Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2500 หินเขียวประพันธ์คัมภีร์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2500 หินเขียวประพันธ์คัมภีร์

เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์!

ในใจหลินสวินสั่นสะท้าน

ปีนั้นยามเปิดห้องโถงมรรคาสวรรค์ครั้งแรกในหมู่บ้านเฟยอวิ๋นของโลกชั้นล่าง หลินสวินก็เคยเห็นภาพที่เกี่ยวข้องกับเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์คราหนึ่ง!

เขายืนอยู่กลางฟ้าดิน ออกหมัดทำลายท้องนภา เบิกทางฟ้า เปิดทวารดวงดาวอย่างแข็งกร้าว ทรงพลังราวกับนายเหนือหัว!

หลังจากเปิดประตูสวรรค์ของทางเดินเมฆาหยกเก้าด่านนั่นแล้ว หลินสวินก็เจอกับพลังเจตจำนงที่เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์เหลือไว้

ยามนี้เมื่อเห็นเงาร่างสูงใหญ่หยิ่งผยองนั้นของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ปรากฏอยู่บนซากปรักหักพัง หลินสวินมีหรือจะจำไม่ได้

‘สำนักดับสิ้นแต่กลับมีความสุข เศษเดนที่โชคดีรอดจากยุคก่อนอย่างเจ้าช่างเสียสติจริงๆ!’

บนซากปรักหักพัง เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์เพิ่งปรากฏตัวก็กล่าวหยามเหยียด ผมเผ้าหนวดเคราของเขาดุจสีหมึก ทั่วร่างแผ่อานุภาพชวนประหวั่นเหมือนไม่เสื่อมสูญออกมา

แค่เสียงก็ดังก้องฟ้าราวกับอสนีบาต

เหวยหมิงจื่อแค่นเสียงเย็นชา ใบหน้าไร้ความรู้สึก ‘สามารถรู้ความเป็นมาของข้าได้ ดูท่าว่าเจ้าคงเป็นพวกร้ายกาจคนหนึ่งในยุคนี้ ขอเตือนเจ้าสักประโยค รีบไสหัวไปซะ อย่าหาเรื่องใส่ตัว!’

สิ่งที่ตอบเขาคือหมัดเผด็จการไร้ใดเปรียบของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์

ตูม!

ราวกับหุบเหวหนึ่งพาดขวางกลางฟ้าดิน ยิ่งใหญ่ไร้สิ้นสุด ลึกล้ำยากหยั่งถึง ม้วนกลืนห้วงอากาศ ทุกจุดที่เคลื่อนผ่าน ดวงดาวนอกเวิ้งฟ้าล้วนถูกสอยลงมาทั้งหมด แหลกละเอียดกลายเป็นจุณ โถมเข้าไปในพลังหมัดที่น่าหวาดกลัวนั่น

ฟ้าดินแถบนั้นพลันบิดเบี้ยวพังทลายเหมือนกระดาษเปื่อยยุ่ย

การต่อสู้ปะทุขึ้น เหวยหมิงจื่อแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ห้ำหั่นกับเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์อย่างดุเดือด เผยอานุภาพชั้นยอดที่เหนือกว่าบรรพจารย์จักรพรรดิ!

หลังจากการต่อสู้นี้ต่อเนื่องไปครึ่งเค่อ ก็เห็น…

เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์พลันส่งเสียงคำรามยาว เบื้องหน้าแผ่ละอองแสงแห่งกาลเวลาที่งามตระการไร้สิ้นสุดออกมาทันที หลอมรวมกับอานุภาพทั้งตัวเขา

จากนั้นเขาจึงซัดหมัดหนึ่งออกไป

ราวกับปั่นป่วนห้วงอากาศ ทำให้สายน้ำแห่งกาลเวลาคลุ้มคลั่ง ภาพทุกอย่างกลางฟ้าดินล้วนเสื่อมถอยและพังทลายอย่างรวดเร็ว

หลินสวินพลันรู้สึกปวดตา ในใจปั่นป่วน

เมื่อทัศนวิสัยกลับมาชัดเจน ก็เห็นเหวยหมิงจื่อกลายร่างเป็นเด็กหนุ่มท่าทางเข้มแข็งองอาจในครู่เดียว เหมือนอ่อนเยาว์ไปหลายปี

ที่น่ากลัวคือมรรควิถีทั้งตัวเขาราวกับถูกเฉือนตัด เสื่อมโทรมถึงขีดสุดในชั่วขณะเดียว!

‘ทวนกระแสเวลา! ช่วงชิงมรรควิถี! เป็นไปไม่ได้ เจ้าครอบครองพลังต้องห้ามนี้ได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้!’

เหวยหมิงจื่อร้องตะโกนอย่างตื่นตระหนก

หมัดของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ทำให้อายุและมรรควิถีของเขาหวนกลับไปสู่วัยหนุ่ม มีเพียงความทรงจำกับสติปัญญาที่ไม่เปลี่ยนแปลง

แต่เหตุการณ์นี้ช่างน่าขนลุก ทำให้ผู้คนขนพองสยองเกล้า!

ลองนึกดูว่าผู้ฝึกปราณคนหนึ่งที่ไม่ง่ายเลยกว่าจะก้าวสู่ระดับจักรพรรดิ กลับสูญเสียมรรควิถีทั้งหมดในพริบตา คืนสู่วัยหนุ่มยามเพิ่งก้าวสู่หนทางแห่งการฝึกปราณ นั่นเป็นภาพที่น่ากลัวระดับใด

หลินสวินยังสูดหายใจหนาวเยือก ในใจสั่นสะท้าน เกิดลางสังหรณ์อย่างเด่นชัดว่าหมัดที่เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ซัดออกมา เป็นไปได้สูงว่าแฝงพลังพรสวรรค์ขั้นสามของหุบเหวกลืนกินไว้ด้วย!

แต่เมื่อหลินสวินมองโดยละเอียด ภาพทั้งหมดก็พังทลายและหายไปอีกครั้ง ไม่อาจมองเห็นได้อีก

แต่ไม่นานภาพมายาอีกอย่างก็ปรากฏ

หมอกเซียนอบอวล ที่จุดสิ้นสุดของบันไดหินเก้าสิบเก้าขั้นมีเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ยืนอยู่หน้าคฤหาสน์

ในมือเขากำพลังจิตของเหวยหมิงจื่อไว้แน่น

‘ต่อให้ตายก็ไม่มอบกุญแจดอกนั้นมาหรือ ได้ เช่นนั้นข้าจะกำราบเจ้าให้ไม่อาจหลุดพ้นชั่วนิรันดร์!’

เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์พูดพลางเผยบานประตูลึกลับประหลาดหนึ่งกลางฝ่ามือ สยบพลังจิตของเหวยหมิงจื่อเข้าไป

‘น่าเสียดายที่หาตำราหยกศุภโชคนั่นไม่เจอ มิฉะนั้นคงได้ลองดูว่าระเบียบมรรคเซียนของยุคก่อนเป็นอย่างไรกันแน่…’

เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ยืนอยู่หน้าประตูตำหนักยอดยุทธ์พลางถอนใจยาว

จากนั้นภาพทุกอย่างจึงหายไป

ในใจหลินสวินม้วนซัด

ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหวยหมิงจื่อถูกกำราบได้อย่างไร ปริศนาบางส่วนในใจก็ได้คำตอบด้วยเหตุนี้

‘แต่กุญแจที่เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์เสาะหาคืออะไร’

หลินสวินขมวดคิ้ว สาเหตุที่เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์กำราบเหวยหมิงจื่อไว้ก็เพื่อกุญแจดอกหนึ่ง นี่ทำให้เขาสงสัยหาใดเปรียบเช่นกัน

หลินสวินขบคิดครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว สลัดความคิดฟุ้งซ่านมุ่งหน้าต่อไป หมอกเซียนอบอวล คฤหาสน์หลังนี้ราวกับไม่มีจุดสิ้นสุด กว้างใหญ่ไพศาลหาใดเปรียบ

หืม?

ทันใดนั้นสายตาหลินสวินพลันเหลือบเห็นเงาแสงขาวดุจหิมะสายหนึ่งไหววูบแล้วหายไปในหมอกเซียนที่ห่างไกล

เขาไล่ตามไปทันที

หินเขียวก้อนหนึ่งปรากฏอยู่ในสายตา รูปร่างคล้ายแท่นมรรค

เมื่อหลินสวินมองไป ท่ามกลางความเลือนรางคล้ายมองเห็นว่าในอดีตที่ผ่านมา มีเงาร่างมากมายนั่งขัดสมาธิอยู่บนหินเขียวนั่นเพื่อหยั่งรู้มหามรรคและหลอมมรรคา

ไม่นานเขาก็เห็นเงาร่างของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์นั่งบนหินเขียว หยั่งรู้และเคี่ยวกรำมรรคของตนราวกับเหวลึก

แต่เมื่อหลินสวินจ้องมองไป กลับพบว่าทุกอย่างที่เห็นเมื่อครู่ล้วนเป็นภาพมายา เป็นสิ่งที่วิวัฒน์มาจากกลิ่นอายซึ่งเหลืออยู่บนหินเขียวนั้น น่าอัศจรรย์หาใดเปรียบ

หลินสวินกวาดตามองโดยรอบแล้วอดเลิกคิ้วไม่ได้ เห็นชัดว่าตำราหยกลึกลับนั่นตั้งใจพาตนมาที่นี่ มันคิดจะทำอะไรกันแน่

อยากให้ตนหยั่งรู้และเคี่ยวกรำพลังมหามรรคบนหินเขียวก้อนนี้เหมือนเงาร่างในอดีตพวกนั้นหรือ

หรือกล่าวได้ว่ามีเพียงทำเช่นนี้ จึงจะ… ได้รับการยอมรับจากมัน?

หลินสวินเงียบไปครู่หนึ่ง เดินตรงไปข้างหน้า

ร่างกายเขาบาดเจ็บสาหัส พลังจวนจะแห้งเหือดแล้ว แม้ว่ากินโอสถเทพเยียวยาหายากไร้ใดเปรียบไปมากมาย แต่ยังไม่อาจฟื้นคืนพลังปราณกลับมาเหมือนเดิมได้อย่างรวดเร็ว

เวลานี้หากมีอันตรายถึงชีวิตเกิดขึ้นจริง หลินสวินมีแค่วิธีเดียว นั่นก็คือปล่อยเพลิงระเบียบดับสูญที่สยบไว้ในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งออกมา!

แต่ถ้าไม่ถึงช่วงเป็นตายจริงๆ หลินสวินย่อมไม่มีทางทำเช่นนี้

‘ข้าอยากดูนักว่าบนหินเขียวนี้มีความอัศจรรย์อะไรกัน’

เพียงพริบตากลิ่นอายมหามรรคอัศจรรย์แผ่อบอวล แล่นปราดไปทั่วร่างเขา ทำให้แท่นบูชาในใจและจิตวิญญาณของเขาเปลี่ยนเป็นบริสุทธิ์ว่างเปล่า ไม่แปดเปื้อนโลกีย์ในทันที

ในใจหลินสวินรู้สึกประหลาดยากจะบรรยาย

เหมือนกลับไปในบ่อเกิดแรกกำเนิด ทั่วร่างล้วนอาบไล้ด้วยมหามรรค

เขาจุดแท่นบูชาให้สว่างไสว ไม่คิดมากความอีก สงบจิตหยั่งรู้

หลายปีมานี้มรรคาในใจเขามีทิศทางแน่ชัดอยู่ก่อนแล้ว เสาะหามรรคหนึ่งเดียวไม่มีสองตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นี่ไม่มีทางสำเร็จได้ภายในวันเดียว

ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนเขาก็ใคร่ครวญเรื่องมรรคาในภายหน้าของตน หลายปีหลังจากบรรลุจักรพรรดินี้ เขามีความเข้าใจที่ลึกซึ้งขึ้นมาก

แต่ตอนนี้เมื่อหลินสวินหยั่งรู้มหามรรคบนหินเขียว ท่ามกลางความเลือนราง เขารู้สึกเบิกบานโปร่งโล่งคล้ายเมฆเคลื่อนเห็นตะวัน

มรดกมหามรรคที่เรียกได้ว่าชั้นยอดมากมายกลายเป็นกระแสอักษรโบราณพวยพุ่งหมุนรอบตัวเขา ละอองแสงเปล่งประกายปกคลุมที่แห่งนี้

มองจากไกลๆ อักษรมรรคตัวแล้วตัวเล่ากระจายอยู่กลางอากาศแน่นขนัด เจิดจรัสส่องประกายเหมือนหล่อจากทองเซียน เต็มไปด้วยนัยเร้นลับซับซ้อน ช่วยเสริมให้เขาโดดเด่นราวกับเซียน

หลายปีก่อนหน้านี้เขาได้รับมรดกนานัปการ แต่จนถึงตอนนี้เขาเพิ่งหยั่งรู้พลังมรดกไปได้เพียงครึ่ง เช่นคัมภีร์กระบี่ไท่เสวียน คัมภีร์กระบี่มหาลมกรด ไปไร้หวน และเปลี่ยนเป็นส่วนหนึ่งในรากฐานของ ‘คัมภีร์เตาหลอมมหามรรค’ ของตน

แต่ตอนนี้เมื่อเขาเริ่มหยั่งรู้ นัยเร้นลับมรดกทั้งหมดในตัวล้วนปรากฏออกมาเหมือนฝูงปลาแหวกว่าย ถูกเขาสังเกตเห็นทั้งหมด

รอบตัวเขาล้วนส่องประกาย เสียงมรรคดังเป็นระลอก อานุภาพยิ่งใหญ่เกรียงไกร เจิดจรัสลานตา

ในความรางเลือนเหมือนมีเตาหลอมหนึ่งปรากฏบนท้องฟ้าเหนือศีรษะเขา นัยเร้นลับมรดกนานัปการเหมือนลายมรรคหลากสาย เคลื่อนคล้อยส่องประกายอยู่ในเตาหลอม ขานรับกับมรรควิถีทั้งตัวเขา

หลินสวินไม่คิดเดินตามเส้นทางของคนรุ่นก่อน ต้องการสร้างหนทางของตัวเอง ประพันธ์คัมภีร์จักรพรรดิของตน!

เวลานี้เตาหลอมโหมกระหน่ำ ราวสามารถโอบรับยอดนัยเร้นลับมหามรรคนานัปการ เมื่อผ่านการเคี่ยวกรำและโคจรโดยหลินสวินอย่างต่อเนื่องก็มีสัญญาณว่าจะหลอมรวมเป็นหนึ่งอยู่รางๆ

นี่คือการเปลี่ยนแปลงอัศจรรย์อย่างหนึ่ง

โดยเฉพาะยามแจ้งมรรคบนหินเขียวก้อนนี้ ก็เหมือนมาถึงแดนแรกกำเนิด สามารถล่วงรู้นัยเร้นลับแก่นแท้ของมรดกนานัปการได้อย่างง่ายดาย

ยามก้าวเดินบนมรรคาหลายปีมานี้หลินสวินคอยเสาะหาอยู่ตลอด เวลาส่วนใหญ่ล้วนเป็นการต่อสู้และเดินทางอย่างยากลำบาก ไม่มีเวลาปิดด่านเท่าไรนัก

แต่หลินสวินคิดว่าประสบการณ์พวกนี้ล้วนเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าที่สุด เป็นช่วงเวลาสั่งสมและตกตะกอนที่สําคัญ!

อยากหลอมมรรคทั่วหล้า หมายแปลงหมื่นวิชาในใต้หล้า ก็ไม่อาจปิดด่านกักตนอย่างเดียว

ตอนนี้รอยเท้าของเขาเริ่มจากทางเดินโบราณฟ้าดารา แผ่ขยายมาถึงมรรคาของระดับมกุฎมหาจักรพรรดิ

สิ่งที่ขาดมีแค่ขั้นตอนการแปรสภาพและยกระดับเท่านั้น!

เสียงท่องคัมภีร์ดังก้องอยู่ในคฤหาสน์ที่หมอกเซียนอบอวลนี้ บนหินเขียว เงาร่างหลินสวินดูน่าเกรงขามยิ่งกว่าเดิม ผมดำสยาย หลับตานั่งสมาธิ ร่างส่องประกายราวหล่อจากทองเทพ เหมือนนายเหนือหัวกำลังนั่งสมาธิ

ภายในร่างเขาเหมือนมีเสียงสวดมหามรรคดังกึกก้อง ราวกับมีคัมภีร์มหามรรคนานัปการขานรับ หมุนวนอยู่รอบตัวเขา เสียงมหามรรคดังก้องไม่หยุด

เวลานี้มรดกทั้งหมดที่หลินสวินเคยฝึกล้วนส่งเสียงกัมปนาท ลึกล้ำเกินคาดเดา ซึมซาบเข้าไปในร่างกายเขาทั้งภายในและภายนอก

เตาหลอมเหนือศีรษะเขาเปล่งประกาย ส่งเสียงกึกก้องไม่ขาดสาย สำแดงยอดนัยเร้นลับนานัปการ ประสานพลังมรดกหลากวิชาที่เขาถือครองไม่หยุด หลอมรวมอย่างต่อเนื่อง ผสานนัยเร้นลับของทุกคัมภีร์เข้าด้วยกัน เปลี่ยนเป็นสิ่งหล่อเลี้ยงมหามรรคที่ยิ่งใหญ่หาใดเปรียบ แทบกลายเป็นส่วนหนึ่งของเตาหลอม

เส้นทางของเขา มรรคของเขา คัมภีร์จักรพรรดิของเขา ใกล้จะปรากฏขึ้นบนโลก!

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่

ในคฤหาสน์ยอดยุทธ์นี้พลันเกิดเสียงดังครืนครัน ลักษณ์ประหลาดทยอยปรากฏ มีเสียงเทพมารคำรามก้อง เสียงสวดท่องธรรมเวียนวนเป็นระยะ

บ้างมีอักษรคัมภีร์ลึกลับเกินคาดเดานานัปการปรากฏ กลายเป็นทางเดินบุปผชาติช่อแล้วช่อเล่าแผ่พลิ้วออกมาจากเตาหลอมเหนือศีรษะหลินสวิน

ต่อมาภายหลังทั้งตัวเขาแผ่กลิ่นอายยิ่งใหญ่คล้ายเตาหลอมใบหนึ่ง สามารถบรรจุนัยเร้นลับมหามรรคทั่วหล้า ทั้งกำราบกาลนิรันดร์ได้!

ความน่าเกรงขามยิ่งใหญ่ที่ไม่อาจบรรยายอบอวลออกมาจากร่างหลินสวิน ทำให้เขาเป็นดั่งนายเหนือหัวแห่งหมื่นมรรคา กลายเป็นเทพสูงสุดของสรรพสิ่ง!

ภาพชวนประหวั่นน่าเหลือเชื่อนั้น หากปรากฏในโลกภายนอกเกรงว่าคงก่อให้เกิดความปั่นป่วนทั่วหล้า ทำให้โลกสั่นสะเทือน

นี่คือการประพันธ์คัมภีร์

ทั้งใกล้จะปรากฏขึ้นบนโลกแล้ว!

เวลานี้ท่ามกลางหมอกเซียนสีขาวในคฤหาสน์ใหญ่นั้น ตำราหยกลึกลับเล่มหนึ่งเทียวผลุบเทียวโผล่ ลอยนิ่งเหมือนกำลังติดตามการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในตัวหลินสวิน

………………………….

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท