Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2300 มองทะลุตัวตน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2300 มองทะลุตัวตน

ตอนที่ 2300 มองทะลุตัวตน

เจ้าโง่ประโยคเดียว ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของลั่วเฉินเหี้ยมเกรียม ดวงตาทั้งสองแทบจะพ่นไฟออกมา “เจ้ามันเจ้าเล่ห์!”

ทุกคำเต็มไปด้วยความโกรธเคือง โมโหถึงที่สุด

ลั่วเฉินเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าการต่อสู้ดุเดือดก่อนหน้านี้ หลินเต้ายวนผู้นี้ไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดสักนิด แต่ตั้งใจแสดงออกว่าอ่อนแอ ทำเช่นนี้เพื่อโจมตีตนตอนไม่ทันตั้งตัว จะจับเป็นตน

ช่างต่ำช้านัก ร้ายกาจไปแล้ว!

ทั้งที่นั้นสั่นสะเทือน ต่างถูกภาพที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ทำให้ตกตะลึง

ชั่วพริบตาหลินสวินมีอานุภาพทำลายล้างราบคาบ จับลั่วเฉินไว้ด้วยท่วงท่าบดขยี้เบ็ดเสร็จ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นฉับไวนัก เร็วจนเมื่อทุกคนได้สติก็ได้ยินเสียงคำรามกราดเกรี้ยวหาใดเทียบของลั่วเฉินแล้ว

หลังจากพวกซี ต้าหวงชะงักไปก็เผยสีหน้าแปลกประหลาด และต่างเพิ่งตระหนักได้ว่าในการต่อสู้ดุเดือดเมื่อครู่ หลินสวินตั้งใจแสดงให้ศัตรูเห็นว่าอ่อนแอ ถึงสามารถจับลั่วเฉินในขณะที่ทุกคนคาดไม่ถึงได้

“รนหาที่ตาย!”

“รีบปล่อยคุณชายลั่วเฉิน!”

เสียงคำรามลั่นดังขึ้น พวกไป๋หลิงเจิน อู่ซิวสิงต่างตื่นตะลึงหน้าถอดสี ส่งเสียงตวาดลั่น ลั่วเฉินถึงกับถูกจับ นี่ทำให้พวกเขาต่างไม่ทันตั้งตัว

ส่วนใบหน้าชราของลั่วซิงเฟิงก็อึมครึมแล้ว อานุภาพคับฟ้าแผ่กระจายออกมาทั้งร่าง ดวงตาจ้องเขม็งที่หลินสวิน เอ่ยว่า “เจ้าตัวจ้อยที่เจ้าเล่ห์เพทุบาย เผยความอ่อนแอให้ศัตรูเห็นแล้วจู่โจมในตอนไม่ทันระวัง ขนาดข้ายังหลงกล!”

หลินสวินจับกุมลั่วเฉินไว้มั่น เอ่ยเสียงเรียบว่า “ถ้าไม่ใช่กลัวเฒ่าชราอย่างเจ้า คนแบบนี้ข้าคนแซ่หลินกำราบได้ในพริบตา จะมาเปลืองแรงมากมายขนาดนี้ทำไม”

ตั้งแต่เริ่มลงมือเขาก็ตระหนักได้ว่ามีลั่วซิงเฟิงจับจ้องอยู่ คิดจะจับเป็นลั่วเฉินระหว่างต่อสู้แทบเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

มิหนำซ้ำลั่วเฉินก็มองเจตนาของตนออกนานแล้ว ในสถานการณ์เช่นนี้ทำได้เพียงใช้กลยุทธ์อื่น

ลั่วเฉินหน้าบวมแดง อับอายยากทานทน เขาเพิ่งเข้าใจว่าที่แท้หลินสวินวางแผนไว้ไม่ใช่เพื่อต่อสู้กับตน แต่เพราะหวาดเกรงลั่วซิงเฟิง!

พูดง่ายๆ ก็คือ ตั้งแต่เริ่มจนจบหลินสวินก็ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาอยู่แล้ว!

ตอนนี้พวกคนใหญ่คนโตเผ่าหงส์เซียนอย่างจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิง หวงชางเทียนต่างได้สติกลับมา ลอบรำพึงกับตัวเองอย่างอดไม่ได้ การลงมือคราวนี้ของหลินสวินเรียกได้ว่างดงามยิ่งนัก

พลังปราณของลั่วซิงเฟิงต่อให้เทียมฟ้าปานไหน เกรงว่าคงคิดไม่ถึงว่าหลินสวินที่ถูกกำราบก่อนหน้านี้จะปะทุพลังต่อสู้น่ากลัวเช่นนี้กะทันหัน

“หลินเต้ายวน! ถ้าเจ้ากล้าลงมือกับลั่วเฉินแม้แต่ปลายขน ข้าจะป่นกระดูกเจ้าเป็นผุยผง!” ไป๋หลิงเจินตวาดลั่น

หลินสวินเลิกคิ้ว ลั่วซิงเฟิงยังไม่แสดงท่าทีอะไร เจ้าเฒ่าเต้นผางแทนแล้ว ท่าทางอย่างกับหมาเฝ้าประตู

กร๊อบ!

กระดูกข้อมือของลั่วเฉินถูกบีบแตก เจ็บจนเหงื่อกาฬผุดขึ้นที่หน้าผาก สีหน้าคล้ำเขียว

“เจ้า…” ไป๋หลิงเจินตาเบิกกว้าง นี่ก็เหมือนการบอกเขาว่า อย่าว่าแต่ขนเส้นหนึ่งเลย ต่อให้กำจัดลั่วเฉินไปแล้ว เจ้าจะทำอะไรข้าได้

“ถ้าเจ้าเห่ามั่วซั่วอีกข้าจะลงมือต่อ” หลินสวินเอ่ยพูดสบายๆ ความหมายในคำพูดกลับทำให้ทุกคนเสียวสันหลังวาบ

“พอแล้ว!”

ลั่วซิงเฟิงสีหน้ากลับมาเยือกเย็น สายตาเขามองไปที่พวกจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิง หวงชางเทียน “เผ่าหงส์เซียนของเจ้ากล้ามากจริงๆ ตอนนี้ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าครั้งหนึ่ง ให้หลินเต้ายวนคนนี้ปล่อยลั่วเฉินเสีย ข้ารับรองว่าคราวนี้จะทำแค่จับบรรพชนเผ่าเจ้าไป จะไม่เอาชีวิตผู้อื่น”

เสียงพูดเหี้ยมเกรียม ดังทะลุเมฆา

แต่ความหมายในคำพูดกลับดูแข็งกร้าวเป็นที่สุด

พวกหวงชางเทียนต่างสีหน้าอึมครึมนัก แค่จับบรรพชนหรือ เจ้าเฒ่านี่จะรังแกกันมากไปแล้ว!

กร๊อบ!

กระดูกข้อมืออีกข้างของลั่วเฉินก็ถูกบีบแตก เขาคลั่งแทบเสียสติแล้ว “หลินเต้ายวน แน่จริงเจ้าก็ฆ่าข้าเลยสิ!”

กลับพบว่าหลินสวินคร้านจะสนใจเขา เอ่ยอย่างไม่รีบร้อนว่า “เจ้าเฒ่า ข้าคนแซ่หลินก็จะให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง ฆ่าเฒ่าชราเผ่าเสือขาวกับเต่าดำนั่น ข้ารับรองว่าจะไม่ทำให้มกุฎมหาจักรพรรดิตระกูลลั่วของพวกเจ้าต้องอดสู”

พวกไป๋หลิงเจิน อู่ซิวสิงต่างหน้าเปลี่ยนสี สูดหายใจสะท้าน เจ้าหมอนี่เห็นได้ชัดว่าหมายยืมมือผู้อื่นฆ่าคน!

ลั่วซิงเฟิงนิ่วหน้า สีหน้าอึมครึม เผยจิตสังหารน่าสะพรึง “หลินเต้ายวน เจ้ารู้ไหมว่าทำแบบนี้จะต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างไร”

กร๊อบ!

ข้อเท้าข้างหนึ่งของลั่วเฉินถูกซัดกระจุย เจ็บจนเขากระตุกไปทั้งร่างคล้ายเป็นลมบ้าหมู

หลินสวินถึงค่อยเอ่ยไม่ช้าไม่เร็วว่า “เจ้าเฒ่า ถ้าเจ้าคิดว่าลั่วเฉินคนนี้ไม่สำคัญ จะลงมือเลยก็ได้ ถ้าคิดว่าลั่วเฉินคนนี้สำคัญ ก็ไปฆ่าเจ้าเฒ่าพวกนั้นแต่โดยดี”

ลั่วซิงเฟิงจ้องหลินสวินเขม็งอยู่สักพัก คล้ายฝืนเก็บกลั้นจิตสังหารภายในอกไว้ สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง มองไปยังพวกไป๋หลิงเจินที่อยู่ข้างกาย

“ใต้เท้า จะติดกับเจ้าหมอนี่ไม่ได้เด็ดขาด!”

พวกไป๋หลิงเจินตัวสั่นงันงกไปหมด โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง รีบร้อนเอ่ยปาก “ต่อให้ฆ่าพวกข้าไป เขาก็ต้องไม่ปล่อยคุณชายลั่วเฉินแน่”

ในใจพวกเขาแต่ละคนต่างหมายจะแล่หลินสวินเป็นชิ้นๆ ทั้งเป็น!

“ขอเพียงเจ้าสาบานกับยันต์นี้ว่าจะไม่เป็นศัตรูกับเผ่าหงส์เซียนของข้าอีก ข้ารับรองได้ว่าจะให้เจ้าพาคนผู้นี้จากไป”

ทันใดนั้นจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงก็เดินมา เอายันต์กระดูกสัตว์ที่แปลกพิสดารออกมาชิ้นหนึ่ง

ขณะเดียวกันซีก็มาอยู่ข้างๆ หลินสวิน

“กระดูกบริสุทธิ์ของสัตว์อสูรทัณฑ์สวรรค์หรือ” ลั่วซิงเฟิงดวงตาหดรัด รู้ที่มาของยันต์นี้ สีหน้าแปรผันไม่ว่างเว้นไปชั่วครู่

“ท่านอาเจ็ด ฆ่าพวกเขาเลย! วิญญาณส่วนหนึ่งของข้าหล่อเลี้ยงอยู่ในตระกูล ต่อให้พวกเขาฆ่าข้าตอนนี้ ภายหน้าข้าก็ฟื้นคืนกลับมาได้อยู่ดี!”

ลั่วเฉินสีหน้าเหี้ยมเกรียมคล้ำเขียว ตวาดเสียงเข้ม

นี่ทำให้พวกหลินสวินล้วนหวาดหวั่นใจ

“ไม่ได้ ถ้าเสียร่างกายและพลังจิตนี้ไป อาศัยแค่วิญญาณเสี้ยวเดียว คิดจะฟื้นคืนมรรควิถีอย่างในอดีตยากเย็นปานไหน”

ลั่วซิงเฟิงส่ายหัวอย่างหนักแน่น

แต่ก็ในตอนนี้เอง จู่ๆ ลั่วเฉินก็กระอักเลือดออกมา เสียงวิ้งดังขึ้น ภายในร่างที่ถูกผนึกไว้ของเขากลับปรากฏพลังน่ากลัวอันไพศาลหาใดเทียบ

ขวับ!

บนหน้าผากเขามีดาบบินเล่มหนึ่งเคลื่อนออกมาฉับไว เจิดจ้าตระการตา ดุดันยิ่งยวด ฟันลงบนหัวหลินสวิน

ทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก ทั้งยังเกิดขึ้นกะทันหัน ทำให้คนทั้งที่นั้นต่างหน้าเปลี่ยนสีอย่างอดไม่ได้

ตูม!

แต่หลินสวินกลับเหมือนไม่รู้สึกอะไร เพียงแต่บนร่างเขามีเตากระบี่ใบหนึ่งผุดขึ้น ปะทุแสงเทพดั่งแรกกำเนิดออกมากระแทกดาบบินเล่มนี้ให้กระเด็นไปอย่างแรง

ภาพอันตรายหาใดเทียบนี้ยังไม่ทันจบลง ทันใดนั้นเสียงตวาดลั่นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น…

“ตาย!”

ลั่วซิงเฟิงพุ่งโจมตีเข้ามา ห้วงอากาศนี้เกิดเสียงโครมระเบิดออกทันที อานุภาพน่าสะพรึงหาใดเทียบ ราวกับภูผาถล่มสมุทรคำรามปกคลุมลงมาในชั่วพริบตา

จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงลงมือทันที ประกายเพลิงคับฟ้า เพริศแพร้วไร้ขอบเขต

แต่เพียงพริบตาก็ถูกซัดถอยไป มุมปากกระอักเลือด นางตื่นตะลึงอย่างอดไม่ได้ เจ้าเฒ่านี้มีมรรควิถีน่าพรั่นพรึงนัก

แต่ก็ในขณะเดียวกัน เตากระบี่ของหลินสวินส่งเสียงดังสนั่นกระแทกลงมาอย่างจัง

ปึง!

ทั้งตัวลั่วเฉินถูกกระแทกแหลกกระจุย ฝนเลือดกระเซ็นกระสาย วิญญาณดั้งเดิมของเขาถูกเตากระบี่กำราบในคราวเดียว กระทั่งพื้นที่ให้หลบหนียังไม่มี

“เฉินเอ๋อร์!” ลั่วซิงเฟิงดวงตาแดงก่ำ โกรธเลือดขึ้นหน้า อานุภาพที่ปลดปล่อยออกมาทั้งตัวทำให้เก้าฟ้าสิบแผ่นดินต่างสั่นระรัว ภูผาธาราแสนลี้สั่นสะเทือนปั่นป่วน

เขาเหมือนคลุ้มคลั่ง ตบมือข้างหนึ่งออกไป

การโจมตีเช่นนี้หลินสวินไร้พลังหลบหนีได้ แต่ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานหาใดเทียบเช่นนี้ ซีก็ลงมือทันเวลาพาเขาออกมาจากจุดที่ยืนอยู่เดิม

ตูม!

บริเวณที่หลินสวินยืนอยู่ก่อนหน้านี้ถูกระเบิดไปทันที ฉีกทึ้งห้วงอากาศมหึมาให้เป็นรอยขาดดำมืด น่าครั่นคร้ามเป็นที่สุด

คนมากมายต่างตกตะลึงจนเหงื่อกาฬไหลไปทั้งตัว ลั่วซิงเฟิงที่กราดเกรี้ยวน่ากลัวถึงขีดสุด เห็นได้ชัดว่าเกินขอบเขตของระดับบรรพจารย์จักรพรรดิแล้ว!

การเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นและจบลงแทบจะในชั่วพริบตาเดียว รวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ

ใครก็คิดไม่ถึงว่าลั่วเฉินคนนั้นจะร้ายกาจปานนี้ ลงมือโดยไม่สนใจสิ่งใด เรียกดาบบินมาจะฟันหลินสวินเพื่อให้หลุดจากการจับกุม

แต่การตอบโต้ของหลินสวินรวดเร็วยิ่งกว่า ใช้เตากระบี่กำราบทันที ไม่มีเกรงใจสักนิด

ทว่าที่แข็งแกร่งดุดันที่สุดย่อมเป็นลั่วซิงเฟิง คนผู้นี้ดูเหมือนเป็นบัณฑิตทรงภูมิ แต่ทันทีที่ลงมือกลับน่าสะพรึงไร้สิ้นสุด มีอานุภาพกำราบห้วงฟ้า บิดกลับจักรวาล

คนแข็งแกร่งอย่างจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงยังถูกการโจมตีของเขาซัดให้ถอยไป!

ถ้าไม่ได้ซีลงมือในช่วงคับขันสุดท้าย เป็นไปได้สูงยิ่งว่าหลินสวินจะถูกลั่วซิงเฟิงสังหาร!

“พวกเจ้า… สมควรตายทั้งหมด!”

กลิ่นอายทั้งร่างของลั่วซิงเฟิงโหมคลั่งตลบเก้าชั้นฟ้า เลือดขึ้นหน้า บันดาลโทสะโดยสมบูรณ์แล้ว

ครืน!

ฟ้าดินป่นป่วน เขาก้าวออกไปหนึ่งก้าว สุริยันจันทราสั่นไหว ภูผาธาราพังถล่ม อานุภาพยิ่งยงหาใดเปรียบ เกรียงไกรดั่งทะเลพิโรธคลื่นคลั่งแผ่กระจายออกมา

อานุภาพเช่นนี้ทำให้บรรพจารย์จักรพรรดิสิ้นหวังได้!

ชั่วพริบตานี้หลินสวินสงบนิ่งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แววหนักแน่นฉายวาบในดวงตา “ผู้อาวุโส!”

ซีกับจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงเหมือนใจสื่อถึงกัน ออกโจมตีพร้อมกัน ปลดปล่อยพลังของตัวเองถึงขีดสุด

ก็ในชั่วขณะนี้ฟ้าดินนิ่งสงัดลงอย่างน่าประหลาด ราวกับแข็งทื่อไป

ตูม!

ประหนึ่งฟ้าถล่มดินทลาย แสงเทพไร้ขอบเขตพุ่งปะทุปั่นป่วนไปทั้งเก้าฟ้าสิบแผ่นดิน โชติช่วงยิ่งนัก ขาวโพลนไปทั้งแถบ อะไรก็มองไม่เห็นแล้ว

ต่อให้เป็นระดับบรรพจารย์จักรพรรดิในที่นั้นเหล่านั้น เบื้องหน้าสายตาล้วนเจ็บปวด จิตใจหวาดหวั่นตกตะลึงไปครู่หนึ่ง

ปึง!

เงาร่างหลินสวินโซเซล้มลงไปกับพื้น แม้ก่อนหน้านี้เขาจะหลบเคราะห์นี้พ้น แต่ก็ยังถูกโจมตี พลังอันน่าครั่นคร้ามถึงที่สุดนั้นซัดจนเขาบาดเจ็บ กระอักเลือดไม่หยุดทันที

พอดูในที่นั้นอีกครั้ง เงาร่างของซีเหมือนภาพมายา ละอองแสงราวกับระเบียบถักทอ ส่วนจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงเป็นดั่งประกายเพลิง กลบฟ้าบังตะวัน

กลิ่นอายของทั้งสองก็ปั่นป่วนไปครู่หนึ่ง สายตาต่างมองไปที่เดียวกัน

ตรงนั้นฝุ่นควันตลบอบอวล ร่างสูงของลั่วซิงเฟิงยับเยินแหลกเละ เลือดไหลไม่หยุด ศีรษะครึ่งหนึ่งถูกระเบิด ท่าทางน่าอนาถยิ่ง

แต่ที่ประหลาดก็คือ ภายใต้การโจมตีเต็มกำลังเช่นนี้ เขากลับยังไม่ตาย!

นี่ทำให้หลินสวินยังสูดหายใจสะท้านอย่างห้ามไม่อยู่ เจ้าเฒ่านี้จะน่ากลัวเกินไปแล้ว

กระทั่งซีกับจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงยังสีหน้าตกตะลึง ก่อนหน้านี้พวกนางประกบโจมตีเต็มกำลัง ล้วนสามารถสังหารบรรพจารย์จักรพรรดิในโลกได้ทั้งนั้น

แต่ตอนนี้กลับทำได้แค่ทำให้ลั่วซิงเฟิงบาดเจ็บสาหัส!

“หุบเหวกลืนกิน… นี่คือหุบเหวกลืนกิน!!”

ลั่วซิงเฟิงในยามนี้ดูกราดเกรี้ยวหาใดเทียบ ดวงตาลูกข้างหนึ่งบนใบหน้าครึ่งหนึ่งจ้องหลินสวินเขม็ง เอ่ยเสียงแหบ “เจ้าเป็นทายาทของคนทรยศลั่วชิงสวินนั่น หนำซ้ำยังปลุกพลังพรสวรรค์ขั้นที่สอง อภินิหารหยุดเวลาแล้วด้วย!”

เขาเหมือนกระจ่างแจ้งแล้ว ประหนึ่งคลุ้มคลั่งเสียสติ

สภาพผิดปกตินี้ทำให้พวกไป๋หลิงเจิน อู่ซิวสิงยังหวาดหวั่นใจไม่หยุด ลูกของลั่วชิงสวินหรือ อภินิหารหยุดเวลาหรือ

ที่แท้ นี่ก็คือฐานะที่แท้จริงของหลินเต้ายวน!

เมื่อพอถูกมองฐานะออก หลินสวินกลับไม่ได้แปลกใจ เขาเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก เอ่ยเสียงเย็นชาว่า “ในเมื่อรู้จักอภินิหารหยุดเวลา เช่นนั้นเจ้าคิดว่าตัวเองจะรับการโจมตีแบบนี้ได้อีกกี่ครั้ง”

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท