Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2215 โลกเร้นเทพ

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2215 โลกเร้นเทพ

ตอนที่ 2215 โลกเร้นเทพ

“ผู้อาวุโสก็รู้จักตระกูลลั่วและหุบเหวกลืนกินหรือ” หลินสวินยิ่งสงสัยกว่าเดิม

หลายปีมานี้เขาเจอสัตว์ประหลาดเฒ่ามาไม่รู้เท่าไหร่ แต่ไม่เคยเห็นคนไหนพูดถึงตระกูลลั่วและหุบเหวกลืนกินกับตนเลย

เช่นนี้ดูเหมือนว่า ตระกูลเสวียนนี้จะไม่ธรรมดาจริงๆ!

“เรื่องราวที่ฟากฝั่งฟ้าดารา ตระกูลเสวียนของข้าก็รู้น้อยมาก รู้เพียงว่าจอมจักรพรรดิไร้นามคนก่อนและจักรพรรดิสวรรค์ดำรงในตอนนี้ล้วนมาจากตระกูลลั่ว”

เสวียนซั่งเฉินเอ่ยเสียงขรึม “พลังระเบียบต้องห้ามที่ปกคลุมอยู่บนทางเดินโบราณฟ้าดารา พูดอย่างเคร่งครัด คงจะมาจาก ‘ระเบียบอสนี’ ของโลกอีกฟากฝั่ง และมีตระกูลลั่วเป็นผู้ควบคุม”

“ส่วนรากฐานของตระกูลนี้แข็งแกร่งแค่ไหน ข้าเองก็ไม่รู้ชัด แต่หลานชายก็คงตระหนักได้เช่นกัน ว่าระเบียบอสนีที่ตระกูลหนึ่งควบคุม กลับสามารถปกคลุมทั้งทางเดินโบราณฟ้าดาราได้ ปิดเส้นทางสู่อีกฟากฝั่ง แค่คิดก็รู้ว่าเบื้องลึกเบื้องหลังของตระกูลนี้น่ากลัวเพียงใด”

หลินสวินพยักหน้า นี่เหลือเชื่อมากจริงๆ

แต่พอนึกได้ว่าลั่วชิงสวินมารดาของตนก็มาจากตระกูลลึกลับของอีกฟากฝั่งเช่นนี้ ในใจเขาก็สับสนขึ้นมา

ใครกล้าเชื่อว่าการตามฆ่าหลายปีต่อเนื่องที่มารดาของตนประสบ กลับมาจากตระกูลที่อยู่เบื้องหลังของนาง

ทั้งหมดนี้ล้วนเพื่อห้องโถงมรรคาสวรรค์นั่น! เพื่อหุบเหวกลืนกินที่สมบูรณ์แบบ!

“สำหรับหุบเหวกลืนกิน…”

สายตาของเสวียนซั่งเฉินแฝงการหวนระลึก “ตอนนั้นลู่ป๋อหยาเคยกล่าวโดยไม่ได้ตั้งใจ ว่าพรสวรรค์ระดับนี้ ในตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งยังเรียกได้ว่ายิ่งกว่าหนึ่งในหมื่น ถึงขั้นร้อยพันปีก็ยากจะปรากฏสักคน”

“ตระกูลอย่างตระกูลลั่ว คนในตระกูลก็คงมีไม่น้อย แต่คนที่มีโอกาสปลุกพรสวรรค์นี้ขึ้นมาได้มีเพียงทายาทสายตรง แน่นอนว่าเพียงแค่มีโอกาสเท่านั้น”

พูดถึงตรงนี้สายตาของเสวียนซั่งเฉินมองไปยังหลินสวินแล้วเอ่ยว่า “ตอนนี้เจ้าคงจะเข้าใจแล้วใช่หรือไม่ ว่าพรสวรรค์หุบเหวกลืนกินที่เจ้ามีหายากเพียงใด”

หลินสวินขมวดคิ้ว พูดอย่างไม่เข้าใจนัก “แต่ตอนที่ข้ายังเด็ก ตอนที่ข้าฝึกปราณที่จักรวรรดิจื่อเย่าในโลกชั้นล่าง เหมือนจะมีคนจำนวนไม่น้อยเคยได้ยินเรื่องพรสวรรค์หุบเหวกลืนกินนี้”

เสวียนซั่งเฉินใคร่ครวญเล็กน้อยก็ยิ้มพูดว่า “หลานชาย เจ้ายังเดาสาเหตุไม่ออกหรือ คนที่ปล่อยข่าวเหล่านี้จะต้องเป็นพวกศัตรูที่ตามฆ่าแม่เจ้าแน่ ถึงให้ทุกคนได้รู้เรื่องพรสวรรค์หุบเหวกลืนกิน”

“และขอเพียงแค่พรสวรรค์นี้ปรากฏ ข่าวย่อมต้องกระจายออกไปทันที เช่นนี้ศัตรูเหล่านั้นก็จะรู้ทันทีว่าใครเป็นผู้ปลุกพรสวรรค์นี้ ไม่แน่ว่ายังสามารถใช้เบาะแสนี้จับแม่ของเจ้าและลู่ป๋อหยาได้”

คำพูดสั้นๆ ของเสวียนซั่งเฉิน ทำให้หลินสวินเข้าใจขึ้นมาพลัน และตระหนักได้ถึงคำถามหนึ่ง

ตอนนั้นที่ตระกูลหลินประสบเหตุนองเลือด ก็เพราะข่าวที่ตนมีพรสวรรค์หุบเหวกลืนกินเผยแพร่ออกไปไม่ใช่หรือ

ไม่ว่าจะเป็นอวิ๋นชิ่งไป๋หรือปาฉีที่ปลอมตัวเป็นกึ่งจักรพรรดิ ล้วนเป็นแค่ตัวหมากเท่านั้น

สิ่งที่ลงมือและทำให้เกิดภัยคุกคามต่อลั่วชิงสวินและท่านลู่อย่างแท้จริง คือพลังระเบียบต้องห้ามที่มาเยือนจากเหนือท้องฟ้าจักรวรรดิจื่อเย่า!

เมื่อกระจ่างแจ้งเรื่องทั้งหมดนี้แล้ว ในใจหลินสวินอดหนาวสะท้านขึ้นมาไม่ได้ ในหลายปีมานี้มารดาและท่านลู่ผ่านการตามฆ่าที่อันตรายหาใดเปรียบมาเท่าไหร่

และการที่ตระกูลลั่วจากอีกฟากฝั่งทำทุกอย่างด้วยความบ้าคลั่งเช่นนี้ ไม่ใช่หมายความว่าห้องโถงมรรคาสวรรค์ รวมถึงพรสวรรค์หุบเหวกลืนกินที่สมบูรณ์แบบมีค่ามากใช่หรือไม่

สุดท้ายหลินสวินเก็บกล่องสำริดพร้อมเอ่ยว่า “ขอบคุณผู้อาวุโสมากที่มอบสิ่งนี้ให้ บุญคุณครั้งนี้ข้าน้อยไม่มีวันลืม”

กลับเห็นเสวียนซั่งเฉินลุกขึ้นยืนพร้อมกล่าวว่า “หลานชาย ครั้งนี้เจ้ามาเป็นแขกที่ตระกูลเสวียนของข้า กลับเจออุปสรรค คนที่ควรขอโทษคือข้าถึงจะถูก”

หลินสวินรีบลุกขึ้นยิ้มพูด “ข้าจะไม่เข้าใจความคิดของผู้อาวุโสเหล่านั้นได้อย่างไร ก็แค่กังวลว่าข้าหลินเต้ายวนมาเป็นแขกแล้วจะถูกจักรพรรดิสวรรค์ดำรงจับจ้อง ความกังวลเช่นนี้เป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้อยู่แล้ว”

“ไม่ได้ ครั้งนี้ข้าเชิญเจ้ามา จะให้เจ้าได้รับความไม่เป็นธรรมอีกได้อย่างไร”

เสวียนซั่งเฉินส่ายหน้าพูด “เอาอย่างนี้ ข้าจะยกเว้นให้เจ้าเข้าไปฝึกฝนใน ‘คันฉ่องสมบัติเร้นเทพ’ สักระยะ”

ว่าพลางขยิบตาให้หลินสวิน “นี่เป็นถึงรากฐานของตระกูลเสวียน อย่าว่าแต่คนนอก ทายาททั่วไปในตระกูลก็มีเพียงตอนที่แจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิถึงจะมีสิทธิ์เข้าไป แน่นอนว่าสำหรับมกุฎมหาจักรพรรดิอย่างเจ้า ต้องมีประโยชน์เช่นกัน”

หลินสวินอึ้งไป มีเรื่องดีเช่นนี้ด้วยหรือ

“ไป ข้าพาเจ้าไปเดี๋ยวนี้”

เสวียนซั่งเฉินกล่าวพลางพาหลินสวินออกจากโถงไป

“ผู้อาวุโสช้าก่อน” หลินสวินเอ่ย หยิบจดหมายของศิษย์พี่รองจ้งชิวออกมาแล้วยื่นส่งให้ “ก่อนข้ามาที่นี่ ศิษย์พี่รองจ้งชิวได้ฝากให้ข้ามอบให้ผู้อาวุโส”

เสวียนซั่งเฉินอึ้งไป เปิดจดหมายออกดูแล้วหัวเราะ “คนเย่อหยิ่งอย่างจ้งชิวกลับยังจำบุญคุณที่ข้าติดเขาตอนนั้น นี่ทำให้ข้าคิดไม่ถึงเลยจริงๆ”

ส่วนเรื่องว่าเป็นบุญคุณอะไรนั้น เสวียนซั่งเฉินไม่ได้พูด แต่เขาเข้าใจแล้วว่าที่แท้หลินสวินมาตระกูลเสวียนครั้งนี้ ก็จุดประสงค์อื่นด้วย

เขาเอ่ยอย่างใคร่ครวญ “หลานชาย เจ้าคงยังไม่รู้ว่าหลังจากงานชุมนุมเซียนหมื่นมังกรเริ่มขึ้นเมื่อหลายปีก่อน เส้นทางที่เชื่อมสู่แดนเจินหลงก็ถูกปิดผนึก ตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง ลือกันว่าในงานชุมนุมเซียนหมื่นมังกรเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่บางอย่าง”

หลินสวินนัยน์ตาหดรัด ยามอยู่ในดินแดนรกร้างโบราณ จ้าวจิ่งเซวียนไปที่แดนเจินหลง เดิมก็เพื่อไปเข้าร่วมงานชุมนุมเซียนหมื่นมังกร!

แต่จากที่เสวียนซั่งเฉินพูด ครั้งนี้ในงานชุมนุมนี้กลับเหมือนเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น!

นี่ทำให้ในใจหลินสวินบีบรัดขึ้นมา

“หากหลานชายอยากไปจริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีวิธี”

เสวียนซั่งเฉินเอ่ย “เพียงแต่ต้องใช้ฝีมือสักหน่อย อย่างนี้แล้วกัน ข้าพาเจ้าไปฝึกปราณที่โลกในคันฉ่องสมบัติเร้นเทพก่อน รอตอนที่เจ้าออกมา ข้ารับรองว่าจะจัดเตรียมเรื่องนี้ให้สำเร็จ”

หลินสวินสูดหายใจลึกคราหนึ่ง คำนับอย่างจริงจัง “ขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วยเหลือ!”

เสวียนซั่งเฉินตบไหล่เขาแล้วยิ้มเอ่ยว่า “ต่อไปในทางเดินโบราณฟ้าดารา จะต้องมีคนที่นับถือเจ้าว่าเป็นใหญ่แน่นอน หากเจ้าจะขอบคุณข้าจริงๆ ต่อไปมีโอกาสเจ้าช่วยข้าดูแลเสี่ยวจิ่วให้มากหน่อยก็แล้วกัน”

หลินสวินพยักหน้า

……

“อะไรนะ แม้แต่ข้ายังไม่เคยไปฝึกปราณในคันฉ่องสมบัติเร้นเทพเลย!”

นอกโถงเสวียนจิ่วอิ้นส่งเสียงร้องประหลาด ใบหน้ายากจะเชื่อ “ท่านพ่อ ตอนนี้ข้าสงสัยแล้วว่าข้าเป็นลูกแท้ๆ หรือไม่…”

เพียะ!

ฝ่ามือหนึ่งของเสวียนซั่งเฉินตีบนท้ายทอยของเสวียนจิ่วอิ้น ก่นด่าพร้อมรอยยิ้ม “เมื่อไหร่ที่เจ้าสามารถทะลวงระดับบรรลุจักรพรรดิได้ ประตูเข้าสู่คันฉ่องสมบัติเร้นเทพก็จะเปิดให้เจ้า”

เสวียนจิ่วอิ้นบุ้ยปาก พูดอย่างไม่อภิรมย์ “ใช้วิธีกระตุ้นอีกแล้ว คราวหน้าเปลี่ยนอุบายหน่อยได้หรือไม่”

ว่าพลางเขารีบสื่อจิตหาหลินสวิน ‘พี่หลิน ในคันฉ่องสมบัติเร้นเทพนั่นแบ่งเป็นสามสิบหกชั้น ยิ่งสูงผลประโยชน์ที่จะได้รับก็ยิ่งมาก ครั้งนี้โอกาสหายาก เจ้าอย่าพลาดไปเชียว ตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ถึงตอนนี้ ตระกูลเสวียนของข้ามีคนร้ายกาจชั้นเลิศไม่น้อย ส่วนใหญ่ล้วนได้ผลประโยชน์มหาศาลจากในคันฉ่องสมบัติเร้นเทพ’

หลินสวินเพิ่งจะตระหนักในยามนี้ ว่าโอกาสครั้งนี้มีค่ากว่าที่ตนคาดไว้อย่างเห็นได้ชัด!

เสวียนซั่งเฉินเหลือบมองเสวียนจิ่วอิ้นคราหนึ่ง เห็นชัดว่าเดาออกแล้วว่าเจ้าหมอนี่สื่อจิตว่าอะไร แต่เขากลับยินดีที่เป็นเช่นนี้

ลูกชายของตน หากสามารถเป็นมิตรกับคนอย่างหลินสวินได้ ในอนาคตต่อให้ไม่เอาไหนแค่ไหน อย่างน้อยก็สามารถไร้กังวลไปทั้งชีวิต

“ข้าไปด้วยได้หรือไม่”

ต้าหวงตาเป็นประกาย เห็นได้ชัดว่ามันเองก็รู้ข้อดีของการเข้าสู่คันฉ่องสมบัติเร้นเทพ ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นมหาสมบัติแรกกำเนิด เป็นต้นกำเนิดของตระกูลเสวียน โอกาสหายากมากจริงๆ

“ไม่ได้!”

เสวียนซั่งเฉินปฏิเสธอย่างเด็ดขาด

ต้าหวงโกรธจนกัดฟัน แต่ก็ช่วยไม่ได้ ที่นี่คือตระกูลเสวียน แม้มันจะอวดดี แต่ก็ไม่ได้อวดดีถึงขั้นกล้าทำตามอำเภอใจในตระกูลเสวียน

“รอข้า” หลินสวินมองไปยังซย่าจื้อ

ซย่าจื้อขานรับว่าอืมอย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนการเชื่อฟังคำพูดของหลินสวินเป็นเรื่องที่ถูกต้องอยู่แล้ว

“ไปเถอะ”

เห็นเช่นนี้เสวียนซั่งเฉินก็ไม่เสียเวลาอีก พาหลินสวินหายไปทันที

เพียงครู่เดียวประตูลึกลับที่รวมตัวจากละอองแสงแรกกำเนิดขนาดใหญ่ก็ปรากฏในสายตาหลินสวิน

มาถึงที่นี่ เสวียนซั่งเฉินเอ่ยว่า “สหายน้อย ในประตูบานนี้ก็คือโลกที่แปลงจากคันฉ่องสมบัติเร้นเทพ นามว่า ‘โลกเร้นเทพ’ ภายในแบ่งเป็นสามสิบหกชั้น ล้วนแปลงมาจากบ่อเกิดแรกกำเนิดของทางเดินโบราณฟ้าดารานี้ ไม่ว่าจะหยั่งมหามรรคหรือเคี่ยวกรำพลังปราณ ล้วนสามารถได้รับประโยชน์ที่คิดไม่ถึง”

“ครั้งนี้ข้าชิงโอกาสมาให้เจ้าได้หนึ่งเดือน แม้เวลาจะสั้น แต่โอกาสเช่นนี้… เป็นหนึ่งเดียวในโลก จะเสียเปล่าไม่ได้เด็ดขาด”

เสวียนซั่งเฉินกล่าวพลางสะบัดแขนเสื้อ ป้ายหยกสีเขียวป้ายหนึ่งปรากฏขึ้น ก่อนยื่นให้หลินสวิน “ถือป้ายคำสั่งนี้ไว้ก็จะสามารถเข้าไปด้านในได้”

“ขอบคุณผู้อาวุโสมาก”

หลินสวินเคลื่อนไหวทันที เงาร่างหายไปในวังวนที่แผลงจากบ่อเกิดแรกกำเนิดนั่น

เขาเพิ่งจากไปได้ไม่นาน ห้วงอากาศก็เกิดคลื่นระลอกหนึ่ง ปรากฏเฒ่าชราผมเงิน ตอนที่เห็นประตูวังวนที่พลิกม้วนนั่นค่อยๆ ปิดไป เฒ่าชราผมขาวคนนี้โมโหขึ้นมาทันที

“ผู้นำตระกูล! ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์จนตอนนี้ โลกเร้นเทพของตระกูลเสวียนของเราไม่เคยให้คนนอกเข้าไป ต่อให้เป็นคนในตระกูล จะเข้าไปฝึกปราณด้านในก็ต้องผ่านการคัดเลือกเป็นขั้นๆ ทดสอบซ้ำๆ! เจ้า… ทำเช่นนี้ได้อย่างไร….”

เสวียนซั่งเฉินถอนหายใจยาวกล่าวว่า “เฮ้อ ลุงสาม ถ้าท่านมาไวกว่านี้สักก้าวก็สามารถหยุดทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้แล้ว ตอนนี้… ตอนนี้ข้าเองก็จนปัญญาแล้ว”

เฒ่าชราผมเงินโกรธจนจมูกเบี้ยว “นี่เจ้าทำก่อนรายงานที่หลังชัดๆ!”

“ไม่ เดิมทีข้าตั้งใจทำก่อนแล้วไม่รายงาน”

เสวียนซั่งเฉินเอ่ยอย่างจริงจัง สุดท้ายตัวเองกลับอดไม่อยู่หัวเราะออกมา เห็นได้ชัดว่าสมใจมาก “หากให้เฒ่าชราอย่างพวกท่านรู้ แม้สุดท้ายเจ้าหนุ่มนี่สามารถเข้าไปได้ก็ไม่มีทางราบรื่นเช่นนี้ ช่วยไม่ได้ จึงต้องใช้วิธีต่ำช้าเช่นนี้แทน”

หากหลินสวินอยู่ที่นี่ จะต้องพบทันที ว่าบุคคลที่เหี้ยมโหดที่สุดในฟ้าดาราทั่วหล้าอย่างเสวียนซั่งเฉิน ตอนนี้ท่าทางและสีหน้าเหมือนเสวียนจิ่วอิ้นอย่างน่าตกใจ

แน่นอนว่าลูกย่อมเหมือนพ่อ

ฮูม…

ห้วงอากาศเกิดคลื่นอีกระลอกหนึ่ง ทยอยปรากฏเฒ่าชราตระกูลเสวียนคนแล้วคนเล่า หลังจากรู้ว่าหลินสวินเข้าสู่โลกเร้นเทพ แต่ละคนสีหน้ามืดทะมึน บางส่วนยิ่งโกรธจนเต้นเร่า

นี่เป็นถึงสถานที่สำคัญแกนหลักที่สุดของตระกูลเสวียน เป็นรากฐานที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลเสวียน ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันไม่เคยมีคนนอกเข้าไป!

พวกเขาสามารถอนุญาตให้หลินสวินมาเป็นแขกได้ แต่ไม่มีทางให้ทำถึงขั้นนี้!

เห็นเช่นนี้เสวียนซั่งเฉินโบกมืออย่างผู้บริสุทธิ์ยิ่ง “ไม่ว่าจะพูดอย่างไร พวกท่านก็มาช้าไปแล้ว เจ้าหมอนั่นมีวาสนากับโลกเร้นเทพนี่นา!”

……………………..

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท