Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2638 ท่านลู่

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2638 ท่านลู่

ตอนที่ 2638 ท่านลู่

ภายในถ้ำสวรรค์แดนมงคล ดันมีโลงศพสำริดโลงหนึ่งวางอยู่!

หลินสวินรู้สึกผิดคาดทันที ที่นี่เป็นสถานที่ที่ท่านลู่ปิดด่านทำไมถึงวางโลงศพสำริดโลงหนึ่ง

นี่จะอัปมงคลเกินไปแล้ว…

หลังอึ้งไปครู่หนึ่งหลินสวินก็ใจกระตุก นึกอะไรขึ้นมาได้ เดินเข้าไปทันที

ถ้ำสวรรค์แดนมงคลนี้ไม่ใหญ่นัก นอกจากเครื่องเรือนจำพวกเบาะรองนั่ง โต๊ะเตี้ย และเตาหลอมแล้ว ก็มีแค่โลงศพสำริดโลกนั้น

สิ่งนี้วางพาดอยู่ตรงนั้น ยาวเก้าจั้ง ฝาโลงสลักภาพโบราณอย่างจักรวาลฟ้าดารา สุริยันจันทราภูผาธารา บุปผาปักษามัจฉาแมลง มีกลิ่นอายกร้านโลกหนาหนักอบอวล

หลินสวินยืนอยู่ฝั่งหนึ่ง สีหน้าแปรเปลี่ยนไม่หยุด

ยามนี้หลังสังเกตโดยละเอียด เขาพอจะรู้ที่มาของของสิ่งนี้คร่าวๆ แล้ว!

เมื่อนานมาแล้วยามเขาออกจากคุกใต้เหมืองมายังหมู่บ้านเฟยอวิ๋น ท่านลู่เคยทิ้งด้ามสลักเล่มหนึ่งกับม้วนตำราซีดเหลืองเล่มหนึ่ง

และก็เป็นของลึกลับสองชิ้นนี้ที่ทำให้หลินสวินได้เปิดห้องโถงมรรคาสวรรค์โดยไม่ตั้งใจ และสามารถแปรสภาพเย้ยฟ้าเปลี่ยนชะตาได้อย่างแท้จริง

และก่อนเปิดห้องโถงมรรคาสวรรค์ ก็มีภาพประทับเจตจำนงที่เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ทิ้งไว้ปรากฏขึ้นมาภาพหนึ่ง

นั่นเป็นภาพเหตุการณ์การการต่อสู้

เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ที่เงาร่างสูงใหญ่กำยำชกหนึ่งหมัดออกไป สามารถเบิกนภาคราม ทลายห้วงอากาศ เปิดทวารดวงดาวอันลึกลับ

ต่อมาหลินสวินถึงรู้ว่าในทวารดวงดาวนั้นก็คือเส้นทางดารานิรันดร์!

น่าเสียดายที่เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ล้มเหลว ยามมุ่งหน้าไปทวารดวงดาว พบเจอการขัดขวางจากถูกขุนพลเทพทางดารา สุดท้ายก็เข้าไปไม่ได้

ยามจากไป เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์เคยทอดถอนใจว่า ‘เวลาไม่คอยข้าเสียจริง’

และเคยนำด้ามสลักกับม้วนตำราเล่มหนึ่งโยนเข้าไปในโลงศพสำริดโลงหนึ่ง จากนั้นเขาก็แบกโลงศพสำริดสาวเท้าออกไป…

ภาพเหตุการณ์นี้เกี่ยวพันกับประสบการณ์เย้ยฟ้าเปลี่ยนชะตาของหลินสวินเมื่อครั้งยังเยาว์ ทำให้เขาจำได้ดีมาถึงตอนนี้ จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าด้ามสลักกับม้วนตำราที่ถูกเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์โยนเข้าไปในโลงศพสำริดในตอนแรก อันที่จริงก็คือกุญแจเปิดห้องโถงมรรคาสวรรค์

และบัดนี้เมื่อดูโลงศพสำริดที่อยู่ตรงหน้านี้ ทำให้หลินสวินนึกออกทันที ว่าสิ่งนี้ก็คือโลงศพสำริดที่ตอนนั้นถูกเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์แบกออกไปด้วยโลงนั้น!

นี่ก็เป็นจุดที่ทำให้หลินสวินรู้สึกประหลาดใจ ในใจไม่อาจสงบได้

โลงศพสำริดนี้ต้องมาจากเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์อย่างไม่ต้องสงสัย แต่สิ่งนี้ซ่อนความลับอะไรไว้กันแน่ กลับเป็นสิ่งที่หลินสวินก็ไม่รู้เช่นกัน

แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าของสิ่งนี้สำคัญยิ่ง หาไม่คงไม่ถูกท่านลู่นำมาวางไว้ที่นี่ และใช้พลังผนึกที่ลึกลับสุดหยั่งเก้าชั้นมาคุ้มครอง!

ครู่ใหญ่หลินสวินถึงดึงสายตากลับมา ประเมินถ้ำสวรรค์แดนมงคลแห่งนี้อีกครั้ง

ก่อนหน้านี้ซวีรั่วกู่เคยบอกไว้ว่าการทดสอบที่สองที่ท่านลู่ทิ้งไว้ให้อยู่ที่นี่ หลังจากเขาเข้ามาก็จะเข้าใจเอง

แต่หลินสวินหาทั่วทั้งถ้ำสวรรค์แดนมงคลก็งงไปหมด เพราะไม่มีเบาแสะที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบอะไรสักนิด

สุดท้ายสายตาของเขามองไปที่โลงศพสำริดอีกครั้ง

‘หรือการทดสอบก็คือสิ่งนี้’

หลินสวินครุ่นคิด สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าจะเปิดโลงนี้เพื่อให้รู้แน่ชัด!

เขาเดินไปเบื้องหน้า มือทั้งสองกดลงบนฝาโลงเย็นเฉียบ สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วออกแรกทันที

ถึงอย่างนั้นสิ่งที่ทำให้หลินสวินตะลึงก็คือ ฝาโลงที่สลักลวดลายลึกลับนับไม่ถ้วนนั้นดันไม่ขยับสักนิด ด้วยพลังระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิขั้นสัมบูรณ์ของเขายังไม่อาจทำให้ขยับแม้แต่น้อย!

เรื่องนี้น่าเหลือเชื่อนัก!

และขับเน้นให้ของสิ่งนี้ยิ่งลึกลับขึ้น

หลินสวินยิ่งแน่ใจว่าเป็นไปได้สูงยิ่งที่การทดสอบที่สองของท่านลู่จะเกี่ยวกับโลงศพสำริดนี้

‘อาศัยแรงอย่างเดียวไม่มีทางเปิดโลงนี้ได้ เช่นนั้นก็มีแต่ต้องใช้วิธีอื่นแล้ว…’

หลินสวินแผ่จิตรับรู้ออกมา ปกคลุมทุกกระเบียดของโลงศพสำริดเหมือนมือนับไม่ถ้วน สงบใจหยั่งรู้และสัมผัสโดยไม่พลาดสักจุด

แต่ก็ไม่ได้ผลดังเดิม!

ผ่านไปครู่ใหญ่หลินสวินมุ่นคิ้ว โลงนี้จะลึกลับเกินไปแล้ว แรงกำลังอย่างเดียวเปิดไม่ได้ จิตรับรู้ก็สัมผัสไม่ได้ ประหลาดจริงๆ

แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ก็ยิ่งทำให้หลินสวินสงสัย

เขาตรงไปนั่งขัดสมาธิ เริ่มลองวิธีอื่น แต่ก็ล้มเหลวทุกครั้งไป…

ครู่ใหญ่หลินสวินพลันนึกขึ้นได้ ว่าตนในตอนนั้นใช้เลือดสดๆ เป็นตัวนำ เปิดห้องโถงมรรคาสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ในด้ามสลักกับม้วนตำรานั่น

เช่นนั้นวิธีเปิดโลงศพสำริดนี้ จะเกี่ยวข้องกับสายเลือดของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ที่ไหลเวียนอยู่ในร่างตนหรือไม่

นึกถึงตรงนี้หลินสวินก็ผุดลุกขึ้นแล้วเจาะปลายนิ้ว หยดเลือดสีแดงสดหนึ่งหยดที่อบอวลด้วยอานุภาพระดับบรรพจารย์อันน่าครั่นคร้ามหยดลงบนโลงศพสำริดนั้น

ครืน!

ชั่วพริบตาพลังกลืนกินอันน่าสะพรึงกลัวก็ผุดออกมาจากโลงศพสำริด ส่งเสียงก้องสนั่นเหมือนตั้งตาคอยมาชั่วกาล

ที่ปลายนิ้วหลินสวิน เลือดสดๆ ถูกพลังกลืนกินนั้นชักนำให้ไหลรินบนโลงศพสำริดอย่างไม่อาจควบคุมได้

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ทำให้หลินสวินต่อต้านตามจิตใต้สำนึก แต่กลับพบอย่างน่าตระหนก ว่าพลังของตนถึงกับไม่มีแรงดิ้นรนหรือต้านทานสักนิด ราวกับถูกผนึกเอาไว้ ทำได้เพียงมองดูเลือดสดๆ หยดแล้วหยดเล่าไหลจากปลายนิ้ว ย้อมลงบนโลงศพสำริดนั้นตาปริบๆ…

ความรู้สึกนี้ก็เหมือนจะสูบเลือดสดๆ ของตนไปหมดทั้งร่าง!

หลินสวินย่อมไม่ใช่พวกนั่งรอความตาย แต่ตอนนี้ทั้งร่างถูกผนึก อย่าว่าแต่ต่อต้านหรือโต้กลับ กระทั่งจะขยับนิ้วยังทำได้ยาก

และเมื่อเลือดสดๆ ไหลไม่หยุด พลังขับเคลื่อนทั้งตัวหลินสวินก็เริ่มอ่อนแรง…

สภาพแบบนี้ถ้าดำเนินต่อไปจะต้องกายเป็นศพแห้งกรังแน่!

ความรู้สึกนี้อึดอัดยิ่งนัก อย่างกับมองดูตัวเองค่อยๆ เดินเข้าใกล้ความตายทีละก้าว ทำให้หลินสวินทั้งตกใจทั้งโมโห

ก็ไม่รู้ว่านานเท่าไร บนโลงศพสำริดนั้นถูกเลือดสดๆ ย้อมให้เป็นสีแดงบาดตา ราวกับกลายเป็นโลงศพเลือด!

ถึงตอนนี้เลือดในร่างหลินสวินถูกดูดออกไปเกินครึ่ง ทำให้เขาหน้าซีดถอดสี รู้สึกอ่อนแอยิ่ง

ยังดีที่โลงศพสำริดนั้นเหมือนกินอิ่มแล้ว พลังกลืนกินที่ปลดปล่อยออกมาจึงหายไป ส่งผลให้หลินสวินหลุกจากสภาพถูกผนึกเช่นนั้น

เขาเอาโอสถสมบัติหายากที่เก็บไว้กับตัวมาหลอมทันที ถึงได้รู้สึกว่ากำลังฟื้นตัวจากสภาพอ่อนแอยิ่งนั้นทีละน้อย

เมื่อดูโลงศพสำริดอีกครั้ง ประกายเลือดไหลเวียนราวกับเพลิงเผา เปล่งจิตวิญญาณออกมาอย่างบอกไม่ถูก อย่างกับตื่นขึ้นจากการหลับใหลในกาลเวลาไร้สิ้นสุด

และตรงกลางโลงศพสำริด ก็ปรากฏร่องบุ๋มที่ก่อนหน้านี้ไม่มี!

ปราดแรกที่หลินสวินเห็น ในสมองก็เกิดเสียงดังตูม ประตูสวรรค์ที่อยู่ในสมองมาตลอดหลายปีนี้ บัดนี้ถึงกับกลายเป็นแสงสายหนึ่งพุ่งออกมาจากห้วงนิมิต

ชิ้ง!

ขณะที่หลินสวินไม่ทันตั้งตัว แสงที่แปลงจากประตูสวรรค์ก็แทรกเข้าไปและแนบสนิทกับร่องบุ๋มบนโลงศพสำริดนั้น

พอประกายแสงลับหาย เมื่อมองดูอีกครั้งประตูสวรรค์ก็เหมือนกุญแจ เข้ากับโลงศพสำริดนั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ส่วนแสงเลือดที่อยู่บนพื้นผิวโลงศพสำริดทั้งหมด ก็ไปรวมที่ประตูสวรรค์

ท้ายที่สุดบริเวณกลางโลงศพสำริดนั้น ประตูสวรรค์ก็กลายเป็นสัญลักษณ์แผนที่ดวงดาวอันลึกลับ ประหนึ่งวังน้ำวนอันเร้นลับ ทั้งยังเหมือนหลุมดำฟ้าดาราหลุมหนึ่งด้วย!

แต่ในสายตาหลินสวิน สัญลักษณ์แผนที่ดวงดาวนี้เหมือนหุบเหวแห่งหนึ่งยิ่งกว่า!

การเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องนี้ทำให้เขาในใจเขาปั่นป่วน ครู่หนึ่งกว่าจะสงบลงได้ ในสมองเกิดการคาดเดาคร่าวๆ

โลงศพสำริดนี้ต้องใช้สายเลือดหุบเหวกลืนกินของตนปลุกขึ้น ส่วนประตูสวรรค์ก็เป็นกุญแจดอกหนึ่ง สามารถเข้ากันได้พอดีกับโลงศพสำริดนี้โดยสมบูรณ์ และเปิดโลงนี้ได้!

คิดถึงตรงนี้ในใจหลินสวินก็เกิดแรงกระตุ้นที่ไม่อาจเก็บกลั้นได้ ในโลงศพสำริดที่เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ทิ้งไว้นี้ซ่อนอะไรไว้กันแน่

ทำไมถึงกับต้องใช้สายเลือดของตนกับร่วมกับห้องโถงมรรคาสวรรค์ถึงเปลี่ยนแปลงมันได้

คำตอบ อาจจะอยู่ในโลงนี้!

แต่เมื่อหลินสวินคิดจะเปิดโลง เสียงเคร่งขรึมดุดันเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นกะทันหัน

“อย่าเพิ่งเปิด!”

หลินสวินอึ้งไป หันหน้าขวับทันที

ก็พบว่านอกถ้ำสวรรค์แดนมงคลมีเงาร่างหนึ่งเพิ่มขึ้นมาเมื่อไรไม่รู้ เขาแต่งกายชุดดำทั้งชุด ผมหนวดสีดอกเลา ผอมแห้งเหมือนทวนศึกที่แทงทะลุเมฆา บนใบหน้าชราซูบตอบประทับร่องรอยแห่งกาลเวลา ดูเจนโลกยิ่งนัก

ดวงตาเขาใสกระจ่าง ลุ่มลึก เย็นชา มีความน่าเกรงขามน่ากลัวอย่างหนึ่ง

แต่ตอนนี้เมื่อได้เห็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าโลงศพสำริดนั้น แววตาของเขาก็เจือแววเหม่อลอย ทอดถอนใจ ยินดี และตื่นเต้น

บนใบหน้าชราซูบตอบนั้นเจือความตื่นเต้นที่พยายามเก็บกลั้นอย่างสุดเอาไว้

ผ่านไปนานขนาดนี้ เด็กน้อยในตอนนั้น… ในที่สุดก็เติบใหญ่แล้ว!

และตอนนี้หลินสวินก็นิ่งอึ้งไป ดวงตาค่อยๆ เบิกกว้าง ในใจเหมือนมีสายฟ้าฟาด ซัดให้เกิดระลอกคลื่นถาโถมท่วมฟ้า

ท่านลู่!

ไม่ผิด นั่นคือท่านลู่ ชายชราที่เลี้ยงตนจนโต ถ่ายทอดศาสตร์การสลักรอยสลักวิญญาณให้ตน ชี้แนะการฝึกปราณของตนมากับมือคนนั้น!

ตั้งแต่เล็กหลินสวินไม่เคยพบพ่อแม่ ต่อให้เป็นตอนนี้ก็ยังไม่ได้พบหน้าพวกเขาจริงๆ

เมื่อนานมาแล้ว ในใจของเขาท่านลู่ที่เข้มงวดกับเขามาตลอด นิสัยใจคอแปลกประหลาดและอารมณ์ร้อนคนนั้น ความจริงแล้วไม่ต่างอะไรกับบิดาของเขาไปแล้ว

ตั้งแต่จำความได้ ชีวิตวัยเด็กของเขาก็มีท่านลู่เป็นญาติสนิทเพียงคนเดียว

ท่านลู่ดุนัก ข้อเรียกร้องที่มีต่อเขาเข้มงวดถึงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นความประพฤติ การกระทำ การฝึกปราณ การเรียน… ขอเพียงเขาทำผิด ท่านลู่จะต้องโมโหยกใหญ่ ดุด่าว่ากล่าวอย่างรุนแรง

หลินสวินสมัยเด็กก็เคยคับข้องใจไม่รู้กี่ครั้ง

แต่เมื่อเขาค่อยๆ โตขึ้น เขาถึงเข้าใจเจตนาดีของท่านลู่ทีละน้อย สิ่งละอันพันละน้อยที่ท่านลู่เคยสอนเขาในอดีต ยิ่งทำให้ยามเขาเผชิญหน้ากับความยากลำบากเพียงลำพัง สามารถรับมืออย่างเยือกเย็น พยายามแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ได้

และไม่โทษฟ้าฝนหรือดูถูกตัวเอง!

พูดได้ว่าเป็นเพราะข้อเรียกร้องอัน ‘เข้มงวด’ ของท่านลู่ในตอนนั้น จึงทำให้ตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ ไม่ว่าหลินสวินจะพบกับอันตรายหรือความล้มเหลวยิ่งใหญ่เพียงใด ไม่ว่าจะผ่านความทรมานเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายปานไหน ก็ไม่เคยล้มเลิกหรือยอมแพ้!

ภถึงขั้นที่ว่าในบางช่วง ตัวตนของท่านลู่ส่งผลต่อทั้งชีวิตเขาโดยไม่รู้ตัว!

หลายปีนี้หลินสวินกรำศึกในใต้หล้า เดินทางท่องทั่ว ท่านลู่เป็นหนึ่งในคนที่เขาเป็นห่วงและยึดติดที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

และตอนนี้หลังผ่านมานานหลายปี ในที่สุดเขาก็ได้พบท่านลู่ที่ถ้ำสวรรค์ปรกอุดมในทะเลประหัตมารแห่งนี้!

ชั่วขณะหนึ่งหลินสวินนิ่งอึ้งไปโดยสมบูรณ์ ในใจตื่นเต้นถึงขั้นไม่อาจมีปฏิกิริยาตอบสนอง

ปึง!

หลินสวินคุกเข่าลงโขกหัวกับพื้น เอ่ยว่า “ท่านลู่”

เสียงล้วนสั่นเครือเพราะตื่นเต้น

ฝึกปราณจนตอนนี้ หลินสวินเบื้องบนไม่กราบฟ้า เบื้องล่างไม่ไหว้ดิน ชีวิตเขายิ่งไม่เคยก้มหัวให้ใคร!

และวันนี้ เป็นครั้งแรกที่เขาคุกเขาและโขกศีรษะ

เพราะนั่นคือท่านลู่ที่เลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่ สั่งสอนเขาให้เป็นผู้เป็นคนมากับมือ!

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท