ตอนที่ 2503 อานุภาพแห่งแผ่นหยก
หลินสวิน!
ชื่อนี้ราวกับมีพลังมาร ทำให้พวกชายชุดเงินรู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาด หัวใจเย็นวาบ หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่
ต่อให้ไม่เคยเห็นหน้าตาแท้จริงของหลินสวิน แต่ใครบ้างจะไม่รู้ว่าชื่อนี้เป็นตัวแทนของคนร้ายกาจแบบไหน
พวกชายชุดเงินรู้สึกขมเฝื่อนในปาก คิดไม่ถึงสักนิดว่าโชคจะเลวร้ายถึงขนาดนี้ แค่เดินเรื่อยๆ เข้าเขตผนึกแห่งหนึ่ง ก็จะพบกับคนร้ายกาจปานนี้
“หลินสวิน ในโบราณสถานมหามรรคตอนนี้ กองกำลังของตระกูลเหวิน ตระกูลเหิง และตระกูลลั่วกำลังตามล่าเจ้าเต็มกำลัง ในเวลาแบบนี้เจ้าน่าจะไม่อยากสร้างปัญหาเพิ่มอีกกระมัง”
ชายชุดเงินสูดหายใจเข้าลึกๆ พูดอย่างใจเย็นว่า “เอาเช่นนี้แล้วกัน พวกเราต่างถอยคนละก้าว ตอนนี้เจ้าก็ออกไปได้เลยโดยไม่ต้องทิ้งสมบัติในตัวไว้”
สิ่งที่ตอบคำถามเขา เป็นหมัดที่สุดแสนเผด็จการของหลินสวิน
ตูม!
เสียงฟ้าถล่มดินทลายดังกึกก้อง
ชายชุดเงินเดือดดาลทันที เขาก็มีภูมิหลังไม่ธรรมดา มีที่พึ่งของตัวเอง ถึงไม่อยากล่วงเกินหลินสวิน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขากลัว
“ไป!”
ชายชุดเงินตะโกน กระบี่บินแวววาวดั่งหิมะเล่มหนึ่งพุ่งออกไป ส่องประกายคมกริบดุกร้าวที่ชวนให้ใจสะท้าน กรีดแหวกผืนนภา
เคร้ง!
กลับเห็นกระบี่บินถูกพลังหมัดนั่นซัดทำลายตรงๆ กระเด็นคว่ำออกไปอย่างรุนแรง และพลังหมัดยังคงเหลือล้นไม่ลดลง กระแทกใส่ตัวชายชุดเงินอย่างจัง
ฝ่ายหลังรู้สึกประหนึ่งถูกภูเขาเทพพุ่งชน เลือดกบปากจมูก ร่างกายซวนเซ เกือบถูกหมัดเดียวบดขยี้!
ชายชรากอดกระบี่เห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีจึงรีบพุ่งโจมตีทันใด ฟันกระบี่โบราณในอ้อมแขนออกไปทันที ปราณกระบี่น่าหวาดหวั่นสะท้อนลักษณ์น่าสะพรึงออกมา ราวกับจะฟันแยกจักรวาล
กลับเห็นหลินสวินก้าวไปข้างหน้า แล้วต่อยออกไปอีกหมัดโดยไม่แม้แต่จะมอง
เคร้ง!
กระบี่โบราณส่งเสียงครวญ สั่นสะเทือนรุนแรง
เลือดลมของชายชราพลิกม้วน ดวงตาวาบประกายหวาดหวั่น เมื่อต่อสู้กับหลินสวินจริงๆ เขาถึงตระหนักว่าฝ่ายหลังเป็นสัตว์ประหลาดเย้ยฟ้าชัดๆ มิน่าถึงสามารถกำราบและสั่นคลอนเหวินเทาเลวี่ยได้ แข็งแกร่งเกินไปจริงๆ!
“ไป!”
เกือบจะในทันที ชายชรายื่นมือไปคว้าชายชุดเงินแล้วเผ่นหนีออกไปไกล
ความแข็งแกร่งของหลินสวินเหนือกว่าที่พวกเขาคาดเกินไป!
เมื่อคนอื่นเห็นเช่นนี้มีหรือจะกล้ารั้งอยู่ต่อ ต่างเลือกหนีในทันที
แต่มีหรือหลินสวินจะปล่อยให้พวกเขาจากไปง่ายๆ เช่นนี้ เขาพลันเรียกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งออกมา แสงมรรคมากมายร่วงโปรย ราวกับธารดาราไหลหลั่งเป็นสายๆ เวียนวนโคจรสว่างไสว
เขาพุ่งออกไปตรงๆ สำแดงมรรควิธีของตน
ตูม!
ในชั่วพริบตาเงาร่างที่เพิ่งหลบหนีไปหลายร่างถูกสังหารทันที ร่างกายแตกระเบิดทั้งหมด จิตดั้งเดิมพังทลาย จิตสิ้นวิญญาณสลาย
ภาพนี้ทำให้คนอื่นๆ หนังศีรษะชาหนึบ หวาดกลัวจับใจ ในที่สุดก็รู้ว่าเตะแผ่นเหล็กเข้าให้แล้ว ทุกคนล้วนเผ่นหนีอย่างไม่คิดชีวิต
การโจมตีไร้ทัดเทียมของหลินสวินทำลายจิตต่อสู้ต่อของพวกเขาจนยับเยิน!
ผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ พลังต่อสู้ของแต่ละคนกร้าวแกร่งไร้ที่เปรียบ อีกทั้งมีที่มาไม่ธรรมดา หาไม่คงไม่กล้าเข้ามาทดสอบในโบราณสถานมหามรรคเด็ดขาด แต่วันนี้กลับพ่ายแพ้ยับเยิน
พรูด!
พรูด!
พรูด!
พร้อมๆ กับการล่าสังหารของหลินสวิน เงาร่างล้มลงคนแล้วคนเล่า ไม่มีแรงต่อต้าประหนึ่งต้นหญ้าที่ถูกเด็ดทิ้ง
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่แข็งแกร่งพอ แต่คู่ต่อสู้ของพวกเขากร้าวแกร่งก็เกินไปต่างหาก
หลายวันมานี้ที่ได้หยั่งรู้บนหินเขียวนั่น ทำให้หลินสวินสามารถหลอมรวมมรดกชั้นเลิศทั้งหมดที่มีได้อย่างสมบูรณ์ มรรควิถีของเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์เช่นกัน
เขาในเวลานี้ แม้แต่บรรพจารย์มรรคยังกล้าเผชิญหน้าตรงๆ มีหรือจะสนใจคนเช่นนี้
หลังจากล่าสังหารไปจนสุดทาง ไม่นานก็เหลือพวกชายชุดเงินห้าหกคนเท่านั้น คนทั้งกลุ่มรีบพุ่งออกจากทางเข้าเขตผนึกแห่งนี้ตรงๆ
แต่หลินสวินไม่ยอมปล่อยไป
ยามเขาเดินออกมาจากปากทางเข้า มาถึงในเทือกเขาขนาดใหญ่ที่ก่อนหน้านี้มีวิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์ควบคุม กลับมีการเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้น
ตูม!
พลังน่าสะพรึงแผ่กระจายไปทั่วสี่ทิศแปดทาง ปิดฟ้าบังตะวัน ปกคลุมพวกชายชุดเงินที่เพิ่งหนีออกมาเมื่อครู่ตรงๆ ทันที
เพียงพริบตาก็มีหลายคนประสบเคราะห์ ถูกสังหารคาที่ในทันที
เหลือเพียงชายชุดเงินและชายชราที่มีปราณระดับบรรพจารย์จักรพรรดิที่กำลังกระเสือกกระสนต่อต้าน แต่ใบหน้ากลับไม่น่ามองอย่างยิ่ง ดวงตาแทบถลน
การโจมตีกะทันหันนี้ทำให้พวกเขาตั้งตัวไม่ทันอย่างเห็นได้ชัด
หลินสวินทอดสายตามองไปรอบๆ
ก็เห็นว่าในบริเวณใกล้กับเทือกเขามหึมา มีวิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์ซุ่มโจมตีอยู่หกตนเต็มๆ!
บ้างมีสามหัวหกแขน หน้าเขียวเขี้ยวแหลม ร่างกายสูงใหญ่ราวภูเขาพันจั้ง ผิวหนังปกคลุมด้วยรอยสักแปลกประหลาดดุจมวลดอกไม้
บ้างมีนัยน์ตาแดงก่ำ สวมชุดสีเลือด ผอมแห้งราวไม้ไผ่ มือกระชับทวนศึกสีเลือด ขณะที่โบกสะบัด สายฟ้าแดงฉานพพรั่งพรูออกมาไม่รู้จบ
บ้างมีรูปร่างเป็นนกดุร้าย ปีกดำสนิทเหมือนเหล็กราวกับเมฆเอื่อยกลางนภา กรงเล็บแหลมคมมีกระแสทำลายล้างแปลกประหลาดรัดพัน
บ้างมี…
แต่ละตนล้วนมีกลิ่นอายน่าสะพรึงระดับบรรพจารย์ อีกทั้งยังล้อมสังหารพวกชายชุดเงินสองคนด้วยกันราวกับมีสติปัญญา
ในไม่กี่อึดใจชายชุดเงินและชายชราล้วนได้รับบาดเจ็บสะบักสะบอม ประคองตัวไม่อยู่โดยสิ้นเชิง ต่อให้ใช้ไพ่ตายก็ยากจะฝ่าวงล้อมออกไปได้
“เถี่ยเฟิง โม่หมู่ พวกเจ้าไปสังหารเจ้านั่น!”
ทันใดนั้นงูเล็กเรียวยาวราวตะเกียบ ลำตัวแดงสดเหมือนเลือดก็สังเกตเห็นการปรากฏตัวของหลินสวิน จึงออกคำสั่งในทันที
จากนั้นวิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์สองตนก็โจมตีเข้าใส่หลินสวินทันที
ตนหนึ่งเป็นชายร่างผอมสูง ทั้งตัวปกคลุมด้วยเปลวเพลิงสีดำ ถือกระบี่ยักษ์สีดำเล่มหนึ่ง
อีกตนเป็นสัตว์ร้ายกระดูกขาวที่มีร่างกายเหมือนเทือกเขา รูปร่างคล้ายกับมังกรยักษ์ แต่มีปีกกระดูกขนาดใหญ่คู่หนึ่ง ดวงตาคู่นั้นมีเพลิงเทพสีเขียวแวววาวลุกโชน
ตูม!
ชายที่ถือกระบี่ยักษ์พุ่งแหวกอากาศเข้ามา แสงกระบี่ราวพิโรธ กรีดแหวกท้องนภา ทั่วฟ้าเต็มไปด้วยกระแสปราณกระบี่สีดำเย็นเยียบน่าสะพรึงปกคลุมลงมา
ด้านสัตว์ร้ายกระดูกขาวยื่นกรงเล็บยักษ์ออกมา เพลิงสีเขียวโหมกระหน่ำลุกโชน ตบโจมตีอย่างรุนแรง
ฟ้าดินแถบนี้ล้วนโกลาหล ปั่นป่วนไปหมด เทือกเขาใกล้เคียงทรุดถล่มพังทลาย แผ่นดินแตกระแหงออกเป็นหุบเหวคล้ายใยแมงมุม
เมื่อเผชิญกับการโจมตีขนาบเช่นนี้ หลินสวินโคจรมหามรรคนรก เข้าปะทะกับมันตรงๆ ทันที
เคร้ง!
เสียงดังสนั่นสายหนึ่ง กระบี่ยักษ์ถูกซัดสะเทือนอย่างรุนแรง เงาร่างของชายผู้นั้นโคลงเคลงพักหนึ่ง เปลวเพลิงสีดำรอบตัวพลิกม้วน เกือบถูกซัดกระแทกตกจากห้วงอากาศ
แกว๊ก!
กรงเล็บยัก์ของสัตว์ร้ายกระดูกขาวยังถูกทุบเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยตรงๆ เจ็บปวดจนมันส่งเสียงคำรามสนั่นฟ้าออกมา
“แดนนรก! สมควรตาย! เหตุใดมหามรรคเช่นนี้ยังคงมีอยู่ได้” ชายกระบี่ยักษ์ตะโกนลั่นด้วยความตกใจแกมเดือดดาล
นัยน์ตาเปลวเพลิงเขียวมรกตของสัตว์ร้ายกระดูกขาวก็เผยแววประหลาดใจเช่นกัน
“มหามรรคนรกเช่นนั้นหรือ เขาต้องฆ่าราชันเฟยถัวที่พิทักษ์สถานที่แห่งนี้ไปแล้วแน่ๆ!” งูเล็กสีเลือดส่งเสียงเย็นชาจากที่ไกลออกไป
ในเวลานี้ ชายชราที่บาดเจ็บสภาพดูไม่จืดก็ส่งเสียงคำรามออกมา “นายน้อย ข้าจะส่งท่านออกไปก่อน!”
ตูม!
ร่างของเขาระเบิดปล่อยละอองแสงมหามรรคอันน่าสะพรึงกลัวออกมา ราวกับกำลังลุกไหม้ ถึงกับไม่สนใจความปลอดภัยของตัวเอง พุ่งตัวไปข้างหน้าสุดกำลัง ซัดสะเทือนวิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์สามเศียรหกกรจนถอยร่น
และเขาโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง ห้วงอากศถูกฉีกออกเป็นรอยแยกสายหนึ่งทันที ชายชราตะครุบคว้าชายชุดเงินไว้ แล้วส่งเขาออกไปโดยตรง
พรึ่บ!
ทวนใหญ่สีเลือดแหวกคำรามมาเยือน ฟันหัวชายชราลอยคว้าง
วิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์สามเศียรหกกรที่อยู่ข้างๆ ใช้มือใหญ่หกข้างคว้าตัวชายชราเอาไว้ ก่อนออกแรง ฉีกร่างของชายชราทั้งเป็น แขนขาขาดออกจากกัน ละอองเลือดโปรยปรายราวน้ำตก
ขณะที่พวกเขากำลังจะไล่ตามชายชุดเงิน งูสีเลือดตัวนั้นก็พูดอย่างเย็นชาว่า “ฆ่าคนผู้นี้ก่อน! ข้าสงสัยว่าประทับแห่งยุคสมัยจะอยู่กับเขา!”
ว่าพลาง มันก็แปลงเป็นสายฟ้าสีเลือดแสนชั่วร้ายไร้ใครเทียบสายหนึ่ง หายวับไปในอากาศ ครู่ต่อมาก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าหลินสวินอย่างแปลกประหลาด และพุ่งเข้าใส่หว่างคิ้วของเขา
รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
เคร้ง! !
เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งปรากฏขึ้นมาทันควัน แม้จะสกัดการโจมตีของงูสีเลือดไว้ได้ แต่กลับซัดสะเทือนจนเงาร่างของหลินสวินยังชะงักค้าง อดตกใจไม่ได้
งูสีเลือดตัวนี้ดูไม่สะดุดตา แต่พลังกลับน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก
“ฆ่า!”
ในเวลานี้ เงาร่างสูงใหญ่สามเศียรหกกร รวมถึงเงาร่างในชุดคลุมโลหิตต่างก็พุ่งเข้าใส่ อานุภาพแต่ละคนน่าสะพรึงข่มกันไม่ลง
วิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์หกตนเต็ม!
กระบวนทัพเช่นนี้ ทำให้หลินสวินยังหัวใจเต้นแรง สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา เริ่มร่ายมรรควิถีแห่งตน ไม่กล้ามัวยืดยาดแต่อย่างใด
ตูม!
เวิ้งฟ้าแถบนี้ราวกับจะพังทลาย อานุภาพน่าสะพรึงราวมหาสมุทรม้วนตลบแผ่กว้าง ฉายแสดงภาพทำลายล้างไปทั่วทุกแห่งหน
หลินสวินที่ตกลึกลงไปในวงล้อม ถึงกับไม่สามารถแหวกฝ่าวงล้อมออกมาได้ในทันที!
ในความเป็นจริง ต่อให้บรรพจารย์มรรคมาอยู่ที่นี่ ก็ไม่สามารถทนต่อเคราะห์สังหารเช่นนี้ได้เลย พลังต่างกันเกินไป ไม่มีโอกาสพลิกชนะได้เลย
ถึงแม้หลินสวินจะถือดีปานใด แต่ก็ไม่คิดว่าเมื่อเผชิญกับแรงกระแทกตรงๆ ตนจะสามารถต้านทานวงล้อมโจมตีเช่นนี้ได้
ต่อให้เป็นมหามรรคนรกที่ยับยั้งวิญญาณร้ายเหล่านี้ตามธรรมชาติ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายระดับบรรพจารย์หกตัว ก็ออกจะเหลือบ่ากว่าแรงอยู่บ้าง
เมื่อเห็นว่ายิ่งสู้ความกดดันยิ่งเพิ่มมากขึ้น หลินสวินไม่กล้าลังเลอีกต่อไป แต่ขณะที่เขากำลังจะใช้เพลิงระเบียบดับสูญ
จู่ๆ ในใจก็ไหวสั่น
เขานึกถึงตำราหยกศุภโชคขึ้นมา มันเคยสยบวิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์ที่เหมือนเถาวัลย์เหี่ยวมาตนหนึ่งแล้ว และดูดซับกลืนกินพลังทั้งหมดของมัน เห็นชัดว่ากร้างแกร่งหาใดเปรียบ
ครู่ต่อมา หลินสวินพลิกฝ่ามือและหยิบตำราแผ่นหยกศุภโชคออกมา บังคับอยู่ในฝ่ามือ ตำราหยกศุภโชคสีขาวหิมะคละคลุ้งด้วยละอองแสงมหามรรคเร้นลับคลุมเครือ
“ประทับแห่งยุคสมัย!” งูสีเลือดตะโกน ดูเหมือนตื่นเต้นอย่างยิ่ง “สมบัติที่จักรพรรดิของข้าต้องการ ถูกเขาคว้าไปครองดังคาด!”
วิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์ตนอื่นๆ ต่างก็ตื่นเต้นเช่นกัน
หลินสวินอดแปลกใจไม่ได้ ประทับแห่งยุคสมัย? หรือว่าตำราหยกศุภโชคนี้จะมีความลึกลับอย่างอื่นอีก
แต่ในเวลานี้ ตำราหยกศุภโชคกลับไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เลย ห่างไกลจากพลังจิตที่สามารถสังหารศัตรูได้เองอย่างที่หลินสวินเคยเห็นมาก่อนหน้านี้หลายโข
แต่หลินสวินไม่มีเวลาคิดมากความแล้ว
ตูม!
ร่างเงาสามเศียรหกกรพุ่งเข้าใส่หลินสวินเต็มแรง หกแขนโบกสะบัด มือใหญ่ทั้งหกนั้นเปรียบเสมือนกรงขังครอบฟ้า ตะครุบเข้าใส่หลินสวินอย่างจัง
หลินสวินโคจรเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง ขณะจับตำราหยกศุภโชคไว้แน่น ราวกับหยิบก้อนอิฐขึ้นแล้วทุบมันออกไป
ท่ามกลางเสียงชนกระแทกสนั่นหวั่นไหว เสียงกรีดร้องอันน่าสะพรึงของเงาร่างสามหัวหกแขนดังขึ้นก้องขึ้นทันที
ก็เห็นว่าภายใต้การโจมตีของตำราหยกศุภโชค ถึงกับปลดปล่อยพลังกลืนกินน่าสะพรึงออกมา สูบกลืนแขนทั้งท่อนของเขา และหลอมระเหยไปในพริบตา!
สามหัวหกแขน กลายเป็นสามหัวห้าแขน ภาพนี้ทำให้วิญญาณชั่วร้ายระดับบรรพจารย์ตัวอื่นๆ ล้วนตกใจ คล้ายอยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขา
ส่วนหลินสวินรู้สึกกระปรี้กระเปร่า แม้ว่าตำราหยกศุภโชคจะไม่ได้สำแดงอานุภาพวิเศษมากขนาดนั้นแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าพลังที่มันมีอยู่ เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อวิญญาณชั่วร้ายระดับบรรพจารย์เหล่านี้!
………………….