Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2207 พวกเล่นละครเก่ง

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2207 พวกเล่นละครเก่ง

ตอนที่ 2207 พวกเล่นละครเก่ง

คำพูดนี้ของจักรพรรดิสงครามเซวี่ยสิง ทำให้เหล่าบุคคลสำคัญที่เดิมคิดถอยหลบพวกนั้นหน้าแทบเขียวคล้ำแล้ว

พวกเขาแค่มาร่วมชมพิธี!

ต่อให้มีมิตรภาพแน่นแฟ้นกับเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่ง แต่ศัตรูในครั้งนี้… เป็นมกุฎมหาจักรพรรดิที่พลานุภาพร้ายกาจสะท้านฟ้าดาราคนหนึ่ง

บุคคลร้ายกาจแห่งยุคที่ฆ่าระดับจักรพรรดิในแดนปรินิพพานไปไม่รู้เท่าไหร่!

ต่อให้ถูกล้อมโจมตีจากระดับจักรพรรดิขั้นห้าและขั้นหกมากมายก็รอดชีวิตออกมาจากแดนปรินิพพานได้ คนเช่นนี้ใครจะกล้าล่วงเกินง่ายๆ

ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่ได้มาแค่คนเดียว!

หญิงสาวชุดดำนั่น หมาขนทองที่เผยความเหี้ยมเกรียมนั้น ไม่มีสักคนที่เป็นพวกธรรมดา!

แต่จักรพรรดิสงครามเซวี่ยสิงกลับอ้างชื่อจักรพรรดิสวรรค์ดำรงมาขู่พวกเขา กอปรกับภายใต้สายตาผู้คนที่จับจ้อง หากพวกเขาถอยไปเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องล่วงเกินเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งด้วยแน่ แม้ว่าในใจพวกเขาอยากจะก่นด่า แต่กลับไม่มีใครกล้าถอนตัวไปก่อน

มีคนคิดได้ฉับพลัน สื่อจิตอย่างรวดเร็ว ‘สหายยุทธ์หลิน ข้าน้อยไม่อยากเป็นศัตรูกับท่าน อีกเดี๋ยวหากเปิดศึกกันจริง ขอท่านโปรดยั้งมือไว้ไมตรี ข้ารับรองว่าจะไม่สู้กับท่านจริงๆ’

แววตาหลินสวินดูพิกล แต่ยังพยักหน้าอย่างยากสังเกตเห็น

นี่ทำให้คนผู้นั้นยกภูเขาออกจากอก ยินดีปรีดาแทบคลั่ง แต่สีหน้ากลับกระเหี้ยนกระหือรือ แน่นอนว่าเป็นแค่การแสดงเท่านั้น

ความจริงคนผู้นี้ไม่รู้ว่า ในชั่วขณะนี้ยังมีบุคคลสำคัญที่มาจากขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ สิบกว่าคนสื่อจิต ต่างพูดจาอย่างนอบน้อมและจนปัญญา วอนขอความเมตตาจากหลินสวิน…

แค่คิดก็รู้แล้วว่าหากสู้กันจริง เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ที่ผูกมิตรกับเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งพวกนี้ต้องพึ่งพาไม่ได้แน่

“ฆ่า!”

พูดแล้วเหมือนนานแต่ความจริงนั้นรวดเร็วนัก การต่อสู้ปะทุขึ้นนานแล้ว คนใหญ่คนโตของเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งหลายคนนั้นทุ่มเทที่สุด ออกโจมตีอย่างเดือดดาล ปลดปล่อยอานุภาพจักรพรรดิทั้งตัวออกมาราวกับภูเขาไฟระเบิดลูกแล้วลูกเล่า ทำให้ฟ้าดินแถบนี้ตกอยู่ในความปั่นป่วน

จักรพรรดิสงครามเซวี่ยสิงที่มาจากเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ก็ลงมือแล้ว สะบัดทวนยาวเจิดจ้าเหมือนเงินยวงเล่มหนึ่ง ชี้เวหาฟาดพสุธา อานุภาพรวดเร็วรุนแรงเผด็จการ

เขามีพลังต่อสู้ระดับจักรพรรดิขั้นสี่ ด้วยรู้จักประมาณตนดีจึงพุ่งตรงไปทางซย่าจื้อ

หลินสวินเป็นมกุฎมหาจักรพรรดิ เคยฆ่าระดับจักรพรรดิขั้นสี่มาไม่น้อย อันตรายเกินไป

ต้าหวงแม้จะเป็นสุนัขตัวหนึ่ง แต่ด้วยท่าทางหยิ่งผยองนั้น ถึงกับถูกหลินสวินมองว่าสู้กับคนที่อยู่สูงกว่าระดับจักรพรรดิขั้นหกขึ้นไปได้ แน่นอนว่ายิ่งไม่น่ายุ่งเกี่ยวด้วย

ดังนั้นจักรพรรดิสงครามเซวี่ยสิงจึงลงมือกับซย่าจื้อ

กล่าวสรุปโดยง่ายคือ เขาก็ไม่คิดสู้ตายแทนเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่ง สาเหตุที่ออกปากให้ทุกคนลงมือพร้อมเขา ก็แค่เพราะคิดว่าที่นี่เป็นอาณาเขตของเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่ง แม้ว่าพวกหลินสวินจะแข็งแกร่ง แต่คงไม่สามารถสั่นคลอนเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์ตระกูลหนึ่งได้!

ต้าหวงนั่งชำเลืองมองกลางอากาศ แน่นิ่งไม่ไหวติง มันคิดว่าหากเข้าไปยุ่งในศึกขนาดย่อมนี้คงขายหน้าเกินไปหน่อย

“ฆ่า!”

มีคนพุ่งมาทางหลินสวิน เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่มาจากขุมอำนาจอื่นคนหนึ่ง ท่าทีเหิมเกริม อสนีบาตรัดพันไปทั้งตัว ห้าวหาญหาใดเปรียบ

“เป็นจักรพรรดิกระบี่ฉีหลงแห่งเขาเมฆาม่วง! คิดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าหาญเช่นนี้ ถึงขั้นลงมือกับจักรพรรดิเต้ายวนนั่นโดยตรง!”

มีคนร้องอย่างตะลึง พาให้คนหันมามองนับไม่ถ้วน ล้วนถูกมาดสง่างามของจักรพรรดิกระบี่ฉีหลงทำให้สั่นสะท้าน

แต่ใครจะคิดว่าหลินสวินเพิ่งสะบัดมือคราเดียว ไม่รอให้ทุกคนเห็นอย่างชัดเจน จักรพรรดิกระบี่ฉีหลงที่ห้าวหาญหาใดเปรียบพลันซวนเซ ทรุดถอยออกไปหลายพันจั้ง สีหน้าซีดเผือด ปากกระอักเลือด ส่งเสียงไม่ยินยอมและขมขื่น

“จักรพรรดิเต้ายวนสมเป็นมกุฎมหาจักรพรรดิคนแรกในรอบเกือบแสนปีดังคาด ข้าน้อยไม่ใช่คู่ต่อสู้! สหายร่วมวิถีแห่งเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งทุกท่าน ใช่ว่าข้าน้อยไม่คิดสู้ หากแต่บาดเจ็บสาหัส ขอลาเพียงเท่านี้!”

ยังไม่ทันสิ้นเสียงจักรพรรดิกระบี่ฉีหลงพลันเคลื่อนแหวกอากาศดังฟุ่บ หนีไปเร็วยิ่งกว่าใคร ไม่เหมือนคนที่บาดเจ็บหนักสักนิด

ทุกคนต่างตกตะลึงตาค้างอย่างอดไม่ได้ ใจสั่นสะท้านไม่หยุด จักรพรรดิเต้ายวนแข็งแกร่งเช่นนั้นจริงหรือ

มุมปากหลินสวินอดกระตุกเล็กน้อยไม่ได้ เจ้าหมอนี่เล่นละครเก่งชะมัด เมื่อครู่การโจมตีของเขายังไม่ซัดออกไปด้วยซ้ำ!

เหล่าบุคคลสำคัญที่คิดเหมือนจักรพรรดิกระบี่ฉีหลงพวกนั้นล้วนมองไปยังจุดที่จักรพรรดิกระบี่ฉีหลงจากไปด้วยความอิจฉา จากนั้นก็พากันมองหลินสวินด้วยสายตาเร่าร้อน ในแววตาเหมือนเขียนว่า สหายยุทธ์ก็ร่วมมือกับพวกเราหน่อย ช่วยพวกเราให้หลุดออกจากทะเลทุกข์ทีเถอะ…

หลินสวินขบขันในใจ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ

ดังนั้นในเวลาต่อมา ภายใต้สายตาที่จ้องมองอย่างตื่นตระหนกมากมาย คนใหญ่คนโตระดับจักรพรรดิที่พุ่งเข้าไปจัดการหลินสวินคนแล้วคนเล่านั้น บ้างเลือดกบปากจมูกกระเด็นลอยออกไป บ้างร้องอย่างเจ็บปวดสาหัสแล้วซวนเซถอยร่น บ้าง…

ภาพต่างๆ นั้นเสมือนจริง แต่ความจริงแล้วใครจะกล้าเชื่อ ระดับจักรพรรดิที่น่าเกรงขาม ด้วยไม่อยากเข้ามายุ่งจึงเล่นเล่ห์เพทุบายอย่างไร้ยางอายเช่นนี้

พวกเล่นละครเก่ง!

นี่ก็คือคำวิจารณ์ของต้าหวง มันเป็นสิ่งมีชีวิตระดับใด ย่อมมองลูกไม้ตื้นๆ พวกนั้นออกได้ในปราดเดียวอยู่แล้ว สีหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ ในใจกลับทอดถอนใจ ระดับจักรพรรดิในตอนนี้ นับวันยิ่งไม่เข้าตาจริงๆ…

ตูม!

และตอนนี้เมื่อซย่าจื้อกรำศึก คนใหญ่คนโตของเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งที่ปิดล้อมนางหลายคนนั้น ถูกสังหารอย่างหมดจดรวดเร็ว

นางคล้ายจำคำเตือนของต้าหวงได้ขึ้นใจ ยามสังหารคู่ต่อสู้ เกือบทั้งหมดล้วนทำให้ร่างของอีกฝ่ายคงสภาพสมบูรณ์ ซ้ำแต่ละครั้งที่สังหารได้คนหนึ่งจะโยนใส่ถุงเหมือนเก็บเกี่ยวพืชผล เก็บเกี่ยวไปพลาง อีกด้านหนึ่งก็จับใส่ถุงไปด้วย…

ปึง!

ทวนโบกสะบัด จักรพรรดิสงครามเซวี่ยสิงที่เหลือรอดถูกกระเทือนจนซวนเซถอยร่น แขนแทบระเบิด เจ็บปวดสาหัสเกินต้าน

เขาอดตื่นตระหนกไม่ได้ เดิมคิดว่าเลือกคู่ต่อสู้ที่พอต้านทานได้อย่างรู้จักประมาณตนดีแล้ว ใครจะคิดว่าพลังต่อสู้ของหญิงสาวชุดดำคนนี้ กลับแข็งกร้าวดุดันหาใดเปรียบ!

‘เผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งบัดซบ ทำไมเฒ่าชราพวกนั้นยังไม่ออกมาอีก อยากเห็นข้าถูกสังหารก่อนค่อยเสนอหน้าจริงหรือ’

เวลานี้จักรพรรดิสงครามเซวี่ยสิงก็นึกเสียใจกับความวู่วามของตนอยู่บ้างแล้ว ไม่ควรก้าวออกมาเร็วเช่นนี้เลย…

ปึง!

ไม่นานเขาก็ถูกทวนฟาดฟันอีกครั้ง หน้าอกยุบทลาย เบื้องหน้าพลันมืดมัวไปชั่วขณะ ร่างเกือบฟุบร่วงกลางอากาศ

เห็นอยู่ว่าเขาใกล้ถูกซย่าจื้อสังหาร เวลานี้ในเขาประกายฟ้าที่ห่างไกลนั้นพลันมีเสียงตวาดหนึ่งดังขึ้น

“เศษเดนตัวจ้อยจากคีรีดวงกมลก็กล้าวิ่งมาเหิมเกริมที่ตระกูลข่งของข้า รนหาที่ตาย!”

เสียงสะเทือนเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน แผ่ความน่าเกรงขามไร้สิ้นสุดออกมา

ที่มาเร็วกว่าเสียงคือดาบบินสีม่วงเล่มหนึ่ง บาดตาอย่างที่สุด ตัดทำลายแหวกอากาศราวกับแสงที่พุ่งยิงมาจากจักรวาลฟ้าดารา ฟาดฟันไปทางซย่าจื้อ เร็วจนน่าเหลือเชื่อ

หลินสวินนัยน์ตาหดรัด พลังนี้ทำให้เขารับรู้ถึงอันตรายเช่นกัน!

ไม่ต้องสงสัยว่าสัตว์ประหลาดเฒ่าที่ลงมือ ต้องเป็นพวกน่ากลัวที่เหนือกว่าระดับจักรพรรดิขั้นหกแน่นอน

ในเวลาเดียวกันต้าหวงที่นั่งอยู่ตรงนั้นมาตลอดลงมือแล้ว ชั่วพริบตาก็หายไปจากจุดเดิม ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าซย่าจื้อแล้วซัดกรงเล็บออกไป

ปึง!

ดาบบินสีม่วงที่พร่างพรายหาใดเปรียบนั้นถูกกระแทกปลิวออกไปดังวู้มเหมือนแมลงวันที่ถูกตบ โคลงเคลงอยู่ไม่ขาด

ทุกคนต่างอึ้งงัน

หมาขนทองตัวนี้… ดุดันนัก!

ในเวลานี้เองทุกคนถึงได้เห็น เงาร่างสูงใหญ่ที่อบอวลด้วยแสงสมบัติมรรคจักรพรรดิน่าหวาดกลัวทยอยพุ่งออกมาจากบนเขาประกายฟ้านั่น

เมื่อพวกเขาปรากฏตัว ฟ้าดินแถบนี้สั่นสะเทือนปั่นป่วน สรรพสิ่งร่วงกราว สุริยันจันทราหม่นแสง ความรู้สึกนั้นเหมือนทวยเทพองค์แล้วองค์เล่าก้าวออกมาจากตำนาน มาเยือนโลกมนุษย์!

เวลานี้ในบริเวณใกล้เคียงเขาประกายฟ้านี้ นอกจากหลินสวิน ซย่าจื้อ ต้าหวงแล้วก็ไม่มีเงาร่างอื่น เหล่าผู้ฝึกปราณที่มาร่วมชมพิธีไม่รู้ว่าหลบเลี่ยงไปไกลถึงไหนแล้ว!

ฟ้าดินเงียบสงัด ทุกสายตาต่างมองไปบนท้องฟ้าเหนือเขาประกายฟ้า

เฒ่าดึกดำบรรพ์ของเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งที่ก้าวออกมานั้นมีมากถึงสิบกว่าคน!

จักรพรรดิสงครามเซวี่ยสิงก็ยกภูเขาออกจากอก รู้สึกโชคดีเหมือนรอดจากความตาย

แต่ในชั่วพริบตานี้เอง เงาทวนพร่างพรายหาใดเปรียบสายหนึ่งปรากฏ เหมือนภาพมายาพร่าเลือน

ฟุ่บ!

ภานใต้สายตาของทุกคน ผู้อาวุโสระดับจักรพรรดิขั้นสี่แห่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์อย่างจักรพรรดิสงครามเซวี่ยสิง ถึงกับถูกทะลวงลำคอในคราเดียว

จากนั้นร่างก็ระเบิดกระจายทันที!

ภาพนองเลือดหาใดเปรียบนี้เหมือนการท้าทายที่ดุดันตรงไปตรงมา ทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าของตระกูลข่งทุกคนที่ก้าวออกมาจากเขาประกายฟ้านั้นบันดาลโทสะ

ตูม!

เจตจำนงบนตัวพวกเขาแผ่กระจาย เข้าปกคลุมพื้นที่แถบนี้ดุจเขาถล่มสมุทรคำราม ไอสังหารไร้ขอบเขตทำให้ภูผาธาราทั่วทิศสั่นสะเทือนและปั่นป่วน

“หยุดนะ!”

ทันใดนั้นในหมู่สัตว์ประหลาดเฒ่าของเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่ง ชายชราผมขาวที่มาดสง่างามคนหนึ่งตวาดอย่างเดือดดาล

กร๊อบ!

ไม่รู้ว่าต้าหวงคาบดาบบินสีม่วงเล่มนั้นไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ฟันขาวดุจหิมะพลันขบเข้าหากัน ดาบบินสีม่วงถูกกัดสะบั้นเป็นชิ้นๆ โดยตรง

พรูด!

สัตว์ประหลาดเฒ่าผมขาวนั่นกระอักเลือด ดาบบินสีม่วงนั้นคือศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ของเขา เมื่อศาสตราจักรพรรดิถูกทำลายก็จะส่งผลกระทบถึงเขาด้วย

ทุกคนต่างอกสั่นขวัญแขวนไปชั่วขณะ สุนัขตัวนี้เหี้ยมโหดเกินไปแล้ว เขี้ยวสุนัขคมกริบ กัดศาสตราจักรพรรดิจนแหลกได้อย่างง่ายดาย!

หลินสวินยังสูดหายใจสะท้าน ไม่กล้าจินตนาการว่าหากถูกต้าหวงกัด จุดจบนั้นจะน่าอนาถเพียงใด…

กร๊อบๆ…

ต้าหวงเคี้ยวเศษดาบบินสีม่วงพลางกล่าวด้วยสีหน้าหยามเหยียด

“ระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ดสองคน ระดับจักรพรรดิขั้นแปดหนึ่งคน ระดับจักรพรรดิขั้นหกห้าคน คนอื่นล้วนต่ำกว่าระดับจักรพรรดิขั้นหก มีพลังแค่นี้ก็กล้าออกมาให้อับอายขายหน้าแล้วหรือ”

เสียงดังกังวานทั่วเวิ้งฟ้า เจือการดูหมิ่นหาใดเปรียบ นี่ทำให้ผู้คนที่สังเกตการณ์อยู่ไกลออกไปเกือบคลุ้มคลั่ง ใครจะกล้าจินตนาการ ว่าสุนัขตัวหนึ่งถึงกับกล้าดูหมิ่นผู้อาวุโสของเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งทั้งหมดเช่นนี้!?

“รนหาที่ตาย!”

“ลงมือเร็ว ฆ่าเดรัจฉานนี่ซะ!”

“อย่าปล่อยให้พวกมันหนีไปได้แม้แต่คนเดียว!”

ระดับจักรพรรดิของตระกูลข่งสิบกว่าคนนั้นโกรธจนใบหน้าชราคล้ำเขียว ไอสังหารพรั่งพรู แต่ละคนเรียกสมบัติจักรพรรดิออกมาตรงๆ พุ่งสังหารไปทางพวกหลินสวิน

“ข้าจัดการพวกเฒ่าระยำนั่นเอง พวกเจ้าจัดการคนอื่นไป”

ต้าหวงพูดพลางพุ่งตัวออกไป ทั่วร่างพลันปลดปล่อยกลิ่นอายระดับจักรพรรดิน่าพรั่นพรึงที่อำมหิตร้ายกาจออกมา

เป็นสุนัขตัวหนึ่งชัดๆ แต่กลับพาให้คนรู้สึกเหมือนมหาจักรพรรดิไร้เทียมทานปรากฏตัวบนโลก อานุภาพไร้ขอบเขต!

ตูม!

มันสะบัดกรงเล็บ กฎเกณฑ์มหามรรคร้อยเรียงเป็นอสนีบาตโหมกระหน่ำ ม้วนซัดออกไปเหมือนสายโซ่ศักดิ์สิทธิ์ เพียงพริบตาก็กำราบสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิขั้นแปดคนหนึ่งกับระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ดอีกสองคนได้

“ซย่าจื้อ รีบรบรีบจบ” หลินสวินกล่าวอย่างรวดเร็ว

หลินสวินในตอนนี้ นัยน์ตาดำล้ำลึกปะทุเพลิงโหมกระหน่ำ อานุภาพรอบตัวเขาพลันเปลี่ยนไป ด้านบนเชื่อมสวรรค์ ด้านล่างเชื่อมปฐพี ส่องประกายเจิดจรัสไปทั้งตัว ละอองแสงโปรยปรายไร้สิ้นสุด ทำให้ฟ้าดินแถบนี้มืดสลัว

ผู้แข็งแกร่งที่เห็นภาพนี้จากที่ลับไม่มีใครไม่อกสั่นขวัญแขวน ขนพองสยองเกล้า หน้าเปลี่ยนสีอย่างสิ้นเชิง

นี่ก็คือมาดสง่างามของมกุฎมหาจักรพรรดิหรือ

——–

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท