Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2243 ผนึกปราบสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2243 ผนึกปราบสวรรค์

ตอนที่ 2243 ผนึกปราบสวรรค์

“รายงาน…! ศัตรูกำลังมุ่งไปทางวังมหามรรคหมื่นมังกร!”

เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าที่กำลังเคลื่อนพลมาจากทั่วสารทิศพวกนั้นต่างประหลาดใจและยากจะเชื่ออย่างอดไม่ได้

วังมหามรรคหมื่นมังกร สถานที่ใจกลางของเผ่าเจินหลง มีเพียงเครือญาติสายตรงของหัวหน้าเผ่าที่เข้าไปอยู่ในนั้นได้

ที่นั่นปกคลุมด้วยพลังต้องห้ามที่น่าหวาดกลัวหาใดเปรียบ มีสัตว์ประหลาดเฒ่ามากมายควบคุมดูแล สามารถทำให้บุคคลระดับจักรพรรดิไม่กล้าล่วงล้ำ!

ใครจะกล้าจินตนาการว่าโจรถ่อยนั่นถึงกับกล้าบุกไปยังสถานที่เช่นนี้

นี่คือการล้มล้างกฎเกณฑ์ชัดๆ พาให้คนอดสงสัยไม่ได้ว่าอีกฝ่ายจงใจรนหาที่ตายด้วยเสียสติใช่หรือไม่…

“คนดีไม่มา คนมาไม่ดี เร็วเข้า! ทุกคนรีบไปที่วังมหามรรคหมื่นมังกร…!”

บุคคลสำคัญที่มีอำนาจระดับสูงคนหนึ่งแห่งเผ่าเจินหลงออกคำสั่ง

เพียงชั่วขณะในแดนวังมังกรที่กว้างใหญ่หาใดเปรียบ มีเงาร่างน่ากลัวนับไม่ถ้วนออกเคลื่อนพลจากสถานที่ฝึกปราณ กลายเป็นรุ้งสายยาวที่เจิดจรัสสะท้านฟ้า แหวกผ่านท้องนภา เคลื่อนที่ไปวังมหามรรคหมื่นมังกร

ภาพเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว ทำให้สิ่งมีชีวิตที่กระจายอยู่ในแดนวังมังกรพวกนั้นถูกทำให้ตกใจ

ขณะเดียวกันผู้ติดตามอาวุโสระดับจักรพรรดิที่มาจากเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่พวกนั้น ต่างระบุฐานะของ ‘โจรถ่อย’ ที่ก่อเรื่องใหญ่ในวังมังกรนั้นได้โดยคร่าว ล้วนวางแผนอย่างแน่ชัดในใจ หากมีโอกาสจะช่วยหลินสวินแน่นอน!

แต่เมื่อสังเกตเห็นว่าการเคลื่อนไหวเริ่มบานปลายใหญ่โต ผู้ติดตามอาวุโสแห่งเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่พวกนี้ก็กังวลขึ้นมาอย่างไม่อาจระงับ

มังกรมีเกล็ดย้อน หากสัมผัสแล้วต้องตาย!

ในแดนวังมังกรนี้ เมื่อมังกรเฒ่าพวกนั้นถูกยั่วโทสะ หลินเต้ายวนนั่นไหนเลยจะมีโอกาสหนีรอด

ถึงตอนนั้นต่อให้พวกเขาช่วยเหลือก็กลัวว่าจะไร้ประโยชน์!

‘ตอนนี้คงได้แต่คิดไปทำไปแล้ว…’

นี่คือความคิดของผู้ติดตามอาวุโสแห่งเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่พวกนั้น

ตูม!

ฟ้าดินสั่นสะเทือน หินผาพังครืน ห้วงอากาศเหมือนถูกทำให้ปั่นป่วน ย้อมไปด้วยกลิ่นคาวเลือด เสียงธรรมดังกระหึ่มเหมือนเสียงฟ้าร้องแห่งเก้าสวรรค์ก้องฟ้าดิน

ระหว่างทางที่มุ่งหน้าไปวังมหามรรคหมื่นมังกร หลินสวินถูกโจมตีอย่างไม่เคยมีมาก่อน และไม่ปิดบังฐานะเหมือนก่อนหน้านี้อีก

เขาในตอนนี้ส่องประกายเจิดจรัสไปทั้งตัว ผมดำแผ่สยาย มือถือดาบไร้วิชาที่เจิดจ้าไร้ขอบเขต บุกสังหารไปข้างหน้า

ฉัวะๆๆ… เพียงชั่วขณะผู้แข็งแกร่งหลายสิบคนที่ปิดล้อมเข้ามา ถูกปราณดาบไร้ขอบเขตม้วนกลืนและซัดกระจายกันออกไป แขนขาแหว่งวิ่นลอยล่องไปทั่ว เลือดสดสาดกระเซ็นราวน้ำตก เสียงร้องโหยหวนก็ดังก้องตามมา

นัยน์ตาดำหลินสวินล้ำลึก พุ่งทะยานฝ่ากลิ่นคาวเลือด ไม่ล่าช้าแม้แต่น้อย

คู่ต่อสู้ที่เจอตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นมีภัยคุกคาม สามารถบดขยี้ได้โดยง่าย แต่ตามเวลาที่ล่วงเลยแน่นอนว่าต้องมีพวกน่ากลัวปรากฏตัวมากขึ้นเรื่อยๆ

หลินสวินไม่สงสัยแม้แต่น้อย ด้วยรากฐานพลังที่แข็งแกร่งของเผ่าเจินหลง ย่อมไม่มีทางมองสภาพการณ์เช่นนี้ยืดเยื้อต่อไปตาปริบๆ แน่

ฆ่า!

เงาร่างเขาส่องประกายราวกับแสงเคลื่อน พลังปราณระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นสองโคจร ทั้งตัวประดุจเหวลึกที่เคลื่อนขวาง กดอัดฟ้าดินแล้วเคลื่อนไป

สามารถมองเห็นวังมหามรรคหมื่นมังกรได้แต่ไกลแล้ว

นั่นคือสิ่งปลูกสร้างที่ดูเก่าแก่ เรืองรองและศักดิ์สิทธิ์แถบหนึ่ง เย้ยฟ้าท้าดิน อาบไล้ด้วยไอขุ่นมัวโหมกระหน่ำ ปราณมังกรนานัปการสอดประสาน แสงสมบัติพร่างพรายครอบฟ้าคลุมดิน!

“เจ้าโจรถ่อยสามหาว! ถึงกับกล้า…”

ห่างออกไปเงาร่างกำยำหาใดเปรียบร่างหนึ่งพุ่งออกมา ไอชั่วร้ายล้นฟ้าหมุนวนรอบตัว ปกคลุมด้วยเกราะดำ มือถือง่ามเหล็กมหึมาเล่มหนึ่งพุ่งกระโจนเข้ามา

แต่เสียงเขาเพิ่งกล่าวไปครึ่งหนึ่งก็ถูกดาบของหลินสวินฟันกระเด็นไป ร่างใหญ่มหึมาดั่งขุนเขาพลันแยกออกเป็นสองซีกกลางอากาศ เลือดสีสดไหลพุ่งเหมือนน้ำตก

หลินสวินไม่แม้แต่จะมอง กำลังคิดพุ่งทะยานไปเบื้องหน้า ในบริเวณใกล้เคียงพลันมีละอองแสงอักษรแน่นขนัดแผ่คลุม กระบวนค่ายกลผนึกที่เก่าแก่ชั้นแล้วชั้นเล่าตื่นจากความเงียบงัน

ครืน…

ภูเขาเทพมากมายผุดขึ้นมาจากพื้นดินจนสูงเทียมฟ้า ภูเขาเทพกองพะเนิน หินผาราวกับหล่อจากทองเทพ คลื่นผนึกน่าพรั่นพรึงเวียนวน ขวางทางข้างหน้าไว้อย่างสมบูรณ์

มองจากไกลๆ ก็เหมือนปราการสวรรค์ปรากฏ พาให้คนรู้สึกว่าไม่อาจสั่นคลอน ไม่อาจก้าวล่วง

ห่างออกไปเมื่อเงาร่างที่ห้อตะบึงมาจากทั่วสารทิศเห็นภาพนี้ก็ลอบโล่งอกทันที

ผนึกปราบสวรรค์!

กระบวนผนึกโบราณที่คงอยู่เรื่อยมานับแต่อดีตจนปัจจุบัน ภูเขาเทพพาดอยู่กลางฟ้าดินประหนึ่งปราการ สามารถขวางบุคคลระดับจักรพรรดิไว้เบื้องหน้า

ตั้งแต่สร้างกระบวนค่ายกลนี้ ก็ไม่เคยมีศัตรูภายนอกสามารถทำลายกระบวนค่ายกลนี้ได้!

“เจ้าโจรถ่อย ดูสิว่าเจ้ายังหนีไปไหนพ้น!” สัตว์ประหลาดเฒ่าคนหนึ่งได้ใจจนหัวเราะเหี้ยมเกรียมขึ้นมา เสียงดังกังวานยิ่งกว่าสายฟ้าฟาด

แต่เมื่อเสียงเพิ่งแผ่วลง

ก็เห็นว่าห่างออกไปความเร็วในการเคลื่อนที่ของหลินสวินไม่หยุดชะงักแม้แต่น้อย พุ่งปะทะผนึกปราบสวรรค์นั้นโดยตรง ภาพนั้นก็เหมือนมดเขย่าไม้ใหญ่ เหมือนเอาไข่ไปกระทบหิน

แต่สิ่งที่แปลกคือเงาร่างเขาพลันส่องประกาย ถึงกับตัดผ่านกระบวนผนึกที่เต็มไปด้วยลายมรรคนั้น ชั่วพริบตาก็หายลับจากไป

ส่วนผนึกปราบสวรรค์นั้นก็แค่เกิดคลื่นอักษรที่เหมือนกระแสน้ำสายหนึ่ง…

สีหน้าของสัตว์ประหลาดเฒ่าที่หัวเราะเหี้ยมเกรียมอย่างได้ใจนั้นพลันหยุดชะงัก ตกตะลึงอ้าปากค้าง “นี่… มันเรื่องอะไรกัน!?”

เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าที่ไล่ตามมาจากต่างทิศทางก็เผยสีหน้ายากจะเชื่อ ทำหน้าเหมือนเห็นผี

“เร็วเข้า รีบปลดผนึกปราบสวรรค์!”

มีสัตว์ประหลาดเฒ่าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ คำรามเสียงแตกพร่า

ผู้แข็งแกร่งคนอื่นล้วนร้อนรน ผนึกปราบสวรรค์นี้เป็นถึงผนึกแต่โบราณของพวกเขาเผ่าเจินหลง ตอนนี้กลับไม่อาจขวางศัตรูภายนอกนั้นได้ กลายเป็นว่าขวางคนในเผ่าเจินหลงอย่างพวกเขาแทน นี่เหมือนการตบหน้าตัวเองจริงๆ

ขณะเดียวกันหลินสวินที่ทะลวงฝ่ากระบวนค่ายกลใหญ่ไปอย่างง่ายดาย สีหน้าราบเรียบไม่สะทกสะท้าน ทอดสายตามองไปไกล

ผนึกปราบสวรรค์นี้แม้จะแข็งแกร่ง แต่สำหรับมกุฎมหาจักรพรรดิที่เติบโตมากับรอยสลักวิญญาณตั้งแต่เด็กอย่างเขา กลับเหมือนสอนจระเข้ว่ายน้ำ ไม่คู่ควรให้พูดถึงอย่างสิ้นเชิง

เวลานี้เขามองเห็นวังมหามรรคหมื่นมังกรที่ตั้งอยู่บนเส้นขอบฟ้าที่ห่างไกลนั้นอย่างชัดเจนแล้ว

‘อ๋าวฮ่วนไห่ เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้แล้ว เจ้ายังไม่คิดจะปรากฏตัวอีกหรือ…’

นัยน์ตาดำของหลินสวินเยียบเย็น

อ๋าวฮ่วนไห่คือหัวหน้าเผ่าคนปัจจุบันแห่งเผ่าเจินหลง สมญาจักรพรรดิมังกรหมื่นยอด เฒ่าดึกดำบรรพ์ที่ครองรากฐานพลังน่าหวาดกลัวคนหนึ่ง

เล่าลือว่าจักรพรรดิมังกรหมื่นยอดนิสัยเลือดเย็น สังหารเด็ดขาด ฝีมือเทียมฟ้า ทั้งเป็นนายเหนือหัวที่ทำให้สิ่งมีชีวิตหมื่นเผ่าในแดนเจินหลงกริ่งเกรงและหวาดกลัว

สาเหตุที่หลินสวินก่อเรื่องใหญ่และบุกเข้ามาที่นี่เช่นนี้ ก็เพื่อเค้นถามเบาะแสของจ้าวจิ่งเซวียนจากปากของอ๋าวฮ่วนไห่!

ใช่ว่าหลินสวินบุ่มบ่ามและใจกล้า หากแต่ทำไปด้วยจำยอม

ตามความเข้าใจของเขา กล้าออกคำสั่งให้ปิดข่าวในงานชุมนุมเซียนหมื่นมังกร กล้าออกคำสั่งให้ทำลายเส้นทางเชื่อมต่อทางเดินโบราณฟ้าดารา เห็นชัดว่าอ๋าวฮ่วนไห่คนนี้ตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่าต้องจ่ายค่าตอบแทนเป็นอะไร ก็ต้องรั้งเด็กที่เกิดจากตนกับจ้าวจิ่งเซวียนไว้ให้ได้!

เหตุผลนั้นง่ายมาก แค่เพราะพรสวรรค์ของเด็กคนนี้เย้ยฟ้าเกินไป มีทั้งสายเลือดเจินหลงและพรสวรรค์หุบเหวกลืนกิน นี่ย่อมเรียกได้ว่าไม่เคยมีมาก่อน มีเพียงหนึ่งเดียวนับแต่โบราณ!

หากอ๋าวฮ่วนไห่รั้งเด็กคนนี้ไว้ได้จริง เลี้ยงดูจนเติบใหญ่ตั้งแต่เด็ก ภายหน้าเด็กคนนี้… เกรงว่าคงได้แซ่อ๋าวแน่!

‘เจ้าไม่ออกมา ข้าก็ไปหาเจ้าเอง’

หลินสวินสูดหายใจลึก เคลื่อนที่แหวกอากาศ มุ่งหน้าไปวังมหามรรคหมื่นมังกรที่ห่างไกล

ฮูม…

ทันใดนั้นเปลวไฟสีทองม่วงหลากสายพลันปรากฏ จากนั้นจึงแผ่กระจายไปทั่วทิศ ปกคลุมไปทางหลินสวินราวกับปิดล้อม

มองลงมาจากเวิ้งฟ้าเหมือนห่วงเพลิงสีทองม่วงเกลี้ยงกลมหนึ่งปรากฏ ส่วนหลินสวินก็ติดอยู่ในนั้น

ทันใดนั้นหลินสวินก็สังเกตเห็น ห้วงอากาศแถบนี้ถูกพันธนาการและปิดผนึก ไม่อาจเคลื่อนไหวได้อีก ขณะเดียวกันกลิ่นอายคุกคามถึงชีวิตพลันแผ่อบอวล

“เจ้าหนุ่ม แดนวังมังกรนี้ไม่ใช่สถานที่ที่ใครบุกรุกได้ตามชอบ ความสามารถของเจ้าไม่เลว หากข้ามองไม่ผิด เจ้าน่าจะเป็นมกุฎมหาจักรพรรดิคนหนึ่ง”

เสียงต่ำลึกแหบพร่าหนึ่งดังขึ้น ไม่ช้าไม่เร็ว เจือกลิ่นอายน่าเกรงขามที่พาให้คนสิ้นหวัง “มกุฎมหาจักรพรรดิหายากเป็นอย่างยิ่ง ยากพบเห็นตั้งแต่โบราณกาลมา มีแค่ในฟากฝั่งฟ้าดาราที่เจอมกุฎมหาจักรพรรดิก้าวเดินอยู่ในนั้น ทั้งยังมีจำนวนน้อยเช่นกัน…”

เมื่อเสียงดังขึ้น ผู้อาวุโสที่ดูชราภาพไม่กระฉับกระเฉง มีหนวดมังกรสีทอง สวมชุดคลุมทอง นัยน์ตาทองอร่ามคนหนึ่งปรากฏตัวกลางอากาศ

ฮูม…

เมื่อเขาปรากฏตัว วงแสงเพลิงสีทองม่วงที่แผ่ลามมาทางหลินสวินอย่างต่อเนื่องนั้นหยุดนิ่งกลางอากาศในพริบตาเช่นกัน ลุกโชนเงียบๆ พลางแผ่กลิ่นอายประหลาดและอันตรายออกมา

ชายชราชุดทองมองหลินสวินที่อยู่ห่างไปด้วยนัยน์ตาเฉยชาพลางกล่าว “แต่เจ้าไม่ได้มาจากฟากฝั่งฟ้าดารา ก่อนที่เส้นทางมุ่งสู่ทางเดินโบราณฟ้าดาราจะถูกถล่ม บนทางเดินโบราณฟ้าดารานั้นก็มีมกุฎมหาจักรพรรดิที่ไม่เคยปรากฏตัวในช่วงเกือบแสนปีเช่นกัน”

“ถ้าให้ข้าเดา เกรงว่าเจ้าคงเป็นคนที่บรรลุมกุฎจักรพรรดิในช่วงไม่กี่สิบปีนี้กระมัง”

ชายชราชุดทองพูดพลางสาดประกายเทพชวนตระหนกจากนัยน์ตาทองอร่าม คล้ายว่ามองทะลุหลินสวินได้ทั้งตัว

เขาน่ากลัวมาก กลิ่นอายรอบตัวบังฟ้าคลุมตะวัน ใช้เพลิงเทพสีทองพันธนาการห้วงอากาศทั่วทิศเหมือนแมงมุมที่อยู่บนใย ต้องการจับหนอนน้อยที่ติดกับกินเป็นอาหาร

อานุภาพนั้นเทียบกับมหาจักรพรรดิปาฉีในระดับจักรพรรดิขั้นแปดแล้วยังแข็งแกร่งกว่าช่วงหนึ่ง!

ไม่จำเป็นต้องสงสัย ชายชราชุดทองคนนี้เป็นยอดผู้อาวุโสคนหนึ่งแห่งเผ่าเจินหลง และเหมือนว่าบุคคลระดับมหาจักรพรรดิเช่นนี้ ด้วยเหตุผลทางสายเลือด เดิมทีก็มีรากฐานน่ากลัวที่กำราบคนในระดับเดียวกันได้อยู่แล้ว

อย่างน้อยตอนนี้หลินสวินก็รู้สึกได้ถึงภัยคุกคามถึงชีวิต!

แต่เขาไม่เปลี่ยนสีหน้า กล่าวว่า “อ๋าวฮ่วนไห่อยู่ที่ไหน”

ชายชราชุดทองขมวดคิ้ว “ชื่อของหัวหน้าเผ่าข้าใช่สิ่งที่เจ้าเรียกขานได้โดยตรงหรือ ลองว่ามาเถอะ เจ้ามาทำไมกันแน่ หากขัดขืนข้าก็ไม่รังเกียจที่วันนี้จะกำจัดมกุฎมหาจักรพรรดิคนหนึ่งซึ่งสามารถสร้างความสะเทือนให้อดีตถึงปัจจุบัน!”

น่าเกรงขาม มาดมั่น เฉยชา สูงส่งเหนือผู้อื่น!

คำตอบของหลินสวินนั้นง่ายมาก

ปล่อยหมา!

ต้าหวงทะยานแหวกอากาศดังฟุ่บ ตะปบอุ้งเท้าคราหนึ่งก็ซัดเพลิงเทพสีทองที่ปกคลุมทั่วทิศนั้นจนแหลก กลายเป็นเพลิงที่แผ่กระจายลอยล่องดุจสายฝน

นัยน์ตาของชายชราชุดทองพลันหดรัด!

“หนอนยักษ์เฒ่าระดับจักรพรรดิขั้นแปด เยี่ยมมาก!”

ต้าหวงมองชายชราชุดทองคนนั้นอย่างประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นน้ำลายก็ไหลออกจากปาก แววตาเต็มไปด้วยความเร่าร้อนและละโมบ “หม้อนี้… ดูท่าจะตุ๋นไม่ไหวไปสักหน่อยแล้ว แต่ไม่เป็นไร ควักตับมังกรออกมาแก้อยากก่อนก็ได้!”

ฟุ่บ!

ยามเอ่ยวาจาต้าหวงก็เคลื่อนแหวกอากาศไปอย่างรีบเร่ง เหมือนหญิงคณิกาที่ร้อนรนทนไม่ไหว แผดเสียงคำรามแล้วพุ่งไปทางชายชราชุดทองที่อยู่ห่างไกล

“หลินสวิน เจ้าไปต่อเลย หนอนยักษ์เฒ่าตัวนี้ยกให้ข้าจัดการ!”

………………………

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท