เหวินเทียนซางนัยน์ตาหดรัด ในใจสะท้านไหว
พลังระเบียบของพวกเขาตระกูลเหวินมีอานุภาพระดับปฐพีขั้นเก้า แข็งแกร่งกว่าระเบียบอสนีม่วงของตระกูลลั่วขั้นหนึ่ง
แต่ตอนนี้แค่ระหว่างการปะทะครั้งเดียวก็แหลกกระจุยเหมือนเศษกระดาษแล้ว!
นี่ทำให้เหวินเทียนซางที่ผ่านเรื่องต่างๆ ในโลก พบเห็นอะไรมามากยังรู้สึกตั้งตัวไม่ทัน
ตูม!
ยังไม่ทันรอให้เขาตั้งตัว กระบี่มรรคที่ล้อมด้วยระเบียบอสนีม่วงเล่มหนึ่งพุ่งออกมา ปกคลุมไปสี่ด้านแปดทิศประหนึ่งฝนห่าใหญ่ บดขยี้ฟ้าดินแถบนั้นให้แหลกกระจุย กลายเป็นพื้นที่ที่ปราณกระบี่ตัดพันยุ่งเหยิงแห่งหนึ่ง
และเหวินเทียนซางไม่อาจหลบเลี่ยงได้แล้ว ถูกล้อมอยู่กลางพื้นที่ปราณกระบี่นั้น!
แย่แล้ว!
พวกเหิงจ้งกู่ที่คุมพื้นที่ใกล้เคียงรับรู้ได้ถึงความผิดปกติทันที หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าเพิ่งเปิดศึกเท่านั้น ชั่วพริบตาเดียวสถานการณ์จะถึงกับเกิดความเปลี่ยนแปลงน่าตกตะลึงเช่นนี้!
และอานุภาพที่หลินสวินสำแดงออกมาก็เหนือความคาดหมายเกินไป ทำให้พวกเขาก็คิดไม่ถึง
ถึงอย่างไรแกนหลักของอานุภาพดาบนั้นก็อยู่ที่พลังระเบียบซึ่งปกคลุมอยู่ แต่กลับถูกซัดพ่ายไปในชั่วพริบตา นี่น่าเหลือเชื่อนัก
ผู้ฝึกปราณที่ติดตามระดับอมตะเหล่านั้นมาก็รู้สึกตื่นตะลึงและทำใจเชื่อได้ยากเช่นกัน เหตุใดหลินสวินผู้นี้ถึงได้แข็งแกร่งปานนี้
เพียงแค่ระดับมกุฎบรรพจารย์เท่านั้น สามารถกดข่มระดับอมตะขั้นดับเทพอย่างเหวินเทียนซางด้วยพลังรุนแรงในการโจมตีเดียวได้อย่างไร
ควรรู้ว่าเหวินเทียนซางมีฐานะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ของตระกูลเหวิน บรรลุขั้นดับเทพมาไม่รู้นานเท่าไรแล้ว ความแกร่งกล้าของพลังที่ครอบครอง สามารถสังหารขั้นอายุขัยเทียมฟ้าได้อย่างง่ายดาย!
แต่ตอนนี้กลับเกิดเหตุการณ์เช่นนี้…
นี่จะให้ใครเชื่อลง
เคร้ง!
ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน เบื้องหน้าเหวินเทียนซางพลันปรากฏเกราะป้องกันสีดำชั้นหนึ่ง แผ่แสงดำโชติช่วงหาใดเทียบออกมาปกคลุมร่างกายเขา ช่วยเขารับห่ากระบี่ที่โหมกระหน่ำเต็มฟ้านั้นไว้ได้อย่างหวุดหวิด
แต่พร้อมๆ กับเสียงดังลั่นคราหนึ่ง เกราะป้องกันสีดำก็ปรากฏรอยปริแตก จากนั้นระเบิดกระจุยสะเทือนเลื่อนลั่น
เหวินเทียนซางตกตะลึงจนเหงื่อกาฬไหลทั่วตัว หนีเอาชีวิตรอดหวุดหวิด ภาตใต้สภาวะที่ถูกกระตุ้นซ้ำสองด้วยเห็นสมบัติถูกทำลายไปอีก ใบหน้าจึงอึมคล้ำเขียวลง
ชั่วพริบตาเมื่อครู่นั้น เขาถึงกับเกือบถูกมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่งคุกคามถึงแก่ชีวิต!
นี่ทำให้เขาหลบหนีอย่างเดือดดาลถึงที่สุด
สวบ!
แต่หลินสวินไม่สนใจเรื่องพวกนี้ การโจมตีเดียวไม่อาจสังหารเหวินเทียนซางได้ จึงสะบัดกระบี่โจมตีอีกครั้ง ประกายกระบี่แปรผัน ระเบียบอสนีม่วงไหลเวียนเคลื่อนกวาดสี่ทิศ
แข็งแกร่งจนทำลายได้ทุกอย่าง!
คราวนี้ระดับอมตะคนอื่นไม่รอดูอีกแล้ว ลงมือพร้อมเหวินเทียนซาง เรียกศาสตรามรรคอมตะต่างๆ ออกมา สำแดงวิชาสูงส่งเทียมฟ้า โจมตีใส่หลินสวินจากสี่ทิศแปดทาง
ตูม! ตูม!
ชั่วขณะเดียวฟ้าดินแห่งนี้ก็เกิดพายุคลั่งยิ่งใหญ่ ลมทะมึนกราดเกรี้ยว อสนีบาตร้องลั่น เวิ้งฟ้าพังทลาย ปรากฏการณ์ประหลาดต่างๆ เกิดขึ้นกลางฟ้าดิน ระดับอมตะทั้งกลุ่มลงมือ ชักนำให้เกิดภาพน่ากลัวที่น่าตกตะลึงสารพัด
เมื่อเห็นดังนี้ พวกลั่วเซียว ลู่ป๋อหยา ลั่วซิว ลั่วยงดวงตานิ่งขึง ในใจกังวลไม่ลดละ เตรียมไปเป็นกองหนุนให้หลินสวินทุกเมื่อแล้ว
ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นถึงระดับอมตะขั้นดับเทพห้าคน อีกทั้งยังมีขั้นอายุขัยเทียมฟ้าสิบสามคน!
ด้านหลินสวินเป็นเพียงมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิเท่านั้น ถ้าไม่ใช่เพราะเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกับระเบียบอสนีม่วง ก็ไม่มีความสามารถไปต้านทานแต่อย่างใด
“ทุกท่านอย่าวู่วาม ข้าสามารถฆ่าหมาเฒ่าฝูงนี้ได้!”
เสียงกังวานเย็นชาของหลินสวินดังก้องฟ้าดิน ทำเอาพวกลั่วเซียวยังอึ้งไป
ไม่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้น คนอื่นๆ ที่อยู่ในที่นั้นทุกคนล้วนได้ยินหมด ในใจต่างเกิดความรู้สึกเหลือเชื่อ
ทั้งยากจะเชื่อ ทั้งฉงนใจ ทั้งดูเบาเป็นที่สุด ทั้งส่งเสียงหัวเราะหยัน มากมายเต็มไปหมด
แต่ไม่นานนักทุกคนที่อยู่ในที่นั้นล้วนไม่อาจมาสนใจเรื่องพวกนี้
ด้วยจิตใจของพวกเขาต่างจดจ่อกับศึกใหญ่นี้หมด
เหนือท้องนภา หลินสวินยืนอยู่เพียงลำพัง เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งลอยไหว ควบคุมกระบี่มรรค เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศประจันหน้ากับการล้อมโจมตีของระดับอมตะ เคลื่อนกวาดรอบด้าน ไม่เพียงไม่ถูกกำราบ กลับเกิดภาพที่สู้กันได้อย่างสูสี ฝีมือใกล้เคียงกันอยู่กลายๆ!
นี่ทำให้ทุกคนในที่นั้นต่างตกตะลึง มองดูด้วยความพรึงเพริด เหล่าระดับอมตะออกโจมตี แต่ดันทำอะไรชายหนุ่มระดับบรรพจารย์คนหนึ่งไม่ได้หรือ
เรื่องนี้น่าตกใจเกินไปแล้ว!
มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิอย่างหลินสวิน ต่อให้อาศัยพลังระเบียบอสนีม่วง แต่ถึงกับทำได้ถึงขั้นนี้ น่าเหลือเชื่อยิ่งนัก!
ในโลกยอดนิรันดร์ พวกเย้ยฟ้าเหมือนปีศาจไร้เทียมทานเช่นนี้ย่อมน่าตกใจเป็นที่สุด
เพราะเมื่อก่อนไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้ เรียกได้ว่าไม่เคยได้ยิน ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน!
บัดนี้ขุมอำนาจที่ตามพวกเหวินเทียนซางมาเหล่านั้นต่างตะลึงพรึงเพริด ในใจหวาดผวา
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้าเหนือความคาดหมายของพวกเขาโดยสิ้นเชิง
ชิ้ง!
เพียงครู่เดียวท่ามกลางเสียงปะทะสะท้านฟ้าสะเทือนดิน พลังระเบียบของระดับอมตะอายุขั้นขัยเทียมฟ้าผู้หนึ่งถูกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งบดขยี้อย่างง่ายดาย
จากนั้นกระบี่มรรคของหลินสวินก็พริบไหวผ่านห้วงอากาศตามมาติดๆ
พรูด!
เลือดสดๆ สาดกระเซ็น ศีรษะของคนผู้นี้ถูกฟันร่วง
ศพหัวขาดยิ่งถูกระเบียบอสนีม่วงทำลาย มองดูจากไกลๆ ก็เหมือนถูกเคราะห์สวรรค์ผ่าโดน ร่างแหลกมรรคสลาย
เห็นเช่นนี้ทุกคนในที่นั้นพลันสั่นสะท้านและฮือฮาอีกระลอก
“เกิดอะไรขึ้น พลังต่อสู้ของหลินสวินคนนี้จะเย้ยฟ้าเกินไปแล้วกระมัง”
ผู้ฝึกปราณเผ่าจักรพรรดิอมตะห้าตระกูลนั้นต่างตกใจกับภาพนองเลือดนี้ ศีรษะชาหนึบ หน้าเปลี่ยนสีทันที
เดิมทีพวกเขานึกว่าการจัดการมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่งอย่างหลินสวิน ให้ระดับอมตะสักคนลงมือก็จับได้แล้ว
แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนนี้พลิกการรับรู้ทั้งหมดของพวกเขาโดยสิ้นเชิง!
ไม่เพียงแต่พวกเขา ระดับอมตะที่ล้อมโจมตีหลินสวินอยู่เหล่านั้นในใจก็ตกตะลึง สีหน้าเหยเก
“ระวังเตากระบี่ของเขา มันบดขยี้พลังระเบียบที่พวกเราครอบครองได้!”
หงเสวียนตูตะคอกลั่น
ความจริงไม่ต้องให้เขาเตือน คนอื่นๆ ต่างสังเกตเห็นจุดนี้ได้นานแล้ว
ไม่ใช่ว่าหลินสวินพลังต่อสู้เย้ยฟ้า แต่เป็นเพราะเตากระบี่ในมือเขาควบคุมพลังระเบียบได้ และเขายังมีระเบียบอสนีม่วงในมือ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้สามารถสร้างภัยคุกคามใหญ่ให้กับระดับอมตะอย่างพวกเขาได้!
ระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าที่ถูกโจมตีไปเมื่อครู่ก็คือหลักฐาน
นี่ทำให้พวกเขาทั้งตะลึงทั้งโกรธ
ถ้าแค่พลังต่อสู้แท้จริง นิ้วเดียวของพวกเขายังปลิดชีพหลินสวินได้
ถ้าหลินสวินแค่ครอบครองพลังระเบียบอสนีม่วง พวกเขาก็ไม่กลัวสักนิด
เพราะพลังระเบียบที่พวกเขาครอบครอง สามารถทำลายระเบียบอสนีม่วงได้
แต่กุญแจสำคัญก็คือ เตากระบี่ที่อยู่ในมือหลินสวินนั่น!
สมบัตินี้ไม่อาจเข้าใจได้สักนิด สามารถทำลายพลังระเบียบของพวกเขาอย่างง่ายดาย ทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสไปพิชิตระเบียบอสนีม่วงที่หลินสวินมีอยู่สักนิด
และการอาศัยเพียงมรรควิถีกับพลังต่อสู้ของพวกเขาเอง ยามเผชิญหน้ากับระเบียบอสนีม่วงก็จะถูกคุกคามยิ่งยวด!
“เจ้ามารชั่ว! ยังไม่มารับความตายอีก!”
เหนือเวิ้งฟ้าเฒ่าชราคนหนึ่งคำรามกราดเกรี้ยว เพลิงมรรคอมตะลุกโชนทั่วตัว มือถือขวดหยกสีทองใบหนึ่ง เพลิงเทพหินหนืดบาดตามากมายไหลหลั่ง ประหนึ่งธารดารากลางจักรวาล หมายจะสังหารหลินสวิน
“เจ้าหมาเฒ่า อย่างเจ้าพูดจาใหญ่โตแบบนี้ได้ด้วยหรือ”
หลินสวินใช้กระบี่มรรคซัดการจู่โจมที่มาจากทางอื่นออกไป สายตาหันขวับไปจ้องเฒ่าชราคนนั้นแล้วฟันโจมตีออกไปอย่างจัง
ตูม!
หนึ่งกระบี่ฟันออกไป จักรวาลเปลี่ยนสี เทพผีต่างตกตะลึง ทำลายเพลิงเทพหินหนืดเต็มฟ้านั้นด้วยพลังรุนแรง บดขยี้ห้วงอากาศทั้งอย่างนั้น ซัดสาดเสียงดังสนั่น
เกิดเสียงฟุบดังขึ้น แขนขวาของเฒ่าชราถูกฟันร่วง!
แสงเลือดสะดุดตาพุ่งทะลุเมฆ เฒ่าชราร้องโหยหวน สีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง กระบี่เมื่อครู่เกือบเอาชีวิตเขาไปแล้ว
ระดับอมตะคนอื่นที่กำลังล้อมโจมตีหลินสวินอยู่ต่างก็ตื่นตะลึงเช่นกัน สีหน้าอึมครึม เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด
จากการประมือกัน พวกเขารู้แล้วว่าต่อให้หลินสวินมีมรรควิถีแค่ระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ แต่อีกฝ่ายที่ครอบครองระเบียบอสนีม่วงและใช้เตากระบี่กลับมีอานุภาพคุกคามระดับอมตะแล้ว!
“ฆ่า! ไม่ว่าอย่างไรวันนี้ก็ต้องฆ่าเจ้าหมอนี่ให้ได้ หาไม่แล้ววันหน้าจะต้องกลายเป็นภัยร้ายถึงตายแน่!”
เหวินเทียนซางคำรามลั่น สำแดงพลังทั้งหมด เรียกสายโซ่ที่อวลกลิ่นอายเจตะ ยาวหลายร้อยจั้ง ม้วนขดเหมือนรุ้งเทพสีเงินยวงสายหนึ่งออกมา
เมื่อเขาโบกมือ สายโซ่นี้ก็เปลี่ยนเป็นวงแสงอมตะเป็นวงๆ พุ่งเข้าไปปกคลุมเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งของหลินสวิน เห็นชัดว่าต้องการจะชิงสมบัติ!
ตูม!
หลินสวินกระตุ้นกระบี่มรรค ระเบียบอสนีสีม่วงซัดสาด ปราณกระบี่สะเทือนเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน บดขยี้วงแสงอมตะเหล่านั้นในคราวเดียว
แทบจะในเวลาเดียวกัน เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งส่งเสียงอึงอล เข้าขวางทวนศึกที่แทงเข้ามา พลังระเบียบที่ปกคลุมอยู่บนทวนศึกแหลกสลายหายไปสิ้น
หลินสวินในตอนนี้ทรงพลังถึงขีดสุด
แม้ตัวเขาจะถูกปิดล้อม แต่อีกฝ่ายกลับทำอะไรเขาไม่ได้สักนิด ทำเอาระดับอมตะเหล่านั้นทั้งตะลึงทั้งโมโห สีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่ง
พวกเขาไม่กล้าออมมืออีก ต่างใช้วิชาต่อสู้ก้นกรุล้อมสังหารหลินสวินสุดพลัง พลานุภาพโจมตียิ่งบ้าคลั่ง ทำให้ฟ้าดินปั่นป่วนยิ่งยวดราวกับจะพังพินาศ
ก็เห็นว่า…
สมบัติมรรคสะเทือนกึกก้อง สะท้านไปทั้งเวิ้งฟ้า แสงสมบัติพวยพุ่ง โชติช่วงดั่งดวงอาทิตย์แรงกล้า ระลอกคลื่นการต่อสู้อันน่ากลัวเหมือนลมกรรโชกเก้าชั้นฟ้า อาละวาดพัดโหมไปทั่ว กรีดแหวกฟ้ากว้าง ม้วนตลบแปดทิศ!
พลังผนึกที่ปกคลุมเขาเทพหลังมังกรยังถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงยิ่ง ปั่นป่วนรุนแรงไม่หยุด
“ต้องลงมือช่วยไหม”
ในตระกูลลั่ว บุคคลสำคัญหลายคนเผยสีหน้ากังวล สถานการณ์การต่อสู้มาถึงขั้นดุเดือด โหดร้ายถึงขีดสุดแล้ว ทำให้พวกเขาเป็นห่วงหลินสวินอย่างอดไม่ได้
“ไม่ต้อง”
ลู่ป๋อหยาส่ายหน้า ท่าทางสงบนิ่ง ถ้าหลินสวินประสบอันตราย เขาย่อมเคลื่อนไหวทันที
แต่ตอนนี้แม้หลินสวินจะถูกล้อมโจมตี แต่ไม่ได้เผยท่าทางว่าเพลี่ยงพล้ำ!
……
กลางสนามรบหลินสวินกดดันขึ้นมาก แต่กลับไม่หวั่นกลัว
กลับกันยิ่งสู้ยิ่งกล้า ภายในจักรวาลในร่างมีแหล่งกำเนิดมรรคดั้งเดิมเป็นสายๆ ซัดสาด เพิ่มอานุภาพให้เขาอย่างมหาศาล
โดยเฉพาะกระบี่มรรคที่แทรกด้วยพลังระเบียบอสนีสีม่วง อานุภาพเรียกได้ว่าเย้ยฟ้า ยิ่งสู้ไฟต่อสู้แรงกล้าที่ลุกโชนอยู่ในใจก็ยิ่งโชติช่วง ฝีมือต่อสู้ก็ยิ่งดุดันบ้าระห่ำ
“ตาย!”
ฉับพลันนั้นหลินสวินคำรามยาวประหนึ่งมังกรพยัคฆ์คำรน ผมยาวปลิวสยาย กระบี่มรรคไร้ก้นบึ้งส่งเสียงอึงอล ซัดการจู่โจมทั้งมวลออกไป จากนั้นปราณกระบี่เจิดจ้าสายหนึ่งก็ฟันออกมา
กระบี่นี้มีสายฟ้าสีม่วงมากมาย แฝงพลังระเบียบ กรีดทำลายเวิ้งฟ้าทั้งแถบ แหลมคมบาดตา เมื่อทุกคนได้เห็นก็เหมือนกับสายฟ้าหนาใหญ่สายหนึ่งเคลื่อนกวาดท้องฟ้า โชติช่วงหาใดเทียบ
ระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าที่ถูกหลินสวินจับจ้องคนหนึ่งหน้าเปลี่ยนสีโดยสิ้นเชิง กระบี่นี้ก็เหมือนคมดาบยมทูต หมายจะเอาชีวิตเขาไป!
เขาพ่นเลือดพิสุทธิ์ออกมาคำหนึ่งทันที แผดเผาพลังต้นกำเนิด หมายจะเข้าประจันหน้า
เปรี้ยง!
ห้วงอากาศพังทลาย ปราณกระบี่นี้ดุดันเกินไป ระเบียบอสนีม่วงระเบิดบ้าคลั่ง แข็งแกร่งเกินต้านทาน
แสงส่องสว่างภูผาธาราเก้าหมื่นลี้!
ฟุบ!
เพียงชั่วพริบตาพลังป้องกันทั้งตัวคนผู้นี้ก็ถูกฟันทิ้ง ตัวเขาถูกฟันเป็นสองท่อนทั้งอย่างนั้น
ฝนเลือดสาดพรม เสียงร้องโหยหวนชวนหดหู่พลันแผดลั่นไปกลางฟ้าดิน
สะเทือนทุกคนในที่นั้น!
——