Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2393 ความลับของโลกยอดนิรันดร์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2393 ความลับของโลกยอดนิรันดร์

ตอนที่ 2393 ความลับของโลกยอดนิรันดร์

หยวนชิงเหิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง นิ้วมือเรียยาวขาวเนียนพลิกออก

วู้ม…

กระสวยบินสีเงินบางเฉียบสายหนึ่งปรากฏ สองฝั่งซ่อนประกายคมอยู่ภายใน ปลายทั้งสองคมกริบราวกระบี่ พื้นผิวประทับอักษรประหลาดที่กระยึกกระยือเป็นริ้วๆ เหมือนไส้เดือน

เมื่อกระสวยบินสีเงินปรากฏ กลิ่นอายอมตะเป็นสายๆ แปลงเป็นละอองแสงขุ่นมัวสาดพรม เห็นได้ชัดว่าลึกลับสุดขีด

เพียงพริบตาเดียวหลินสวินนัยน์ตาหดรัดทันควัน กลิ่นอายที่บรรจุอยู่ในสมบัตินี้ ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามร้ายแรงถึงชีวิต!

“นี่เป็นของเลียนแบบ ‘กระสวยบินแสงจักรวาล’ อาวุธวิเศษเผ่าอมตะของข้า ข้างในมีพลังต้นกำเนิดระเบียบอมตะ ด้วยสมบัติชิ้นนี้ อย่าว่าแต่มาโลกนี้เลย ต่อให้มุ่งหน้าไปยังโลกอื่นก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรง”

หยวนชิงเหิงสัมผัสได้ถึงแววตาที่เปลี่ยนไปของหลินสวิน จึงอดเผยสีหน้าภาคภูมิใจออกมาไม่ได้ “ยิ่งกว่านั้นทางเดินโบราณฟ้าดารานี่เป็นแค่หนึ่งในโลกพันจักรวาลเท่านั้น ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมานี้ แม้จะถูกระเบียบอสนีระดับปฐพีขั้นแปดที่ตระกูลลั่วครอบครองปกคลุมอยู่ แต่ขอเพียงข้าต้องการ ก็ไม่มีทางขวางข้าได้”

คำพูดประโยคนี้ทำให้หลินสวินจับข้อมูลบางอย่างได้อย่างฉับไว

ทางเดินโบราณฟ้าดารา เป็นเพียงหนึ่งในโลกพันจักรวาลเท่านั้น!

พลังระเบียบต้องห้ามที่ตระกูลลั่วควบคุม ถูกเรียกว่า ‘ระเบียบอสนี’ จัดอยู่ใน ‘ระดับปฐพีขั้นแปด’!

นี่ทำให้หลินสวินตระหนักได้ว่าพลังระเบียบที่ถือกำเนิดในต้นกำเนิดฟ้าดิน ก็มีการจัดประเภทลำดับขั้นเหมือนกัน

“แม่นาง พอจะเล่าเรื่องโลกพันจักรวาลให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่” หลินสวินถาม

คิ้วดำของหยวนชิงเหิงขมวดเข้าหากัน “เจ้าไม่คิดว่าตัวเองถามมากเกินไปหรือ”

หลินสวินยิ้ม “ไม่ง่ายกว่าจะพบบุคคลสูงเกียรติที่มาจากโลกฝากฝั่ง ข้าคนแซ่หลินอดสงสัยใคร่รู้ไม่ไหว แม่นางวางใจได้ เพียงแค่คุยเล่นเท่านั้น ไม่แน่ว่า… พวกเราอาจจะเป็นเพื่อนกันได้”

หยวนชิงเหิงหลุดขำออกมา นัยน์ตางามทอประกายนึกสนุกแวบหนึ่ง “เป็นเพื่อนกับข้าหรือ เจ้าช่างใจกล้าใช้ได้จริงๆ”

“นี่ไม่เกี่ยวกับความใจกล้าสักนิด” หลินสวินกล่าวกลั้วหัวเราะ

มีหรือเขาจะมองไม่ออก ฐานะของหยวนชิงเหิงต้องไม่ธรรมดาแน่ ถึงขั้นอยู่ในโลกฝากฝั่งก็ยังเป็นบุคคลระดับพิเศษสุดขีดคนหนึ่ง

และเพราะเป็นเช่นนี้หลินสวินยิ่งไม่อาจปล่อยให้อีกฝ่ายจากไปโดยง่าย เขาสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับโลกฝากฝั่งเป็นอย่างมาก

“พูดพล่ามให้น้อยๆ หน่อย ข้าจะตอบเจ้าอีกแค่สามคำถามเท่านั้น” หยวนชิงเหิงกล่าว

หลินสวินคิดเล็กน้อยแล้วตอบรับชื่นมื่น

สิ่งแรกที่เขาเอ่ยถึง คือคำถามเกี่ยวกับโลกพันจักรวาล

หยวนชิงเหิงไม่แปลกใจ ไขข้อสงสัยให้เขา

ที่แท้ ในสายตาของผู้ฝึกปราณจากโลกฝากฝั่งอย่างพวกหยวนชิงเหิง ‘โลกฝากฝั่ง’ ถูกมองเป็น ‘โลกยอดนิรันดร์’ ขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งอมตะนิรันดร์

นอกจากโลกยอดนิรันดร์ จักรวาลฟ้าดาราที่กระจายอยู่มากมายล้วนถูกเรียกรวมกันว่า ‘โลกพันจักรวาล’

ทางเดินโบราณฟ้าดาราก็คือหนึ่งในโลกพันจักรวาล

จากที่หยวนชิงเหิงว่ามา หากจำแนกตามความแข็งแกร่งอ่อนแอของขุมอำนาจในโลกพันจักรวาล ทางเดินโบราณฟ้าดาราในปัจจุบันก็พอจะฝืนยัดอยู่ในร้อยอันดับแรกได้เพียงเท่านั้น

หลังเข้าใจเรื่องเหล่านี้แล้ว ในใจหลินสวินก็ไหวกระเพื่อมระลอกหนึ่ง เขาเพิ่งตระหนักเอาตอนนี้ว่าความรู้ความเข้าใจก่อนหน้านี้ของตน สุดท้ายก็ยังคงมีจำกัด

ลำพังแค่อยู่ในโลกพันจักรวาล ตำแหน่งของทางเดินโบราณฟ้าดารายังอยู่ในร้อยอันดับแรกเท่านั้น

และ ‘โลกยอดนิรันดร์’ ที่ถูกเรียกว่าอีกฟากฝั่ง ก็เป็นสถานที่หนึ่งที่อยู่ในโลกพันจักรวาล!

“ย้อนไปก่อนหน้านี้เมื่อนานมาแล้ว ทางเดินโบราณฟ้าดาราเคยปรากฏยักษ์ใหญ่ที่มีอานุภาพเทียมฟ้าทะลวงปฐพีไม่น้อย ในตอนนั้น หรือก็คือยุคแรกเริ่มดึกดำบรรพ์ที่พวกเจ้าเรียกกัน ลำดับของทางเดินโบราณฟ้าดาราเคยไปถึงสามอันดับแรกในโลกพันจักรวาล ถึงขนาดเคยครองอันดับหนึ่งมาแล้วหลายครั้ง”

จู่ๆ หยวนชิงเหิงก็กล่าวขึ้น “ที่น่าเสียดายคือ พลังระเบียบต้นกำเนิดของทางเดินโบราณฟ้าดาราเคยประสบเคราะห์ใหญ่มาก่อน เป็นผลให้ตกอยู่ในสภาพพินาศยับเยิน และนับแต่นั้นเป็นต้นมา บนทางเดินโบราณฟ้าดารา ระดับบรรพจารย์ก็เป็นขีดสูงสุดของมรรคาในโลกแล้ว ไม่มีวิชามรรคอมตะอีก”

“เคราะห์ใหญ่อะไรหรือ” หลินสวินเลิกคิ้วถาม

สายตาหยวนชิงเหิงวาบแววเจ้าเล่ห์ “นี่นับเป็นคำถามที่สองหรือไม่”

หลินสวินมองออกแล้ว หญิงผู้นี้เห็นชัดว่าจะไม่แลกเปลี่ยนกับตนอย่างตรงไปตรงมา เขาครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “เรื่องเช่นนี้น่าจะไม่ใช่ความลับอะไร ภายหน้าไม่ช้าก็เร็วข้าก็จะรู้อยู่ดี”

เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยคำถามที่สองออกมา “พลังระเบียบต้นกำเนิดจำแนกระดับขั้นอย่างไรหรือ”

หยวนชิงเหิงอึ้งไป ครู่ใหญ่กว่าจะดูคล้ายกระจ่างใจ กล่าวว่า “ในฐานะมกุฎมหาจักรพรรดิ เจ้าถึงกับไม่รู้การจำแนกพลังระเบียบ ทางเดินโบราณฟ้าดารานี่… ตกต่ำถึงขั้นนี้แล้วจริงๆ หรือนี่”

หลินสวินมองนางเงียบๆ กล่าวว่า “ต่อให้ตกต่ำแค่ไหน เจ้าก็ถูกขังอยู่ที่นี่แล้วไม่ใช่หรือ”

หยวนชิงเหิงแค่นเสียงเย็น “ข้าแค่ไม่อยากสิ้นเปลืองไพ่ตายในมือก็เท่านั้น”

ว่าพลางนางสะบัดมือคราหนึ่ง โยนม้วนหยกม้วนหนึ่งให้หลินสวิน “ในนี้บันทึกการจำแนกพลังระเบียบต้นกำเนิดเอาไว้”

หลินสวินมองดูคร่าวๆ ในใจก็สั่นไหวระลอกหนึ่ง

ที่แท้ในโลกยอดนิรันดร์แห่งฟากฝั่ง ความรู้ความเข้าใจต่อพลังระเบียบไปถึงขั้นน่าเหลือเชื่อ และมีระบบจำแนกที่สมบูรณ์แบบไว้แล้ว

พลังระเบียบ เกิดขึ้นในต้นกำเนิดแรกกำเนิด เป็นการควบรวมของต้นกำเนิดมหามรรคที่เกี่ยวโยงกับการโคจรของโลกแห่งหนึ่ง เรียกได้ว่าเป็นกฎเกณฑ์ต้นกำเนิดโลก

พลังระดับนี้ อิงจากความแตกต่างของอานุภาพ แบ่งออกเป็นสามระดับ เก้าขั้น

สามระดับ ได้แก่ ระดับปฐพี ระดับสวรรค์ และระดับเทพ แต่ละระดับ แบ่งออกเป็นขั้นหนึ่งถึงเก้า

โดยทั่วไปพลังระเบียบระดับปฐพีก็เรียกได้ว่าน่ากลัวแล้ว ในโลกยอดนิรันดร์ เผ่าจักรพรรดิอมตะมากมายต่างครอบครองพลังระเบียบระดับปฐพีหนึ่งชนิดขึ้นไป

เหมือนอย่างพลังระเบียบต้องห้ามที่ปกคลุมเหนือทางเดินโบราณฟ้าดาราในตอนนี้ ก็เป็นพลังระเบียบอสนี ‘ระดับปฐพีขั้นแปด’ ที่ครอบครองโดยตระกูลลั่วแห่งฟากฝั่ง

พลังระเบียบระดับสวรรค์นั้นเรียกว่าเป็นระดับชั้นยอด โดยทั่วไปจะครอบครองโดยขุมอำนาจยักษ์ใหญ่ที่ทรงอิทธิพลมากบางส่วนเป็นการจำเพาะเท่านั้น

ส่วนพลังระเบียบระดับเทพ เรียกได้ว่าล้ำค่าหายากดั่งขนหงส์เขากิเลน

แม้จะอยู่ในโลกยอดนิรันดร์ ก็มีเพียง ‘เผ่าเทพนิรันดร์’ ที่อยู่สุดปลายยอดของโลก ควบคุมหมื่นเผ่าเท่านั้นจึงจะครอบครองได้

หลังเข้าใจเรื่องเหล่านี้ ข้อกังขาในใจหลินสวินก็ยิ่งมากขึ้น

พลังระเบียบที่ตระกูลลั่วแห่งฟากฝั่งครอบครอง เป็นแค่ระดับปฐพีขั้นแปดก็สามารถปกคลุมเหนือทางเดินโบราณฟ้าดารา สะเทือนสรรพชีวิตในใต้หล้าได้แล้ว

เช่นนั้นพลังระเบียบระดับสวรรค์นั่นจะน่ากลัวแค่ไหน

แล้วพลังระเบียบระดับเทพ… จะน่าเหลือเชื่อปานใดกันแน่

ไหนจะ ‘เผ่าเทพนิรันดร์’ นั่นอีก จะเป็นพวกที่น่าสะพรึงเพียงใดกัน

สิ่งเดียวที่หลินสวินแน่ใจคือ เผ่าจักรพรรดิอมตะถือเป็นพวกยักษ์ใหญ่ที่สามารถเหยียบย่ำเหนือทางเดินโบราณฟ้าดาราได้แล้ว

ส่วนเผ่าเทพนิรันดร์ เกรงว่าเผ่าจักรพรรดิอมตะก็ยังได้แต่แหงนมองเท่านั้น!

‘โลกยอดนิรันดร์ โลกพันจักรวาล พลังระเบียบสามระดับเก้าขั้น… ดูท่าโลกฝากฝั่งจะไพศาลและแข็งแกร่งกว่าที่ข้าจินตนาการไว้หลายโข…’

ในใจหลินสวินอดทอดถอนใจไม่ได้

“ข้ากลับอยากรู้ว่าเจ้าเหยียบย่างระดับมกุฎจักรพรรดิได้อย่างไร ถึงอย่างไรหากไร้การเกื้อหนุนของพลังระเบียบต้นกำเนิดฟ้าดารา บนทางเดินโบราณฟ้าดารานี่ก็ไม่มีทางปรากฏระดับมกุฎจักรพรรดิได้อีกเด็ดขาด”

ทันใดนั้นหยวนชิงเหิงก็เอ่ยถาม

“อยากรู้หรือ ได้ เช่นนั้นเจ้าก็ตอบคำถามข้าเพิ่มอีกหน่อย แล้วข้าจะบอกเจ้า” หลินสวินกล่าว

หยวนชิงเหิงอึ้งไป อดนึกขันไม่ได้ “ต่อให้เจ้าไม่พูดข้าก็สืบได้อยู่ดี”

ความหมายนอกเหนือจากที่พูดก็คือ คิดอยากต่อรองกับข้าหรือ ไม่มีวัน!

หลินสวินก็ไม่ได้ใส่ใจ เอ่ยคำถามที่สามออกไปตรงๆ “ตระกูลลั่วแห่งฟากฝั่ง มีฐานะอย่างไรในโลกยอดนิรันดร์”

หยวนชิงเหิงครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ในสายตาขุมอำนาจทั่วไป ตระกูลลั่วแห่งฟากฝั่งก็เป็นพวกยักษ์ใหญ่เหมือนนายเหนือหัว พลังใต้อาณัติ โลกที่ปกครองมีไม่น้อย สูงส่งไม่อาจหยั่ง”

“หากพูดถึงในเผ่าจักรพรรดิอมตะเหมือนกัน ถือว่าเป็น… ระดับกลางๆ กระมัง ไม่สูงไม่ต่ำ ไม่อาจเทียบกับเผ่าจักรพรรดิอมตะชั้นยอดได้ แต่ก็ไม่ใช่เผ่าจักรพรรดิอมตะทั่วไปจะเทียบชั้นได้”

กล่าวถึงตรงนี้หยวนชิงเหิงเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ เอ่ยว่า “อันที่จริงเมื่อก่อนตระกูลลั่วแห่งฟากฝั่งเคยอยู่อันดับต้นๆ เรียกได้ว่าเป็นพวกโดดเด่นในหมู่เผ่าจักรพรรดิอมตะ อานุภาพดุจตะวันกลางฟ้า น่าเสียดาย เมื่อเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์หายสาบสูญ ตระกูลนี้ก็ไม่เกรียงไกรเหมือนแต่ก่อนแล้ว”

นางทอดสายตามองหลินสวิน “แน่นอน สำหรับคนในทางเดินโบราณฟ้าดาราอย่างพวกเจ้า ตัวตนระดับตระกูลลั่วแห่งฟากฝั่งก็ไม่ต่างอะไรกับเทพศักดิ์สิทธิ์เหนือสุด”

หลินสวินสีหน้าเรียบเฉย “แล้วถ้าเทียบกับตระกูลหยวนเบื้องหลังเจ้าล่ะเป็นอย่างไร”

มุมปากชุ่มฉ่ำของหยวนชิงเหิงยกโค้งขึ้น “ถึงจะบอกว่านี่เป็นคำถามที่สี่ แต่ข้าบอกเจ้าก็ไม่เสียหาย หากเป็นเมื่อก่อน บางทีตระกูลลั่วอาจยังพอเทียบกับตระกูลหยวนของข้าได้ แต่ตอนนี้… ไม่มีวี่แววว่าจะเทียบกันได้สักนิด”

หลินสวินตระหนักได้ทันทีว่าเผ่าจักรพรรดิตระกูลหยวนนี่ เกรงว่าคงเป็นหนึ่งในพวกยักษ์ใหญ่ปลายยอดของเผ่าจักรพรรดิอมตะ

หาไม่หยวนชิงเหิงไม่มีทางกล้าวิจารณ์เช่นนี้แน่

ก็ไม่แปลกที่ผู้หญิงคนนี้จะเผยความมั่นใจอย่างที่สุดตั้งแต่ต้น แม้จะถูกขังก็ไม่ได้ลดความทระนงตน

จู่ๆ หลินสวินก็กล่าวว่า “เช่นนั้นเจ้ารู้จักเผ่าอมตะที่อยู่เบื้องหลังสมบัติอย่างทวนหมื่นมายา ขวานเบิกฟ้า กระบี่สังหารเทพ ทวนศึกดับโลกาหรือไม่”

ปีนั้นยามแดนปรินิพพานปรากฏ ตอนที่เขาเผชิญด่านเคราะห์ชั้นยอดก่อนบรรลุมกุฎจักรพรรดิ เคยมีหนึ่งหญิงสามชายข้ามฟ้าดารามาเยือน สำแดงอานุภาพน่าสะพรึงที่เรียกได้ว่าเลิศล้ำออกมา

และเพราะพลังเจตจำนงของเจ้าแห่งคีรีดวงกมลปรากฏตัวออกมา ถึงโจมตีเอาชนะหนึ่งหญิงสามชายพวกนี้ได้ และบอกกับหลินสวินว่าขุมอำนาจเบื้องหลังสี่คนนี้คือเผ่าอมตะสี่เผ่า

ก็เห็นนัยน์ตาหยวนชิงเหิงหดรัดอย่างยากสังเกตเห็น คล้ายประหลาดใจอยู่บ้าง “เจ้าถึงกับรู้จักสี่เผ่านี้ที่ครอบครองระเบียบระดับสวรรค์ด้วย…”

กล่าวถึงตรงนี้นางตอบสนองฉับพลัน กล่าวยิ้มเย็นว่า “คำถามของเจ้าช่างเยอะจริงๆ นี่เป็นคำถามที่ห้าแล้ว ”

หลินสวินยิ้ม “พอมองออกว่าสี่เผ่าอมตะนี้ต้องไม่ธรรมดามากแน่ๆ แม้แต่เจ้ายังไม่กล้าล่วงเกินพวกเขา”

“วิธียั่วยุเด็กๆ เช่นนี้ เจ้าคิดว่าข้าจะติดกับหรือ” หยวนชิงเหิงเหลือบมองหลินสวินปราดหนึ่ง

หลินสวินกล่าว “แต่อย่างน้อยข้าก็รู้แล้ว ว่าสิ่งที่สี่เผ่าอมตะนี้ครอบครองเป็นพลังระเบียบระดับสวรรค์ และจากที่เจ้าบอกก่อนหน้านี้ รากฐานของสี่เผ่าอมตะใหญ่นี้น่าจะอยู่เหนือตระกูลลั่ว และอาจถึงขั้นเหยียบอยู่เหนือตระกูลหยวนของพวกเจ้า”

“เจ้ายั่วยุต่อเลย ลองดูว่าข้าจะตอบคำถามเจ้าอีกสักประโยคหรือไม่”

หยวนชิงเหิงกอดสองแขนแนบอก นัยน์ตางามดั่งดวงดาราเผยแววดูถูก ท่าทางเหมือนบอกว่าลูกไม้ตื้นๆ นั่นของเจ้าหลอกตาข้าไม่ได้หรอก

หลินสวินถอนใจเบาๆ “ช่างเถอะ ในเมื่อแม่นางระวังและตื่นตัวเช่นนี้ เช่นนั้นบทสนทนาระหว่างพวกเราก็หยุดแต่เพียงเท่านี้เถิด เจ้าส่งรากปฐมจิตวิญญาณของต้นเทพชางอู๋มา ข้าก็จะปล่อยเจ้าไปเดี๋ยวนี้”

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท