Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2254 คาวเลือดและความมืดมนในอดีต

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2254 คาวเลือดและความมืดมนในอดีต

ตอนที่ 2254 คาวเลือดและความมืดมนในอดีต

บรรพชนเจินหลง เป็นคนที่เก่าแก่และน่ากลัวเพียงใด กลับถูกตระกูลลั่วจากอีกฟากฝั่งมองว่าเป็นคนทรยศ!

ความจริงนี้ทำให้หลินสวินแทบไม่กล้าเชื่อ

“บรรพชนเผ่าข้ามอบชีวิตแก่เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเคารพตระกูลลั่วจากอีกฟากฝั่งอย่างมากมาโดยตลอด แต่กลับไม่เคยคิดว่า สุดท้ายเพราะคนที่จะช่วยคือทายาทสายตรงของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ กลับถูกตระกูลลั่วจาหอีกฟากฝั่งใส่ความ”

ในเสียงของอ๋าวซิงถังเผยความชิงชัง “ตอนนั้นตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งให้บรรพชนเผ่าข้าสองตัวเลือก หากไม่ไปจับพวกลั่วชิงสวินที่ทางเดินโบราณฟ้าดารา ทำความดีชดเชยความผิด ก็ต้องถูกล้างเผ่าพันธุ์…ทั้งเผ่าเจินหลง!”

ฟังถึงตรงนี้จ้าวหยวนจี๋ยังอดสูดหายใจสะท้านไม่ได้ ตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งเผด็จการเกินไปแล้ว!

“ตอนนี้พวกเจ้าก็เห็นแล้วว่าเผ่าเจินหลงคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน ไม่ได้ถูกกวาดล้าง แต่เพราะบรรพชนตระกูลข้าปฏิเสธเรื่องที่ไปจับลั่วชิงสวิน บรรพชนตระกูลข้าจึงถูกตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งกำราบ”

ว่าพลางอ๋าวซิงถังชี้ทะเลที่มืดมนไร้สิ้นสุด “รู้หรือไม่ว่าเหตุใดทะเลตะวันออกจึงถูกเรียกว่าทะเลปีศาจ ก็เพราะตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งคิดว่าการลงโทษที่บรรพชนเผ่าข้าได้รับ เป็นเขาหาเรื่องใส่ตัวเอง สมควรแล้วที่ถูกกำราบในนั้น!”

คราวนี้หลินสวินและจ้าวหยวนจี๋ถึงได้เข้าใจ อารมณ์ปั่นป่วน ที่แท้… บุคคลน่าสะพรึงที่ถูกกำราบอยู่ใต้เก้าพันจั้งของก้นทะเลแห่งนี้ กลับเป็นบรรพชนของเผ่าเจินหลง!

นี่เป็นข้อมูลชวนตะลึงอย่างไม่ต้องสงสัย หากไม่ใช่อ๋าวซิงถังพูดเอง หลินสวินคงไม่กล้าเชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริงแน่นอน

คิดๆ แล้วแดนเจินหลงเป็นถึงอาณาเขตของเผ่าเจินหลง และแดนวังมังกรที่พวกเขาอาศัยอยู่มารุ่นสู่รุ่นก็ตั้งอยู่บนทะเลตะวันออกแห่งนี้มาแต่ไหนแต่ไร!

ใครจะกล้าเชื่อว่าบรรพชนของเผ่าพวกเขา กลับถูกกำราบอยู่ใต้ทะเลตะวันออก

“ตลอดเวลาที่ผ่านมา เหตุใดในเผ่าเจินหลงไม่มีคนไปช่วย” จ้าวหยวนจี๋อดประหลาดใจไม่ได้

อ๋าวซิงถังเผยความเย้ยหยันออกมา “เพราะไม่กล้า บรรพชนถูกกำราบ ถึงขั้นเกือบทำให้ทั้งเผ่าถูกกวาดล้าง อุตส่าห์โชคดีรอดมาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ใครยังจะกล้าทรยศตระกูลลั่วอีกฟากฝั่ง ไปช่วยบรรพชนออกจากอาณาเขตทะเลลึกเก้าพันจั้งกัน”

หยุดไปครู่หนึ่งนางพูดต่อว่า “สรุปแล้วบรรดาคนรุ่นก่อนเผ่าข้าล้วนรู้ดี ว่าหากไปช่วยบรรพชน จะต้องนำพาอันตรายแห่งการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ หากไม่ช่วย บางทีกลับยังสามารถอยู่รอดในรอยร้าวได้”

จ้าวหยวนจี๋ถอนหายใจยาว “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”

“เรื่องนี้ถูกมองเป็นความลับยิ่งยวดของเผ่าข้า ไม่อนุญาตให้เผยแพร่ และไม่อนุญาตให้คนรุ่นหลังในเผ่ารู้ เพราะมันน่าอับอายเกินไป”

อ๋าวซิงถังสูดหายใจลึกคราหนึ่ง เอ่ยว่า “ถึงอย่างไรบรรพชนเผ่าตนถูกกำราบอยู่ใต้เปลือกตาตนเองแท้ๆ กลับไม่มีใครกล้าไปช่วย หากกระจายออกไป… เผ่าเจินหลงจะต้องเสียเกียรติ และไม่สามารถเชิดหน้าได้อีก”

“อย่างเผ่าเจินหลงในตอนนี้ คนในเผ่าส่วนใหญ่คงไม่รู้ ว่าคนที่โดนกำราบอยู่ใต้ทะเลตะวันออกคือบรรพชนของพวกเขา!”

อ๋าวซิงถังสีหน้าอึมครึมไม่สามารถสงบได้ แฝงอารมณ์เดือดดาลกล่าวว่า “แต่เรื่องเช่นนี้จะหายไปตามกาลเวลาได้อย่างไร และจะถูกลืมเลือนได้อย่างไร”

“หนึ่งแสนปีที่แล้ว หลังจากจักรพรรดิมังกรหมิงหลัวหัวหน้าเผ่าในตอนนั้นรู้ความลับนี้ ก็เคลื่อนไหวทันที!”

ฟังถึงตรงนี้หลินสวินอึ้งงันอย่างไป อดพูดไม่ได้ “หมายถึงจักรพรรดิมังกรหมิงหลัวที่ออกคำสั่งสังหารเผ่ามนุษย์ทั้งหมดหรือ”

อ๋าวซิงถังเผยความเย้ยหยัน “เด็กน้อย สิ่งที่เจ้าได้ยินก็แค่ข่าวลือเท่านั้น เจ้ารอข้าพูดจบก่อนก็จะเข้าใจเอง”

หลินสวินพยักหน้า

อ๋าวซิงถังเล่าเรื่องราวในอดีตต่อ

เพื่อช่วยบรรพชน จักรพรรดิมังกรหมิงหลัวไม่ได้กระโตกกระตาก เพราะเขารู้ดีชัดว่าหากทำเช่นนี้ไม่เพียงล่วงเกินตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งอย่างสิ้นเชิง ยิ่งจะขัดแย้งกับผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ ในเผ่า เรียกว่าเสี่ยงอย่างที่สุด

ดังนั้นเขาจึงคิดหาวิธีด้วยตัวเอง พยายามช่วยบรรพชนอยู่ในที่มืด

ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาสิ้นหวังคือ ตอนนั้นเพื่อกำราบบรรพชนเจินหลง ตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งตั้งศิลามรรคค้ำสมุทรสี่สิบเก้าแห่งไว้ที่น่านน้ำแห่งนี้

ศิลามรรคทุกหลักล้วนประทับวิชาผนึกที่เรียกได้ว่าไร้เทียมทาน พลังก็น่ากลัวเกินไป

อย่าว่าแต่ไปช่วย แม้แต่ดำดิ่งลงสู่ใต้เก้าพันจั้งของท้องทะเล ก็ต้องพบเจอการโจมตีที่อันตรายถึงชีวิต!

นี่ก็คือเหตุผลที่ทะเลตะวันออกถูกมองว่าเป็น ‘เขตต้องห้ามไร้ชีพ’

ไม่ใช่เพราะบรรพชนเจินหลงที่ถูกกำราบ แต่เพราะศิลามรรคค้ำสมุทรสี่สิบเก้าหลักซึ่งมาจากตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งต่างหาก!

แต่จักรพรรดิมังกรหมิงหลัวกลับไม่จำยอม ในใจเกิดความคิดอาจหาญ มุ่งหน้าไปทางเดินโบราณฟ้าดารา เพื่อขอความช่วยเหลือจากลั่วชิงสวินที่ถือกำเนิดในตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งเช่นเดียวกัน

ความพยายามไม่ทรยศคน ในศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิยุคบรรพกาล ทำให้จักรพรรดิมังกรหมิงหลัวได้เจอลู่ป๋อหยาที่ถูกยกย่องเป็นจักรพรรดิกระบวนลู่

หลังจากได้รู้เรื่องนี้ ลู่ป๋อหยาตอบรับอย่างไม่ลังเล มุ่งหน้ามาแดนเจินหลงพร้อมกับจักรพรรดิมังกรหมิงหลัว

ฟังถึงตรงนี้ความสงสัยที่ซ่อนอยู่ในใจหลินสวินมาโดยตลอด ในที่สุดก็ได้คำตอบรางๆ…

ท่านลู่เคยมาแดนเจินหลงดังคาด! มิน่าเขาถึงครอบครองมรดกมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร และไม่แปลกที่จะคุ้นเคยกับกระบวนค่ายกลมรรคสิ้นฟ้าอาสัญ กระบวนค่ายกลต้องห้ามของเผ่าเจินหลงขนาดนี้!

เพียงแต่หลินสวินกลับคิดไม่ถึง ว่าคนที่พาท่านลู่มายังเผ่าเจินหลงกลับเป็นจักรพรรดิมังกรหมิงหลัว

“แต่ตอนที่จักรพรรดิมังกรหมิงหลัวพาลู่ป๋อหยากลับแดนเจินหลงด้วยกัน กลับพบว่าไม่รู้ข่าวถูกแพร่ออกไปเมื่อไหร่ ทั้งเผ่าเจินหลงต่างล่วงรู้ว่าจักรพรรดิมังกรหมิงหลัวจะกระทำเรื่องบ้าคลั่งโดยไม่สนการคุกคามจากตระกูลลั่วอีกฟากฝั่ง”

อ๋าวซิงถังพูดต่อ “ตอนนั้นเผ่าเจินหลงไม่ได้ให้โอกาสจักรพรรดิมังกรหมิงหลัวอธิบาย เฒ่าดึกดำบรรพ์ทั้งหมดก็ลงมือด้วยกัน หมายจะกำราบคุมขังจักรพรรดิมังกรหมิงหลัว ชิงตำแหน่งหัวหน้าเผ่าของเขา”

“หลังผ่านการต่อสู้ดุเดือด เพื่อส่งลู่ป๋อหยาให้รอดออกจากเผ่าเจินหลง จักรพรรดิมังกรหมิงหลัวได้เสียสละชีพเปิดทางรอดให้ลู่ป๋อหยา”

คำพูดแม้จะเรียบง่ายแต่ก็ทำให้หลินสวินอกสั่นขวัญแขวนไประลอกหนึ่ง ท่านลู่ในตอนนั้นยังไม่ได้ก้าวสู่ระดับจักรพรรดิ กลับประสบภัยร้ายขนาดนี้ หากไม่ใช่จักรพรรดิมังกรหมิงหลัวคอยปกป้อง… ผลลัพธ์คงเลวร้ายจนไม่กล้าคิดอย่างแน่นอน!

“และเป็นตอนนั้นที่ข้าได้รับการฝากฝังจากจักรพรรดิมังกรหมิงหลัว ให้ตามลู่ป๋อหยาออกจากแดนเจินหลงแห่งนี้ มุ่งหน้าไปตั้งหลักปักฐานในโลกชั้นล่าง ในกาลเวลาที่ผ่านมาข้านึกอยากกลับเผ่าเจินหลงมาโดยตลอด เพื่อแก้แค้นให้กับจักรพรรดิมังกรหมิงหลัว…”

พูดถึงตรงนี้อ๋าวซิงถังเผยความเสียใจออกมา “แต่กลับคิดไม่ถึงว่าตอนนี้หลังจากข้าหวนกลับแล้ว ถึงได้พบว่าเกือบแสนปีมานี้ท่านผู้เฒ่าไม่เพียงตายอย่างไม่แน่ชัด ยังถูกใส่ร้ายป้ายสี แบกรับชื่อเสียงฉาวโฉ่ไม่รู้เท่าไหร่!”

“ซิงถัง อย่าเสียใจเกินไปเลย”

จ้าวหยวนจี๋ตบไหล่อ๋าวซิงถังเบาๆ จากนั้นบอกหลินสวินว่า “จักรพรรดิมังกรหมิงหลัวคือบิดาของท่านป้าของเจ้า ข่าวลือที่เจ้าได้ยินล้วนเป็นเท็จ การตัดสินใจสังหารเผ่ามนุษย์ แท้จริงแล้วเป็นฝีมือของจักรพรรดิมังกรประหัตวิญญาณ”

หลินสวินเข้าใจในทันใด ตอนนั้นหลังจากลู่ป๋อหยาหนีออกจากแดนวังมังกร จักรพรรดิมังกรประหัตวิญญาณในฐานะบรรพชนรุ่นแรกลำดับที่เก้าของเผ่าเจินหลงก็ออกคำสั่งทันที ประกาศจับลู่ป๋อหยาทั่วทั้งแดนเจินหลง ขอแค่เจอเผ่ามนุษย์ก็สังหารทันที!

เหตุผลเพราะลู่ป๋อหยาไม่เพียงล่วงรู้ความลับสำคัญที่บรรพชนเจินหลงถูกกำราบ ยังได้รับมรดกมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปรจากมือจักรพรรดิมังกรหมิงหลัว

นี่เป็นสิ่งที่เผ่าเจินหลงไม่สามารถทนได้อย่างแน่นอน

ดังนั้นภายใต้คำสั่งของจักรพรรดิมังกรประหัตวิญญาณ พวกเขาสังหารเผ่ามนุษย์ทั่วหล้า พยายามใช้วิธีโหดเหี้ยมนองเลือดนี้มาบีบลู่ป๋อหยาให้ปรากฏตัว

แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรเลย กลับเพราะการเคลื่อนไหวตามล่าลู่ป๋อหยาในครั้งนี้ ทำให้เผ่ามนุษย์ที่กระจายอยู่ในแดนเจินหลงตกต่ำอย่างสิ้นเชิง

ทว่าเผ่าเจินหลงไม่ยอมแบกรับชื่อเสียงฉาวโฉ่ว่าสังหารเผ่ามนุษย์อย่างเหี้ยมโหด จึงใส่ความจักรพรรดิมังกรหมิงหลัวที่สิ้นชีพไปแล้ว

เกือบแสนปีมานี้เรื่องที่ว่าจักรพรรดิมังกรหมิงหลัวออกคำสั่งสังหารเผ่ามนุษย์ฝังลึกอยู่ในใจของเผ่าต่างๆ ทั่วหล้า แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังของข่าวลือนี้ แท้จริงแล้วมีอดีตที่นองเลือดและมืดมนอย่างไรซ่อนอยู่!

ได้รู้เรื่องพวกนี้หลินสวินเองยังอดใจหายไม่ได้ เพื่อไม่ล่วงเกินตระกูลลั่วอีกฟากฝั่ง เผ่าเจินหลงถึงขั้นยอมไม่ไปช่วยบรรพชนของตน และไม่ยอมให้คนอื่นๆ ทำเช่นนี้เด็ดขาด

แม้เป็นหัวหน้าเผ่าเช่นจักรพรรดิมังกรหมิงหลัว ยังร่วงหล่นในมือคนในเผ่าตนเพราะกระทำเรื่องนี้โดยพลการ!

วิธีเช่นนี้เรียกได้ว่าเลือดเย็น โหดร้ายอย่างที่สุด!

จากเรื่องนี้สามารถดูออก ว่าเผ่าเจินหลงหวาดหวั่นและกลัวเกรงตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งเพียงใด

นี่ทำให้หลินสวินอดคิดขึ้นมาไม่ได้ ว่าที่หญิงชุดม่วงเหยี่ยนซิงมาเยือนเผ่าเจินหลง เกรงว่าอาจะเพราะรู้อยู่แล้ว ว่าด้วยฐานะคนของตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งของตน จะต้องได้รับโลหิตสมบัติบรรพชนมังกรจากเผ่าเจินหลง เพื่อฟื้นคืนเสี้ยววิญญาณของจอมจักรพรรดิไร้นามได้อย่างแน่นอน

“หลายปีมานี้ข้ากับหยวนจี๋เก็บตัวอยู่ในจักรวรรดิจื่อเย่าในโลกชั้นล่าง สิ่งที่รอคอยก็คือหลังจากบรรลุจักรพรรดิแล้วจะย้อนกลับมาแดนเจินหลง”

อ๋าวซิงถังระงับอารมณ์พูดต่อว่า “เรื่องนี้ลู่ป๋อหยาเองก็รู้สึกผิด คิดว่าตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะตนกับลั่วชิงสวิน ก็คงไม่ทำให้บรรพชนเผ่าข้าประสบเคราะห์เช่นนี้ จักรพรรดิมังกรหมิงหลัวบิดาของข้าก็จะไม่ถูกฆ่า”

“ด้วยเหตุนี้เขาจึงเก็บตัวอยู่ที่จักรวรรดิจื่อเย่า สร้างสำนักศึกษามฤคมรกต เปิดภาคีนักสลักวิญญาณ ถ่ายทอดคัมภีร์มรรคให้ทายาทราชวงค์ วางหนทางฝึกปราณชั้นยอดให้ข้ากับหยวนจี๋… ใช้ทุกวิถีทางตอบแทนบุญคุณของข้ากับพวกบิดา…”

“อันที่จริงลู่ป๋อหยาไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ บรรพชนเผ่าข้าชื่นชมและเลื่อมใสเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ที่สุดแต่แรกอยู่แล้ว แน่นอนว่าไม่มีทางทนเห็นทายาทสายตรงของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์อย่างลั่วชิงสวินประสบเคราะห์โดยไม่ทำอะไรได้”

“และตอนนั้นข้ากับหยวนจี๋ก็ตัดสินใจนานแล้ว ว่าจะทำทุกอย่างเพื่อคุ้มครองลั่วชิงสวิน พยายามอย่างที่สุดไม่ให้นางได้รับอันตราย”

“น่าเสียดายที่พวกเราคิดไม่ถึง ว่าเหตุนองเลือดตระกูลหลินจะอุบัติขึ้นกะทันหันเช่นนั้น…”

พูดถึงตรงนี้ยามสายตาของอ๋าวซิงถังมองไปยังหลินสวินก็อดเผยสีหน้าละอายไม่ได้ “โชคดีที่เจ้ารอดชีวิตจากคราวเคราะห์นั้นมาได้ นับความเป็นความโชคดีในความโชคร้าย”

“แต่หลังจากผ่านเรื่องนี้ พ่อแม่ของเจ้าหายตัวไปอย่างน่าประหลาด ส่วนลู่ป๋อหยาก็กังวลว่าจะถูกพลังที่มาจากตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งจับจ้องอีก จึงพาเจ้าไปหลบที่คุกใต้เหมืองแห่งนั้น…”

ฟังอ๋าวซิงถังเล่าเรื่องในอดีตด้วยเสียงที่แผ่วเบา หลินสวินอดอึ้งงันอยู่ตรงนั้นไม่ได้

อารมณ์พลุ่งพล่านปั่นป่วนยิ่งยวด

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท