Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2229 วารีแรกปฐม

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2229 วารีแรกปฐม

ตอนที่ 2229 วารีแรกปฐม

“ผู้อาวุโส ข้าคนแซ่อันขอบังอาจถามสักประโยคได้หรือไม่ ท่าน… บรรลุจักรพรรดิแล้วใช่หรือไม่”

อันเจิงเดินเข้าไปในโถงใหญ่ ลังเลอยู่นาน สุดท้ายก็ยังอดเอ่ยถามปัญหาที่ซ่อนลึกอยู่ในใจมาหลายวันออกมาไม่ได้

หลินสวินพยักหน้า

อันเจิงเสมือนปลดพันธนาการก็ไม่ปาน เผยสีหน้าผ่อนคลายออกมา กล่าวว่า “เช่นน้าข้าค่อยอธิบายกับชาวเผ่าได้ง่ายหน่อย”

“อธิบายอะไร” หลินสวินอึ้งไป

อันเจิงกล่าวอย่างนบนอบ “ในแดนเจินหลงมีกฎที่ไม่ได้ระบุเป็นลายลักษณ์อักษรข้อหนึ่ง ระดับจักรพรรดิไม่อาจหมิ่นเกียรติ หมิ่นเกียรติต้องตาย หากชาวเผ่ารู้ว่าครั้งนี้ข้าพ่ายแพ้ภายใต้น้ำมือของท่าน ก็คงไม่ตีโพยตีพายเพราะเรื่องนี้อีก”

ส่วนผู้แข็งแกร่งเผ่าค้างคาวเขียวกระหายเลือดที่ตายไปพวกนั้น อันเจิงคร้านจะเอ่ยถึง ล่วงเกินระดับจักรพรรดิคนหนึ่งหรือ

ตายไปก็สมควร!

จะว่าไปอันเจิงถึงขั้นหัวเสียกับผู้แข็งแกร่งเผ่าค้างคาวเขียวกระหายเลือดพวกนั้นอยู่บ้าง หากไม่ใช่เพราะพวกเขายั่วโทสะระดับจักรพรรดิเช่นนี้เข้า เผ่าจักรพรรดิปี้อั้นของพวกเขามีหรือจะถูกลากมาเกี่ยวข้องด้วย

แน่นอน นี่ไม่ได้บอกว่าเผ่าจักรพรรดิปี้อั้นเกรงกลัวระดับจักรพรรดิ หากแต่อันเจิงรู้ชัดยิ่งว่าระดับจักรพรรดิเป็นพวกที่แข็งแกร่งขนาดไหน

ต่อให้ครั้งนี้ตนกลับขอความช่วยเหลือ ด้วยฐานะในเผ่าของตน เกรงว่าไม่เพียงเชิญคนมาช่วยไม่ได้ ตรงข้ามกลับยังเป็นเพราะตนล่วงเกินมหาจักรพรรดิคนหนึ่ง จนทำให้ตนถูกตำหนิและลงโทษอีกต่างหาก!

“ได้ยินมานานแล้วว่าเผ่าจักรพรรดิปี้อั้นแบ่งถูกผิดชัดเจน ว่ากันตามกฎ ท่าทีของเจ้าก็ไม่ได้ทำให้ข้าคนแซ่หลินผิดหวังจริงๆ” หลินสวินกล่าว

อันเจิงกล่าวว่า “กฎระเบียบอย่างไรก็สัมพันธ์กัน หากเปลี่ยนเป็นระดับจักรพรรดิเหมือนอย่างท่าน ก็สามารถอยู่เหนือกฎระเบียบได้แล้ว”

นิ่งไปพักหนึ่งเขาค่อยกล่าวว่า “แต่เป็นเพราะเผ่าปี้อั้นของข้ากระทำตามกฎระเบียบ ถึงสามารถทำให้เกาะเทพรุ้งมรกตกลายเป็นสถานที่แห่งการค้าหมื่นเผ่าได้ อย่างไรเสียก็เป็นการแลกเปลี่ยนซื้อขาย ต้องว่ากันตามความยุติธรรมและเหตุมากที่สุด หาไม่ทุกอย่างก็รวนกันหมด”

หลินสวินกล่าว “รอได้พบอันเสวี่ยแล้ว ระหว่างเจ้ากับข้าก็ถือว่าค้าขายเป็นที่พอใจทั้งสองฝ่ายแล้ว”

อันเจิงประสานมือคารวะ “ขอบคุณผู้อาวุโสยิ่ง”

มหาจักรพรรดิคนหนึ่งอยู่เบื้องหน้า ต่อให้อันเจิงจะเย่อหยิ่งและลำพองตนแค่ไหนก็โงหัวไม่ขึ้นเลยสักนิด

ขณะเดียวกันเขาก็ลอบดีใจกับตัวเองที่หลายวันนี้ไม่ได้หาเรื่องอีกฝ่าย หาไม่… เช่นนั้นผลที่ตามมาย่อมรุนแรงยิ่ง

เจ็ดวันต่อมา

เรือสมบัติมาถึงเกาะเทพรุ้งมรกตอย่างราบรื่น

บอกว่าเป็นเกาะแห่งหนึ่ง แต่ความเป็นจริงก็เหมือนแผ่นดินที่ทอดยาวหลายหมื่นลี้ บนนั้นปกคลุมด้วยต้นไม้เก่าแก่สีเขียวมรกตนานาชนิด มีแสงมงคลสายแล้วสายเล่ากลายเป็นรุ้งเทพโอบล้อมห้วงอากาศเหนือเกาะ ดูวิจิตรงดงาม

เบื้องหน้าเกาะมีเรือสมบัติมากมายเข้าๆ ออกๆ เงาร่างของสิ่งมีชีวิตแต่ละเผ่าสวนกันบนเกาะ เห็นได้ชัดว่าครึกครื้นหาใดเปรียบ

หลังจากเรือสมบัติของเผ่าจักรพรรดิปี้อั้นมาถึง อันเจิงก็เป็นฝ่ายหยัดกายลุกขึ้นก่อน พาหลินสวินเดินไปบนเกาะด้วยกัน

เดินไปพลางแนะนำสถานการณ์คร่าวๆ ของเกาะเทพรุ้งมรกตให้หลินสวินฟังไปพลาง

บนเกาะเทพรุ้งมรกต ทุกวันจะมีสิ่งมีชีวิตแต่ละเผ่าที่มาจากเหนือใต้ออกตกมุ่งหน้ามา บ้างก็มาเพื่อซื้อสมบัติ บ้างก็เพื่อขายสมบัติ

และเกาะเทพรุ้งมรกตก็ดุจดั่งตลาดรวมที่ใหญ่มหึมาหาใดเปรียบแห่งหนึ่ง รวมของเฉพาะถิ่นจากหมื่นเผ่าใต้หล้า ไม่ว่าจะเป็นของจำพวกเจตวัตถุ ลูกกลอนโอสถ วัตถุดิบวิญญาณ ของล้ำค่า สมบัติประหลาด หรือตำรายุทธ์ฝึกปราณ ตำราลับมรดกมากมายหลายอย่าง เรียกได้ว่าที่ควรมีล้วนมีหมด

กล่าวได้ว่าไม่ว่าผู้ซื้อคนใดก็ตามมุ่งหน้ามาบนเกาะเทพรุ้งมรกต ส่วนใหญ่ล้วนหอบของกลับไปกันเต็มไม้เต็มมือ ไม่ว่าผู้ขายคนใดก็ตามที่มุ่งหน้ามา ก็จะได้รับผลกำไรเป็นกอบเป็นกำเช่นเดียวกัน

ที่นี่เป็นแหล่งรวมสินค้าวิเศษจากสิบทิศ ของล้ำค่าศักดิ์สิทธิ์ทั่วหล้า!

ขอเพียงมีเหรียญเจินหลงมากพอ ไม่มีอะไรที่ซื้อไม่ได้ ถ้าหากมี นั่นหมายความว่าเหรียญเจินหลงในมือยังไม่มากพอ…

ตลอดทางหลินสวินก็เห็นว่าท้องถนนบนเกาะนี้ดุจตาข่าย บ้านเรือนดั่งป่าไม้ ทุกแห่งหนล้วนมีแต่แผงขายของต่างๆ นานา บนแผงขายของเต็มไปด้วยสมบัติหลากชนิดที่แปลกประหลาดหายาก เสียงร้องเรียก เสียงเร่ขายดังขึ้นเจี๊ยวจ๊าว สิ่งมีชีวิตจากสี่ทิศแปดทางเดินสวนกันอยู่ในนั้น ภาพระดับนั้นล้วนสามารถใช้คำว่าเดินเบียดไหล่ หลั่งไหลปานสายฝนมาบรรยายได้แล้ว

“ใต้หล้าวุ่นวาย ล้วนเพื่อผลประโยชน์ ใต้หล้าอลหม่าน ล้วนเพื่อผลกำไร สถานที่นี้ครึกครื้นจอแจเช่นนี้ สิ่งที่หายากคือยังคงเป็นระเบียบสงบสุข ไม่เลวเลยจริงๆ”

หลินสวินอดทอดถอนใจไม่ได้

อันเจิงพลันหัวเราะขึ้นมา กล่าวอย่างภูมิใจ “ผู้อาวุโส นี่ก็คือหนทางการวางตนของเผ่าจักรพรรดิปี้อั้นของข้า บรรพชนต้นเผ่าข้าทิ้งประโยคหนึ่งเอาไว้ เผ่าปี้อั้นต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ กล่าวได้ว่า กฎเกณฑ์สองคำนี้ ก็คือมาตรฐานที่เผ่าของข้ายึดถือ”

หลินสวินร้องอ้อคราหนึ่ง กล่าวว่า “แต่เหตุใดกฎเกณฑ์เช่นนี้กลับไม่เหมาะเอามาใช้กับเผ่ามนุษย์”

อันเจิงอึ้งงัน ค่อนข้างจับท่าทีของหลินสวินไม่ได้อยู่บ้าง ไตร่ตรองครู่หนึ่งถึงกล่าวว่า “เหตุที่เผ่ามนุษย์ต้อยต่ำ ก็เพราะอ่อนแอเกินไป ผู้อ่อนแอ… ย่อมได้แต่ทำตามกฎ”

หลินสวินไม่ได้ถือสาเขา กล่าวเพียงว่า “จากที่ข้าดู ช้าเร็วต้องมีสักวันที่ทั้งหมดนี้จะเกิดการพลิกผัน”

อันเจิงร้องอืมคราหนึ่ง เห็นชัดว่าในใจเขาไม่เห็นด้วยสักนิด

หลินสวินเองก็คร้านจะเอ่ยต่ออีก

นึกอยากเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ ไม่ใช่ว่าพูดสองสามประโยคแล้วจะแก้ไขได้อย่างแน่นอน

สุดฝั่งตะวันตกของเกาะเป็นเขาเขียวมรกตที่ทอดยาวสูงต่ำ ไอแรกกำเนิดคละคลุ้ง แสงมงคลพวยพุ่ง เป็นแดนมงคลที่หาได้ยากแห่งหนึ่ง

ภูเขานี้มีชื่อว่าประกายรุ้ง

บนเขาประกายรุ้งสร้างเรือนมรรคและถ้ำสถิตมากมาย ที่นี่เป็นอาณาเขตซึ่งอยู่ในการครอบครองของเผ่าจักรพรรดิปี้อั้น

“ที่พักของเผ่าจักรพรรดิปี้อั้นของข้า ตั้งอยู่ใน ‘แดนลับเปลือกวิญญาณ’ ที่ห่างจากเกาะเทพรุ้งมรกตออกไปเก้าล้านลี้ และบนเกาะเทพรุ้งมรกตแห่งนี้ก็มีผู้อาวุโสระดับจักรพรรดิสี่คนของเผ่าข้า รวมถึงเจ้าเกาะเวียนตำแหน่งคนหนึ่งเป็นผู้ดูแลมานานปี”

มาถึงตรงหน้าเขาประกายรุ้งแห่งนั้น อันเจิงก็กล่าวว่า “เจ้าเกาะเวียนตำแหน่งแต่ละสมัยล้วนต้องเฝ้าอยู่ที่นี่หนึ่งร้อยปี หนึ่งคือเคี่ยวกรำฝึกปราณบนโลก สองคือรับหน้าที่เจ้าเกาะ จะได้รับทรัพยากรฝึกปราณล้นหลาม เจ้าเกาะสมัยนี้ก็คืออันเสวี่ย”

ระหว่างที่กล่าวเขามาถึงหน้าประตูภูเขา ล้วงป้ายประจำตัวออกมาและพาหลินสวินเข้าไปในเขาประกายรุ้งอย่างราบรื่น สุดท้ายก็มาถึงเรือนพักเก่าแก่แห่งหนึ่ง

อันเจิงกล่าวว่า “ผู้อาวุโส ที่นี่คือที่พำนักของผู้น้อย ท่านรออยู่ที่นี่สักครู่ ข้าจะไปหาท่านพี่อันเสวี่ย”

หลินสวินพยักหน้า นั่งลงบนตั่งหินในเรือนพักง่ายๆ ก่อนเริ่มทำสมาธิ

อันเจิงอดแปลกใจน้อยๆ ไม่ได้

นี่เท่ากับว่าอยู่ในอาณาเขตของเผ่าจักรพรรดิปี้อั้นของพวกเขาแล้ว และบนเขาประกายรุ้งลูกนี้มีเฒ่าดึกดำบรรพ์ระดับจักรพรรดิสี่คนควบคุมดูแลอยู่

ผู้อาวุโสคนนี้ไม่กลัวว่าจะถูกตนหลอกบ้างเลยหรือ

คิดๆ แล้วอันเจิงก็ประสานมือคารวะ จากนั้นหมุนตัวเดินออกไป

ระดับจักรพรรดิจะหมิ่นเกียรติไม่ได้ นี่… เป็นกฎข้อหนึ่งด้วยเหมือนกัน!

อย่างน้อยเผ่าจักรพรรดิปี้อั้นก็เป็นเผ่าที่เคารพเทิดทูนกฎเกณฑ์มาโดยตลอด

จนกระทั่งอันเจิงออกไป เปลือกตาของหลินสวินก็ไม่ได้ลืมขึ้นเลยสักครั้ง

ก่อนเข้าเขาประกายรุ้ง พลังเจตจำนงยิ่งใหญ่ของเขาก็สัมผัสได้แล้วว่าที่แห่งนี้มีระดับจักรพรรดิสี่คน ระดับจักรพรรดิขั้นหกหนึ่งคน ขั้นห้าสองคน ขั้นสามหนึ่งคน… นอกจากนี้ ที่นี่ยังปกคลุมด้วยกระบวนสังหารขั้นจักรพรรดิอีกด้วย…

พลังระดับนี้เรียกได้ว่าน่าสะพรึงจริงๆ เพียงพอจะเขย่าขวัญพวกตัวเล็กๆ คนใดก็ตาม

แต่สำหรับหลินสวินแล้วไม่ถือว่าเป็นภัยคุกคามสักนิด

ไม่นานอันเจิงก็ย้อนกลับมา สีหน้าจนปัญญา กล่าวอึกอักว่า “ผู้อาวุโส อันเสวี่ยกำลังปิดด่าน เร็วสุดก็ต้องใช้เวลาสิบวันกว่าจะออกด่าน”

หลินสวินขมวดคิ้ว กล่าวว่า “อย่างน้อยที่สุดสิบวัน? ช่างเถอะ ข้ารอหน่อยก็ได้”

เขาถอนหายใจในใจ อยากพบเผ่าเจินหลงสักหน่อย… ยากเย็นขนาดนี้เชียวหรือ

อันเจิงกล่าวเสียงเบา “ผู้อาวุโส ท่านน่าจะมาเกาะเทพรุ้งมรกตเป็นครั้งแรก ไม่อย่างนั้น… ข้าไปเดินเล่นเป็นเพื่อนท่านดีหรือไม่”

หลินสวินคิดๆ แล้วก็พยักหน้าตอบตกลง

อันเจิงคึกคักทันที กล่าวว่า “ผู้อาวุโส เกาะเทพรุ้งมรกตรวบรวมสินค้าประหลาดทั่วทิศ ไม่ว่าสมบัติชนิดใดที่มีบนโลกใบนี้แทบจะพบเห็นอยู่ที่นี่เกือบหมด ไม่แน่ว่าอาจมีของที่ผู้อาวุโสต้องการก็เป็นได้”

กล่าวพลางพาหลินสวินออกจากเรือนพัก เดินออกนอกเขาประกายรุ้ง

“มีทรายวิญญาณดาราขุ่นใสหรือไม่” หลินสวินเอ่ยถามไปเรื่อย

อันเจิงอึ้งงัน “ของวิเศษระดับนี้นับว่าเป็นสมบัติวิญญาณแห่งฟ้าดินที่ได้แต่พานพบไม่อาจร้องขอ ก่อนหน้านี้ก็เคยปรากฏอยู่สองสามครั้ง แต่ก็ถูกคนซื้อไปในราคาสูงทันทีแล้ว”

หลินสวินร้องอ้อคราหนึ่ง ก่อนถามอีกว่า “วารีแรกปฐมล่ะ”

อันเจิงร้องเอ่ออยู่นาน ก่อนกล่าวด้วยรอยยิ้มขื่นว่า “นี่ยิ่งเป็นสมบัติที่หายากกว่าทรายวิญญาณดาราขุ่นใสเสียอีก จะพบเห็นหรือไม่ก็ต้องดูที่โชคแล้ว”

หลินสวินระบายยิ้ม ไม่ได้ถามต่ออีก

ทั้งคู่มาถึงกลางตลาดบนถนนที่อึกทึกครึกครื้น เดินชมไปตลอดทาง หลินสวินเลือกหยิบสมบัติส่วนหนึ่งมา ล้วนเป็นของเล่นแปลกประหลาดที่ยากจะพบเห็นอย่างมากบนทางเดินโบราณฟ้าดารา ราคาไม่ถือว่าแพงมากนัก แต่ก็ไม่ถูกเช่นกัน

เดินกันแบบนี้อยู่เป็นนาน หลินสวินจ่ายเหรียญเจินหลงออกไปหลายล้านเหรียญแล้ว ของที่ซื้อส่วนใหญ่เป็นของกิน มีเนื้อ มีผักผลไม้ มีเครื่องปรุงรส… หลากหลายมากมาย

หากไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง อันเจิงยังเกือบสงสัยว่าหลินสวินเป็นมหาจักรพรรดิพ่อครัวคนหนึ่ง…

และวิธีใช้เงินปานสายน้ำไหลของหลินสวินก็ทำให้อันเจิงลอบตกใจ หลายร้อยล้านเหรียญเจินหลง สามารถซื้อศาสตราจักรพรรดิระดับสูงชั้นเลิศได้หนึ่งชิ้นเลยทีเดียว!

แต่หลินสวินกลับใจป้ำ ใช้จ่ายไม่อั้น ท่าทางโยนเงินทองเหมือนดินนั่นทำเอาอันเจิงยังอ้าปากค้างมองทึ่งๆ

เขาไม่รู้เลยว่าทรัพย์สมบัติที่หลินสวินจับจ่ายในตอนนี้ ล้วนเป็นทรัพย์หลังศึกที่ได้มาจากเผ่าจักรพรรดิเจินโห่ว ตอนนั้นที่ต้าหวงเก็บกวาดทรัพย์หลังศึก เกือบจะกวาดทรัพย์ที่เผ่าจักรพรรดิเจินโห่วสะสมมานานปีไปจนหมด!

เดินชมตลอดทาง หลินสวินอดผิดหวังเล็กน้อยไม่ได้ เขาโคจร ‘เปิดตาทิพย์’ อยู่ตลอด เดิมตั้งใจจะลองดูว่ามีร่องรอยอะไรหรือไม่

ไหนเลยจะคาดคิด ไม่มีร่องรอยใดๆ สักนิด

ควรรู้ว่าเปิดตาทิพย์เป็นวิชาชั้นยอดของปู่ซ่วนจื่อผู้สืบทอดลำดับแปดของคีรีดวงกมล ‘เทพเศรษฐี’ ที่มั่งคั่งที่สุดในคีรีดวงกมลคนนี้ ตอนนั้นก็อาศัยเปิดตาทิพย์กวาดของล้ำค่าและสมบัติประหลาดจากทั่วหล้าฟ้าดารา ด้วยเหตุนี้จึงมั่งคั่งร่ำรวย…

ไม่นานเสียงถกอื้ออึงระลอกหนึ่งก็เรียกความสนใจของหลินสวิน

“เป็นวารีแรกปฐมจริงๆ หรือ!?”

“นั่นยังจะมีปลอมด้วยหรือ หอคันฉ่องสวรรค์ปล่อยข่าวออกมาแล้ว ได้รับการไหว้วานจากบุคคลลึกลับคนหนึ่ง ต้องการนำสมบัติชิ้นนี้เข้าประมูล หนำซ้ำเวลายังแค่ช่วงเย็นวันนี้!”

“ไป ไปดูกัน!”

ได้ยินเช่นนี้หลินสวินยังอดอึ้งไปไม่ได้ สมบัติล้ำค่าที่ได้แต่พบเจอไม่อาจร้องขออย่างวารีแรกปฐมถึงกับถูกตนบังเอิญพบเข้าให้แล้ว?

และเวลานี้อันเจิงก็สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวเหล่านี้เช่นกัน อดปากอ้าตาค้างไม่ได้ “แม่งโคตรจะ… บังเอิญจริงๆ!”

บนท้องถนนใหญ่ที่อยู่ไกลๆ เงาร่างมากมายต่างมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่หอคันฉ่องสวรรค์ตั้งอยู่ สถานการณ์อึกทึกครึกโครมหาใดเปรียบ

เห็นชัดว่าถูกการประมูลครั้งนี้ดึงดูดไปทั้งสิ้น

“ผู้อาวุโส อยากไปดูสักหน่อยหรือไม่” อันเจิงถาม

หลินสวินครุ่นคิด สายตามองไปทางอันเจิง กล่าวว่า “ไม่อย่างนั้นเจ้าช่วยข้าไปดูที หากสมบัตินี้เป็นของจริงก็ประมูลสมบัตินี้มา”

อันเจิงอึ้งงัน ชี้นิ้วใส่ตัวเอง “ข้า?”

หลินสวินพยักหน้า

อันเจิง “…”

……………………

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท