Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2244 เคราะห์สังหารวังหมื่นมังกร

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2244 เคราะห์สังหารวังหมื่นมังกร

ตอนที่ 2244 เคราะห์สังหารวังหมื่นมังกร

ชายชราชุดทองโกรธจนจมูกแทบเบี้ยว ถูกหมาตัวหนึ่งมองเป็นข้าวในจาน นี่เป็นความอัปยศครั้งใหญ่ที่เขาไม่เคยได้รับมาก่อน!

หมาขนทองตัวหนึ่งกล้าจองหองต่อหน้ามหาจักรพรรดิเผ่ามังกรอย่างเขาเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

รนหาที่ตายจริงๆ!

แต่เมื่อเห็นต้าหวงกระโจนเข้ามา ชายชราชุดทองกลับผงะในใจทันที สัมผัสได้ถึงอันตรายและความไม่ชอบมาพากล

เขาลงมือโดยไม่ลังเล

ตูม!

อานุภาพมังกรโหมกระหน่ำกลายเป็นเกลียวคลื่นสีทองร้ายกาจบังฟ้าคลุมตะวัน ชายชราชุดทองเหยียดนิ้วทั้งห้าออกไป ห้วงอากาศระเบิดออกทันที

นี่คือกรงเล็บมังกรอย่างแท้จริง สามารถกรีดทึ้งห้วงอากาศ เค้นดวงดาวจนแหลก!

ต้าหวงตะปบอุ้งเท้าออกไปกลางอากาศอย่างหนักหน่วงเช่นกัน กลางฟ้าดินราวกับถูกค้อนยักษ์เต้าหนึ่งทุบทลาย สภาพอากาศแปรปรวนที่น่าหวาดกลัวแผ่พุ่งครามครัน

พลันเห็นชายชราชุดทองคำรามเสียงอึดอัด ถึงกับถูกกระเทือนจนเงาร่างซวนเซในการโจมตีซึ่งหน้านี้ ทรุดถอยกลางอากาศไปหลายก้าว

เขาหน้าเปลี่ยนสีทันที เมื่อมองต้าหวงอีกครั้งสายตาล้วนต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว สุนัขที่เหมือนหมาบ้านตัวนี้ ถึงกับเป็นพวกร้ายกาจไร้เทียนทานระดับจักรพรรดิขั้นเก้าคนหนึ่ง!

นี่อยู่เหนือความคาดหมายของเขาอย่างสิ้นเชิง หมาบ้านที่ดูไม่เอาไหนเช่นนี้ฝึกปราณได้ก็เรียกว่าหายากแล้ว ทั้งยังฝึกปราณจนกลายเป็นระดับจักรพรรดิขั้นเก้า… น่าอกสั่นขวัญแขวนโดยแท้!

“จุ๊ๆ เลือดลมและรากฐานของหนอนยักษ์เฒ่าเผ่านี้ไม่ใช่ของที่สิ่งมีชีวิตทั่วไปเทียบได้ดังคาด!”

ต้าหวงก็ทอดถอนใจ เผ่าเจินหลงยืนตระหง่านเหนือหมื่นเผ่าพันธุ์ ถูกมองเป็นราชันในหมู่สิ่งมีชีวิตฟ้าประทาน สายเลือด ร่างกาย พลัง รากฐานล้วนน่าสะพรึงอย่างที่สุด กำราบหมื่นเผ่าพันธุ์

เหมือนเช่นชายชราชุดทองคนนี้ แม้ว่ามีพลังปราณระดับจักรพรรดิขั้นแปด แต่ก็ใช่ว่าคนทั่วไปจะเทียบได้ พลังและรากฐานแข็งกร้าวดุดันจนน่ากลัว

ฟุ่บ!

ดาบไร้วิชากลายเป็นแสงเจิดจ้าสายหนึ่ง ถูกหลินสวินเหวี่ยงไปให้ต้าหวง “ต้าหวง รีบรบรีบจบ ไม่อาจชักช้า”

อุ้งเท้าของต้าหวงถือดาบไร้วิชา ดวงตาเปล่งประกาย มันมีหรือจะไม่รู้ว่าสมบัตินี้เป็นหนึ่งในศาสตราจักรพรรดิแห่งคุนหลุน มีความอัศจรรย์อย่างคาดไม่ถึง เรียกได้ว่าเป็นยอดสมบัติบนโลก!

“วันนี้ข้าจักรพรรดิสงครามคำรนจะสังหารมังกร!”

ท่ามกลางเสียงคำรามอย่างตื่นเต้น ต้าหวงพุ่งเข้าไปอีกครั้ง ดาบไร้วิชาฟันออกมา ฟ้าดินตกอยู่ในแสงดาบเจิดจ้าที่ขาวโพลนทั้งแถบทันที

หลินสวินเหลือบมองเล็กน้อย จากนั้นก็หันหลังมุ่งหน้าไปทางวังมหามรรคหมื่นมังกรต่อ

ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งสัมผัสได้ว่าวังมหามรรคหมื่นมังกรนั้นโอ่อ่า สง่างามและเกรียงไกรระดับใด แสงเทพไหลวน ไอขุ่นมัวอบอวล ตั้งตระหง่านอยู่กลางฟ้าดิน ราวกับที่พำนักของทวยเทพในตำนาน ดูศักดิ์สิทธิ์หาใดเปรียบ

ฉึ่บ!

กระบี่บินเล่มหนึ่งพุ่งโฉบมา ลากปราณกระบี่ยาวหมื่นจั้ง เงากระบี่ไร้สิ้นสุด ปลายกระบี่สีชาดเปล่งประกายในพริบตา ตัดผ่าอากาศมาราวกับนรกสีชาดแถบหนึ่ง

เร็วเกินไปแล้ว!

กลิ่นอายที่ประทับอยู่ในกระบี่บินเล่มนี้ก็น่าหวาดกลัวไร้ขอบเขต ราวกับสามารถทะลวงตะวันจันทรา ผ่าโจมตีท้องนภา!

เมื่อใกล้จะฟันโดนตัวหลินสวินก็เห็นว่า…

ทวนที่อบอวลด้วยประกายดาราเหมือนภาพฝันเล่มหนึ่งพุ่งออกมา ปลายทวนวาดขึ้น เสียงตึงดังสนั่น กระบี่บินเล่มนั้นถูกขวางกั้นอย่างแข็งกร้าว!

“เอ๋!” กลางป่าเขาที่ห่างไกลพลันมีเสียงประหลาดใจดังขึ้น จากนั้นชายหนุ่มผมม่วงดุจเพลิงผลาญ หน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งปรากฏตัว

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าคนหนึ่ง ยามลืมตาจะอบอวลด้วยกลิ่นอายแห่งกาลเวลา

พร้อมกันนี้ซย่าจื้อในชุดดำ สวมหมวกคลุมปิดบังใบหน้า มือถือทวนกระดูกขาวก็เล็งเป้าไปทางชายหนุ่มผมม่วงคนนี้ทันที

“ไหวไหม” หลินสวินถาม

“อืม” ซย่าจื้อพยักหน้านิ่งๆ

นัยน์ตาดำหลินสวินล้ำลึก มองชายหนุ่มผมม่วงคนนั้น แยกแยะได้ว่าอีกฝ่ายไม่แข็งแกร่งเหมือนชายชราชุดทองก่อนหน้านี้ น่าจะมีพลังต่อสู้แค่ระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ด จากนั้นเขาจึงกล่าว “ประเดี๋ยวต้าหวงจะมาช่วยเจ้า ไม่ต้องสู้สุดชีวิต”

หลินสวินพูดพลางหันหลังจากไป

เวลางวดเข้ามาแล้วจริงๆ หากให้เฒ่าดึกดำบรรพ์ของเผ่าเจินหลงพวกนั้นตามมาทันแล้วตั้งท่าปิดล้อม สถานการณ์ก็จะเปลี่ยนเป็นร้ายแรงขึ้นมา

ตูม!

ด้านหลังมีเสียงต่อสู้เข่นฆ่าที่สะท้านฟ้าสะเทือนดินดังขึ้น ทำให้สั่นสะเทือนไปทั่วทิศ

หลินสวินไม่ต้องหันกลับไปก็รู้ ว่าซย่าจื้อประมือกับสัตว์ประหลาดเฒ่าที่ท่าทางเหมือนชายหนุ่มผมม่วงคนนั้นแล้ว

‘อ๋าวฮ่วนไห่ ถ้าเจ้าไม่ออกมาอีก อย่าโทษว่าข้าคนแซ่หลินบดขยี้วังมหามรรคหมื่นมังกรนี้เลย…’

หลินสวินสูดหายใจลึก ในดวงตาเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว

วังมหามรรคหมื่นมังกร

ในโถงทองอร่ามเรืองรองแห่งหนึ่ง องค์ชายรอง องค์ชายสาม องค์ชายห้า องค์ชายหก องค์ชายแปด รวมถึงธิดามังกรสามคนแห่งวังมังกร เวลานี้ล้วนอยู่รวมกัน

“พี่สี่กับพี่เจ็ดถูกจับตัวไปแล้ว ส่วนโจรถ่อยนี่ก็กำลังพุ่งสังหารมาทางพวกเรา พี่รอง ท่านว่าพวกเราควรทำอย่างไร”

องค์ชายแปดแห่งวังมังกรที่อายุยังน้อยเผยสีหน้าวิตกกังวล เขาชื่ออ๋าวอวิ๋นชวน ตอนนี้เพิ่งมีพลังปราณแค่ระดับมกุฎราชันอริยะ

“กลัวอะไร ที่นี่คือแดนวังมังกร อาณาเขตเผ่าเจินหลงของพวกเรา ส่วนวังมหามรรคหมื่นมังกรที่พวกเราอยู่นี้ ตั้งแต่สร้างมาจนถึงปัจจุบันล้วนไม่เคยถูกศัตรูภายนอกบุกรุกมาก่อน!”

ชายชุดขาวร่างสูงใหญ่คนหนึ่งกล่าวอย่างเกียจคร้าน เขาชื่ออ๋าวเทียนอวี่ องค์ชายรองแห่งวังมังกร เขานอนบนเก้าอี้ยาว ท่าทางสุขุมเยือกเย็น กล่าวอย่างดูถูก “ยิ่งไปกว่านั้น เฒ่าดึกดำบรรพ์พวกนั้นมีหรือจะให้โจรต่างถิ่นบุกมาถึงที่นี่”

หลายคนต่างหัวเราะขึ้นมา

หญิงสาวงดงามที่สวมชุดกระโปรงเขียวมรกตคนหนึ่ง แฝงความสงวนท่าทีและหยิ่งทะนงอันเป็นเอกลักษณ์ กล่าวเรียบๆ “พี่รองพูดถูก โจรถ่อยนั่นต้องตายอย่างไร้ข้อกังขา ตอนนี้สิ่งเดียวที่คู่ควรให้พวกเรากังวลคือพี่สี่กับพี่เจ็ดเป็นอย่างไร”

“แน่นอนว่าไม่มีทางเกิดเรื่อง หากโจรถ่อยนั่นกล้ากระทำการชั่วร้าย เกรงว่าคงฆ่าพี่สี่กับน้องเจ็ดไปนานแล้ว แต่ตอนนี้โคมวิญญาณของพวกเขายังอยู่ ซ้ำยังเจิดจรัสหาใดเปรียบ นี่พิสูจน์ได้ว่าโจรถ่อยนั่นมีโอกาสสูงที่จะรู้ถึงอันตรายของการบุกเข้ามาในแดนวังมังกร คิดจะนำชีวิตของพวกเขามาเป็นไพ่ตายข่มขู่พวกเรา”

ชายร่างองอาจผ่าเผย แววตาดุจอสนี ผมเผ้าหนวดเคราราวกับทวนคนหนึ่งเอ่ยเสียงขรึม เขาคือองค์ชายห้าแห่งวังมังกรอ๋าวเทียนเหอ

“เรื่องนี้ยากจัดการอยู่บ้างจริงๆ แต่ขอแค่น้องสี่กับน้องเจ็ดยังมีชีวิตอยู่ก็ย่อมช่วยกลับมาได้แน่ ที่ข้าสงสัยคือในแดนเจินหลงนี้ ใครกล้าบังอาจวิ่งมาก่อเรื่องในอาณาเขตของพวกเราเช่นนี้บ้าง”

องค์ชายรองอ๋าวเทียนอวี่กล่าวเสียงขรึม “จุดประสงค์ที่โจรถ่อยนี่มาครานี้… คืออะไรกันแน่”

ทุกคนมองหน้ากันไปมา ล้วนส่ายหัวแสดงออกว่าไม่รู้

เวลานี้เสียงแหบแห้งและทุ้มต่ำหนึ่งพลันดังขึ้นในโถงใหญ่

“คุณชายและคุณหนูทุกท่าน พวกท่านรออยู่ที่นี่อย่าเคลื่อนไหว โจรถ่อยนั่นมาถึงหน้าวังมหามรรคหมื่นมังกรแล้ว”

ทันทีที่วาจานี้กล่าวออกมา องค์ชายมังกรและองค์หญิงมังกรทั้งหมดล้วนตื่นตระหนกขึ้นโดยพลัน!

ในแดนวังมังกรมีผนึกที่น่ากลัวกระจายอยู่มากมาย ทั้งแต่ละพื้นที่ยังมีสัตว์ประหลาดเฒ่าและผู้ติดตามอาวุโสแห่งเผ่าเจินหลงควบคุมดูแล ในสถานการณ์เช่นนี้เจ้าโจรถ่อยนั่นยังบุกเข้ามาได้ นี่คือเรื่องน่าอกสั่นขวัญแขวนโดยไม่ต้องสงสัย

“วางใจเถอะ มีพวกท่านปู่หกอยู่ ย่อมไม่เกิดเรื่องอะไรแน่”

องค์ชายรองอ๋าวเทียนอวี่สูดหายใจลึกพลางกล่าวเสียงขรึม “พวกเราก็รออยู่ที่นี่ ก่อนที่อันตรายจะถูกกำจัด ใครก็ไม่อาจเคลื่อนไหวตามอำเภอใจ!”

นอกวังมหามรรคหมื่นมังกร

เมื่อหลินสวินมาถึงก็เห็นว่ากลางอากาศที่ห่างไกลมีเงาร่างมากมายรออยู่ตรงนั้นนานแล้ว มีทั้งชายและหญิง รูปร่างท่าทางแตกต่างกัน แต่กลิ่นอายล้วนน่าสะพรึงอย่างที่สุด

ผู้นำคือชายที่สวมชุดเขียว ใบหน้าผอมซูบคนหนึ่ง สองมือไพล่หลัง ในดวงตาสีน้ำตาลอมเทามีสุริยันจันทราเคลื่อนคล้อย มีวัฏจักรปรวนแปร น่าพรั่นพรึงหาใดเปรียบ

จักรพรรดิมังกรมายา!

ตัวตนน่ากลัวระดับจักรพรรดิขั้นเก้า สัตว์ประหลาดเฒ่าที่มีชีวิตอยู่มาไม่รู้กี่กาลเวลาคนหนึ่ง ลำดับความอาวุโสในเผ่าเจินหลงสูงส่งเป็นอย่างยิ่ง

ข้างกายเขายังมีชายสามหญิงหนึ่ง ล้วนเป็นผู้ที่มีลำดับอาวุโสในเผ่าเจินหลงสูง ดูแลอยู่ใกล้วังมหามรรคหมื่นมังกรมานานปี

“มกุฎมหาจักรพรรดิคนหนึ่งกลับมาโดยไม่ได้รับเชิญ บุกสังหารตลอดทางจนมาถึงที่นี่ นับว่ามีความสามารถอยู่บ้าง”

ชายสวมเกราะสีเงินคนหนึ่งเอ่ยปากเยียบเย็น ทั่วร่างแผ่ไอสังหารที่เหมือนคงอยู่จริง วิวัฒน์ออกมาเป็นภาพน่ากลัวอย่างภูเขาศพทะเลเลือด สรรพสิ่งดับสูญ

จักรพรรดิมังกรวาโยกลืนกิน!

“ว่ามาสิ เจ้าเป็นใครและมาทำไม”

เสียงครั่นครืนดุจสายฟ้าคำรามดังกังวาน ผู้ที่เอ่ยปากกลับเป็นหญิงสาวสีหน้าเคร่งขรึมและหยิ่งทะนงคนหนึ่ง เงาร่างสูงโปร่งปกคลุมด้วยเงาแสงขาวดำปริศนาชั้นหนึ่ง กลิ่นอายเยียบเย็นและน่าพรั่นพรึง

จักรพรรดิมังกรหมอกโลหิต!

นางมีพลังปราณระดับจักรพรรดิขั้นแปดเหมือนจักรพรรดิมังกรวาโยกลืนกิน

ส่วนชายฉกรรจ์สองคนที่เหลือ คนหนึ่งผมสีโลหิตทั้งศีรษะ ผิวขาวกระจ่าง ดวงตาเรียวยาว มีฉายาจักรพรรดิว่า ‘ปราบสมุทร’

อีกคนหน้าแก่ชรา นัยน์ตาเหมือนเปลวไฟสีมรกตที่ลุกโชน มีฉายาจักรพรรดิว่า ‘มารดารา’ !

ทั้งสองคนล้วนเป็นระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ด

หากอยู่ในโลกภายนอก ระดับจักรพรรดิขั้นเก้าคนหนึ่ง ระดับจักรพรรดิขั้นแปดสองคน รวมถึงระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ดสองคน ย่อมเรียกได้ว่าเป็นกระบวนรบที่ตระการตาหาใดเปรียบแล้ว เพียงพอจะเคลื่อนกวาดดินแดนหนึ่ง ทำให้หมื่นสำนักทั่วหล้าหวาดกลัว!

ถึงขั้นทำให้สำนักโบราณชั้นยอดบนทางเดินโบราณฟ้าดาราพวกนั้นสั่นสะท้าน

และตอนนี้กระบวนรบนี่ก็ขวางอยู่หน้าวังมหามรรคหมื่นมังกร ขับเคลื่อนพลังทั้งหมดพุ่งเป้ามาที่หลินสวินคนเดียว!

“อ๋าวฮ่วนไห่คือคนไหน” นัยน์ตาดำของหลินสวินราบเรียบ นิ่งสงบไม่สะทกสะท้าน ทั้งไม่เผยความกังวลเพียงเสี้ยว นี่ทำให้พวกจักรพรรดิมังกรมายาอดผิดคาดไม่ได้

“เจ้าหนุ่ม เจ้าบุกเข้ามาในแดนวังมังกรของข้าเพียงเพื่อพบหัวหน้าเผ่าของข้าหรือ” จักรพรรดิมังกรมายาขมวดคิ้ว “เช่นนั้นเจ้าก็บอกมาว่าจะพบหัวหน้าเผ่าของข้าด้วยเรื่องใด”

“เมื่อพบกันเขาก็จะรู้”

หลินสวินกล่าวราบเรียบ เขาไม่มีทางเผยจุดประสงค์ของตนอย่างง่ายดายเช่นนี้ ถ้าให้อีกฝ่ายมีเวลาและโอกาส ย่อมเป็นไปได้สูงว่าจะพาจ้าวจิ่งเซวียนไปซ่อนก่อนล่วงหน้า!

“อวดดี! เจ้านับเป็นตัวอะไรถึงกล้าจองหองเช่นนี้ รีบส่งตัวองค์ชายสี่กับองค์ชายเจ็ดมาโดยเร็ว ไม่อย่างนั้นวันนี้เจ้าต้องตาย!”

จักรพรรดิมังกรวาโยกลืนกินตวาดลั่น เสียงคำรามนั้นบดขยี้ห้วงอากาศ ฟ้าดินล้วนสั่นสะเทือน เกราะสีเงินของเขาแผ่เงาแสงเข่นฆ่านองเลือดน่ากลัว น่าพรั่นพรึงหาใดเปรียบ

หากเป็นคนทั่วไป ย่อมถูกเสียงคำรามนี้สะเทือนจิตวิญญาณจนละเอียดและตายคาที่แน่นอน!

กลับเห็นหลินสวินเหมือนคนที่ไม่เป็นอะไร กล่าวอย่างเย็นชา “ข้าไม่มีเวลาพูดไร้สาระกับพวกเจ้า หากวันนี้ไม่ได้เจออ๋าวฮ่วนไห่ เช่นนั้นก็อย่าโทษที่ข้าบดขยี้วังมหามรรคหมื่นมังกรนี้”

เสียงพูดไม่ดังแต่กลับสะท้อนก้องฟ้าดินอย่างชัดเจน

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผู้อาวุโสระดับสูงห้าคนอย่างจักรพรรดิมังกรมายา จักรพรรดิมังกรวาโยกลืนกิน จักรพรรดิมังกรหมอกโลหิต จักรพรรดิมังกรปราบสมุทร จักรพรรดิมังกรมารดาราต่างอึ้งไปครู่หนึ่งอย่างอดไม่ได้

จากนั้นก็หัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ ในแววตาเต็มไปด้วยความเย้ยหยันและดูถูก เหมือนได้ยินเรื่องตลกใหญ่เท่าฟ้าที่ไร้สาระเกินทน

ที่นี่คือวังมหามรรคหมื่นมังกร! เป็นแกนกลางสำคัญของเผ่าเจินหลง! ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันไม่เคยมีศัตรูภายนอกบุกเข้ามาได้!

แต่ตอนนี้มกุฎมหาจักรพรรดิคนหนึ่งถึงกับกล้าป่าวประกาศว่าจะบดขยี้ที่นี่อย่างไม่เจียมตัวเช่นนี้? นี่จะต่างอะไรกับเรื่องน่าขัน

…………………………….

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท