ตอนที่ 2774 รางวัล
ท่าทางที่น่าอนาถหดหู่ของอวี่เฟิงจื่อ ทำให้ทุกคนในที่นี้ในใจพลุ่งพล่านไม่หยุด
หลังจากถูกตัดมรรควิถี ส่งผลกระทบต่อเขามากเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย!
“หาเรื่องใส่ตัวจะโทษใครได้”
ฝั่งลัทธิแรกกำเนิด มีคนแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างเยียบเย็น
ก่อนหน้านี้หลังสำแดงโลกบงกชผลาญใจ อวี่เฟิงจื่อได้พ่ายแพ้ในการประชันมหามรรคแล้ว แต่เขากลับยืนกรานสู้ต่อ
เหตุผลก็คือเขาเกิดการหยั่งรู้ในตอนนั้น มั่นใจว่าสามารถชนะได้
แต่หยั่งรู้แล้วอย่างไร
ก็ถูกหลินสวินตัดมรรควิถีทั้งร่างโดยตรงไม่ใช่หรือ!
“ไม่ผิด หากรองผู้ดูแลหลินใช้ดาบกาลเวลาแต่แรก จะมีโอกาสให้เขาหยั่งรู้ได้อย่างไร”
“รองผู้ดูแลหลินออมมือแล้ว เตือนเขาว่าอย่าดื้อดึง แต่เขาไม่ฟัง ตกต่ำอยู่ในสภาพเช่นนี้ พูดได้เพียงว่าเขารับผลกรรมของตนเอง”
ผู้สืบทอดลัทธิแรกกำเนิดมากมายต่างเอ่ยเสริม ไม่อาจเกิดความเวทนาอวี่เฟิงจื่อได้โดยสมบูรณ์
บนแท่นพิธีจอมมุนีชื่อเย่สีหน้ามืดทะมึน เงียบไม่พูดจาอยู่นาน
เขาไม่อาจเปิดปากซักไซ้เอาความได้
ยามอวี่เฟิงจื่อสำแดงโลกบงกชผลาญใจเป็นครั้งแรก เขาเคยอธิบายความเร้นลับของอภินิหารนี้ให้เหล่าคนใหญ่คนโตด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม คิดว่าจะตัดมรรควิถีของหลินสวินลงได้
แต่อวี่เฟิงจื่อกลับพ่ายแพ้แล้ว
และตอนนี้อวี่เฟิงจื่อที่สำแดงโลกบงกชผลาญใจอีกครั้ง กลับถูกหลินสวินตัดมรรควิถีในคราเดียว นี่เหมือนผลกรรมตามสนอง ทำให้ชื่อเย่ไม่มีเหตุผลใดๆ ไปซักไซ้เอาความได้
หากเดือดดาลไปกล่าวโทษว่าหลินสวินลงมือเหี้ยมโหดเกินไป เกรงว่าคงจะทำให้ทุกคนในที่นี้หัวเราะเยาะ
ถึงอย่างไรก็เป็นอวี่เฟิงจื่อที่คิดจะตัดมรรควิถีของหลินสวินก่อน!
เหล่าคนใหญ่คนโตของขุมอำนาจลัทธิพ่อมด สิบยักษ์ใหญ่อมตะ สีหน้าก็ล้วนมืดทะมึนเช่นกัน
การปรากฏของดาบกาลเวลาทำให้พวกเขาถูกกระตุ้นอย่างที่สุด
หากบอกว่าก่อนหน้านี้หลินสวินที่ก้าวสู่หนทางยอดอมตะ สำหรับพวกเขานับว่าเป็นเพียงแค่ภัยแฝง ทว่าหลินสวินที่ครอบครองดาบกาลเวลา สามารถถูกจัดอยู่ในอันดับ ‘ศัตรูตัวฉกาจ’ ได้แล้ว!
“เจ้าแห่งคีรีดวงกมลในตอนนั้นประสบเคราะห์ เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ในตอนนั้นก็ประสบพิบัติ เหอะๆ เรื่องหลังจากนี้ใครจะรู้ได้”
ในบรรยากาศอึดอัด ผู้ยิ่งใหญ่ตระกูลจิงคนหนึ่งเอ่ยปาก เหมือนกำลังทอดถอนใจหวนคิดถึงอดีต แต่ความหมายในคำพูดกลับแฝงความเย็นเยียบและข่มขวัญอยู่รางๆ
สายตาของหลายคนวูบไหวขึ้นมา
เจ้าแห่งคีรีดวงกมลแข็งแกร่งเพียงใด เคยกดข่มจนสิบยักษ์ใหญ่อมตะต้องก้มหน้า เป็นฝ่ายปิดทางที่เชื่อมสู่น่านฟ้าที่เก้าเอง
แต่สุดท้ายก็ประสบเคราะห์ในน่านฟ้าที่เก้าไม่ใช่หรือ
ลั่วทงเทียนมีอภินิหารต้องห้าม เคยแข็งกร้าวจนงัดข้อกับสิบยักษ์ใหญ่อมตะ แต่สุดท้ายระหว่างที่ไปหนทางนิรันดร์ก็ประสบเคราะห์ใหญ่เช่นกัน!
หลินสวินในตอนนี้บางทีอาจก้าวสู่หนทางยอดอมตะแล้ว อาจครอบครองอภินิหารต้องห้ามของลั่วทงเทียนแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงผู้ฝึกปราณขั้นอายุขัยเทียมฟ้า ยังไม่ได้เติบโตเป็นตัวตนเช่นเจ้าแห่งคีรีดวงกมลและลั่วทงเทียนอย่างแท้จริง
ภายหน้ายากจะรับประกันว่าจะไม่ประสบเคราะห์!
“ต่อไปใครจะประสบเคราะห์ก็ไม่มีใครรู้ แต่ภายหน้าหากมีโอกาส ข้ากลับไม่ถือการมุ่งหน้าไปยังน่านฟ้าที่แปด ไปสนทนาหน้าประตูเรือนตระกูลจิงของพวกเจ้าสักหน่อย หวังเพียงว่าถึงตอนนั้นเจ้าจะจำคำพูดวันนี้ได้”
บนลานมรรคเปิดสวรรค์ ดวงตาดำของหลินสวินเย็นเยียบ มองไปยังคนใหญ่คนโตตระกูลจิงผู้นั้น
ประโยคเดียวไม่ได้แฝงคำข่มขู่ใดๆ เช่นกัน แต่ความหมายคุกคามในคำพูด ไม่ว่าใครล้วนฟังออก
คนใหญ่คนโตตระกูลจิงผู้นั้นสีหน้าอึมครึมลง เขานามว่าจิงเฉาเฟิง เป็นพวกที่อาวุโสยิ่งยวด อานุภาพสูงส่งคนหนึ่ง
ตอนนี้ถูกหลินสวินโต้กลับภายใต้สายตาของทุกคน ในใจย่อมเดือดดาลไม่หยุด กล่าวว่า “เช่นนั้นข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้าจะมีโอกาสไปถึงน่านฟ้าที่แปด”
บรรยากาศเคร่งเครียดและกดดัน
ก็เป็นตอนนี้เองเสวียนเฟยหลิงหัวเราะเสียงดัง “การแลกเปลี่ยนเรียนรู้จบลงแล้ว ลัทธิแรกกำเนิดของพวกเราจัดงานเลี้ยงไว้แล้ว ขอเรียนเชิญทุกท่าน ให้ลัทธิแรกกำเนิดของพวกเราได้ทำหน้าที่เจ้าถิ่นสักหน่อย”
คำพูดนี้เหมือนจะไกล่เกลี่ยสถานการณ์ แต่กลับทำให้ในใจคนใหญ่คนโตบนแท่นพิธีเหล่านั้นเอียนอยู่บ้าง
จนถึงขนาดนี้แล้ว ใครจะมีใจไปร่วมงานเลี้ยงอีก
ไปดูว่าลัทธิแรกกำเนิดของพวกเจ้าโอ้อวดวางภูมิอย่างไรหรือ
“งานถกมรรคเก้ายอดเขาสิ้นสุดลงแล้ว พวกเรายังมีเรื่องสำคัญ ไม่รบกวนแล้ว”
บนแท่นพิธีมีคนใหญ่คนโตลุกขึ้นด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ตัดสินใจจากไป
จากนั้นคนของขุมอำนาจใหญ่มากมายก็ลุกขึ้นบอกลา
เสวียนเฟยหลิงรั้งไว้อย่างกระตือรือร้น แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ยิ่งทำให้ในใจเฒ่าดึกดำบรรพ์จากขุมอำนาจอื่นๆ เหม็นเบื่อในใจ
เห็นเช่นนี้เสวียนเฟยหลิงอดเผยสีหน้าเสียดายไม่ได้ เขาอยากจะเสียดสีและถากถางเจ้าเฒ่าพวกนั้นสักหน่อยจริงๆ
น่าเสียดาย ผู้อื่นไม่ให้โอกาส
ไม่นานแม้แต่อวี่เฟิงจื่อที่ถูกตัดมรรควิถีก็ถูกคนใหญ่คนโตของลัทธิฌานรับไป จากไปอย่างเร่งรีบ
แน่นอนว่าหลินสวินไม่ขวาง
แม้มรรควิถีของอวี่เฟิงจื่อไม่ได้ถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง แต่ได้รับความกระทบกระเทือนขนาดนี้ ต่อไปเกรงว่าแม้จะฟื้นฟูกลับมาได้ ก็คงมีความหวังไม่เท่าไรในการสร้างความสำเร็จอย่างตอนนี้แล้ว
พูดสั้นๆ ก็คือ ศิษย์พุทธฟ้าประทานคนนี้ไร้ประโยชน์แล้ว!
ไม่นานบนแท่นพิธีนั่นก็เหลือเพียงแค่พวกหอบรรพจารย์ลัทธิวิญญาณ
“ชิงอวิ๋น อยู่ดื่มสักจอกดีหรือไม่”
ฟางเต้าผิงยิ้มชวนชิงอวิ๋น
“ไม่ล่ะ”
ชิงอวิ๋นส่ายหน้า ประสานหมัดพูด “สถานการณ์ปั่นป่วน ทุกท่านรักษาตัวด้วย”
ฟางเต้าผิงอึ้งไป ประสานหมัดพูดอย่างจริงจัง “หลังจากกลับไป ทักทายสหายเหล่านั้นแทนลัทธิแรกกำเนิดของข้าด้วย”
“นี่ย่อมแน่นอน”
ชิงอวิ๋นพยักหน้า จากนั้นพาเหล่าผู้แข็งแกร่งลัทธิวิญญาณจากไป
“ศิษย์พี่ คราวหน้าค่อยเลี้ยงเหล้าท่าน!”
หลินสวินเดินออกจากลานมรรคเปิดสวรรค์แล้ว เห็นว่าเฉิงอวี๋จะจากไปพร้อมคนในสำนัก ในใจก็อดอาลัยอาวรณ์ไม่ได้
“ศิษย์น้อง เจ้าก็ต้องรักษาตัวให้ดี”
เฉิงอวี๋เผยรอยยิ้มเบิกบาน
หลินสวินโบกมือพร้อมรอยยิ้ม
จนกระทั่งหลังจากมองส่งพวกเขาจากไป บริเวณลานมรรคเปิดสวรรค์พลันระเบิดเสียงโห่ร้องยินดีสะเทือนฟ้าออกมา
บรรดาคนใหญ่คนโตและผู้สืบทอดลัทธิแรกกำเนิด ตอนนี้ต่างข่มกลั้นความตื่นเต้นไม่ไหวอีกต่อไป ร่วมยินดีกับหลินสวิน แสดงความดีใจและชื่นชมอย่างไม่เก็บงำสักนิด
วันนี้เป็นงานถกมรรคเก้ายอดเขาในรอบพันปีของลัทธิแรกกำเนิด
และก็เป็นวันนี้ หลินสวินขึ้นลานมรรค โจมตีพวกร้ายกาจที่มาจากขุมอำนาจต่างๆ กันเก้าคนอย่างพวกสิงจวิ้น จิงฉิงเจี่ย จ้งอิ่ง จู่เทียนโย่ว อวี่เฟิงจื่อ!
นี่ไม่เพียงรักษาหน้าให้ลัทธิแรกกำเนิด ยิ่งทำให้ทั้งบนล่างของลัทธิแรกกำเนิดล้วนสามารถเชิดหน้าชูคอ!
ลัทธิพ่อมดแล้วอย่างไร
สิบยักษ์ใหญ่อมตะแล้วอย่างไร
ในการประชันในระดับเดียวกัน ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของหลินสวินได้!
นึกถึงแต่ละภาพที่เห็นก่อนหน้านี้ คนของลัทธิแรกกำเนิดตื่นเต้นจนไม่อาจควบคุมตัวเองได้ ไม่ใช่เพราะสภาวะจิตของพวกเขาไม่แข็งแกร่งพอ แต่เพราะไม่ยินยอมข่มกลั้นอารมณ์ภายในใจ ระบายและปลดปล่อยอย่างกำเริบ
หลินสวินรู้สึกรับมือไม่ทันอยู่บ้างอย่างอดไม่ได้ เขาคิดไม่ถึงว่าการตอบสนองของคนในลัทธิแรกกำเนิดจะรุนแรงเช่นนี้
และเป็นตอนนี้เองที่เขานึกถึงคำพูดของเถาเหลิ่ง
‘นี่เป็นโอกาสยอดเยี่ยมสำหรับเจ้า สำหรับการสร้างบารมีและเสริมอิทธิพลในภายภาคหน้า มีประโยชน์ที่ไม่อาจประเมินค่าได้อย่างยิ่ง!’
ตอนนี้ก็เป็นเช่นนี้ไม่ใช่หรือ
อย่างไรเรียกว่าบารมี
ทุกคนมอบใจให้ ได้รับความไว้วางใจจากทุกคน!
เหล่าคนใหญ่คนโตอย่างพวกเสวียนเฟยหลิง ตู๋กูยง ฟางเต้าผิงเห็นภาพนี้ก็อดยิ้มไม่ได้
“พี่ตู๋กู หอแรกมายาของพวกเจ้าดูแลเรื่องการให้รางวัลและบำเหน็จของสำนัก เช่นนั้นเจ้าคิดว่าจากความสามารถของหลินสวินในวันนี้ ควรให้รางวัลอย่างไร”
ทันใดนั้นเสวียนเฟยหลิงก็เอ่ยเสียงกังวาน ดังก้องไปทั่วลาน
สายตานับไม่ถ้วนถูกดึงดูดมา รวมไปยังตู๋กูยง
แม้แต่หลินสวินยังประหลาดใจมาก มีรางวัลให้ด้วยหรือ
เหล่าคนใหญ่คนโตอย่างพวกฝูเหวินหลี ฉีเซียวอวิ๋นที่มองหลินสวินเป็นศัตรู แต่ละคนหัวใจหนักอึ้ง ตระหนักได้ว่าเสวียนเฟยหลิงจะใช้โอกาสนี้มอบผลประโยชน์ให้หลินสวิน!
ตอนนี้ทั้งบนล่างของลัทธิแรกกำเนิดต่างตื่นเต้นดีใจกับการกระทำอันเกรียงไกรก่อนหน้านี้ของหลินสวิน เสวียนเฟยหลิงต้องการมอบผลประโยชน์ให้เขา หากใครไม่ตกลงเกรงว่าคงถูกตราหน้าอย่างแน่นอน!
คิดถึงตรงนี้พวกฝูเหวินหลี ฉีเซียวอวิ๋นต่างอัดอั้นขึ้นมา พวกเขาเองก็ทำอะไรไม่ได้ ไม่สามารถห้ามได้
“วันนี้หลินสวินเป็นตัวแทนของสำนัก ทวงคืนชื่อเสียงของสำนัก ยิ่งทำให้ขุมอำนาจใหญ่แต่ละแห่งต้องก้มหน้า นี่เป็นความดีความชอบ ย่อมต้องได้รับรางวัลชิ้นงาม”
ประโยคเดียวของตู๋กูยงก็กำหนดระดับความดีความชอบของหลินสวินแล้ว ว่าจะต้องได้รับรางวัลชิ้นโต!
“ใช่ เป็นเช่นนี้แหละ!”
หลายคนร้องรับ
“ต่อให้เลื่อนขั้นรองผู้ดูแลหลินไปเป็นรองหัวหน้าหอตอนนี้ ข้าก็สนับสนุน!”
มีคนร้องตะโกนอย่างตื่นเต้น
นี่เรียกเสียงหัวเราะเกรียวกราวขึ้นมา แต่ก็สามารถมองออกว่าตอนนี้หลินสวินเป็นที่ต้อนรับเพียงใด
ตู๋กูยงใคร่ครวญคร่าวๆ แล้วกล่าวว่า “หากหอแรกมายาของข้าเอารางวัลธรรมดาออกมา เกรงว่าคงทำให้คนหัวเราะเยาะ เอาอย่างนี้แล้วกัน ในสำนักมี ‘ลูกกลอนหมื่นแปรดับเทพ’ สามเม็ด ก็เอาออกมาหนึ่งเม็ดเป็นรางวัลให้หลินสวิน”
ทั่วลานฮือฮา!
คนที่มองหลินสวินเป็นศัตรูอย่างพวกฝูเหวินหลี ฉีเซียวอวิ๋นสีหน้าล้วนเปลี่ยนไป
ลูกกลอนหมื่นแปรดับเทพ!
นั่นเป็นถึงโอสถเทพที่หลอมออกมาจาก ‘ระเบียบวิญญาณโอสถ’ ระดับสวรรค์ขั้นเก้าหายาก ทุกๆ หมื่นปีจะสามารถหลอมออกมาได้เพียงหนึ่งเม็ดหนึ่ง ยามผู้แข็งแกร่งขั้นอายุขัยเทียมฟ้าจะแจ้งมรรคขั้นดับเทพ สามารถสร้างประโยชน์มหัศจรรย์ที่น่าเหลือเชื่อได้
พูดอย่างไม่เกินจริง หากกลืนลูกกลอนนี้เข้าไป สามารถเพิ่มโอกาสในการทะลวงขั้นถึงห้าส่วน อีกทั้งลูกกลอนนี้ก็มีประโยชน์ที่น่าตกใจมากต่อการหลอมชำระมรรควิถีขั้นดับเทพ
ที่ผ่านมาบุคคลขั้นอายุขัยเทียมฟ้าในสามหอ แม้สร้างความดีความชอบมากแค่ไหนก็ยากจะได้รับสมบัติล้ำค่าเช่นนี้
และหากอยากได้สมบัติระดับนี้ มักจะต้องได้รับความยินยอมจากหัวหน้าหอทั้งสามหอ หรือไม่ก็ต้องได้รับความยินยอมจากรองหัวหน้าหอเก้าคน!
จากเรื่องนี้แค่คิดก็รู้ถึงความหายากและล้ำค่าของลูกกลอนหมื่นแปรดับเทพ
แน่นอนว่าหลินสวินย่อมรู้จักลูกกลอนนี้ แต่คิดไม่ถึงว่าตู๋กูยงจะเอาสมบัติล้ำค่าระดับนี้มาเป็นรางวัล จึงอดอึ้งไปไม่ได้เช่นกัน
“ข้าเห็นด้วย”
“ข้าก็เห็นด้วย”
ทันใดนั้นรองหัวหน้าหอสี่คนอย่างเสวียนเฟยหลิง ฟางเต้าผิง อวี๋สิ่ง หยวนอู่เทียนต่างตอบรับ
“พี่ฝูคิดว่าอย่างไร”
สายตาของตู๋กูยงมองไปยังฝูเหวินหลี
ตอนนี้สายตาทั่วลานรวมอยู่บนร่างของฝูเหวินหลี ด้วยอุปนิสัยของเขา ตอนนี้ย่อมโกรธจนแทบอยากผรุสวาท
แต่เวลานี้ยามนี้ เขากล้าไม่ตอบรับหรือ
ฝูเหวินหลีเอ่ยด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “เรื่องนี้ทุกท่านจัดการตามความเหมาะสมก็พอ”
ตู๋กูยงยิ้มขึ้นมา เอ่ยว่า “พี่ฝูคุณธรรมสูงส่งนัก”
ว่าพลางสายตาของเขาก็มองไปยังฉีเซียวอวิ๋น “พี่ฉีคิดว่าอย่างไร”
ฉีเซียวอวิ๋นอัดอั้นในใจ อดกล่าวไม่ได้ “เจ้าหมอนี่เคยฆ่าฉีหลิงเจิ้นเหลนของข้า เจ้ายังจะมาถามความเห็นของข้าอีกหรือ” เสียงแฝงความเดือดดาล
ในที่นั้นเงียบกริบขึ้นมาทันที ในใจคนทั้งบนล่างลัทธิแรกกำเนิดต่างไม่พอใจเท่าไร การตายของฉีหลิงเจิ้นยังไม่ใช่เพราะเรื่องใส่ตัวหรือ
ก็เพราะเขาเป็นเหลนของเจ้ารองหัวหน้าหอฉีเซียวอวิ๋น ก็สามารถปฏิเสธการให้รางวัลหลินสวินที่นี่ได้หรือ
ตู๋กูยงมุ่นคิ้วกล่าว “ถ้าอย่างนั้น พี่ฉีปฏิเสธหรือ”
ชั่วขณะนี้ภายใต้สายตามากมาย ฉีเซียวอวิ๋นรู้สึกถึงแรงกดดันใหญ่หลวงเช่นกัน สังเกตเห็นว่าถึงการเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศในที่นี้
เขาเงียบไปครู่ใหญ่ค่อยกล่าวว่า “เรื่องที่พวกเจ้าตัดสินใจแล้ว ไม่จำเป็นต้องถามข้า”
ตู๋กูยงยิ้มขึ้นมา “พี่ฉีช่างใจกว้าง ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะเทียบได้จริงๆ”
ประโยคเดียวทิ่มแทงจนสีหน้าของฉีเซียวอวิ๋นไม่น่าดู นี่เรียกว่าใจกว้างหรือ
นี่คือถูกพวกเจ้าบีบต่างหาก!
สายตาของตู๋กูยงมองไปยังชือเวิน ทังชิวตอนนี้เหลือเพียงความเห็นของรองหัวหน้าหอสองคนนี้เท่านั้นแล้ว
“ไม่ต้องถามแล้ว ข้าไม่มีความคิดเห็น”
ชือเวินสีหน้าไร้อารมณ์
“ทุกท่านตอบรับแล้ว ข้ายังจะกล้ามีความเห็นอื่นหรือ”
ทังชิวแสร้างเอ่ยกระเซ้า แต่ความจริงในใจก็อัดอั้นจนแทบจะระเบิดแล้ว
ตู๋กูยงยิ้มน้อยๆ รู้สึกเบิกบานไปทั้งตัว เขาไม่เห็นพวกฝูเหวินหลีกล้ำกลืนเช่นนี้มานานแล้ว
ความรู้สึกนี้ดียิ่งนัก!
และตอนนี้รองหัวหน้าหอเก้าคนต่างยินยอม เรื่องการมอบลูกกลอนหมื่นแปรดับเทพหนึ่งเม็ดเป็นรางวัลให้กับหลินสวินก็จบลงเพียงเท่านี้!
……………….