโชน โคจรดุดันกลางลมคาวฝนเลือดนั้น!

“นี่…” จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงสั่นไปทั้งตัว เงยหน้าขึ้นโดยพลัน ก็เห็นเงาร่างสูงใหญ่ของหลินสวิน ตอนนี้ราวกับสุริยันดวงโตลุกโชนถึงที่สุด สาดแสงไร้จำกัด

“เจ้าหมอนี่คิดจะทำอะไร”

“ทะลวงระดับ!”

“น่าขัน! ใกล้ตายรอมร่อ ยังกล้าทะลวงระดับบรรลุจักรพรรดิ รนหาที่ตายจริงๆ!”

เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าบนกำแพงเมืองหมื่นมรรคต่างตกใจ สังเกตเห็นว่ากลิ่นอายบนร่างหลินสวินกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงน่าตกใจ

บรรลุจักรพรรดิ!

คำนี้ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันกักขังบุคคลโดดเด่นมาเท่าไรแล้ว

ตอนที่ทะลวงระดับนี้มีคนมากน้อยเท่าไรที่ร่วงหล่น

ในฐานะคนที่ผ่านมาก่อน สัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านี้รู้ดีว่าด่านการแจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดินี้น่ากลัวและอันตรายเพียงใด

หวนคิดถึงยามพวกเขาทะลวงระดับ ใครบ้างที่ไม่ได้เตรียมพร้อมอย่างดี ไม่เพียงต้องวางกระบวนค่ายกลล่วงหน้า ยิ่งต้องให้ผู้อาวุโสมากมายคุ้มครองอยู่ข้างๆ กลัวเพียงว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรยามทะลวงระดับ

แต่เจ้าหลินสวินนี่ ต่อสู้มาถึงตอนนี้ ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลแล้ว ใกล้เผชิญความตาย ตรงหน้ายิ่งมีทัพใหญ่สัตว์ประหลาดโจมตีเข้ามาราวกับกระแสน้ำ

ภายใต้สถานการณ์ที่อันตรายอย่างที่สุดนี้ เขากลับเลือกจะทะลวงระดับ นี่ไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย!

“ไม่ทะลวงระดับก็ตาย ทะลวงระดับก็ตาย เจ้าเศษเดนนี่เลือกทำเช่นนี้ตอนนี้ พิสูจน์ได้ชัดว่าเขาจนหนทางแล้ว จนตรอกสิ้น จำต้องเดิมพันทุกสิ่ง”

มีเฒ่าดึกดำบรรพ์เอ่ยเยาะ “น่าเสียดาย นี่ถูกกำหนดให้เป็นการดิ้นรนก่อนตาย!”

ตูม!

ตอนที่คุยกันนั้น กำแพงเมืองหมื่นมรรคที่ทอดยาวราวกับไร้สิ้นสุดขวางอยู่กลางฟ้าดาราพลันสะเทือนขึ้นมาในตอนนี้

ทันใดนั้นก็เห็นว่าในฟ้าดาราปรากฏเมฆเคราะห์สีดำไร้สิ้นสุด กลิ่นอายทำลายล้างที่อันตรายถึงชีวิตทับซ้อนกับพลังเคราะห์ระเบียบไร้เทียมทานอันคลุมเครือ แผ่ขยายออกมา

“โฮก!”

ทัพใหญ่สัตว์ประหลาดฟ้าดาราเหล่านั้นต่างแตกตื่น สัมผัสได้ถึงความน่ากลัวไร้สิ้นสุดด้วยสัญชาตญาณ

พวกมันส่งเสียงคำรามกึกก้อง ต่างหนีไปจากบริเวณนี้ หลบไปไกลไม่กล้าเข้าใกล้อีก

แต่พวกมันไม่ได้จากไป ดวงตาแดงฉานเย็นเยียบยังคงจ้องตำแหน่งที่หลินสวินอยู่อย่างไม่ละสายตา กระเหี้ยนกระหือรือ

หลินสวินไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้ เขาพูดกับซย่าจื้อ “อีกเดี๋ยวไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าอย่ายื่นมือเข้ามาเด็ดขาด รู้ไหม”

น้ำเสียงเขาอ่อนโยน

ซย่าจื้อเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เมฆเคราะห์ดำสนิทราวกับน้ำหมึก กลิ่นอายเคราะห์ระเบียบราวกับภูเขาถล่มมหาสมุทรซัดสาด ไหลเวียนอยู่ในห้วงอากาศ

กลิ่นอายระดับนั้น ทำให้นางเองยังรู้สึกหายใจไม่ออก

นางเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าน้อยๆ หมุนตัวออกไปไกล ขวางอยู่ตรงหน้าหลินสวินและสัตว์ประหลาดฟ้าดาราเหล่านั้น!

นางรู้ว่านี่เป็นเคราะห์ของหลินสวิน ต่อให้ตอนนี้สถานการณ์อันตรายอย่างที่สุด แต่นางยังคงทนให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันไม่ได้แม้แต่น้อย

หลินสวินยิ้ม สูดหายใจลึกคราหนึ่งก่อนเพ่งมองท้องฟ้า

เมฆเคราะห์ซัดสาด ราวกับแดนแรกกำเนิดแผ่ขยาย พลังระเบียบแห่งการทำลายล้างท่วมท้น เสมือนกำลังบ่มเพาะอะไรบางอย่าง

ในเวลาเดียวกันฟ้าดาราผืนนี้จมสู่บรรยากาศเงียบเชียบแปลกประหลาด เงียบสงัด แม้แต่สัตว์ประหลาดฟ้าดาราเหล่านั้นยังไม่กล้าคำราม

บนกำแพงเมืองหมื่นมรรค สัตว์ประหลาดเฒ่านับไม่ถ้วนขนลุก อกสั่นขวัญแขวน เมฆเคราะห์เป็นชั้นๆ นั่นแผ่เต็มฟ้าดารา ดำราวกับน้ำหมึก ประหนึ่งรัตติกาลหมื่นกาล กดดันจนพาให้คนหายใจไม่ออก

พวกเขาเคยทะลวงระดับบรรลุจักรพรรดิเช่นกัน ทว่าเคราะห์สวรรค์ที่ชักนำมา กลับไม่มีของใครที่รุนแรงขนาดนี้ ไม่ว่าพลังปราณของพวกเขาจะสูงหรือต่ำ จิตวิญญาณและสภาวะจิตล้วนสัมผัสได้ถึงความกดดันอย่างที่สุด

หลินสวินยืนอยู่เพียงลำพัง แม้เปื้อนเลือดและบาดเจ็บทั่วตัว แต่เขาเตรียมพร้อมแล้ว จะบรรลุมกุฎจักรพรรดิด้วยท่าทีที่แข็งแกร่งที่สุดบนฟ้าดาราแห่งนี้!

ครืน… ครืน…

เสียงฟ้าร้องหนักทึบเริ่มดังขึ้นในส่วนลึกของเมฆเคราะห์ ราวกับกลองศึกที่เทพไท้ตี กระแทกใจคนตรงๆ ทำให้ทรมานจนแทบกระอักเลือด

อานุภาพสวรรค์อันเข้มงวด หมายความถึงพลังแห่งฟ้า!

หลินสวินแววตานิ่งสงบ ไม่ดีใจหรือเสียใจ กายใจจิตวิญญาณล้วนจดจ่ออย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ราวกับทวนยาวเล่มหนึ่งชี้ขึ้นกลางอากาศ แหงนมองท้องฟ้าอย่างผงาดผยอง

เปรี้ยง!

บนชั้นเมฆ มีสายฟ้าสีเงินที่ยาวหลายพันจั้งพริบวาบปรากฏ ประหนึ่งกรีดผ่านเมฆาเคราะห์ดำ ส่องสว่างฟ้าดาราผืนนี้ บาดตาอย่างที่สุด

ชั่วพริบตา สายฟ้าสีเงินก็โจมตีบนตัวหลินสวิน ทำให้ร่างของเขาสั่นอย่างรุนแรง

นี่ไม่ใช่วิชามรรค แต่เป็นพรสวรรค์ที่แท้จริง แปรจากพลังต้นกำเนิดระเบียบ

ประกายสายฟ้าอันสว่างไสวผืนใหญ่ห่อหุ้มหลินสวินเอาไว้ คลื่นสายฟ้านั่น แผ่กล้ามเนื้อรอบตัวเขา ราวกับจะทำลายล้างพลังชีวิตทั้งตัวของเขา

หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ คราหนึ่ง ร่างกายราวกับหุบเหวใหญ่ ชั่วพริบตาก็คลี่คลายพลังสายฟ้าจนแหลกละเอียด

เขากระโดดขึ้น ก้าวเดินกลางอากาศ ผมดำพลิ้วไหว

ตูม โครม!

เมฆเคราะห์เกลือกกลิ้ง สายฟ้าแผลงฤทธิ์ ซัดจนฟ้าดาราผืนนี้สั่นไหว ชั่วพริบตา ก็มีสายฟ้านับร้อยพันสายลงมาเยือน รุนแรงเกินแล้ว ปรากฏเป็นแถบ ท่วมท้นตำแหน่งที่หลินสวินอยู่โดยตรง

หลินสวินต้านทานอย่างเต็มกำลัง ไม่กล้าประมาทใดๆ ขับเคลื่อนพลังต่อสู้ขั้นสุดของมรรคาสามสายอย่างหลอมปราณ หลอมกาย หลอมจิต

มหาเคราะห์ที่เรียกได้ว่าไร้เทียมทานนี้ หากเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ กลายเป็นขี้เถ้าไปนานแล้ว สายฟ้าสายใดผ่าลงมา ถึงขั้นสามารถคุกคามชีวิตของระดับจักรพรรดิคนหนึ่งได้อย่างรุนแรง

เพราะนี่เป็นเคราะห์ของหลินสวิน เป็นบทลงโทษสวรรค์ไร้เทียมทานที่ไม่เคยปรากฏตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

เพียงแค่มองจากระยะไกล สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิเหล่านั้นก็กลัวจนหน้าถอดสี ไม่ทันห่วงมีความสุขบนความทุกข์ขอคนอื่นแล้ว เพราะเคราะห์สวรรค์ระดับนี้ ทำให้พวกเขาเองก็รู้สึกสิ้นหวัง

น่ากลัวเกินไป!

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันแทบไม่เคยเห็นมาก่อน!

ทำให้ไม่กล้าจินตนาการเลยว่า บนโลกนี้มีเคราะห์แห่งการบรรลุจักรพรรดิที่น่ากลัวขนาดนี้ได้อย่างไร

ในระยะที่ไกลออกไปอีก กองทัพใหญ่สัตว์ประหลาดฟ้าดารานั่นถอยหลังไปอีกช่วงใหญ่ หลีกหนีไปไกล ถึงขั้นตัวสั่นระริกขึ้นมา ดวงตาที่แดงก่ำเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

เคราะห์สวรรค์ระดับนี้ ทำให้พวกมันต่างถูกสะท้านสะเทือน รู้สึกสิ้นหวัง

มีเพียงซย่าจื้อที่ยังยืนอยู่ตรงนั้น ชุดคลุมสีดำพลิ้วไหว ในดวงตาคู่ใสที่สว่างไสวยิ่งกว่าดวงดาว สะท้อนเงาร่างของหลินสวินที่ข้ามด่านเคราะห์อยู่ไกลออกไป

ไม่มีใครสนใจความปลอดภัยของหลินสวินกว่านางแล้ว

ตูม โครม! ตูม โครม!

ฟ้าดินสั่นไหว สายฟ้าซัดโจมตี ส่วนลึกของเมฆเคราะห์ กลิ่นอายพิบัติเคราะห์ที่เป็นคลื่นราวกับปะทุอย่างบ้าคลั่งโดยสิ้นเชิง สายฟ้าที่หนาใหญ่และสว่างไสวมากมาย ราวกับแส้เทพระเบียบมากมายดิ่งลงมา กำลังสะท้านโลก!

เพียงชั่วพริบตา หลินสวินก็กระอักเลือด เนื้อตัวแตกยับ เผ้าผมยุ่งเหยิง สายฟ้าลอดผ่านบนกล้ามเนื้อ ทำให้เขาเลือดสดหยดไม่หยุด ย่ำแย่อย่างที่สุด

แต่สายตาของเขายังคงแน่วแน่ สีหน้ายังคงไม่สุขไม่ทุกข์ ราวกับทวนที่ไม่อาจถูกทำลาย เข่นฆ่าและต่อสู้กับเคราะห์สายฟ้าทั่วฟ้า

ในการเผชิญกับเคราะห์สวรรค์ เขารับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า พลังที่เกิดขึ้นใหม่นี้ปรากฏในการชำระล้างของสายฟ้า หล่อเลี้ยงบาดแผลของเขา

รูขุมขนทั้งหมดของเขาเปล่งแสง สายฟ้ากะพริบ นี่เป็นการทำลายอย่างหนึ่งและเป็นการฝึกอย่างหนึ่ง ทำให้กายใจจิตวิญญาณของเขาล้วนถูกตี

หลินสวินเคยฝึกมหาคัมภีร์อสนีดับสูญ เมื่อก่อนยิ่งผ่านการต่อสู้เคราะห์สวรรค์มาไม่รู้เท่าไหร่ ย่อมรู้ดีว่า ภายใต้เคราะห์อสนี มาพร้อมกับการทำลายล้างครั้งใหญ่ แต่ก็มีมหานิพพาน!

ข้ามผ่านได้ ก็สามารถทะลวงระดับ เปลี่ยนระดับใหม่ ก้าวสู่มรรคาที่สูงกว่า

หากไม่สามารถข้ามผ่านได้ ก็จะเจอกับจุดจบวิญญาณสลาย กลายเป็นขี้เถ้าล่องลอย

ฮูว…

ในที่สุดหลินสวินก็ถอนหายใจยาว การโจมตีระเบิดอันบ้าคลั่งที่แปรจากสายฟ้าสีเงินหลายพันสาย ถูกเขาต้านทานไว้ได้

เพียงแต่ ไม่ให้โอกาสหลินสวินได้หยุดพัก ในส่วนลึกของเมฆเคราะห์สีดำสนิทราวกับหมึกนั่น จู่ๆ ก็ปรากฏแสงสว่างที่ราวกับเลือดแถบหนึ่ง แปลกประหลาดบาดตา

นั่นเห็นได้ชัดว่าเป็นเคราะห์อสนีสีเลือด กลายเป็นรูปร่างกระบี่ดาบแน่นขนัด!

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท