Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2371 ประวัติศาสตร์เรียกว่าวันจอมจักรพรรดิกลับมา

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2371 ประวัติศาสตร์เรียกว่าวันจอมจักรพรรดิกลับมา

ตอนที่ 2371 ประวัติศาสตร์เรียกว่าวันจอมจักรพรรดิกลับมา

พร้อมๆ กับที่ไอวิญญาณฟื้นคืน ฟ้าดินพลันแปรเปลี่ยน อาณาเขตที่นครต้องห้ามตั้งอยู่ก็เปรียบได้กับโลกใบหนึ่ง

ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิจะเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ ยังต้องใช้เวลาหลายชั่วยามกว่าจะผ่านทั้งนครต้องห้าม

แต่เมื่อหลินสวินออกเคลื่อนไหว แค่ชั่วครู่สั้นๆ เงาร่างเขาก็เหยียบย่ำอาณาเขตขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณไปเก้าแห่งแล้ว!

หนึ่งคือเขารวดเร็วยิ่ง

สองคือร่างต้นกับกายมรรคทั้งห้าแยกกันไปสังหารเป้าหมายต่างกันไป

สามคือพลังต่อสู้ของเขาน่าพรั่นพรึงเกินไป ทำลายอาณาเขตขุมอำนาจหนึ่งด้วยเวลาแค่ไม่กี่ชั่วดีดนิ้วเท่านั้น

เหลือบมองทั้งนครต้องห้ามจากเวิ้งฟ้า

การทำลายล้างแต่ละขุมอำนาจก็เหมือนเปลวเพลิงเปล่งประกายงดงามปะทุขึ้น ฉายส่องไปทั้งเก้าชั้นฟ้า เพริศแพร้วถึงขีดสุด

แต่สำหรับผู้คนในนครต้องห้ามแล้ว ภาพที่กำลังเกิดขึ้นแต่ละภาพนี้กลับหมายความว่า ขุมอำนาจของดินแดนรกร้างโบราณที่ประหนึ่งนายเหนือหัวนั้น ล้มลง โรยรา และดับสลายไปที่แล้วที่เล่า!

และเพราะหลินสวินจู่โจมอย่างรวดเร็วยิ่งนัก พอข่าวกระจายออกมาก็ตามหลังการสังหารของเขาไปไกลแล้ว

“เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬดับสลาย!”

“สำนักยุทธ์นครนิลดับสลาย!”

“เขาวิญญาณหมื่นอสูรดับสลาย!”

…ข่าวทำนองนี้ก็เหมือนพายุฝนแน่นขนัดม้วนตลบ นี่ทำให้ทุกคนในโลกต่างรู้สึกปั่นป่วนอย่างอดไม่ได้ เสียงวิ้งดังในสมอง ทำใจเชื่อได้ยาก

“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร… นี่จะเร็วเกินไปแล้วกระมัง…”

“ขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณพวกนั้นเป็นไก่กระเบื้องสุนัขดินเผาหรือ ไม่ใช่ แต่ด้วยการสังหารของเจ้าแห่งภูเขาชำระจิต พวกเขาก็คือไก่กระเบื้องสุนัขดินเผาที่แตกหักได้ง่าย!”

“แข็งแกร่ง แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”

เสียงฮือฮาเผยความสะท้านนับไม่ถ้วนดังขึ้น และทั้งหมดนี้ก็ยังคงดำเนินไปไม่มีที่สิ้นสุดตามกาลเวลาที่ผันผ่าน

นครต้องห้ามในวันนี้ ถูกกำหนดให้มีการล้างไพ่ครั้งใหญ่อันสะเทือนเลื่อนลั่น!

……

เขายอดเทพ

อาณาเขตของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ

ที่นี่เดิมเป็นที่ที่พระราชวังแห่งจักรวรรดิตั้งอยู่ เมื่อฟ้าดินแปรเปลี่ยน ไอวิญญาณฟื้นคืน ภูเขาใหญ่ลูกหนึ่งผุดขึ้นมา ไอม่วงพวยพุ่งตลอดปี แสงมงคลไหลเวียน คุณลักษณะเหนือล้ำกว่าเขาแดนมงคลในความหมายทั่วๆ ไป

ตอนนี้ถูกยกให้เป็นแดนมงคลอันดับหนึ่งในนครต้องห้าม!

ตอนนั้นเพื่อชิงเขายอดเทพ ขุมอำนาจใหญ่ของดินแดนรกร้างโบราณถึงกับเกิดความขัดแย้งนองเลือดยาวนานถึงหนึ่งปี ในที่สุดก็ถูกแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณโชคดีชิงไป

สวบ!

เหนือฟ้าสูง ร่างต้นหลินสวินปรากฏขึ้นกลางอากาศ มองลงมาเบื้องล่าง จิตรับรู้อันกว้างใหญ่คลุมไปทั้งเขายอดเทพในทันใด

แต่ที่ทำให้หลินสวินเหนือความคาดหมายก็คือ ทั้งด้านบนและด้านล่างเขายอดเทพกลับว่างเปล่าไม่มีใครอยู่สักคน

เงาร่างหลินสวินลงมาอย่างรวดเร็ว เดินไปบนเขายอดเทพ ประเมินรอบทิศ

ที่นี่พิเศษนัก สิ่งที่อบอวลอยู่ในอากาศมีแต่ไอวิญญาณต้นกำเนิดหนาแน่น ต้นไม้ใบหญ้าป่าเขาต่างฉายประกายวิญญาณ

บนเขาโกลาหลนัก สิ่งของกระจัดกระจายพบเห็นได้ทุกหนแห่ง คงเป็นเพราะตอนที่กำลังหนี ผู้แข็งแกร่งแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณต่างรีบร้อนจากไป

หลินสวินมาถึงยอดเขา ที่นี่มีตำหนักเรียงราย สร้างทั้งลานมรรค สวนโอสถ คลังหลอมยาต่างๆ แต่ว่างเปล่าไม่มีคนเช่นกัน

‘ไม่มีใครอยู่สักคน หนีไปหมดแล้วหรือ’

หลินสวินนิ่วหน้า

ต่อให้หนีไปก็ต้องทิ้งร่อยรอยเอาไว้ แต่เขาสำรวจมาตลอดทางกลับไม่พบร่องรอยที่มีค่าอะไร

สายตาหลินสวินชำเลืองไปเห็นสระแห่งหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ

สระนั้นมีพื้นที่ประมาณหนึ่งจั้งเท่านั้น น้ำในสระใสกระจ่าง มีดอกบัวเขียวมรกตอยู่ต้นเดียว โบกไหวเบาๆ กลางสายลม

หืม?

ดวงตาหลินสวินฉายแววประหลาด เดินไปสังเกตโดยละเอีย ก็พบว่าดอกบัวต้นนี้ดูเหมือนธรรมดา แต่เห็นได้ชัดว่าต่างจากที่ได้พบเห็นในโลกทั่วไป

บนใบกลมเกลี้ยงสีเขียวมันปลาบของมันมีลวดลายมหามรรคเป็นธรรมชาติประทับอยู่เป็นริ้วๆ รวมแล้วใบไม้เก้าใบ ลายมรรคแต่ละใบล้วนต่างกันไป

พอในสมองหลินสวินอนุมานลายมรรคบนใบไม้ทั้งเก้านี้ทั้งหมด ภาพอันน่าตื่นตะลึงก็อุบัติขึ้น ลายมรรคเหล่านี้ถึงกับวาโครงออกมาเป็นรูปประตูบานหนึ่ง!

มีใบไร้ดอก ประตูลับลายมรรคบานนี้อาจจะเป็น ‘ดอก’ ที่บัวนี้ซุกซ่อนไว้!

หลินสวินถึงกับสันนิษฐานออกมาว่าเป็นไปได้สูงยิ่งที่บัวต้นเดียวในสระนี้ จะเป็นประตูสู่ ‘โลกเกิดใหม่’ หรือถ้ำสวรรค์แดนลับแห่งหนึ่ง

และเกรงว่าผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณเหล่านั้นจะไม่ได้หนีไปสักนิด แต่หลบเข้าไปใน ‘โลก’ ภายในบัวเขียวแห่งนี้!

นัยน์ตาดำหลินสวินไหววูบ สะบัดแขนเสื้อทันที

ครืน!

กระบวนค่ายกลลายมรรคเต็มฟ้าควบรวม ร่างเค้าโครงขึ้นกลางห้วงอากาศ สุดท้ายแปลงเป็นกระบวนผนึกกระบวนหนึ่งปิดคลุมสระน้ำรวมถึงต้นบัวที่อยู่ภายในนั้นเอาไว้

จากนั้นหลินสวินก็หมุนตัวจากไป

เวลานี้เห็นได้ชัดว่าไม่เหมาะไปสำรวจที่ที่ไม่ยังไม่รู้จัก รอสืบข่าวแน่ชัดแล้วค่อยเคลื่อนไหวก็ไม่สาย

……

เพียงครึ่งเค่อเท่านั้น

กำลังพลของขุมอำนาจใหญ่ดินแดนรกร้างโบราณต่างๆ ที่กระจายอยู่ในนครต้องห้ามถูกกำจัดสิ้น!

และครึ่งเค่อก่อนหน้านี้ หลินสวินเพิ่งสังหารกึ่งจักรพรรดินับร้อย รวมถึงสัตว์ประหลาดเฒ่าที่บรรลุระดับจักรพรรดิไปสี่คน!

เมื่อทุกคนได้รู้ข่าวสุดท้ายนี้ ต่างอึ้งอยู่ตรงนั้น ตกตะลึงอ้าปากค้าง ราวกับได้ยินปาฏิหาริย์ที่เป็นไปไม่ได้เกิดขึ้นครั้งหนึ่ง

“พินาศแล้ว… ถึงกับพินาศหมดแล้ว… นี่เพิ่งผ่านไปเท่าไรเอง”

ผู้คนนับไม่ถ้วนเหม่อลอย สะท้านไหวจนสมองว่างเปล่า ขนลุกเกรียวไปทั้งตัว

“วีรกรรมของศึกนี้เกริกก้องหมื่นกาล นามระบือชั่วนิรันดร์ ต่อให้เรื่องราวในโลกผันแปร ก็ต้องถูกจารึกไว้ให้คนรุ่นหลังตลอดกาล!”

คนรุ่นอาวุโสจำนวนหนึ่งยังตื่นเต้นจนร้องลั่น กระโดดโลดเต้น ยินดีปรีดาเหมือนบ้าคลั่ง

สำหรับผู้ฝึกปราณพื้นถิ่นในนครต้องห้ามเหล่านี้ ขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณเหล่านั้นก็เหมือนภูเขาลูกใหญ่ที่ทับอยู่บนหัว หลายปีมานี้กดข่มจนพวกเขาหลังคดหลังงอ ต้องก้มหัวต่ำ กดจนพวกเขาแทบหายใจไม่ออก มองไม่เห็นความหวัง

แต่ตอนนี้เมื่อหลินสวินออกศึก ใช้พลังตัวคนเดียวกวาดล้างกำลังพลของขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณทั้งหมด เท่ากับ… กำจัดภูเขาลูกใหญ่ที่กดอยู่บนหัวพวกเขาไปโดยสมบูรณ์!

ใครจะไม่ตื่นเต้น ใครจะไม่ปรีดาได้กัน

“ก่อนหน้านี้พวกเรายังสิ้นหวังแทนเจ้าแห่งภูเขาชำระจิต คิดว่าศึกนี้เขาก็เหมือนมดเขย่าต้นไม้ ไม่ประเมินกำลังตน แต่ตอนนี้… ข้ารู้สึกเพียงขายขี้หน้าไปหมด! น่าละอายใจนัก!”

ทั้งยังมีผู้ฝึกปราณมากมายละอายใจ

หลินสวินเงียบหายไปหลายปี หลายคนนึกว่าเขาพลาดยุคทองที่ไอวิญญาณฟื้นคืน ไม่อาจงัดข้อกับขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณได้

แต่วันนี้หลินสวินใช้ความจริงที่หนักแน่นดั่งเหล็กพิสูจน์ให้ใต้หล้าเห็นแล้วว่า เขาในวัยเยาว์อำนาจทั่วนครหลวงได้ เขาในตอนนี้ก็ทำได้เช่นกัน!

เรื่องราวในโลกผันแปรยิ่งใหญ่ สรรพสิ่งเปลี่ยนแปลง มีเพียงผู้กล้าที่แท้จริงจึงจะสำแดงความสง่างามไร้เทียมทานได้!

“ฮ่าๆ ตอนนี้ถึงเข้าใจ ยังไม่ถือว่าสายไป…”

เมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอึกทึกครึกโครมเช่นนั้นในเมือง ได้เห็นเหล่าผู้ฝึกปราณตื่นเต้นจนโห่ร้องเสียงดังอย่างไม่สงวนท่าที พวกเจ้าคางคก อาหลู่ อาหูยังยิ้มอย่างอดไม่ได้ แววตาวาววาม รู้สึกเป็นเกียรติไปด้วย!

“ท่านพ่อ พวกเขาโห่ร้องยินดีให้ท่านอาอยู่หรือ”

สือหลินหลางกะพริบตาดวงโตคู่งาม เอ่ยถามอย่างสงสัย

“ใช่!”

สืออวี่พยักหน้าแรงๆ ใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้ม เจือแววทอดถอนใจ

บัดนี้ทั้งนครต้องห้าม ผู้ฝึกปราณรับไม่ถ้วนกำลังครื้นเครง เสียงสนทนา เสียงฮือฮาดังไปทั้งเก้าฟ้าสิบแผ่นดินประหนึ่งกระแสธารพลุ่งพล่าน!

หลินสวิน!

หลินสวิน!

หลินสวิน!

ชื่อนี้ถูกผู้คนนับไม่ถ้วนเอ่ยถึง ประหนึ่งตำนานเทพในปัจจุบัน ตำนานไร้เทียมทาน ส่องสะท้อนใต้หล้า ไม่อาจเทียบได้ในนครต้องห้ามวันนี้!

“ทุกท่านเคยได้ยินลำนำผู้กล้าหรือไม่”

มีคนรุ่นอาวุโสเจือแววหวนอดีต ความรู้สึกไหวหวั่น “เด็กหนุ่มเจ้าภูเขาในปีนั้นเรืองรองเจิดจรัส พรสวรรค์ไร้เทียบเทีบม หลิ่วชิงเยียนที่เป็นผู้ฝึกปราณสายศิลป์อันดับหนึ่งในใต้หล้าตอนนั้นดังระเบิดขึ้นทันทีเพราะแต่งลำนำผู้กล้าให้เขา มาคิดดูตอนนี้ ภาพเหล่านั้น… ยังคงติดตาอยู่เลย”

คนรุ่นเยาว์เหล่านั้นต่างประหลาดใจอย่างอดไม่ได้ พากันเอ่ยถาม ถึงขนาดที่ในตอนนี้ลำนำผู้กล้ายังดังขึ้นมาอีกครั้งในชั่วขณะ ทุกถนนตรอกซอกซอย ทั่วอาณาบริเวณต่างขับขาน

“ตอนนี้ไม่น่าเรียกว่าเจ้าแห่งภูเขาชำระจิตอีกแล้ว เขาในตอนนี้ฆ่ากึ่งจักรพรรดิเหมือนฉีกภาพเขียน ทำลายระดับจักรพรรดิเหมือนล้วงถุงหยิบของ ควรเปลี่ยนคำเรียกแล้ว”

มีคนเอ่ยใคร่ครวญ

พอแนะนำเช่นนี้ไป กลับจุดประกายให้ทุกคนกระตือรือร้น พากันเสนอคำเรียกขาน

“เรียกว่าจักรพรรดิสงครามหลินดีไหม”

“หรือจะจักรพรรดิหลิน”

ข้อเสนอแนะต่างๆ ไหลหลั่งมากมาย แต่ล้วนถูกปฏิเสธอย่างว่องไว

กระทั่งคนรุ่นอาวุโสคนหนึ่งเอ่ยปาก

“เจ้าแห่งภูเขาชำระจิตผงาดในโลกชั้นล่าง และวันนี้กลับมาก็กวาดล้างดินแดนรกร้างโบราณ พลังกดข่มมหาจักรพรรดิ ประหนึ่งจอมราชันเคลื่อนทัพ สร้างความสงบให้จักรวาล และพลังมหามรรคที่เขาครอบครองก็ลึกลับสุดหยั่ง ประหนึ่งกระทำการแทนสวรรค์ ช่วยเหลือพวกเราจากน้ำลึกไฟร้อน ย่อมควรเรียกว่าเป็น ‘จอมจักรพรรดิ’!”

พอคำพูดเช่นนี้ดังมา ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างพยักหน้าชื่นชม

ดังนั้นชื่อเรียกจอมจักรพรรดิหลินจึงแพร่กระจายไปในเวลาอันสั้นที่สุด ไม่นานนักก็ขยายออกจากนครต้องห้ามไปทั้งจักรวรรดิจื่อเย่า หรือพูดได้ว่ากระจายไปทั้งแดนหมื่นมรรค

……

และในตอนนี้

บนเขายอดเทพ หลินสวินพาพวกอาหู เจ้าคางคกรวมถึงเหล่าผู้ฝึกปราณอย่างสืออวี่ คนของสำนักศึกษมฤคมรกต ภาคีนักสลักวิญญาณ โถงทองคำกลับมา

“ต่อแต่นี้ไปเขายอดเทพนี้จะเปลี่ยนชื่อเป็น ‘ชำระจิต’ ข้าคนแซ่หลินตัดสินใจว่าจะเปิดสำนักที่นี่ สร้างรากฐานให้หมื่นยุค ไม่ขออหังการเหนือใต้หล้า ขอเพียงวันหน้าหากมีภัยใหญ่เกิดขึ้นอีก คนที่เกี่ยวข้องกับข้าคนแซ่หลินทุกคนจะไม่ต้องรับเภทภัยไม่คาดฝันอีก”

ณ ยอดเขา หลินสวินเรียกรวมทุกคน เอ่ยปากเสียงขรึม

พอพูดเช่นนี้ออกไป ทุกคนต่างตื่นเต้นอย่างอดไม่ได้ขึ้นมา

พวกเขาล้วนรู้ดีว่าการกระทำนี้ของหลินสวินไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่เพื่อพวกเขาที่อยู่ที่นี่!

“ทว่าการเปิดสำนักเป็นเรื่องสำคัญนัก เรื่องนี้ยังต้องให้ทุกท่านร่วมแรงร่วมใจ ให้คำชี้แนะ ร่วมกันเตรียมการ”

หลินสวินเอ่ย “รอหลังข้าช่วยคนตระกูลหลินกลับมา ก็จะลงมือเปิดสำนักอย่างเป็นทางการทันที”

เป็นอย่างที่เขาพูด การเปิดสำนักแห่งหนึ่งนั้นง่ายดาย ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ ตัวคนเดียวก็แบกรับอานุภาพที่สำนักแห่งหนึ่งควรมีได้

แต่คิดจะเปิดสำนักที่ดำรงอยู่หมื่นกาลแห่งหนึ่ง กลับไม่ใช่เรื่องง่ายดายนัก

หลายปีมานี้หลินสวินท่องไปทั่วทั้งทางเดินโบราณฟ้าดารา ได้เห็นสำนักโบราณไม่รู้เท่าไร มีเพียงเขาที่รู้ดีที่สุดว่าต่อให้แข็งแกร่งอย่างแดนกษิติครรภ์หรือสำนักโบราณจรัสเทพ ทันทีที่พบกับศัตรูอย่างตน รากฐานชั่วกาลที่มีก็จะถูกทำลายลงในวันเดียว

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป้าหมายที่หลินสวินเปิดสำนักก็เพื่อให้ญาติมิตรที่เกี่ยวข้องกับตนเหล่านี้มีที่หลบลมฝนสักแห่งหลังตนจากไป

ดังนั้นเรื่องนี้ต้องวางแผนให้ดี

วันนี้หลินสวินปลิดชีพสี่จักรพรรดิ สังหารกึ่งจักรพรรดินับร้อย กวาดล้างขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณทั้งปวง สร้างความอึกทึกครึกโครมให้นครต้องห้าม บนโลกแข่งกันขับขานลำนำผู้กล้า ผู้คนในโลกต่างขนานนามเขาว่า ‘จอมจักรพรรดิหลิน’

วันนี้เขายอดเทพเปลี่ยนชื่อเป็นเขาชำระจิต พวกจอมจักรพรรดิหลินพำนักอยู่บนนั้น วางแผนเรื่องเปิดสำนัก พอข่าวกระจายออกไปก็ดึงดูดให้ใต้หล้าจับตามอง

วันนี้ถูกบันทึกลงในหนังสือประวัติศาสตร์แดนหมื่นมรรค ประวัติศาสตร์ขนานนามว่า ‘วันจอมจักรพรรดิกลับมา’!

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท