Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2773 ดาบกาลเวลา มาเยือนโลกอีกครั้ง

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2773 ดาบกาลเวลา มาเยือนโลกอีกครั้ง

ตอนที่ 2773 ดาบกาลเวลา มาเยือนโลกอีกครั้ง

ละอองแสงที่สะดุดตากำลังสาดกระเซ็น เงาร่างของหลินสวินยืนอยู่กลางอากาศราวกับเซียน

ทุกสายตาเต็มไปด้วยความตะลึง

อวี่เฟิงจื่อ ระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าที่ลึกล้ำไม่อาจคาดเดาที่สุดแห่งลัทธิฌาน โลกบงกชผลาญใจที่ผสานพรสวรรค์ มรรควิถี และกฎเกณฑ์ของเขาถูกทำลายแล้ว!

นี่สร้างแรงสะเทือนรุนแรงให้กับผู้คน

เหล่าคนใหญ่คนโตที่ก่อนหน้านี้ยังรอคอยให้มรรควิถีของหลินสวินถูกตัดระดับอย่างตื่นเต้น รู้สึกเพียงว่าตรงหน้าอกอัดอั้น ใบหน้าแก่ชราเต็มไปด้วยความอึมครึม

โลกบงกชผลาญใจจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ท้ายที่สุดก็ถูกหลินสวินทำลายแล้ว!

เหล่าคนใหญ่คนโตอย่างเสวียนเฟยหลิง ตู๋กูยง ฟางเต้าผิงต่างโล่งอก จากนั้นสบตากันแล้วอดยิ้มไม่ได้

ความสามารถของหลินสวินทำให้พวกเขาตกตะลึงมาก

“ยอมแพ้หรือ”

บนลานมรรคเปิดสวรรค์ สายตาของหลินสวินมองไปยังอวี่เฟิงจื่อ

ก่อนหน้านี้ถูกขังในโลกบงกชผลาญใจ ผ่านการโจมตีสี่สิบเก้าครั้ง ทำให้หลินสวินเองก็เข้าใจถึงความสำเร็จที่แท้จริงบนมหามรรคของอวี่เฟิงจื่อ

แม้แต่เขาก็จำต้องยอมรับ ว่าอวี่เฟิงจื่อเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่ง แข็งแกร่งกว่าพวกสิงจวิ้น จิงฉิงเจี่ยช่วงใหญ่

ที่น่าเสียดายคืออวี่เฟิงจื่อมาเจอตน

ไอสังหารยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกบงกชผลาญใจ ความจริงเกี่ยวข้องกับสภาวะจิต และสิ่งที่หลินสวินไม่กลัวที่สุดคือการประชันบนสภาวะจิต

อวี่เฟิงจื่อเงียบไปครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้นแล้วส่งเสียงถอนหายใจยาว “ข้าเข้าใจแล้ว การเปลี่ยนแปลงแห่งมหามรรคไม่ใช่สวรรค์กำหนด ข้าในสมัยก่อนภาคภูมิใจในตัวเองอย่างที่สุดต่อการอนุมานวิชาทั้งหมดตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน หยั่งรู้นัยเร้นลับรอดพ้นเพียงหนึ่ง คิดเองเออเองว่านี่คือมรรคแห่งยอดที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ตอนนี้ดูท่า ยอดอมตะจะไม่เคยเป็นเช่นนี้”

“ไร้การกำหนด ไร้กฎเกณฑ์ ไร้จำกัด…”

พร้อมกับเสียงพึมพำราวกับทอดถอนใจดังมา ความงุนงง ไม่จำยอม เศร้าโศกในดวงตาของอวี่เฟิงจื่อล้วนหายไป

แววตาเขากระจ่างใส สงบนิ่ง ปรากฏพลังขับเคลื่อนที่ลึกลับไม่อาจคาดเดาทั่วร่าง ราวกับทำลายโซ่ตรวนและพันธการบางอย่างได้แล้ว เปล่งท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่โดดเด่นยิ่งยวดออกมาทั้งตัว

จอมมุนีชื่อเย่ตาเป็นประกาย ปรบมือชื่นชม “กระจ่างแจ้งปัญญา อิสระไร้พันผูก เยี่ยมยอด!”

“เขาคล้านทำลายอุปสรรคในใจได้ในยามนี้!”

เหล่าคนใหญ่คนโตบนแท่นพิธี รวมถึงเฒ่าชราลัทธิแรกกำเนิดต่างไหวหวั่นในชั่วขณะนี้ สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของกลิ่นอายบนร่างอวี่เฟิงจื่อ

นี่ทำให้พวกเขาหวั่นไหว

ความสามารถในการหยั่งรู้น่ากลัวมาก!

ถูกหลินสวินโจมตีมหามรรคที่แข็งแกร่งที่สุด แต่กลับไม่สามารถทำให้สภาวะจิตเกิดปัญหา กลับใช้ศึกนี้ในการหยั่งรู้

ใครจะไม่ตะลึงได้

ยามมองดูอวี่เฟิงจื่ออีกครา สีหน้าของผู้คนต่างแฝงความตกใจ ไม่เสียทีที่เป็นหัวหน้าผู้พิทักษ์ลัทธิขั้นอายุขัยเทียมฟ้าแห่งลัทธิฌาน!

หลินสวินเลิกคิ้วกล่าว “น่าสนใจ”

อวี่เฟิงจื่อพนมมือ ริมฝีปากเผยรอยยิ้มบางๆ ราวกับมุนินทร์ที่ยิ้มตรัสรู้และบรรลุเห็นแก่นธรรม กล่าวว่า “ขอบคุณพี่หลินมากที่ช่วยข้าทำลายขีดจำกัดของตน หยั่งถึงความเร้นลับแห่งยอดแข็งแกร่งที่แท้จริง”

หลินสวินยิ้ม “เช่นนั้นเจ้าจะขอบคุณข้าอย่างไร”

“ย่อมต้องต่อสู้ต่อ ตัดสินสูงต่ำ”

อวี่เฟิงจื่อสีหน้าสงบนิ่ง

ทั่วลานเงียบกริบ

คนของลัทธิแรกกำเนิดหลายคนเดือดดาลเล็กน้อย เจ้าหมอนี่ไม่รู้จักควรไม่ควรเกินไปแล้ว แพ้แล้วชัดๆ ทั้งยังหยั่งรู้ในการต่อสู้ที่พ่ายแพ้ หากจะขอบคุณจริงๆ ก็ควรจากไปตอนนี้ถึงจะถูก

แต่เขากลับยังจะตัดสินสูงต่ำ!

หรือเขาคิดว่าพลังหลังจากหยั่งรู้สามารถกดข่มหลินสวินได้

ส่วนเหล่าคนใหญ่คนโตบนแท่นพิธีอย่างชื่อเย่ล้วนอดตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้ เรื่องเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น แม้แต่พวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะพลิกผัน

พวกเสวียนเฟยหลิง ตู๋กูยง ฟางเต้าผิงต่างอดขมวดคิ้วไม่ได้ อวี่เฟิงจื่อนี่รับมือยากจริงๆ!

กลับเห็นหลินสวินหุบยิ้มบนใบหน้า กล่าวว่า “โลกบงกชผลาญใจของเจ้าก่อนหน้านี้มีอภินิหารที่สามารถตัดมรรควิธี แม้มหัศจรรย์อย่างที่สุด กลับทำอะไรข้าไม่ได้ ตอนนี้เจ้าจะเอาอะไรมาสู้กับข้า”

“แน่นอนว่ายังคงเป็นโลกบงกชผลาญใจ”

อวี่เฟิงจื่อพูดเสียงเบา “เพียงแต่แตกต่างจากก่อนหน้านี้โดยสมบูรณ์ ขอสหายยุทธ์หลินโปรดระวัง หากยืนหยัดไม่ไหวขอให้เอ่ยยอมแพ้โดยเร็วเป็นพอ”

อวี่เฟิงจื่อในตอนนี้ถึงกับดูมั่นใจอย่างที่สุด การหยั่งรู้ในครั้งนี้คล้ายทำให้เขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

ทั้งบนล่างลัทธิแรกกำเนิดต่างไม่ชอบใจ

คนใหญ่คนโตอย่างพวกชื่อเย่ล้วนเผยสีหน้าชื่นชม สำหรับพวกเขา นี่เป็นเรื่องดีที่เหนือความคาดหมาย

กลับเห็นหลินสวินเอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ “ดื้อดึงไม่ยอมรับ ยามควรหยุดไม่หยุด อวี่เฟิงจื่อ การหยั่งรู้ครั้งนี้อาจจะเป็นหายนะครั้งใหญ่สำหรับเจ้า ข้าสามารถให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง ยอมแพ้ตอนนี้ยังทัน”

“หึ!”

ได้ยินคำพูดนี้คนใหญ่คนโตไม่รู้เท่าไหร่แค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นเยียบ คิดว่าเป็นไปได้สูงมากว่าหลินสวินจะร้อนใจ เจตนาพูดข่มให้ผู้อื่นตกใจ ดูน่าขัดนัก

โดยเฉพาะจอมมุนีชื่อเย่ที่ส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม

แม้ไม่ได้เอ่ยพูดอะไร แต่ท่าทีไม่เห็นด้วยนั่นกลับทำให้ทุกคนต่างตระหนักได้ว่าเขาดูถูกหลินสวินยิ่ง!

อวี่เฟิงจื่อไม่ได้เถียง เอ่ยด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “สหายยุทธ์หลินโปรดชี้แนะ”

วู้ม!

เขาพนมมือ บงกชงดงามหลากสีสันทรงกลมมนควบรวมออกมาอีกครั้ง กลิ่นอายที่มหัศจรรย์คลุมเครือคละคลุ้ง

โลกบงกชผลาญใจ!

เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ มีท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์บริบูรณ์ที่ไร้มลทินเพิ่มเข้ามา

“เจ้าคิดว่าโลกบงกชผลาญใจเล็กๆ นี่ยังจะสามารถขังข้าได้หรือ ช่างเถอะ ก็ให้เจ้าได้เห็นฝีมือของข้าสักหน่อยแล้วกัน”

ส่วนลึกในดวงตาดำลุ่มลึกของหลินสวินวาบประกายเย็นเยียบ

เขายื่นมือรวบนิ้ว

ละอองแสงกาลเวลาที่งดงามดั่งมายาควบรวมที่ปลายนิ้วเขาเงียบๆ กลายเป็นประกายคมโปร่งแสงวับวาว พริบไหวกลืนกิน

เมื่อฟันออกไปในอากาศเบาๆ

ฉัวะ!

ดาบคมสายหนึ่งพาดผ่านฟ้า มิติเวลาราวกับถูกตัดขาด ม้วนตัวอย่างบ้าคลั่ง ทิวทัศน์ทั้งหมดปรากฏความเสื่อมถอยและทรุดโทรมอย่างรวดเร็ว

ทุกคนรู้สึกเพียงแสบตา

แม้แต่คนใหญ่คนโตเหล่านั้นก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

เหมือนเป็นชั่วพริบตา และเหมือนผ่านไปไม่รู้กี่ปี

กฎเกณฑ์กาลเวลาที่กระจายอยู่กลางฟ้าดินปั่นป่วนไร้ระเบียบ อลหม่านอย่างสิ้นเชิง

เมื่อการเปลี่ยนแปลงแปลกประหลาดผิดปกติทั้งหมดนี้หายไป

บนลานมรรคเปิดสวรรค์

หลินสวินยืนอยู่ที่เดิม บงกชที่งดงามหลากสีดอกนั้นเบ่งบาน อวี่เฟิงจื่อที่อยู่ฝั่งตรงข้ามยังอยู่ในท่าพนมมือ

ราวกับว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ล้วนเป็นภาพมายา

ผู้คนนอกลานมรรคหลายคนมึนงง ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่

ต่อให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ระดับอมตะขั้นดับเทพ สีหน้ายังประหลาดใจไม่อาจสงบได้ พวกเขาคล้ายเดาอะไรออกรางๆ

ส่วนพวกจอมมุนีชื่อเย่แห่งลัทธิฌาน ราชครูดินสยงถูแห่งลัทธิพ่อมด จอมวิญญาณชิงอวิ๋นแห่งลัทธิวิญญาณ รวมถึงพวกเฒ่าดึกดำบรรพ์ลัทธิแรกกำเนิด ตอนนี้ต่างตกใจ

สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไป ไม่สามารถสงบได้อย่างสิ้นเชิง

ในบรรยากาศที่เงียบสงัดทั้งแถบ หลินสวินเอ่ยยปากเรียบๆ “ข้าบอกแล้ว สำหรับเจ้า นี่เป็นหายนะครั้งใหญ่”

เสียงที่แผ่วเบาเพิ่งจบลง

ปัง!

ภายใต้สายตานับไม่ถ้วนที่จับจ้อง บงกชหลากสีนั่นเหี่ยวเฉาในชั่วพริบตา ระเบิดออกกะทันหัน กลายเป็นฝุ่นผงลอยกระเซ็นทั่วฟ้า

หากบอกว่าภาพนี้ทำให้ผู้คนตกใจ

เช่นนั้นภาพหลังจากนี้ก็ทำให้พวกเขาใจสั่นและหวาดกลัว!

ก็เห็นว่าอวี่เฟิงจื่อในจีวรขาวดั่งหิมะที่ยืนพนมมืออยู่ตรงนั้น รูปร่างเกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน ราวกับเด็กลงไม่รู้กี่ปีในทันที

กลายเป็นเด็กหนุ่มที่ตัวเตี้ยผอมแห้ง เยาว์วัยไร้เดียงสา จีวรที่เดิมพอดีตัวก็เปลี่ยนเป็นใหญ่กว่า

ที่น่ากลัวที่สุดคือมรรควิถีทั้งชีวิตของเขาราวกับถูกฟันขาด จากระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าร่วงลงมาเป็นระดับจักรพรรดิในทันที จากนั้นจากระดับจักรพรรดิก็ร่วงไปยังระดับกึ่งจักรพรรดิ ระดับอริยะ ระดับอมตะเคราะห์…

จนกระทั่งถึงระดับมหาสมุทรวิญญาณของห้าระดับล่างถึงค่อยๆ หยุดลง!

นอกลานมรรคเงียบกริบไร้เสียง

ต่างตกใจกับภาพนี้ หลายคนอกสั่นขวัญหนี เบิกตาโพลง

การเปลี่ยนแปลงแปลกประหลาดนี้ราวกับเรื่องที่น่ากลัวที่สุดในโลก ทิ่มแทงจนทุกคนเหมือนตกลงไปในถ้ำน้ำแข็งอย่างไรอย่างนั้น

“ดาบ… กาล… เวลา!”

จอมมุนีชื่อเย่ลุกขึ้น สีหน้ามืดทะมึน เสียงเหมือนเบียดออกจากหน้าอกอย่างไรอย่างนั้น เจือความเดือดดาลที่ไม่สามารถควบคุมได้

“สวนกระแสกาลเวลา ตัดทอนมรรควิถี! อภินิหารพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์”

“สมควรตาย!”

“อภินิหารต้องห้ามนี้ปรากฏอีกครั้งแล้ว…”

ครั้นมองทางคนใหญ่คนโตในลัทธิพ่อมด สิบยักษ์ใหญ่อมตะเหล่านั้น สีหน้าต่างเย็นเยียบ อึมครึมจนน่ากลัว ในดวงตาเต็มไปด้วยความเดือดดาล รวมถึงความหวาดเกรงที่ยากจะสังเกตเห็น!

เฒ่าชราอย่างพวกเขาย่อมรู้จักลั่วทงเทียนในตอนนั้นเป็นอย่างดี ที่กล้าท้าทายสิบยักษ์ใหญ่อมตะ ก็เพราะอภินิหารพรสวรรค์ที่เขาครอบครองเป็นเหมือนสิ่งต้องห้ามเกินไป

แต่ตอนนี้หลังจากผ่านไปในกาลเวลาไร้สิ้นสุด อภินิหาพรสวรรค์เช่นนี้ปรากฏในโลกอีกครั้ง ถูกผู้สืบทอดคีรีดวงกมลอย่างหลินสวินสำแดงออกมา

นี่จะไม่ให้พวกเขาโกรธได้อย่างไร

ตอนนี้เหล่าคนใหญ่คนโตอย่างฝูเหวินหลี ฉีเซียวอวิ๋น ชื่อเวินที่มองหลินสวินเป็นศัตรู ในใจล้วนปั่นป่วน เกิดความเดือดดาลและชิงชัง

เมื่อนานมาแล้วก่อนหน้านี้ ลั่วทงเทียนเคยใช้ดาบกาลเวลาทำให้คนใหญ่คนโตน่านฟ้าที่แปดไม่น้อยบาดเจ็บหนัก ตัดทอนมรรควิถีบนร่างพวกเขา ทำให้น่านฟ้าที่แปดเกิดเสียงตื่นตระหนกหวาดหวั่นขึ้นมากมาย

พวกเขาจะลืมได้อย่างไร

แต่พวกเขากลับคิดไม่ถึง ว่าหลินสวินจะปลุกและสืบทอดอภินิหารต้องห้ามนี้ได้แล้ว!

ก่อนหน้านี้เป็นเพราะดาบกาลเวลาของหลินสวิน ย้อนอายุและมรรควิถีของอวี่เฟิงจื่อกลับไปยังยามเป็นเด็กหนุ่มในคราเดียว มีเพียงความทรงจำและสติปัญญาที่ไม่เปลี่ยน

แต่ภาพนี้น่าอนาถเกินไป ทำให้ผู้คนขนลุกซู่!

ลองจินตนการดูว่าตัวตนระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าที่โดดเด่นที่สุดของลัทธิฌาน ศิษย์พุทธฟ้าประทานที่มีสิทธิ์สืบทอดตำแหน่ง ‘พุทธปัจจุบัน’ คนหนึ่ง กลับสูญเสียมรรควิถีทั้งหมดในชั่วพริบตา กลับสู่ยามเยาว์ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่เส้นทางฝึกปราณ นี่เป็นภาพที่น่ากลัวเพียงใด

ในใจพวกเสวียนเฟยหลิง ตู๋กูยง ฟางเต้าผิงสะท้านไหวรุนแรงคราหนึ่ง สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ตระหนักได้ว่าการโจมตีนี้ของหลินสวินเท่ากับทำลายอวี่เฟิงจื่ออย่างสิ้นเชิง

และการสูญเสียศิษย์พุทธฟ้าประทานอย่างอวี่เฟิงจื่อ ผลกระทบยิ่งใหญ่ที่มีต่อลัทธิฌานย่อมไม่อาจประเมินได้อย่างแน่นอน มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะทำให้พวกเขาแก้แค้นหลินสวินอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจทุกสิ่ง!

พวกเสวียนเฟยหลิงสบตากัน ต่างเริ่มระวังขึ้นมา จับตามองการเคลื่อนไหวของคนของลัทธิฌานอย่างจอมมุนีชื่อเย่โดยเฉพาะ

มองดูคนอื่นๆ ในที่นี้อีกครั้ง เหล่าคนใหญ่คนโตและผู้สืบทอดลัทธิแรกกำเนิด ตอนนี้ต่างกระจ่างแล้วว่าคำว่า ‘หายนะครั้งใหญ่’ ที่หลินสวินพูดถึงคืออะไร ล้วนอดตะลึงจนคำพูดไม่ได้

ก่อนหน้านี้อวี่เฟิงจื่อใช้โลกบงกชผลาญใจโจมตี หมายจะตัดมรรควิถีของหลินสวิน

แต่ตอนนี้หลินสวินตาต่อตาฟันต่อฟัน ตัดมรรควิถีของอวี่เฟิงจื่อลงไปยังห้าระดับล่างในคราเดียว ย้อนกลับไปสู่วัยเด็กหนุ่ม!

สำหรับอวี่เฟิงจื่อ ไม่ใช่หายนะครั้งใหญ่แล้วจะเป็นอะไร

บนลานมรรคเปิดสวรรค์ อวี่เฟิงจื่อที่มาอยู่ในรูปลักษณ์ของเด็กหนุ่มอยู่ในท่าพนมมือโดยตลอด เหมือนถูกกระทบกระเทือนจนไม่อาจรับรู้ เนิ่นนานก็ไม่ขยับ

ครู่ใหญ่เขาถึงเงยหน้าขึ้น สายตามองไปยังหลินสวิน ริมฝีปากขยับเหมือนจะพูดอะไร

แต่สุดท้ายเขาก็กระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง พลันหน้าซีดเผือดเซล้มนั่งบนพื้น

ราวกับสูญเสียบุพการีอย่างไรอย่างนั้น!

——————————–

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท