ตอนที่ 2715 ลานมรรคสำแดงสวรรค์ ผู้โดดเด่นรวมตัว
“เมื่อวานเพิ่งเกิดความขัดแย้งกับเฉาจ้งหลิน วันนี้ก็มีข่าวเช่นนี้กระจายออกมา เขาหลินสวินก่อเรื่องเก่งเกินไปแล้วกระมัง”
หลายคนคาดไม่ถึง ยากจะเชื่อ
หลินสวินเพิ่งเข้าลัทธิแรกกำเนิดได้ไม่กี่วัน คนใหม่เช่นนี้กลับทำเรื่องน่าทึ่งอย่างต่อเนื่อง
ตอนนี้เฉาจ้งหลินโดนทำโทษแล้ว ถูกกักตัวในคุกสำนึกผิด แต่เห็นชัดว่าหลินสวินไม่คิดจะหยุดเพียงเท่านี้
“ในอดีตที่ผ่านมา คนที่ใช้วิธีเช่นนี้พยายามเลื่อนเป็นผู้สืบทอดแกนหลักแทบจะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ทั้งหมด หรือหลินสวินคิดว่าการทดสอบนี้ง่ายมาก”
ในเก้ายอดเขาใหญ่ ในใจของศิษย์สืบทอดแท้จริงมากมายไม่สามารถสงบได้
ในหมู่พวกเขา ช่วงเวลาที่เข้าสู่สำนักล้วนนานกว่าหลินสวิน ถึงขั้นที่คนไม่น้อยฝึกปราณมาสองสามร้อยปี ตอนนี้ก็ยังเป็นเพียงศิษย์สืบทอดแท้จริง
ตอนนี้หลินสวินเพิ่งเข้าสู่ลัทธิแรกกำเนิดได้ไม่กี่วันก็หมายจะคว้าตำแหน่งศิษย์สืบทอดแกนหลัก นี่ทำให้เกิดการกระตุ้นใหญ่ยิ่งต่อพวกเขา
“จากศักยภาพที่เขาโจมตีศิษย์พี่ลี่จงหย่วนจนพ่ายแพ้ มีโอกาสไปทดลองจริงๆ นั่นแหละ ยิ่งกว่านั้นก็เป็นแค่การทดสอบครั้งหนึ่งเท่านั้น ต่อให้พ่ายแพ้ก็ไม่เสียหายอะไร”
“ผิดแล้ว หากเป็นคนอื่นมีศักยภาพอย่างหลินสวิน บางทีอาจจะมีโอกาสผ่านการทดสอบ แต่เพราะเป็นหลินสวินถึงเป็นไปไม่ได้! พวกขุมอำนาจที่มองเขาเป็นศัตรูย่อมไม่มีทางมองเขาผ่านการทดสอบครั้งนี้โดยไม่ทำอะไร!”
ชั่วขณะหนึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ ดังขึ้น
และผู้แข็งแกร่งที่เข้าสู่ลัทธิแรกกำเนิดพร้อมกับหลินสวินอย่างพวกตงหวงเซ่าเหวิน มู่จุนอู๋ ฉีชิงสือ หลังจากรู้ข่าวนี้ในใจต่างซับซ้อนมาก
พวกเขาไม่อาจไม่ยอมรับความแข็งแกร่งของหลินสวิน
แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหลินสวินตัดสินใจจะท้าทายตำแหน่งผู้สืบทอดแกนหลักแล้ว
นี่คือเรื่องที่จนตอนนี้พวกเขายังไม่กล้าจินตนาการ!
เทียบกันเช่นนี้ ทำให้ในใจพวกเขาเกิดความรู้สึกพ่ายแพ้
“อีกสามวัน ไปที่หอแรกพิสุทธิ์!”
หลายคนลอบตัดสินใจ ถึงขั้นที่คนใหญ่คนโตบางส่วนตื่นตกใจ ตัดสินใจว่าจะไปดูเช่นกัน
……
ยอดเขาที่เก้า
“เอาใจมวลชน!”
เจิ้งเฉียนหัวเราะหยัน ไม่ปกปิดความดูถูกของตนสักนิด
เขากำลังหารือกับผู้นำยอดเขาฉินอู๋อวี้และโม่หลันซาน หลังจากรู้ข่าวว่าหลินสวินจะเข้าร่วมการทดสอบเป็นศิษย์แกนหลัก พวกเขาแทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง
“พี่ฉิน ท่านดูเจ้าหลินสวินนี่ หาเรื่องเก่งเกินไปแล้ว ตอนนี้ทั้งบนล่างลัทธิแรกกำเนิดคงกำลังหัวเราะเยาะยอดเขาที่เก้าของเรา!” เจิ้งเฉียนกล่าว
โม่หลันซานขมวดคิ้ว กล่าวเสียงขรึม “ด้วยรากฐานและมรรควิถีของหลินสวิน กลับมีโอกาสผ่านการทดสอบอย่างมาก”
เจิ้งเฉียนพูดอย่างเย็นชา “ผู้อาวุโสโม่ หากหลินสวินพ่ายแพ้ คนที่เสียหน้าคือยอดเขาที่เก้าของเรานะ!”
“แต่ถ้าชนะก็เป็นหน้าเป็นตาให้กับยอดเขาที่เก้าของเรา” โม่หลันซานพูดเสียงขรึม
เห็นว่าทั้งสองมีท่าทีว่าจะถกเถียงกัน ฉินอู๋อวี้โบกมือกล่าว “ไม่ต้องทะเลาะกันแล้ว เรื่องเกิดขึ้นไปแล้ว จะทะเลาะกันไปทำไม”
เขาเองก็ปวดหัวขึ้นมาเช่นกัน
หลินสวินเพิ่งเข้ายอดเขาที่เก้าไม่กี่วันก็มีเรื่องกับเฉาจ้งหลิน เรื่องนี้เพิ่งจะสงบลง เขาก็จะไปทำการทดสอบเลื่อนเป็นศิษย์แกนหลักแล้ว นี่ทำให้ฉินอู๋อวี้จนคำพูด
เจ้าหมอนี่หาเรื่องเก่งจริงๆ!
“เช่นนั้นก็ตามนี้เถอะ” ฉินอู๋อวี้ลุกขึ้นเดินจากไป
ในเวลาเดียวกันผู้สืบทอดยอดเขาที่เก้าอย่างพวกฉินรั่วหลิง ฮวงมู่จี้ เมิ่งเฮ่าเฉินล้วนกำลังวิพากษ์วิจารณ์
เพียงแต่ต่างจากคนอื่นๆ พวกเขาตื่นเต้นมาก คาดหวังกับการสำแดงความสามารถของหลินสวิน
ในเก้ายอดเขาใหญ่ ยอดเขาที่เก้ารั้งท้ายมาหลายปีแล้ว ทำให้ยามพวกเขาเผชิญหน้ากับผู้สืบทอดยอดเขาอื่นๆ มักดูด้อยกว่า ในใจย่อมไม่ชอบใจ
ตอนนี้มีหลินสวินเข้าร่วม นำพาความรู้สึกที่แตกต่างให้กับพวกเขาจริงๆ
เฉาจ้งหลินซึ่งมีฐานะเป็นผู้สืบทอดหอแรกมายา หลังจากถูกซัดไปรอบหนึ่งยังถูกขังอีก การกระทำเช่นนี้ ทอดสายตามองไปในเก้ายอดเขาใหญ่จะมีสักกี่คนที่สามารถทำให้
และวันนี้ หลินสวินซึ่งเป็นคนใหม่หมายจะเลื่อนเป็นศิษย์แกนหลัก ขอเพียงทำสำเร็จ ย่อมสามารถทำให้ทั้งบนล่างลัทธิแรกกำเนิดสะท้านสะเทือน!
คิดๆ แล้วก็ทำให้พวกฉินรั่วหลิงตื่นเต้น
พวกเขาตัดสินใจไปแล้วว่าอีกสามวันจะไปให้กำลังใจหลินสวินที่หอแรกพิสุทธิ์!
……
ในตอนที่คนนับไม่ถ้วนตั้งตารอ เวลาสามวันก็ผ่านไปเหมือนดีดนิ้ว
วันนี้บนเขาแรกพิสุทธิ์ที่เงียบเหงามาโดยตลอดครึกครื้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เต็มไปด้วยเงาร่างทุกแห่งหน
ศิษย์แกนหลัก ศิษย์สืบทอดแท้จริงที่มาจากเก้ายอดเขาใหญ่ และมีคนใหญ่คนโตบางส่วนที่รับตำแหน่งสำคัญ ถึงขั้นผู้สืบทอดและผู้ยิ่งใหญ่ในสามหอก็มาไม่น้อย
“คนเยอะมาก…”
ยามผู้สืบทอดยอดเขาที่เก้าอย่างพวกฉินรั่วหลิงมาถึง มองเห็นคนมากมายเช่นนี้ต่างอดตกใจไม่ได้
แดนแรกเริ่มใหญ่มาก เทียบเท่าโลกใหญ่ที่กว้างใหญ่ไพศาล
ที่ตั้งของเก้ายอดเขาใหญ่กระจายอยู่ในพื้นที่ที่แตกต่างกันของแดนแรกเริ่ม
ปกติผู้สืบทอดเก้ายอดเขาใหญ่ต่างฝึกปราณอยู่ในอาณาเขตของตน น้อยมากจะรวมตัวกันในที่เดียวกันเหมือนอย่างตอนนี้
ในความทรงจำของพวกฉินรั่วหลิง มีเพียงยามจัดงานใหญ่อย่างงานถกมรรคเก้ายอดเขาจึงจะเกิดสถานการณ์ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้
“ดูสิ นี่ก็คือแรงสะเทือนจากศิษย์น้องหลินสวิน ทุกการกระทำล้วนสามารถดึงดูดความสนใจของสำนัก ยอดเขาที่เก้าของเรา… ในที่สุดก็ไม่ใช่สถานที่ที่ไม่มีคนสนใจอีกต่อไป”
ฉินรั่วหลิงพูดอย่างภาคภูมิใจ
“ศิษย์น้อง พวกเราอย่าดีใจเร็วเกินไป การทดสอบครั้งนี้หลินสวินต้องชนะสามครั้งจึงจะได้เป็นศิษย์แกนหลัก หากพ่ายแพ้… ยอดเขาอื่นๆ คงหัวเราะเยาะพวกเรา”
เมิ่งเฮ่าเฉินเตือนเสียงเบา
ฉินรั่วหลิงกลอกตาใส่ “อย่าขาดความมั่นใจเช่นนี้สิ คนอื่นอยากให้ศิษย์น้องหลินพ่ายแพ้จนแทบทนรอไม่ไหว พวกเราอย่าคิดเช่นนั้นเชียว”
พูดจบพวกเขาก็มาถึงหน้าลานมรรคขนาดใหญ่แห่งหนึ่งแล้ว
ลานมรรคสำแดงสวรรค์!
นี่เป็นลานมรรคที่เก่าแก่ที่สุดของเขาแรกพิสุทธิ์ ปกติแล้วมีเพียงการทดสอบของตำแหน่งใหญ่จึงจะเปิดใช้
แต่ครั้งนี้เพราะการทดสอบที่หลินสวินกำลังจะทำดึงดูดความสนใจอย่างมาก จำนวนผู้มาชมการต่อสู้ที่หอแรกพิสุทธิ์มีมากเกินไป หอแรกพิสุทธิ์จึงเปิดลานมรรคสำแดงสวรรค์เป็นกรณีพิเศษ
ตอนนี้ รอบๆ ลานมรรคสำแดงสวรรค์มีเงาร่างมากมายยืนอยู่ก่อนแล้ว
เก้ายอดเขาใหญ่ต่างยืนเป็นกลุ่มก้อนอยู่ในบริเวณที่แตกต่างกัน และมีผู้สืบทอดหอแรกนภา หอแรกมายารวมตัวยืนอยู่ในบริเวณอื่นด้วย
ตอนที่พวกฉินรั่วหลิงมาถึง ก็เห็นพวกฉินอู๋อวี้ เจิ้งเฉียนอยู่ที่นี่ด้วย จึงเข้าไปรวมตัว
“ท่านพ่อ ท่านมาได้อย่างไร”
ฉินรั่วหลิงอดถามไม่ได้ นางเองก็รู้ว่าบิดาต่อต้านหลินสวินมาก แต่คิดไม่ถึงว่าเขากลับมาชมการต่อสู้
“ถึงอย่างไรหลินสวินก็เป็นผู้สืบทอดยอดเขาที่เก้า คนยอดเขาอื่นมากันเยอะขนาดนี้ หากข้าไม่มา ก็จะทำให้คนอื่นคิดว่าผู้นำยอดเขาอย่างข้าไม่สนับสนุนหลินสวินไม่ใช่หรือ”
ฉินอู๋อวี้พูดง่ายๆ
พวกฉินรั่วหลิงสบตากัน ล้วนยิ้มอย่างพอใจ
ตอนนี้หลินสวินยืนอยู่ในลานมรรคสำแดงสวรรค์ เงาร่างสง่างามยืนตามสบาย ราบเรียบละโลกีย์ ดึงดูดสายตามากมาย
สำหรับผู้สืบทอดลัทธิแรกกำเนิดส่วนใหญ่ แม้รู้จักหลินสวินอยู่แล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็น ในสายตาจึงแฝงแววจับจ้องพิจารณา
ในลัทธิแรกกำเนิด สิ่งที่ไม่ขาดแคลนที่สุดก็คือพวกเย้ยฟ้าปานปีศาจ
หากอยู่ในโลกภายนอก ศิษย์สืบทอดแท้จริงธรรมดาคนหนึ่งของลัทธิแรกกำเนิด ยังสามารถสังหารสัตว์ประหลาดเฒ่าในระดับเดียวกันได้ ต่อให้เผชิญหน้ากับระดับอมตะก็มั่นใจเต็มเปี่ยม!
และศิษย์แกนหลักก็ยิ่งแข็งแกร่งกว่า
พูดอย่างไม่เกินจริง ลัทธิแรกกำเนิดเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยปีศาจ แต่ละคนล้วนแข็งแกร่ง ล้วนวิปริตยิ่งกว่าอีกคน
แต่ช่วงที่ผ่านมานี้คนที่ได้รับความสนใจที่สุดคือ ‘คนใหม่’ ที่มาจากยอดเขาที่เก้าอย่างหลินสวินอย่างไม่ต้องสงสัย
จากจำนวนคนที่มารวมตัวบริเวณลานมรรคสำแดงสวรรค์นี้ ก็สามารถดูออกว่าหลินสวินได้รับความสนใจเพียงใด
นี่แน่นอนว่าทำให้คนมากมายไม่พอใจ อย่างเช่นพวกที่เป็นศิษย์สืบทอดแท้จริงเหมือนหลินสวิน และศิษย์แกนหลักบางส่วน…
“เจ้าหมอนี่ก็คือหลินสวินหรือ อยากดูนักว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน”
“ในที่สุดยอดเขาที่เก้าก็มีคนที่พอจะเข้าท่าแล้ว ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ ด้วยความกล้าที่คนใหม่อย่างเขากล้ามาทำการทดสอบ ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะเทียบได้แล้ว”
“หึ ก็แค่เอาใจมวลชนเท่านั้น ล้มเหลวไปก็ไม่มีอะไรเสียหาย”
“ทุกคนอย่าดูถูกศิษย์น้องหลินสวินของพวกเราเชียว ความสามารถที่เขาเผยออกมาในการทดสอบเข้าสำนักทั้งสามรอบเรียกได้ว่าน่าตกตะลึง ข้าเคยใคร่ครวญอย่างละเอียด หากไม่มีมรรควิถีที่แข็งแกร่งกว่าศิษย์พี่ลี่จงหย่วน อยากจะเอาชนะศิษย์น้องหลินสวินแทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”
“ก็เพราะหลินสวินแข็งแกร่งมาก จึงดึงดูดผู้ชมการต่อสู้มาได้มากมายขนาดนี้ หากเขาเป็นเพียงแค่คนทั่วไป ใครจะอยากมาชมการต่อสู้ด้วยตัวเอง”
…เสียงพูดคุยระลอกแล้วระลอกเล่าดังขึ้นในบริเวณต่างๆ
กับเรื่องนี้หลินสวินเหมือนมองไม่เห็น ยืนอยู่บนลานมรรคสำแดงสวรรค์เพียงลำพัง ท่าทางจดจ่อ ราวกับภิกษุเฒ่าเข้าฌาน เงียบสงบเยือกเย็น
บนแท่นทดสอบ จวงซื่อหลิวที่รับผิดชอบการทดสอบครั้งนี้สีหน้าเคร่งขรึม เพียงแต่บางครั้งยามสายตามองไปยังหลินสวินมักแฝงความเย็นชาเอาไว้ด้วย
เจ้าหมอนี่คงยังไม่รู้ว่าคู่ต่อสู้ที่ต้องเผชิญครั้งนี้เป็นใคร
หลังจากนี้จะให้เจ้าได้เห็นดี!
แกร๊ง!
ไม่นานเสียงระฆังกังวานดังขึ้น บรรยากาศในที่นั้นเงียบลงทันใด
การทดสอบจะเริ่มแล้ว!
ทุกคนหยุดพูด สายตามองไปยังลานมรรคสำแดงสวรรค์
การทดสอบครั้งนี้หลินสวินจะต่อสู้สามรอบ ซึ่งก็หมายความว่าจะต้องเผชิญการท้าทายของคู่ต่อสู้สามคน ขอเพียงพ่ายแพ้หนึ่งรอบก็ไม่มีโอกาสเป็นศิษย์แกนหลักแล้ว
คู่ต่อสู้สามคนของเขา จะเลือกจากผู้สืบทอดแกนหลักของยอดเขาอื่นๆ
เพียงแต่จนตอนนี้คนมากมายในที่นี้ก็ยังไม่รู้ว่า ครั้งนี้หอแรกพิสุทธิ์จัดผู้สืบทอดแกนหลักสามคนไหนไปรับศึก
ตอนนี้เอง จวงซื่อหลิวเอ่ยพูดเสียงขรึม “ตอนนี้การทดสอบเริ่มแล้ว เชิญเสิ่นไจ้เต้าผู้สืบทอดแกนหลักยอดเขาที่หนึ่งลงสนามรับศึก!”
ได้ยินคำพูดนี้ ทุกคนมองหน้ากัน เสียงฮือฮาทำลายบรรยากาศที่เงียบสงบ
“เสิ่นไจ้เต้า! นี่เป็นถึงบรรพจารย์กระบี่ชั้นเลิศคนหนึ่ง พรสวรรค์โดดเด่นตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ตลอดเวลาที่ผ่านมา ศักยภาพอยู่ในเก้าอันดับแรกของเก้ายอดเขาใหญ่มาโดยตลอด!”
“ไม่คิดว่าหอแรกพิสุทธิ์จะส่งเสิ่นไจ้เต้ามาประลอง เห็นชัดว่าไม่คิดจะให้หลินสวินผ่านการทดสอบอย่างราบรื่น…”
“นี่เป็นคนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าศิษย์พี่ลี่จงหย่วน หลินสวินคงคิดไม่ถึงว่าการประลองครั้งที่หนึ่งจะเจอคู่ต่อสู้ที่รับมือยากขนาดนี้”
ในเสียงฮือฮาเหล่านั้นเผยความตกใจและประหลาดใจ
และภายใต้สายตานับไม่ถ้วน เงาร่างผอมบางปรากฏตัวในลานมรรคสำแดงสวรรค์กลางอากาศ
คนผู้นี้สวมชุดสีดำ เครื่องหน้ากร้าวแกร่ง สายตาราวกับกระบี่ เงาร่างเหมือนคมกระบี่ทะลวงเมฆ ทันทีที่ปรากฏตัว กลิ่นอายดุดันก็กระจายออกมา
มองจากไกลๆ เขาเหมือนนายแห่งกระบี่ คมประกายไม่อาจประเมิน ทำให้ฟ้าดินอับแสง!
เสิ่นไจ้เต้า
มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิที่ในเก้ายอดเขาใหญ่ยังเรียกได้ว่าเป็นดั่งตำนาน ยักษ์ใหญ่มรรคกระบี่ที่ถูกคนใหญ่คนโตมากมายชื่นชม!
——