Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2401 มุ่งหน้าสู่ฟากฝั่ง

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2401 มุ่งหน้าสู่ฟากฝั่ง

เมื่อเห็นภาพนี้ ต่อให้เป็นหลินสวินก็ใจกระตุกวูบอย่างหนักหน่วง หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย

แข็งแกร่งยิ่ง!

แต่ไม่นานหลินสวินก็กลับสู่ความสงบ เข้าใจเหตุผลที่ซ่อนอยู่

เขาเคยรู้เรื่องการแบ่งพลังระเบียบจากปากของหยวนชิงเหิงมาก่อน แค่แวบเดียวก็มองระดับของพลังระเบียบที่จวินเฟิงเลี่ยครอบครองนี้ออก ว่าต้องเหนือกว่าพลังระเบียบอสนีระดับปฐพีขั้นแปดที่จักรพรรดิสวรรค์ดำรงครอบครองมาก

ประกอบกับจักรพรรดิสวรรค์ดำรงถูกศิษย์พี่รองกำราบมาหลายปีจนบาดเจ็บสาหัส ไม่มีแรงขยับเขยื้อนนานแล้ว

พูดได้ว่าเป็นเพราะการกำราบของศิษย์พี่รอง ถึงทำให้จวินเฟิงเลี่ยฆ่าจักรพรรดิสวรรค์ดำรงได้อย่างง่ายดายเช่นนี้

แน่นอนว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ไม่อาจปฏิเสธความจริงข้อหนึ่งได้ จวินเฟิงเลี่ยคนนี้แข็งแกร่งมากจริงๆ! เกรงว่าต่อให้ต้องปะทะกันซึ่งหน้า จักรพรรดิสวรรค์ดำรงก็ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของเขา

เห็นชัดว่าศิษย์พี่รองจ้งชิวก็มองจุดนี้ออก แม้ว่าสีหน้าจะคลายลงไม่น้อย แต่ยามมองจวินเฟิงเลี่ยก็ยังเผยความจริงจังเหมือนเดิม

เห็นชัดว่าจ้งชิวในตอนนั้นบาดเจ็บสาหัส ทั้งคาดเดาได้ว่าหากต่อสู้กันตอนนั้น แม้แต่เขาก็มีโอกาสสูงที่จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจวินเฟิงเลี่ย

แต่ชายที่มีพลังปราณน่าหวาดกลัวคนนี้กลับยำเกรงและให้ความเคารพต่อซีมาก แค่คิดก็รู้แล้วว่าฐานะที่แท้จริงของซีต้องไม่ธรรมดาแน่!

‘คุณหนู โปรดออกเดินทาง’ หลังจากฆ่าจักรพรรดิสวรรค์ดำรง จวินเฟิงเลี่ยเอ่ยปากอีกครั้ง ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่เคยมองศิษย์พี่รองกับต้าหวงสักนิด

‘เจ้ารอประเดี๋ยว’

สายตาของซีมองมาทางจ้งชิวกับต้าหวง ‘ในที่สุดข้าก็จำได้ว่าข้ามาจากอีกฟากฝั่ง มาจากสถานที่หลายยอดเหนือโลก ไม่เสื่อมสูญชั่วกาล…’

นางพลันปิดปาก ส่ายหัวแล้วถึงพูดว่า ‘ช่วยข้าบอกเจ้าหนูหลินสวินนั่นว่าไม่ต้องมาตามหาข้า ภายหน้าหากมีวาสนา… บางทีอาจได้พบกันอีก’

พูดจบนางก็หันหลังจากไป

ศิษย์พี่รองลุกขึ้น มองส่งจวินเฟิงเลี่ยที่สวมชุดเกราะสีเขียว พาดทวนสีเงินบนแผ่นหลังคนนั้นพาซีจากไปด้วยกัน ไม่พูดไม่จาเนิ่นนาน

ภาพสลายหายไปเพียงเท่านี้

ครู่ใหญ่หลินสวินจึงได้สติกลับมาจากจอภาพเหล่านั้น กล่าวว่า “เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่”

ต้าหวงกล่าว “สิบปีก่อน”

“ถ้าเช่นนั้นซีฟื้นคืนความทรงจำในอดีตแล้วหรือ” หลินสวินครุ่นคิด

ต้าหวงกล่าว “นี่ไม่ใช่คำพูดไร้สาระหรอกรึ หากไม่ใช่ว่านางยอมจากไปเอง ข้ากับนายท่านมีหรือจะมองนางถูกพาตัวไป”

มันพูดถึงตรงนี้แล้วเอ่ยปากชม “คิดไม่ถึง คิดไม่ถึงจริงๆ ความเป็นมาของแม่นางซีคนนี้ถึงกับไม่ธรรมดาเช่นนี้ ทำให้ผู้แข็งแกร่งที่ก้าวสู่อมตะคนหนึ่งเรียกตัวเองว่าข้าน้อยด้วยความเคารพนับถือถึงที่สุด ข้าเพิ่งเคยเจอเรื่องเช่นนี้เป็นครั้งแรก ถือว่าได้เปิดโลกทัศน์แล้ว”

หลินสวินกล่าว “พลังระเบียบที่จวินเฟิงเลี่ยนั่นครอบครอง เป็นไปได้สูงว่าอยู่ในระดับสวรรค์ขึ้นไป หากอยู่ในโลกยอดนิรันดร์แห่งฟากฝั่ง ตระกูลเช่นนี้ย่อมเป็นตระกูลชั้นยอดในบรรดาเผ่าจักรพรรดิอมตะ อย่าว่าแต่เจ้าคิดไม่ถึง แม้แต่ข้าก็คิดไม่ถึงว่าความเป็นมาของซีจะไม่ธรรมดาเช่นนี้”

ต้าหวงประหลาดใจ “ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้เรื่องของอีกฟากฝั่งมากนะ”

หลินสวินอธิบายเหตุการณ์ยามพบกับหยวนชิงเหิงโดยคร่าวๆ รอบหนึ่งก่อนเอ่ยถาม “ศิษย์พี่รองล่ะ เขาไปที่ไหนแล้ว”

เมื่อพูดถึงจ้งชิว ต้าหวงอดถอนหายใจไม่ได้ กล่าวอย่างมีใจแต่ไร้พลัง “นายท่านของข้า… ไปแล้ว”

“ไปแล้ว?”

หลินสวินอึ้งงัน “ไปไหน”

“ยังเป็นที่ไหนได้อีก แน่นอนว่าไปโลกฟากฝั่ง”

ต้าหวงกล่าว “นายท่านของข้าบัญชาการอยู่ในโลกมืดมาหลายปี หากไม่ใช่ว่ารอแดนปรินิพพานมาเยือน เขาคงมุ่งหน้าไปยังอีกฟากฝั่งนานแล้ว ตอนนี้จักรพรรดิสวรรค์ดำรงตายแล้ว พลังระเบียบต้องห้ามที่ปกคลุมอยู่บนฟ้าดาราเสมือนไร้ตัวตน ไม่ไปตอนนี้แล้วจะรอถึงเมื่อไหร่”

หลินสวินกล่าว “หรือว่าศิษย์พี่รองก็จะไปบุกแดนใหญ่พันศึก ไม่ถูกสิ พลังปราณของศิษย์พี่รองเกรงว่าคงสัมผัสถึงนัยเร้นลับอมตะแล้ว ถ้าเขาอยากเข้าไปในโลกยอดนิรันดร์ก็คงไม่ใช่เรื่องยาก…”

เขาพูดถึงตรงนี้แล้วมองไปทางต้าหวง “เจ้าล่ะ หลังจากนี้คิดจะไปที่ไหน”

“นายท่านให้ข้าควบคุมดูแลโลกมืด”

เสียงต้าหวงต่ำลึก กล่าวอย่างจนใจอยู่บ้าง “เขาบอกว่าโลกฟากฝั่งไม่ใช่ดินแดนในอุดมคติอะไร กลับมีโอกาสสูงว่าจะเป็นสถานที่อันตรายแห่งหนึ่ง หากข้าไปกับเจ้าจะมีแต่โทษไม่มีคุณ”

หลินสวินคิดๆ แล้วกล่าวว่า “ศิษย์พี่รองเตรียมการเช่นนี้เพราะหวังดีกับเจ้า ภายหน้ารอเมื่อเขายืนหยัดได้จะต้องกลับมาแน่”

ต้าหวงกลอกตาใส่ “ข้าต้องให้เจ้าหนูอย่างเจ้ามาปลอบใจด้วยหรือ”

มันยกอุ้งเท้าแล้วสะบัดคราหนึ่ง กล่องสำริดลายเมฆประหลาดใบหนึ่งปรากฏออกมา ก่อนมอบให้หลินสวิน “นี่คือพลังระเบียบของแดนปรินิพพาน นายท่านให้ข้านำมาคืนเจ้า”

หลินสวินชะงักไปก่อนถึงค่อยรับไว้ เขารู้แล้วว่าสาเหตุที่ต้าหวงรออยู่ที่นี่ก็เพื่อรอตนกลับมา

“ไปเถอะ แหล่งสถานคุนหลุนนี้ไม่มีอะไรให้น่าอยู่ต่อแล้ว” ต้าหวงกล่าว

หลินสวินพยักหน้า

จากนั้นระฆังไร้กฎจึงนำทาง พาหลินสวินกับต้าหวงออกจากพื้นที่อันตรายหาใดเปรียบแถบนี้

แต่ยามหลินสวินกับต้าหวงจะจากไป ระฆังไร้กฎพลันเอ่ยปากว่าจะขออยู่ต่อ ต้องการดูแลที่นี่

เดิมทีมันก็ถือกำเนิดในแหล่งสถานคุนหลุน เลือกอยู่ต่อก็สมเหตุสมผล

หลินสวินไม่ได้บังคับ

“สหายน้อย เจ้ารู้หรือยังว่าไม่ว่าจะเป็นแหล่งสถานคุนหลุนหรือแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ก่อนหน้านี้เมื่อนานมาแล้วเคยประสบมหาเคราะห์มาก่อน” ก่อนจากกันระฆังไร้กฎเอ่ยขึ้น

“เคยได้ยินมาก่อน” หลินสวินพยักหน้า

“เตามารดาหลอมสมบัติก็ถูกทำลายภายใต้เคราะห์นี้ แดนผนึกไร้นามก็ปรากฏขึ้นตอนนั้น แม้แต่ผาสยบมรรคนั่นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงประหลาดภายใต้เคราะห์นี้ ทำให้พลังหมื่นมรรคเสื่อมทรุดไม่เหลือสภาพ”

ระฆังไร้กฎกล่าว “ก่อนจากกันข้ามีคำขออย่างหนึ่ง หวังว่าสักวันเจ้าจะสืบหาความจริงของมหาเคราะห์เมื่อปีนั้นได้”

หลินสวินพยักหน้า

เขาก็อยากรู้นักว่าทางเดินโบราณฟ้าดาราเมื่อนานมาแล้วผ่านมหาเคราะห์เช่นไรมากันแน่ ถึงทำให้พลังระเบียบต้นกำเนิดฟ้าดาราแตกสลาย แม้แต่ต้นกำเนิดของแหล่งสถานคุนหลุนกับแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ก็สลายหายไปหมด

ความจริงที่อยู่เบื้องหลังนี้คืออะไรกันแน่

สิ่งเดียวที่หลินสวินแน่ใจได้คือ เพราะพลังระเบียบต้นกำเนิดฟ้าดาราพังทลาย ถึงทำให้ทางเดินโบราณฟ้าดาราตกต่ำ อันดับในโลกพันจักรวาลร่วงหล่นลงมา!

วันต่อมา

ทางเดินโบราณฟ้าดารา ในจักรวาลฟ้าดาราที่กว้างใหญ่ไพศาลแถบหนึ่ง

เงาร่างของหลินสวินกับต้าหวงปรากฏตัวไล่เลี่ยกัน

“พลังระเบียบต้องห้ามสูญเสียการควบคุมแล้วจริงๆ ไม่มีภัยคุกคามอีก…”

หลินสวินสังเกตเห็นความต่างตั้งแต่พริบตาแรก พลังระเบียบต้องห้ามที่ปกคลุมอยู่ในห้วงอากาศว่างเปล่านั้นจมสู่ความเงียบงันราวกับสิ่งที่ไม่มีเจ้าของ

“จักรพรรดิสวรรค์ดำรงตายแล้ว สิบปีมานี้ตระกูลลั่วแห่งฟากฝั่งกลับไม่เคยส่งผู้แข็งแกร่งมาที่นี่ จากมุมมองของข้า สูญเสียบุคคลสำคัญสองคนติดต่อกัน ทำให้ตระกูลลั่วสังเกตเห็นความผิดปกติแล้ว”

ต้าหวงกล่าววิเคราะห์ “หรือไม่ตระกูลลั่วในตอนนี้ก็กำลังเจอสถานการณ์คับขันอะไรบางอย่าง เกรงว่าคงแบ่งกำลังคนมาที่นี่ไม่ได้ชั่วคราว”

ถึงอย่างไรก็ผ่านมาสิบปีแล้ว

สำหรับตระกูลลั่วแห่งฟากฝั่งนั้น หากรู้ข่าวว่าจักรพรรดิสวรรค์ดำรงสิ้นชีพมีหรือจะไม่แยแส

แต่จนถึงตอนนี้ก็ไม่เคยเห็นพวกเขาส่งใครมา นี่เพียงพิสูจน์ได้ว่าเรื่องนี้ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างแน่!

หลินสวินพยักหน้า

“เจ้าตั้งใจจะมุ่งหน้าไปอีกฟากฝั่งทันทีจริงหรือ” ต้าหวงอดถามไม่ได้

ระหว่างทางที่กลับมามันได้ยินหลินสวินพูดถึงเรื่องนี้

“ไม่ผิด”

หลินสวินพยักหน้าอีกครั้ง สีหน้าราบเรียบ

ก่อนหน้านี้ไม่นาน ยามกายมรรควารีดำอนุมานกล่องสำริดที่ท่านลู่ทิ้งไว้ ในพลังผนึกที่ทบเป็นชั้นๆ นั้นปรากฏอักษรที่ซ่อนไว้ในส่วนลึกสุดบรรทัดหนึ่ง

‘มารดาของเจ้าฟื้นคืนความทรงจำแล้ว ตัดสินใจกลับไป แต่ด้วยเป็นห่วงความปลอดภัยของเจ้าจึงกำชับเป็นพิเศษ หากยังไม่ได้เปิดกล่องนี้ อย่าไปตามหาเด็ดขาด’

ทุกขีดทุกลายเส้นนั้นแข็งแกร่งเปี่ยมพลัง ทระนงองอาจภาคภูมิ เป็นลายมือของท่านลู่นั่นเอง

และก็เพราะการค้นพบนี้ ทำให้หลินสวินตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะมุ่งหน้าไปเยือนอีกฟากฝั่ง

ต่อให้ข้อความของท่านลู่บอกว่าอย่าไปตามหาก่อนเปิดกล่องสำริดได้ แต่หลินสวินไม่อาจมั่นใจว่ายามเปิดกล่องสำริดสำเร็จ ตนยังต้องใช้เวลานานเท่าไหร่จึงจะไปถึงอีกฟากฝั่งได้อย่างแท้จริง

อย่างไรเสียก่อนถึงอีกฟากฝั่งก็ยังมีปราการสวรรค์สายหนึ่งพาดขวางอยู่… แดนใหญ่พันศึก!

หลินสวินคิดว่าระหว่างทางมุ่งหน้าไปอีกฟากฝั่งจะหยั่งรู้และแก้ผนึกบนกล่องสำริดนั้นต่อ หากเปิดกล่องนี้ได้ก่อนไปถึงฟากฝั่ง แน่นอนว่านั่นย่อมเป็นเรื่องดีที่สุด

ต่อให้เปิดไม่ออกก็ไม่ต้องกังวลอะไร

ถึงอย่างไรเขาก็รู้แล้วว่าโลกยอดนิรันดร์นั้นกว้างใหญ่หาใดเปรียบ ใหญ่จนอยู่เหนือความคาดหมาย ส่วนตระกูลลั่วแห่งฟากฝั่งก็เป็นแค่เผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลหนึ่งภายในนั้น

หลินสวินไม่เชื่อว่าหลังจากตนไปถึงอีกฟากฝั่ง ตระกูลลั่วจะหาตนเจอในทันที

ความจริงในใจหลินสวินยังมีการคาดเดาอื่นอีก นั่นก็คือท่านลู่กับมารดาของตนลั่วชิงสวิน เกรงว่ายังไม่รู้ว่าตอนนี้ตนเป็นมกุฎมหาจักรพรรดิระดับจักรพรรดิขั้นห้าคนหนึ่งนานแล้ว!

ทั้งหลายปีก่อนหน้านั้นเขายังปิดด่านหยั่งรู้ในโลกชั้นล่าง ทำให้พลังปราณทั้งตัวบรรลุถึงขั้นสมบูรณ์สูงสุดของขอบเขตนี้นานแล้ว

ห่างจากการทะลวงปราณเข้าสู่ระดับจักรพรรดิขั้นหกแค่ก้าวเดียว

“ช่างเถอะ ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้วข้าก็ไม่เกลี้ยกล่อมเจ้าอีก แต่เจ้าต้องระวังหน่อย นั่นเป็นถึงแดนแห่งอมตะนิรันดร์ ได้ยินว่าความยาวนานของกาลเวลาที่คงอยู่ มากกว่าทางเดินโบราณฟ้าดาราเป็นร้อยพันเท่า เรียกได้ว่าผ่านเคราะห์ยุคสมัยล่มสลายมาหลายครั้ง ถึงขั้นมีเทพนิรันดร์ที่แท้จริงดำรงอยู่!”

ต้าหวงเอ่ยกำชับ

หลินสวินยิ้มกล่าว “นั่นย่อมแน่นอน”

เขาก็เคยได้ยินหยวนชิงเหิงบอกว่า ในโลกยอดนิรันดร์นั้นมีเผ่าเทพนิรันดร์ยืนอยู่ปลายยอดสุด ครอบครองพลังระเบียบระดับเทพ แข็งแกร่งจนไม่อาจจินตนาการ

“หึ นิสัยของเจ้าหนูอย่างเจ้ามีหรือข้าจะไม่รู้ ไม่ว่าจะไปที่ไหนต้องก่อให้เกิดพายุโลหิตแน่ แต่นี่ก็คือการเคี่ยวกรำ เจ้าประสบความสำเร็จเช่นทุกวันนี้ได้ ก็เกี่ยวพันกับการห้ำหั่นและนองเลือดที่เจอมาอย่างแยกไม่ออก”

ต้าหวงกล่าว “ข้าหวังเพียงเจ้าอย่าฝืนทำเป็นแข็งแกร่ง หากเจอคู่ต่อสู้ที่รับมือไม่ได้จริงๆ อย่างมากก็แค่กลับมาทางเดินโบราณฟ้าดารา ไม่ขายหน้าหรอก”

หลินสวินยิ้มพลางพยักหน้า

ต้าหวงก็เหมือนรู้สึกว่าพูดมากความเกินไปหน่อย มันสะบัดอุ้งเท้าทันที “ไปล่ะ”

ก่อนหมุนตัวจากไป ไม่เสียเวลาพูดพร่ำทำเพลงสักนิด

“ต้าหวง”

หลินสวินเอ่ยปาก “ภายหน้าหากมีคนรังแกเจ้า จำไว้ว่าควรม้วนหางหนีก่อน รอข้ากลับมาแล้วค่อยแก้แค้นให้เจ้า”

ต้าหวงกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ไปๆๆ เจ้าหนูนี่รีบไปเลย!”

หลินสวินหัวเราะลั่นแล้วหันหลังจากไป

วันนี้ต้าหวงกลับไปโลกมืด ควบคุมดูแลแทนเจ้านายของเขาจ้งชิวอย่างเงียบๆ และปกป้องขุมอำนาจของหอวิหคทองแดง

ส่วนหลินสวินก็ออกเดินทาง มุ่งหน้าสู่อีกฟากฝั่งฟ้าดารา!

…………………….

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท