สามวันต่อมา
เต่าดำหนวดมังกรก้าวผ่านเขตแดนห้วงอากาศหลายสิบแห่ง ก้าวข้ามหนทางหมื่นลี้นับไม่ถ้วน สุดท้ายก็มาถึงน่านน้ำที่ใสสะอาดดุจชะล้าง กลมกลืนและเงียบสงบแถบหนึ่ง
บนมหาสมุทรกว้างใหญ่ กลิ่นอายที่เหมือนแดนแรกกำเนิดพวยพุ่งออกมาสายแล้วสายเล่า บนผิวทะเลล้วนมีละอองแสงมงคลดั่งหมอกควันลอยล่อง
ที่นี่ไม่เหมือนน่านสมุทรอื่นในทะเลตะวันออกอย่างสิ้นเชิง เต็มไปด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์
ห่างออกไปมีป้ายหินเก่าแก่ที่สูงประมาณพันจั้งป้ายหนึ่ง ตั้งตระหง่านอยู่บนผิวสมุทร ส่วนฐานฝังกลบอยู่ใต้น้ำทะเล ไม่อาจมองเห็นได้
ป้ายหินโบราณอบอวลด้วยกลิ่นอายของกาลเวลาเก่าแก่ บนนั้นสลักอักขระดั้งเดิมของเผ่ามังกรว่า ‘ค้ำสมุทร’ ไว้สองคำ
เต่าดำหนวดมังกรหยุดนิ่ง ในตำหนักหลินสวินมองเห็นภาพนี้แต่ไกลแล้วลอบพยักหน้า
เขาเคยได้ยินอันเจิงบอกมาก่อนแล้วว่าทางเข้าวังมังกร ตั้งอยู่บนผิวทะเลแถบหนึ่งที่มีศิลาค้ำสมุทรตั้งตระหง่าน
“ควรเข้าไปอย่างไร” หลินสวินถาม
จักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรที่อยู่ด้านข้างสีหน้าปรวนแปรไม่หยุด “แน่นอนว่าต้องให้ข้าพาไป มิฉะนั้นไม่ว่าใครที่ไม่ใช่คนในเผ่าเจินหลงของข้าก็ไม่มีทางเข้าไปในนั้นได้แน่”
“นั่นก็ไม่แน่เสมอไป”
นัยน์ตาดำของหลินสวินเยียบเย็น “ขอแค่ข้ารออยู่ที่นี่ ไม่ช้าก็เร็วต้องจับตัวคนในเผ่าเจินหลงที่ก้าวออกมาจากวังมังกรได้แน่”
จักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย “เจ้าคิดจะทำอะไร”
ปึง!
ต้าหวงลงมือตะปบ จักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรถูกทำร้ายจนสลบเหมือด ทรุดคว่ำกับพื้นอย่างปวกเปียก
“ไม่ฆ่าจริงหรือ” ต้าหวงกลืนน้ำลายดังเอื๊อก
“คนใหญ่คนโตเช่นนี้ย่อมมีสมบัติอย่างโคมวิญญาณเก็บไว้ในตระกูล เมื่อตายไปต้องทำให้อีกฝ่ายแตกตื่นแน่”
หลินสวินพูดลอยๆ “ครั้งนี้หากพวกเรากลับไปได้อย่างปลอดภัย ถึงตอนนั้นค่อยตุ๋นเนื้อมังกรดีๆ กินสักหม้อก็ย่อมได้”
ต้าหวงพยักหน้ารัว “คำพูดนี้มีเหตุผล”
หลังจากนั้นหลินสวินเริ่มเคลื่อนไหว เพียงชั่วขณะก็กำราบผนึกจักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรรวมถึงผู้ติดตามทั้งหมดของเขาลงไปในเจดีย์ไร้สิ้นสุด
สุดท้ายแม้แต่เต่าดำหนวดมังกรตัวมหึมาที่พามานั้นก็ถูกหลินสวินเก็บลงไปด้วย
“ต้าหวง เจ้าก็ไปซ่อนอยู่ในเจดีย์ไร้สิ้นสุดชั่วคราว รอข้าแฝงตัวเข้าไปในวังมังกรแล้ว ถ้าเห็นว่าสถานการณ์ไม่เข้าที เจ้าค่อยลงมือ”
หลินสวินเอ่ยกำชับ
แน่นอนว่าต้าหวงไม่คัดค้าน
ไม่นานน่านน้ำที่เงียบสงบแถบนี้ก็เหลือแค่หลินสวิน
เขารออยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง
จากข่าวที่หลินสวินได้มา ทางเข้าวังมังกรมีทั้งหมดสี่สิบเก้าแห่ง ใกล้ทางเข้าแต่ละแห่งล้วนมี ‘ศิลาค้ำสมุทร’ สยบอยู่
เล่าลือว่าศิลาค้ำสมุทรสี่สิบเก้าแห่งนี้เป็นยอดสมบัติของเผ่าเจินหลง กำราบ ‘เขตต้องห้ามไร้ชีพ’ ที่อยู่ใต้ทะเลตะวันออกมาตลอด ทำให้หลายปีนี้สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนสามารถก้าวขึ้นมาบนทะเลตะวันออกที่กว้างใหญ่ได้อย่างปลอดภัย
ส่วน ‘วังมังกร’ ที่ลึกลับที่สุดในใจหมื่นเผ่าพันธุ์ทั่วหล้า ก็ตั้งอยู่ในสถานที่ใจกลางซึ่งปกคลุมด้วยศิลาค้ำสมุทรสี่สิบเก้าแห่ง นั่นคือโลกลึกลับที่อัศจรรย์หาใดเปรียบแห่งหนึ่ง
น่านน้ำที่หลินสวินอยู่ตอนนี้ก็คือหนึ่งในสี่สิบเก้าทางเข้าวังมังกร เป็นเส้นทางที่คนใหญ่คนโตของวังมังกรใช้เข้าออกโดยเฉพาะ
ขณะเดียวกันหลินสวินก็รู้ดีว่ารากฐานของเผ่าเจินหลงแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง เผ่าวิญญาณฟ้าประทานนี้เดิมทีก็อยู่เหนือสรรพวิญญาณ มีพรสวรรค์น่าหวาดกลัวที่อยู่เหนือความคาดหมาย
หากเปรียบเทียบกันอย่างจริงจัง อานุภาพของเผ่าเจินหลงย่อมพอฟัดพอเหวี่ยงกับขุมอำนาจหกเรือนมรรคใหญ่แห่งแดนวิภูหงเหมิง รวมถึงสามยักษ์ใหญ่แห่งโลกมืดได้!
และในแดนเจินหลงนี้ เผ่าเจินหลงก็เป็นนายเหนือหัวเพียงคนเดียว!
ไม่ต้องคิดเลยว่าการเข้าไปในที่ตั้งของวังมังกรนั้น ต้องอันตรายหาใดเปรียบแน่
แต่หลินสวินไม่คิดจะบุกเข้าไป ทั้งระหว่างทางที่มาก็เตรียมตัวไว้พร้อมแล้ว
‘งานชุมนุมเซียนหมื่นมังกรนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่… ทำไมเหตุไม่คาดฝันนั้นถึงเกิดขึ้นเพราะจิ่งเซวียน…’
‘เผ่าเจินหลงเคียดแค้นข้าเช่นนี้ ถึงขั้นกังวลว่าข้าจะมาหาถึงที่ ทำลายเส้นทางมุ่งสู่ทางเดินโบราณฟ้าดาราโดยไม่คำนึงถึงอะไร เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะความสัมพันธ์ของข้ากับจิ่งเซวียนเท่านั้นจริงหรือ’
หลินสวินคิดในใจเงียบๆ
ซ่า…
ผ่านไปหนึ่งก้านธูปเต็มๆ เมื่อเสียงกระแสคลื่นม้วนซัดหนึ่งดังขึ้น ก็เห็นว่าบนผิวทะเลใกล้ศิลาค้ำสมุทรที่ห่างไกลนั้นม้วนซัดระลอกหนึ่ง บานประตูมหึมาหนึ่งปรากฏ มีเงาร่างกลุ่มหนึ่งเดินออกมา
ผู้นำคือชายในชุดคลุมมังกรสี่เล็บ ศีรษะประดับเกี้ยวขนนกคนหนึ่ง ทั่วร่างแผ่ความหยิ่งทะนงของเผ่าเจินหลงโดยเฉพาะ
พวกที่อยู่ข้างกายชายชุดคลุมมังกรคือผู้ติดตามกลุ่มหนึ่ง มีทั้งชายและหญิง เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ทายาทของเผ่าเจินหลง แต่กลิ่นอายของแต่ละคนล้วนชวนตะลึง
“หืม? เจ้าคือ… คนของเผ่าเจินโห่วหรือ”
ชายชุดคลุมมังกรเห็นหลินสวินแต่ไกลแล้วชะงักไปก่อน ด้วยแยกแยะกลิ่นอายของเผ่าเจินโห่วจากตัวเขาได้
แน่นอนว่านี่คือการพรางตัวของหลินสวิน เขาประสานมืออย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน “คุณชายสายตาเฉียบแหลม ข้าโหวเทียนสิงแห่งเผ่าเจินโห่ว ครั้งนี้มีเรื่องมาขอเข้าพบ”
ชายชุดคลุมมังกรพยักหน้าอย่างสงวนท่าทีพลางกล่าว “ผู้อาวุโสคนไหนของเผ่าข้าส่งเจ้ามา”
น่านน้ำแถบนี้มีแค่คนใหญ่คนโตของเผ่าเจินหลงที่เข้ามาได้ นี่ทำให้เขาคิดไปตามจิตใต้สำนึกว่าหลินสวินได้กระชับความสัมพันธ์กับผู้อาวุโสบางคน
หลินสวินล้วงป้ายคำสั่งสีม่วงที่สลักสัญลักษณ์รูปมังกรออกมาแล้วกล่าว “ข้ามาตามคำสั่งของใต้เท้าจักรพรรดิมังกรพลิกสมุทร นี่เป็นป้ายคำสั่ง”
เขาพูดพลางส่งป้ายคำสั่งผ่านอากาศไป
ชายชุดคลุมมังกรตรวจสอบคร่าวๆ แล้วพยักหน้ากล่าว “ไม่ผิด เป็นป้ายคำสั่งติดตัวของท่านอาหก ครั้งนี้เจ้ามาด้วยเรื่องใด”
หลินสวินพูดโดยไม่ต้องคิด “ข้าอยากพบองค์ชายเจ็ดอ๋าวเจิ้นเทียนสักหน่อย”
หัวคิ้วของชายชุดคลุมมังกรขมวดขึ้นทันที “เจ้าอยากพบน้องเจ็ดของข้ารึ”
หลินสวินประสานมือกล่าว “ขอคุณชายช่วยให้สมปรารถนา”
ชายชุดคลุมมังกรไม่เข้าใจอยู่บ้าง “ท่านอาหกไม่ได้บอกเจ้าหรือ ตอนนี้น้องเจ็ดของข้านั้นถูกกักบริเวณนานแล้ว อย่าว่าแต่พบแขก แม้แต่ประตูบ้านยังไม่อาจก้าวออกไปได้”
หลินสวินผงะในใจวูบหนึ่ง แต่ปากกลับกล่าวว่า “ใต้เท้าจักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรบอกแค่นำป้ายคำสั่งของเขามา ก็จะไปวังมังกรเพื่อเข้าพบองค์ชายเจ็ดได้ เรื่องอื่น… ข้าไม่รู้เลยจริงๆ”
ชายชุดคลุมมังกรกล่าวเสียงขรึม “ช่างเถอะ ในเมื่อเจ้าถือป้ายคำสั่งของท่านอาหกมา ข้าก็จะไม่สร้างความลำบากให้เจ้า จะพาเจ้าไปพบน้องเจ็ดดูแล้วกัน”
หลินสวินแอบเป่าปากโล่งอกทันที ขอแค่แฝงตัวเข้าไปในวังมังกรและติดต่อกับอ๋าวเจิ้นเทียนได้ เช่นนั้นความจริงมากมายก็จะกระจ่างแล้ว
ผู้ติดตามคนหนึ่งอดกล่าวเตือนไม่ได้ “องค์ชายสี่ พวกเราออกมาครั้งนี้ไม่ได้จะไป…”
ไม่รอให้พูดจบ ชายชุดคลุมมังกรก็ตัดบท “ไม่ต้องรีบร้อน รอข้าพาสหายเผ่าเจินโห่วคนนี้ไปส่งยังที่พักของน้องเจ็ดแล้วค่อยออกเดินทางก็ไม่สาย”
เขาพูดพลางหันหลังกลับ ในมือถือป้ายหยกแดงเพลิงดั่งแสงสายัณห์ ส่องสะท้อนไปทางศิลาค้ำสมุทรแห่งหนึ่ง
วู้ม!
ผิวทะเลม้วนซัด บานประตูน้ำวนหนึ่งปรากฏออกมา
“ไปเถอะ”
ชายชุดคลุมมังกรนำทางไปเบื้องหน้า
หลินสวินมองเงาหลังเขาเล็กน้อยแล้วตามไป ในใจกลับแอบกล่าวว่า องค์ชายสี่? ดูท่าว่าเจ้าหมอนี่คงไม่ใช่อ๋าวเสวียนเฟิงที่ขับไล่อิ๋นฮวนไปจากวังมังกรนั่นกระมัง
หลินสวินไม่ได้ส่งเสียง ตามพวกอ๋าวเสวียนเฟิงเข้าไปในบานประตูน้ำวนนั้นอย่างสงบเสงี่ยม
…
เมื่อทัศนวิสัยของหลินสวินแจ่มชัดก็เข้ามาในโลกลึกลับแห่งหนึ่ง กว้างใหญ่ราวกับไร้ขอบเขต กลางฟ้าดินอบอวลด้วยกลิ่่นอายบ่อเกิดแรกกำเนิดเข้มข้น
ขณะเดียวกันยังมีปราณมังกรที่ทรงพลังหลากรูปแบบแปลงเป็นเมฆมงคล ปกคลุมอยู่เหนือเวิ้งฟ้า งามตระการรุ่งโรจน์
บนแผ่นดินภูผาธาราต้นไม้ใบหญ้าล้วนมหึมาหาใดเปรียบ ในพื้นดินอบอวลด้วยพลังชีวิตยิ่งใหญ่เข้มข้น
เมื่อหายใจเข้าระหว่างจมูกปากล้วนเต็มไปด้วยพลังต้นกำเนิดฟ้าดินที่บริสุทธิ์พลุ่งพล่าน พาให้จิตใจปลอดโปร่งเหมือนอยู่บนแดนเซียนในตำนาน
หลินสวินสังเกตเห็นอย่างชัดเจน สายตาของอ๋าวเสวียนเฟิงประเมินตนเหมือนตั้งใจและไม่ตั้งใจ เขากล่าวอย่างทอดถอนใจทันที “ที่นี่คือแดนวังมังกรหรือ เป็นสถานที่มงคลชั้นเลิศของฟ้าดินดังคาด”
อ๋าวเสวียนเฟิงยิ้มโดยไม่อำพรางแววหยิ่งทะนงแม้แต่น้อย “พูดอย่างไม่เกินจริง ต่อให้กวาดสายตามองทั่วหล้าหมื่นพิภพ แดนมงคลที่ทัดเทียมวังมังกรของเผ่าข้าได้ บางทีอาจมีแค่ที่พำนักซึ่งเผ่าจักรพรรดิอมตะในฟากฝั่งฟ้าดาราอาศัยอยู่”
เขาพูดพลางนำหน้าไปก่อน
ระหว่างทางก็เห็นภูผาธารากว้างใหญ่ เขียวชอุ่มไปทั่วทิศ บนเวิ้งฟ้ามีหงส์วิญญาณเกาะกลุ่มเริงระบำเป็นระยะ ร้องขับขานด้วยเสียงกระจ่างใส
บนพื้นดินก็เห็นสัตว์วิญญาณมงคลปรากฏตัวเป็นระยะทุกแห่งหน ทำให้หลินสวินไม่อาจไม่ยอมรับว่าแดนวังมังกรนี้อัศจรรย์มากจริงๆ ไม่เหมือนที่ตนจินตนาการไว้อย่างสิ้นเชิง
ตลอดทางมานี้ในจิตรับรู้ของเขาสัมผัสกลิ่นอายน่าหวาดกลัวได้นับไม่ถ้วน กระจายอยู่ในอาณาเขตต่างๆ บ้างหลบอยู่ในเหวลึก บ้างอาศัยอยู่บนชะง่อนผา บ้างหมอบนิ่งอยู่ใต้ทะเลสาบ…
ไม่ต้องสงสัยแม้แต่น้อย กลิ่นอายน่าหวาดกลัวพวกนั้นต้องเป็นผู้แข็งแกร่งของเผ่าเจินหลงที่อยู่ในอาณาเขตต่างๆ แน่นอน
ขณะเดียวกันหลินสวินก็สังเกตเห็นว่าในแดนวังมังกรนี้ มีสิ่งมีชีวิตต่างเผ่าอยู่มากมาย แต่ละคนหากรูปร่างหน้าตาไม่สวยสดงดงาม ก็มีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งเพียงพอ
หลินสวินถึงขั้นได้เจอสิ่งมีชีวิตของเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่อย่างปี้อั้น ชือน้ำแข็ง ผูเหลา หยาจื้อ เฉาเฟิงด้วย!
แต่สิ่งมีชีวิตที่มาจากหมื่นเผ่าพันธุ์พวกนี้ ล้วนเป็นพวกที่ทำเรื่องจุกจิกอย่างสาวใช้ ทหารยาม ผู้ดูแล ผู้ติดตามทั้งสิ้น
“หมื่นเผ่าพันธุ์ในใต้หล้านี้ล้วนมีเผ่าเจินหลงของข้าเป็นผู้นำ ขอเพียงถูกเลือกก็ถวายชีวิตเข้ามาอยู่ในแดนวังมังกรของข้าได้ ทั้งหมดล้วนเป็นผู้มีหน้ามีตาในแต่ละเผ่า คนธรรมดาไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ามาที่นี่”
อ๋าวเสวียนเฟิงเอ่ยปากเนิบช้า นั่นเป็นท่าทางที่เหมือนองค์ราชันมองหมื่นวิญญาณในใต้หล้าเป็นขุนนางของตน
หลินสวินฉวยโอกาสถาม “คุณชาย คนที่ขายชีวิตมาแดนวังมังกรนี้ มีระดับจักรพรรดิหรือไม่”
“แน่นอน!”
อ๋าวเสวียนเฟิงกล่าวยิ้มเล็กน้อยอย่างสงวนท่าที “อย่างระดับจักรพรรดิบางส่วนของเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่ ก็จะถูกจ้างวานมาเป็นผู้อาวุโสที่ทำคุณประโยชน์ให้เผ่าข้า”
ผู้ติดตามคนหนึ่งกล่าวประจบสอพลอ “สหายท่านนี้อาจไม่รู้ว่าข้างกายองค์ชายสี่ แค่ผู้อาวุโสที่ติดตามรับใช้สามคนก็มีพลังปราณระดับจักรพรรดิแล้ว ล้วนซื่อสัตย์ภักดีต่อองค์ชายสี่ ทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดเหมือนพวกข้า”
หลินสวินสูดหายใจเย็นเยียบ เผยสีหน้าตกใจ
แน่นอนว่าครึ่งหนึ่งเป็นการแสดง อีกครึ่งกลับมาจากใจ
เท่าที่เขารู้ในหมู่ทายาทสายตรงของเผ่าเจินหลงตอนนี้ มีองค์ชายเก้าคนและองค์หญิงสี่คน
แค่ข้างกายองค์ชายสี่คนเดียว ก็มีผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิสามคนมาเป็นผู้ติดตามแล้ว ทั้งเผ่าเจินหลงนั้นจะมีผู้ติดตามระดับจักรพรรดิเท่าไหร่กัน
นอกจากนี้ในเหล่าบุคคลสำคัญของเผ่าเจินหลงพวกนั้น ย่อมไม่ขาดตัวตนที่น่ากลัวถึงขีดสุดแน่
เปรียบเทียบเช่นนี้ ความน่าพรั่นพรึงแห่งรากฐานของเผ่าเจินหลงก็พอเห็นเป็นรูปธรรมแล้ว!
………………….