ตอนที่ 2374 เสาะหาและเก็บเกี่ยว
‘ไม่เลว คิดไม่ถึงว่าสำรวจแดนลับบัวเขียวคราวนี้จะได้วาสนาเช่นนี้ไปด้วย…’
นัยตาดำของหลินสวินเปล่งประกาย
ในผลึกเพลิงอสนีใหญ่เท่ากำปั้นนี้มีพลังแก่นแท้ต้นกำเนิดของมหามรรคอสนีและอัคคีสะสมอยู่ แม้บกพร่องเช่นกัน แต่เหนือธรรมดาไม่อาจเทียบเทียบอย่างเห็นได้ชัด
นัยเร้นลับที่ประทับอยู่ในนั้น ต่อให้เป็นการหยั่งรู้มหามรรคในตอนนี้ของเขาก็ยังมีคุณประโยชน์ใหญ่หลวง!
‘ภายในบรรจุพลังต้นกำเนิดมหามรรค สิ่งนี้ย่อมเรียกได้ว่าเป็นผลึกมรรคต้นกำเนิด’
หลินสวินอ้าปากกินสิ่งนี้เข้าไปในร่าง หล่อเลี้ยงอยู่ในโลกจักรพรรดิบริสุทธิ์
พอเป็นเช่นนี้ย่อมไม่ต้องหยั่งรู้อีก เมื่อกาลเวลาผันผ่านไป นัยเร้นลับมหามรรคที่อยู่ภายในก็จะถูกหลอมไม่หยุด
หลินสวินยืนมองจากที่สูง
เทือกเขาสีโลหิตอันไพศาลนั้นยังอยู่ แต่ในจิตรับรู้ของหลินสวินกลับพบว่าบริเวณต่างๆ ของเทือกเขานี้มีซากศพต่างๆ กระจายอยู่ บ้างเป็นซากผู้ฝึกปราณ บ้างเป็นซากกระดูกสัตว์อสูร…
ด้วยผ่านกาลเวลาไร้สิ้นสุด ซากกระดูกที่หล่นเกลื่อนเหล่านี้ต่างผุพังยับเยินไปหมดแล้ว
ในใจหลินสวินเกิดความกระจ่างแจ้งอย่างหนึ่ง
โลกชั้นล่างเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนรกร้างโบราณ เป็นแกนกลางของต้นกำเนิดหมื่นมรรค เกรงว่าเมื่อนานมาแล้วเจ้าของซากศพเหล่านี้ก็เคยลองสำรวจต้นกำเนิดหมื่นมรรค แต่กลับโชคร้ายสิ้นชีพลงที่นี่
จิตวิญญาณ เจตจำนง เลือดเนื้อที่พวกเขาหลงเหลือไว้… ผ่านการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลาอันเนิ่นนานไม่อาจนับได้ หลอมรวมเข้าไปในพลังมหามรรคต้นกำเนิด และเปลี่ยนเป็นเงาร่างสีโลหิตเมื่อครู่นั้น
ก็มีแต่เป็นเช่นนี้ถึงอธิบายได้ว่าเหตุใดเงาร่างสีโลหิตเมื่อครู่ถึงแสดงรูปลักษณ์ ‘หมื่นวิญญาณสรรพชีวิต’!
ผ่านไปสักพัก
หลินสวินร้องเอ๊ะเบาๆ เงาร่างพริบไหว ครู่ต่อมาก็ปรากฏตัวในส่วนลึกของเทือกเขาสีโลหิตแห่งนั้น
ที่นี่คือใต้ยอดเขาแห่งหนึ่ง มีหินผามหึมาก้อนหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ กลิ่นอายเปลวเพลิงและสายฟ้าเป็นริ้วๆ อบอวลออกมาจากพื้นผิวหินผา
นิ้วมือหลินสวินกดลงบนหินผานี้เบาๆ สงบใจสัมผัส
ชั่วพริบตานัยเร้นลับมหามรรคอันลึกลับต่างๆ ก็ผุดขึ้นในใจ นัยเร้นลับมหามรรคเหล่านี้เกี่ยวข้องกับมหามรรคอัคคีและอสนี สำแดงท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์แก่นแท้ดั่งปฐมกาลเช่นกัน
‘หรือว่าผลึกมรรคต้นกำเนิดที่มีอยู่ที่นี่จะเกี่ยวกับหินผานี่’
หลินสวินครุ่นคิด นิ้วมือพลันออกแรง
ด้วยพลังของเขาในตอนนี้สามารถยกภูเขาเทพลูกหนึ่งขึ้นได้สบาย แต่ที่น่าตกตะลึงก็คือหินผานี้กลับไม่ไหวติง!
หลินสวินยิ่งรับรู้ได้ว่าหินผานี้ไม่ธรรดา
แต่หลังจากผ่านการทดลองมากมายแล้วกลับทำให้เขาพบว่า หินผานี้ก็เหมือน ‘ราก’ ของโลกใบนี้ เทียบกำลังกับมันก็เหมือนเข้าต่อต้านทั้งโลก!
ในที่สุดหลินสวินก็ยอมแพ้
เขาประเมินรอบๆ “ที่นี่ไอวิญญาณฟ้าดินเข้มข้น ทั้งยังมีพลังต้นกำเนิดมหามรรค เป็นสถานที่เหมาะฝึกปราณเป็นอย่างยิ่ง”
“เจ้าคางคก เจ้าอยู่ฝึกปราณที่นี่ก็น่าจะทะลวงระดับจักรพรรดิได้แล้ว”
หลินสวินเรียกเจ้าคางคกออกมา
“ที่ดีเลยนี่!”
เจ้าคางคกประเมินคร่าวๆ ตาก็เปล่งประกายเช่นกัน
หลินสวินยิ้มน้อยๆ ไอวิญญาณที่กระจายอยู่ในแดนลับแห่งนี้ถาโถมดั่งกระแสธาร เทียบได้กับถ้ำสวรรค์แดนมงคลแห่งหนึ่ง และหินผาลึกลับก่อนนี้ก็ทำให้ผู้ฝึกปราณเข้าสู่สภาวะหยั่งรู้มรรคได้ทันที
ด้วยรากฐานพลังของเจ้าคางคก เลือกบรรลุที่นี่เหมาะที่สุดแล้ว
น่าเสียดายที่เหมาะให้ฝึกปราณคนเดียวเท่านั้น ถ้ามีมาเพิ่มอีกคน พลังในแดนลับแห่งนี้ก็จะเบาบางเกินไป
“รอเมื่อมหาเคราะห์บรรลุจักรพรรดิมาเยือน ข้าจะมาคุ้มครองเจ้าเอง”
หลินสวินกำชับรอบหนึ่งแล้วหันหลังจากไป
หนึ่งเค่อผ่านไป
เงาร่างหลินสวินปรากฏขึ้นนอกวังวนขุ่นมัวเหมือนรังผึ้งมหึมานั้นอีกครั้ง
‘ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณประสบเคราะห์ไปแล้ว ต่อไปก็ควรไปหาคนตระกูลหลินเหล่านั้นแล้ว…’
หลินสวินจ้องวังวนขุ่นมัวแล้วประเมินช่องทางรูพรุนแน่นขนัดที่อยู่ในนั้นโดยละเอียด
เขาตัดช่องทางรูพรุนที่เคยถูกหมิงหยาสำรวจพวกนั้นไปก่อนเป็นอย่างแรก
แต่จำนวนของช่องทางรูพรุนที่เหลืออยู่เหล่านั้นยังเรียกได้ว่าน่าตกใจ คิดจะสำรวจแดนลับที่อยู่ด้านหลังช่องทางรูพรุนเหล่านี้ให้หมดในเวลาอันสั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
แต่หลินสวินก็ไม่ได้กระวนกระวาย
กลับมาโลกชั้นล่างคราวนี้ เขาทำภารกิจของศิษย์พี่รองจ้งชิวสำเร็จ กำราบศิษย์พี่สี่หลิงเสวียนจื่อไปแล้ว ตอนนี้เรื่องเร่งด่วนที่สุดก็คือหาสมาชิกตระกูลหลินเหล่านั้นให้เจอ!
สวบ!
ไม่นานนักเงาร่างหลินสวินพริบไหวแล้วเข้าไปในช่องทางรูพรุนที่ถูกหมิงหยาระบุว่า ‘อันตรายเป็นอย่างยิ่ง’ แห่งหนึ่ง
ภายในนั้นก็เป็นแดนลับแห่งหนึ่งเช่นกัน แต่ทิวทัศน์กลับแตกต่างโดยสิ้นเชิง น้ำแข็งหิมะเต็มฟ้าดิน ลมหนาวเสียดกระดูก
พลังน้ำแข็งหิมะน่ากลัวยิ่งยวด หากผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิเข้าไปในนั้นก็จะรู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บเสียดกระดูก ถูกแช่แข็งจนตัวแข็งทื่อ
ตอนแรกที่หมิงหยามาที่นี่ ยืนหยัดอยู่ไม่ถึงหนึ่งเค่อก็ต้องถอนตัว
น้ำแข็งหิมะที่ปลิวว่อนกลางฟ้าดินก็เหมือนคมดาบปราณกระบี่อันเย็นเยียบ มีพลังน่ากลัวที่ตัดสะบั้นจิตวิญญาณ แทงทะลุกระดูก
แต่ทุกอย่างนี้ไม่ส่งผลอะไรกับหลินสวิน
ครึ่งชั่วยามผ่านไป
เงาร่างเขาปรากฏตัวอยู่หน้าทะเลสาบหิมะน้ำแข็งอันกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง ชั้นน้ำแข็งหนาๆ รวมตัวอยู่บนทะเลสาบ หิมะลูกใหญ่พัดว่อน
แต่พอพินิจดูโดยละเอียดก็พบว่าที่นี่อบอวลไปด้วยไอวิญญาณฟ้าดินอันพิสุทธิ์ รวมถึงกลิ่นอายมหามรรคแห่งน้ำที่ประหนึ่งปฐมกาล
พินิจพิเคราะห์อยู่ครู่หนึ่ง หลินสวินยืนอยู่กลางอากาศแล้วชกหมัดหนึ่งออกไป
ตูม!
ทะเลสาบที่เยือกแข็งมาไม่รู้นานเท่าไรถูกพลังหมัดอันน่ากลัวเจาะเป็นโพรงมหึมาอย่างจัง รอบๆ โพรงมีรอยแตกแน่นขนัดยืดขยายออกไปรอบทิศ
เพียงชั่วพริบตาชั้นน้ำแข็งทั้งผิวทะเลสาบก็ระเบิดกระจุยกึกก้อง ฟองคลื่นซัดขึ้นคับฟ้า
ในขณะเดียวกันเงาร่างสีน้ำเงินเข้มดั่งภาพมายาร่างหนึ่งก็พุ่งออกมา จู่โจมใส่หลินสวิน ความเร็วในการเคลื่อนไหว ความน่ากลัวของพลัง คล้ายว่าไม่ด้อยกว่าเงาร่างสีโลหิตที่หลินสวินได้พบก่อนหน้านี้
แต่สำหรับหลินสวินแล้วยังไม่พอให้หวั่นเกรง
เขาเหมือนปรุงยา ฉวยคอเงาร่างนี้ไว้ทันที พลังดัชนีประหนึ่งภูเขาถล่มทะเลคำรน บดขยี้เงาร่างสีน้ำเงินเข้มนี้ทุกกระเบียด
ในที่สุดกลางฝ่ามือก็มีผลึกมรรคต้นกำเนิดขนาดเท่ากำปั้นเพิ่มขึ้นมาอีกก้อน!
“เป็นเช่นนี้ดังคาด ดูท่าในแดนลับแต่ละแห่ง หลังจากหลับใหลมาเนิ่นนานต่างมี ‘สิ่งมีชีวิต’ ทำนองนี้ก่อตัวขึ้น ขอเพียงสังหารพวกเขาได้ก็จะได้ผลึกมรรคต้นกำเนิด”
หลินสวินชูมือขึ้นกลืนสมบัตินี้เข้าไป จากนั้นก็ก้าวออกไปก้าวหนึ่ง พุ่งตัวเข้าสู่ทะเลสาบ
ก้นทะเลสาบ
แนวหิมะน้ำแข็งนูนเด่นสายหนึ่งปรากฏ กลิ่นอายต้นกำเนิดของมหามรรคธาตุน้ำเป็นริ้วๆ ตลบอบอวลออกมา
แทบจะเหมือนกับหินผาประหลาดที่ได้เห็นในเทือกเขาโลหิตก่อนหน้านี้ คงจะเป็นที่อยู่ของ ‘ต้นกำเนิด’ แดนลับแห่งนี้!
“อาหลู่ เจ้าอยู่ฝึกปราณที่นี่”
ทันใดนั้นหลินสวินก็ปล่อยอาหลู่ออกมาจากเจดีย์ไร้สิ้นสุด อธิบายนิดหน่อยอาหลู่ก็รับปากอย่างดีอกดีใจ
ด้านหลินสวินตรงดิ่งจากไป ปรากฏตัวที่นอกวังวนขุ่นมัวคล้ายรังผึ้งนั้นอีกครั้งหนึ่ง
“ที่ต่อไป”
หลินสวินไม่หยุดฝีเท้า เลือกช่องทางรูพรุนอีกแห่งแล้วเข้าไปในนั้น
ที่นี่เป็นแดนลับที่เปี่ยมไปด้วยแก่นพิเศษธาตุทอง หินผาต้นไม้ใบหญ้าต่างแผ่กลิ่นอายมหามรรคธาตุทองหนาวสะท้านออกมาทั้งนั้น
ครึ่งชั่วยามผ่านไป
เงาร่างของเขากลับมา แต่ภายในร่างกลับมีผลึกมรรคต้นกำเนิดที่มีนัยเร้นลับแก่นแท้มหามรรคธาตุทองเพิ่มขึ้นมาก้อนหนึ่ง ส่วนเสี่ยวอิ๋นอยู่ฝึกปราณที่แดนลับแห่งนั้น
ก็เช่นนี้ หลินสวินเข้าๆ ออกๆ ช่องทางรูพรุนที่อยู่ในวังวนขุ่นมัวนั้น สำรวจไม่หยุด
ทุกครั้งที่เข้าสู่แดนลับก็จะหยั่งรู้แก่นแท้ต้นกำเนิดมหามรรคได้ชนิดสองชนิด สังหาร ‘สิ่งมีชีวิต’ ประหลาดที่รวมตัวขึ้นจากการหลับใหลเนิ่นนาน และได้ผลึกมรรคต้นกำเนิดมาก้อนหนึ่ง…
ส่วนพวกเจ้าคางคก อาหลู่ เสี่ยวอิ๋น เสี่ยวเทียนที่ตามหลินสวินมา ต่างก็ถูกหลินสวินจัดแจงให้ฝึกปราณในแดนลับต่างๆ เหล่านั้น
ในระหว่างที่สำรวจ หลินสวินไม่ได้พบเจอกับอุปสรรคหรืออันตรายมากมายนัก ดูราบเรียบไร้คลื่นลม
กระทั่งหนึ่งวันผ่านไป
ช่องทางรูพรุนที่หมิงหยาระบุว่า ‘อันตรายเป็นอย่างยิ่ง’ ถูกหลินสวินตรวจสอบทั้งหมดแล้ว ได้ผลึกมรรคต้นกำเนิดทั้งสิ้นสามสิบเก้าก้อน แต่ละก้อนต่างประทับนัยเร้นลับมหามรรคอันเป็นแก่นแท้แรกเริ่ม มีที่คุณสมบัติเหมือนกัน แล้วก็มีที่คุณสมบัติต่างกัน
ผลเก็บเกี่ยวเช่นนี้ต้องเรียกว่าใหญ่โต อย่างน้อยด้วยมรรควิถีของหลินสวินในตอนนี้ก็ไม่อาจหลอมผลึกมรรคต้นกำเนิดเหล่านี้ได้ทั้งหมดในช่วงเวลาสั้นๆ
ทว่าก่อนหลินสวินบรรลุบรรพจารย์จักรพรรดิ ผลึกมรรคต้นกำเนิดเหล่านี้ต่างก็มีคุณประโยชน์ยิ่งยวดต่อการฝึกปราณของเขา ยิ่งมีมากยิ่งดี
สิ่งเดียวที่ทำให้หลินสวินนิ่วหน้าก็คือ
ในวันนี้แดนลับที่เขาสำรวจมีเกือบสี่สิบแห่งแล้ว แต่กลับไม่พบเบาะแสใดๆ ของสมาชิกตระกูลหลิน
‘ดูท่าจะทำได้แค่ไปดูแดนลับที่ยังไม่ถูกหมิงหยาสำรวจพวกนั้น…’
หลินสวินครุ่นคิด ถ้าเข้าไปในแดนลับที่ยังไม่รู้จักเหล่านั้น ความทรงจำของหมิงหยาก็ไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้อีกแล้ว
นี่ก็หมายความว่าการสำรวจต่อๆ ไปจะต้องเต็มไปด้วยเรื่องที่ไม่อาจล่วงรู้ อาจจะเป็นอันตรายหาใดเทียบ หรืออาจจะไม่มีอันตรายสักนิดเลยก็ได้
แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรหลินสวินก็จำเป็นต้องไป
หลังจากใช้เวลาหนึ่งวันฟื้นฟูพลังปราณของตัวเองจนอยู่ในสภาพสูงสุด หลินสวินก็เริ่มคลื่อนไหวอีกครั้งหนึ่ง
“หืม?”
หลังจากเข้าไปในแดนลับที่ยังไม่เคยถูกสำรวจที่ถูกตนเลือกเป็นแห่งแรกนั้น หลินสวินก็สังเกตได้ทันทีว่าแดนลับแห่งนี้แตกต่างจากที่ได้พบก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
เพราะหลังจากมาถึงที่นี่ พลังปราณที่ถูกกดข่มกลับคืนเป็นระดับระดับจักรพรรดิขั้นสามในคราวเดียว!
เห็นได้ชัดว่าแดนลับแห่งนี้ยิ่งเข้าใกล้แกนกลางต้นกำเนิดหมื่นมรรค!
‘น่าสนใจ นี่จะหมายความว่าผลึกมรรคต้นกำเนิดที่รวมอยู่ที่นี่จะพิเศษมากใช่หรือเปล่า’
จิตรับรู้หลินสวินแผ่ขยาย ประเมินฟ้าดินแห่งนี้พลางเคลื่อนตัวไปข้างหน้า
พอมีประสบการณ์สำรวจหลายครั้งก็ทำให้เขารู้ว่า ในแดนลับแห่งนี้จะต้องมีพื้นที่แกนกลางสักแห่งที่เหมือนเป็น ‘ต้นกำเนิด’ ของแดนลับอยู่
ขอเพียงหาที่นั่นพบ ก็จะได้รับวาสนาที่ไม่อาจคาดคิด
‘หนึ่งชนิด สองชนิด สามชนิด… ห้าชนิดหรือ!’
หลินสวินเดินหน้ามาตลอดทาง และค้นพบอย่างน่าตะลึงว่ากลิ่นอายต้นกำเนิดมหามรรคที่มีอยู่ในแดนลับแห่งนี้ถึงกับมีห้าชนิด!
นี่ยังเป็นครั้งแรกตั้งแต่หลินสวินสำรวจมาจนถึงตอนนี้ ที่ได้พบกับแดนลับที่มีเอกลักษณ์เช่นนี้
กระทั่งหนึ่งถ้วยชาผ่านไป
หุบเหวที่ลึกสุดหยั่งแห่งหนึ่งปรากฏขึ้นกลางผืนดิน มีขอบเขตหมื่นจั้ง ส่วนลึกของหุบเหวมีหมอกดำถาโถม แสงสว่างฉายวาบเป็นครั้งคราว ไหววูบแล้วหายลับไปราวกับดาวหาง
เงาร่างหลินสวินยืนอยู่กลางอากาศ ระหว่างที่เขารับรู้และประเมินไม่หยุด สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นทีละน้อย
กระทั่งหว่างคิ้วปรากฏแววเคร่งเครียดขึ้นมาอย่างเงียบๆ แล้ว!
——