Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2682 ยันต์ใกล้ดุจไร้ช่องว่าง

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2682 ยันต์ใกล้ดุจไร้ช่องว่าง

ตอนที่ 2682 ยันต์ใกล้ดุจไร้ช่องว่าง

ชั่วพริบตาเดียวคนก็หายไปแล้ว

ด้วยเหตุนี้ผู้อาวุโสใหญ่จวงซิวอู่ที่ถูกจับตัวก็หายไปด้วย!

สิ่งนี้กระตุ้นจนพวกจวงปี้ป๋อเกือบคลุ้มคลั่ง

“ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลนี่ชั่วช้าเกินไปแล้ว!”

มีคนแค้นจนหลุดปากด่ายกใหญ่

“หน้าตางดงามขนาดนั้น แต่ที่แท้กลับเป็นพวกต้มตุ๋น!”

มีคนเดือดดาลจนแก้มกระตุก

“สมบัติพวกนั้นของข้า… หายไปทั้งอย่างนี้หรือ!?”

ทั้งมีคนหัวใจหลั่งเลือด เสียดายสมบัติที่สูญไปพวกนั้น

“มัวนิ่งอึ้งอะไร ตาม! ไปฆ่าเศษเดนคีรีดวงกมลสองคนนั่น ช่วยผู้อาวุโสใหญ่กลับมา!” จวงปี้ป๋อแผดเสียงคำรามสะท้านฟ้า

เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ดวงตาแดงก่ำ

ครั้งนี้แผนเดิมของพวกเขาคือจับตัวหลินสวินและจวินหวน ใครจะคิดว่าผู้อาวุโสใหญ่กลับประสบเคราะห์ถูกจับไปก่อน จากนั้นพวกเขายังถูกหลอกเอาสมบัติทั้งตัวไปอีก ซ้ำตอนนี้ศัตรูยังหายไปอย่างไร้ร่องรอยด้วย…

การโจมตีอย่างต่อเนื่องนี้ทำให้จวงปี้ป๋อแทบกระอักเลือด

ความรู้สึกอับอาย เดือดดาล ชิงชังที่ไม่เคยมีมาก่อนจู่โจมจิตใจราวกับภูเขาถล่มสมุทรคำราม ทำให้เขาสั่นไปทั้งตัว เบื้องหน้าพลันมืดมัวไปชั่วขณะ

หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ตระกูลจวงของพวกเขาต้องกลายเป็นตัวตลกใหญ่ที่สุดในน่านฟ้าที่เจ็ดแน่!

เสียงชราแหบพร่าราบเรียบหนึ่งดังขึ้น “หากผู้สืบทอดคีรีดวงกมลจัดการง่ายเช่นนั้น เกรงว่าคงมลายสิ้นไปนานแล้ว”

จวงปี้ป๋อหันหลังขวับ ก็เห็นร่างราวเด็กห้าหกขวบ หน้าตาจิ้มลิ้มเดินออกมาจากแดนมงคลไผ่เขียว

“ผู้อาวุโส ทำไมท่านก็มาด้วยเล่า”

จวงปี้ป๋อตัวแข็งทื่อ รีบร้อนคารวะ

เงาร่างที่ดูเหมือนเด็กน้อยนี้ ความจริงแล้วเป็นเฒ่าดึกดำบรรพ์คนหนึ่งที่ควบคุมดูแลอยู่ในตระกูลจวง นามว่าจวงหลงเซี่ยง ลำดับความอาวุโสสูงยิ่ง

หมื่นปีมานี้จวงหลงเซี่ยงปิดด่านอยู่ตลอด เพื่อทะลวงขั้นหลุดพ้น

“เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ ใครจะไม่ตกตื่นจนต้องออกมาดูบ้าง” จวงหลงเซี่ยงท่าทางเหมือนเด็กน้อย แต่เสียงกลับแหบพร่าแก่ชรา แฝงกลิ่นอายราบเรียบ

“ที่แท้ผู้อาวุโสก็รู้เรื่องแล้ว” จวงปี้ป๋อดวงหน้าแข็งทื่อ ในใจรู้สึกอับอายรุนแรง

จวงหลงเซี่ยงมองเขาคราหนึ่งพลางกล่าว “เรื่องนี้ให้จบลงเพียงเท่านี้ ไม่ต้องตามไปอีก”

“แต่ผู้อาวุโสใหญ่เขา…” จวงปี้ป๋อกล่าว

“เป็นตายล้วนอยู่ที่โชคชะตา”

เสียงของจวงหลงเซี่ยงราบเรียบ ดูนิ่งสงบผิดธรรมดา

สีหน้าของจวงปี้ป๋อปรวนแปร กล่าวว่า “ผู้อาวุโส ตระกูลจวงของพวกเราเสียเปรียบมากขนาดนี้ ให้ปล่อยผ่านไปเช่นนี้หรือ”

“เดิมทีต่อให้อยากตัดความสัมพันธ์กับผู้สืบทอดคีรีดวงกมลแค่ไหน พวกเจ้าก็ไม่ควรทำเช่นนี้ ตอนนี้เป็นอย่างไร กลับเป็นว่ายั่วโมโหผู้สืบทอดคีรีดวงกมลไปแล้ว”

นัยน์ตาจวงหลงเซี่ยงกระจ่างชัดใส ราวกับไม่มีคลื่นความรู้สึก

จวงปี้ป๋อกล่าวอย่างขมขื่น “พวกเราแค่อยากสร้างผลงานให้ตระกูลมู่ ใครจะคิดว่าเศษเดนคีรีดวงกมลสองคนนั่นถึงกับเจ้าเล่ห์และร้ายกาจเช่นนี้”

“เรื่องเกิดขึ้นแล้ว นึกเสียใจหรือเดือดดาลไปก็ไร้ประโยชน์”

จวงหลงเซี่ยงกล่าว “ตอนนี้สิ่งที่เจ้าควรพิจารณาคือจะแก้ปัญหาอย่างไร”

แก้ปัญหา?

จวงปี้ป๋อนัยน์ตาหดรัดเล็กน้อย ประสานมือกล่าว “ผู้อาวุโสโปรดชี้แนะ”

จวงหลงเซี่ยงแค่นเสียงเย็นชา “เป็นถึงผู้นำตระกูลหนึ่ง เรื่องแบบนี้ต้องให้ข้าสอนเจ้าด้วยหรือ เทียบกับพี่ชายเจ้าจวงซื่อหลิวแล้ว เจ้า… ยังด้อยประสบการณ์อยู่บ้างจริงๆ”

พูดจบเขาก็หันหลังจากไป

จวงปี้ป๋อยืนอยู่ที่เดิม สีหน้าพลันปรวนแปรไม่หยุด

ครู่ใหญ่เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง กลับสู่แดนมงคลไผ่เขียว

ไม่นานจวงปี้ป๋อก็ออกคำสั่งในฐานะผู้นำตระกูล ปิดข่าวทุกอย่างเกี่ยวกับจวินหวนและหลินสวินที่เกิดขึ้นในวันนี้!

เขาทำเช่นนี้เพื่อหลีกเลี่ยงเคราะห์ที่ตระกูลจวงต้องประสบ เช่นการกลายเป็นตัวตลกในใต้หล้า ทำลายกิตติศัพท์ชื่อเสียง

ขณะเดียวกันเขายังเขียนจดหมายด้วยตัวเอง เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ทุกอย่างส่งไปยังหอแรกพิสุทธิ์ในหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิด

จวงปี้ป๋อรู้ดีว่าหลินสวินอาจหนีไปได้ แต่ไม่ช้าก็เร็วต้องมุ่งหน้าไปหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดแน่!

จดหมายฉบับนี้ของเขาเขียนถึงจวงซื่อหลิวพี่ชายเขานั่นเอง

สุดท้ายจวงปี้ป๋อส่งคนไปกระจายข่าวยังโลกภายนอก

‘หลินสวินเศษเดนคีรีดวงกมลปรากฏตัวในน่านฟ้าที่เจ็ดแล้ว ทั้งจะเข้าร่วมการคัดเลือกอย่างเป็นทางการของหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิด!’

เมื่อรู้เรื่องพวกนี้ จวงหลงเซี่ยงที่ท่าทางราวกับเด็กก็ลอบพยักหน้าอย่างอดไม่ได้

จวงปี้ป๋อทำแค่สามเรื่อง

ปิดข่าวที่ตระกูลจวงประสบเคราะห์ ส่งจดหมายให้จวงซื่อหลิว ประกาศข่าวไปยังโลกภายนอก

โดยเฉพาะเรื่องที่สาม เรียกได้ว่าหลักแหลมนัก

หลายปีนี้ชื่อเสียงความร้ายกาจของหลินสวินโจษจันทั่วโลกยอดนิรันดร์นานแล้ว ขุมอำนาจอมตะนับไม่ถ้วนมองเขาเป็นศัตรู เมื่อข่าวการปรากฏตัวในน่านฟ้าที่เจ็ดของเขาแพร่ออกไป ขุมอำนาจที่มองเขาเป็นศัตรูพวกนี้มีหรือจะนิ่งดูดาย

นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่าเติมไฟใส่เชื้อเพลิง ยืมดาบฆ่าคน!

พวกเขาตระกูลจวงเสียเปรียบอย่างมาก แต่ขอเพียงกระจายข่าวที่หลินสวินจะเข้าร่วมการคัดเลือกของหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดออกไป ย่อมต้องมีเคราะห์สังหารนานัปการถล่มใส่หลินสวินแน่

ต่อให้หลินสวินสลายภัยร้าย ปลีกตัวหนีจากเคราะห์สังหารและเข้าสู่หอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดได้สำเร็จ แต่สิ่งที่รอเขาอยู่ยังมีการแก้แค้นจากจวงซื่อหลิวอีก!

ด้วยฐานะผู้ดูแลหอแรกพิสุทธิ์ของจวงซื่อหลิว อำนาจที่เขาครอบครองมีหรือจะเป็นสิ่งที่หลินสวินต้านทานได้

‘แม้ว่าปี้ป๋อจะไม่ปราดเปรื่องเหมือนซื่อหลิว แต่การตอบสนองและวิธีการในครั้งนี้กลับไม่เลว ไม่ได้ทำให้ข้าผิดหวัง’

จวงหลงเซี่ยงลอบพยักหน้า

เมืองจันทร์เหมันต์

เมืองใหญ่ที่เจริญรุ่งเรืองและเลื่องชื่อลือนามแห่งหนึ่งในเขตแดนใจกลาง

เรือนเมฆปรก

ร้านหลอมอาวุธธรรมดาทั่วไปแห่งหนึ่งในเมืองจันทร์เหมันต์ ตั้งอยู่ในส่วนลึกของตรอกที่ห่างไกล

ความจริงแล้วแม้ตรอกนี้จะลับตาคน แต่ไม่ได้อ้างว้าง มีร้านค้าเล็กใหญ่กระจายอยู่หลายสิบแห่ง มีทั้งร้านสมุนไพร หอสุรา โรงน้ำชา… หลากหลายประเภท

ช่วงนี้เรือนเมฆปรกอยู่ในสถานะพักกิจการมาตลอด ประตูร้านปิดสนิท

ในเรือนเมฆปรก ส่วนลึกของบ่อเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยตะไคร่เขียวแห่งหนึ่ง

เมื่อห้วงอากาศเกิดคลื่นสะเทือน เงาร่างของจวินหวนกับหลินสวินปรากฏออกมา

กระทั่งเดินออกมาจากบ่อเก่าแก่ เห็นลานเรือนเรียบง่ายโบราณแห่งนี้ หลินสวินอึ้งไปอย่างอดไม่ได้ “ศิษย์พี่ ที่นี่คือที่ไหน”

“เมืองจันทร์เหมันต์ นับตั้งแต่ปีนั้นยามมาถึงน่านฟ้าที่เจ็ดพร้อมพวกศิษย์พี่ใหญ่ ก็เก็บตัวจำศีลอยู่ที่นี่”

จวินหวนกล่าวง่ายๆ

หลินสวินมึนงง “ที่นี่อยู่ห่างจากแดนมงคลไผ่เขียวแค่ไหน”

“อย่างน้อยก็ต้องห่างกันหนึ่งล้านลี้กระมัง”

จวินหวนยิ้มกล่าว “เจ้าน่ะ อย่าห่วงว่าคนตระกูลจวงพวกนั้นจะตามมาเลย ยันต์หยกที่ข้าใช้เมื่อครู่คืออะไรรู้ไหม มันมีนามว่า ‘ใกล้ดุจไร้ช่องว่าง’ ภายในแฝงพลังระเบียบแห่งห้วงอากาศระดับสวรรค์ขั้นเก้าที่น่าอัศจรรย์ไว้ ขอเพียงใช้มัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในเขตแดนใจกลางนี้ ล้วนถูกเคลื่อนย้ายมาที่นี่ได้ในพริบตา”

หลินสวินไหวหวั่น ในที่สุดก็เข้าใจว่าก่อนหน้านี้ที่แดนมงคลไผ่เขียว ทำไมพวกเขาถึงหนีมาได้อย่างง่ายดายเช่นนั้น

ที่แท้ยันต์หยกสีดำนั่นก็เป็นสมบัติชั้นยอดชิ้นหนึ่ง!

“เอ้า ยันต์ใกล้ดุจไร้ช่องว่างนี้เจ้าเก็บไว้ให้ดี ในมือข้าก็มีไม่มากแล้ว”

จวินหวนส่งยันต์หยกสีดำให้หลินสวิน “ตอนนั้นยามศิษย์พี่ใหญ่พาพวกเรามาถึงน่านฟ้าที่หก ได้กำราบ ‘ระเบียบใกล้เพียงเอื้อม’ โดยบังเอิญ จากนั้นมีศิษย์พี่สามลงมือหลอมระเบียบใกล้เพียงเอื้อมนี้ สุดท้ายจึงหลอมยันต์ใกล้ดุจไร้ช่องว่างได้เจ็ดสิบกว่าชิ้นและแบ่งให้ทุกคน”

นางพูดพลางชี้บ่อเก่าแก่ข้างกายแล้วกล่าว “ส่วนต้นกำเนิดของระเบียบใกล้เพียงเอื้อมก็ถูกผนึกอยู่ใต้บ่อเก่าแก่แห่งนี้”

คราวนี้หลินสวินจึงเข้าใจกระจ่าง

เขาเก็บยันต์ใกล้ดุจไร้ช่องว่างลงไปอย่างระวังแล้วยิ้มพูด “ศิษย์พี่ ถ้ารู้แต่แรกว่าท่านมีสมบัติเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ตอนอยู่แดนมงคลไผ่เขียวก็น่าจะก่อเรื่องใหญ่สักรอบ”

จวินหวนกลอกตาใส่แล้วกล่าว “เจ้าอย่าดูถูกตระกูลจวงนัก หากสู้กันให้ตายไปข้างจริง ด้วยฝีมือของพวกเราสองคนใช่ว่าจะสลัดวงล้อมออกมาได้โดยง่ายเช่นนี้”

นางพูดพลางพาหลินสวินเดินเข้าไปในโถงหลักของเรือน

ลานเรือนนี้ดูเหมือนมีพื้นที่ไม่มาก แต่ความจริงแล้วภายในคล้ายมีฟ้าดินอีกแห่ง ราวกับแดนลับคดเคี้ยว มหัศจรรย์ยิ่งนัก

เมื่อเดินเข้าไปในโถงหลัก เบื้องหน้าหลินสวินพลันพร่าเลือน จากนั้นก็ปรากฏตัวกลางฟ้าดินที่เงียบสงบร่มเย็นแห่งหนึ่ง เขาเขียวน้ำใส ต้นไม้ใบหญ้าส่งกลิ่นหอมอบอวล สิ่งปลูกสร้างมากมายกระจายอยู่ในพื้นที่ต่างๆ

จากคำพูดของจวินหวน ตอนนั้นผู้สืบทอดคีรีดวงกมลอย่างพวกเขาก็จำศีลอยู่ที่นี่

“ศิษย์น้องเล็ก ตอนนี้ศิษย์พี่คนอื่นล้วนไม่อยู่ ก่อนที่หอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดจะเปิดรับผู้สืบทอด เจ้ากับข้าก็พักอยู่ที่นี่ด้วยกันชั่วคราวเป็นอย่างไร”

จวินหวนพูดพลางขยิบตาคู่งามใส่หลินสวิน เสียงนุ่มนวลมีเสน่ห์ “หรือพูดได้ว่าช่วงเวลาต่อจากนี้ พวกเราชายโสดหญิงโดดเดี่ยวก็ร่วมชายคาเดียวกันแล้ว”

กลิ่นอายเกี้ยวพาเต็มเปี่ยม!

หลินสวินคุ้นชินกับวิธีการพูดของศิษย์พี่คนนี้แล้ว เขาเปลี่ยนประเด็นสนทนาอย่างชาญฉลาด “ศิษย์พี่ ท่านคิดจะจัดการกับจวงซิวอู่นั่นอย่างไร”

“ฆ่าทิ้งซะ”

จวินหวนกล่าวง่ายๆ “พวกที่ข้าชิงชังที่สุดในชีวิตก็คือพวกเนรคุณ ตระกูลจวงนี่ไม่ใช่แค่ไม่สำนึกบุญคุณ แต่ยังตอบแทนคุณด้วยความแค้น ในเมื่อเป็นเช่นนี้จะเก็บเจ้าเฒ่านั่นไว้ทำไม”

นางในตอนนี้ทำให้หลินสวินนึกถึงคำยกย่องว่า ‘ชั่วขณะมรรคว่างเปล่า มรรคกระบี่สุดแพรวพราว’ ขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ช่างสมชื่อจริงๆ!

นับจากวันนี้จวินหวนกับหลินสวินหยุดพักอยู่ในเรือนเมฆปรก

ภายหลังหลินสวินจึงรู้ว่านาม ‘เรือนเมฆปรก’ มีนัยมาจาก ‘ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ’ สื่อถึงความตั้งใจอย่างหนึ่งที่ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลล้วนมี…

ช้าเร็วต้องมีสักวันที่ล้มล้างสิบยักษ์ใหญ่อมตะแห่งน่านฟ้าที่แปด!

ไม่กี่วันหลังจากหลินสวินกับจวินหวนมาถึงเรือนเมฆปรกในเมืองจันทร์เหมันต์

มีข่าวหนึ่งแพร่ออกมา ปั่นป่วนน่านฟ้าที่เจ็ด…

หลินสวินเศษเดนคีรีดวงกมลปรากฏตัวในน่านฟ้าที่เจ็ดแล้ว ทั้งจะเข้าร่วมการคัดเลือกอย่างเป็นทางการของหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดด้วย!

หินก้อนเดียวก่อเกิดคลื่นพันชั้น เสียงฮือฮาและตกตะลึงนับไม่ถ้วนดังตามมา

“ถึงตอนนี้หลินสวินนี่ยังไม่ประสบเคราะห์ เขาจะแข็งแกร่งเกินไปแล้วกระมัง”

ใครก็คิดไม่ถึงว่าหลินสวินที่ก่อเรื่องจนเป็นที่จับตามองในใต้หล้า ถูกขุมอำนาจอมตะนับไม่ถ้วนมองเป็นศัตรูในช่วงหลายปีนี้ ถึงกับมีชีวิตรอดจากน่านฟ้าที่หนึ่งมาถึงน่านฟ้าที่เจ็ดได้

สิ่งนี้อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคน

“หมอนี่ไม่ใจกล้าเกินไปหน่อยหรือ ยังคิดเข้าไปในหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดอีก ไม่ห่วงว่าเมื่อร่องรอยเปิดเผยแล้วจะดึงดูดหายนะถึงตายมารึ”

ทั้งมีคนมากมายตกใจและยากจะเชื่อ

“ตอนนี้หลินสวินนี่อยู่ที่ไหน”

“ใครจะรู้ ต้องซ่อนตัวอยู่แน่ๆ”

“แต่ขอแค่เขากล้าปรากฏตัวในการคัดเลือกของหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิด ก็ต้องตกเป็นเป้าโจมตีแน่!”

ทุกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นในเขตแดนใจกลางและสี่เขตแดนดาราใหญ่แห่งน่านฟ้าที่เจ็ดไม่หยุด

กล่าวสรุปโดยง่ายคือ การปรากฏตัวของหลินสวินก่อให้เกิดคลื่นถาโถมโหมกระหน่ำคราหนึ่งจริงๆ ดึงดูดความสนใจจากสายตานับไม่ถ้วนในน่านฟ้าที่เจ็ด!

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ถึงขั้นว่าเป็นระดับอมตะ เกรงว่าคงก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวใหญ่เช่นนี้ไม่ได้

แต่หลินสวินไม่เหมือนกัน

ตั้งแต่อยู่นอกแดนลับทวยเทพของแดนใหญ่พันศึก ชื่อเสียงความร้ายกาจของเขาก็แพร่มาถึงโลกยอดนิรันดร์แล้ว ช่วงหลายปีมานี้เขายังเปิดฉากพายุโลหิตตลอดทางตั้งแต่น่านฟ้าที่หนึ่ง ก่อให้เกิดความปั่นป่วนนับไม่ถ้วน

ไม่คิดให้คนสนใจยังยากนัก

สำหรับตระกูลจวง นี่ก็คือสิ่งที่พวกเขาอยากเห็น

คลื่นลมที่หมายหัวหลินสวินครานี้ก่อเกิดแล้ว ดาบในมือศัตรูพวกนั้นจะฟันลงมาเมื่อใด

จวงปี้ป๋อกำลังเฝ้ารอ

ทั้งตระกูลจวงล้วนคาดหวัง

…………………..

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท