ตอนที่ 2797 อานุภาพของมรรคกระบี่นิรันดร์
การประชันระหว่างระดับนิรันดร์!
ในการรับรู้ของหลินสวิน นี่เรียกได้ว่าเป็นการต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลกไปแล้ว!
ถึงอย่างไรในสายตาของผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วน ระดับจักรพรรดิก็เรียกได้ว่าเป็นบุคคลที่ทำได้เพียงแหงนมองแล้ว ส่วนระดับอมตะก็ไม่อาจพบเห็นได้ดั่งมังกรเทพบนสวรรค์
ส่วนระดับนิรันดร์…
นั่นย่อมเป็นดั่งตำนาน!
แม้แต่สำหรับหลินสวินที่บรรลุระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าแล้ว ระดับนิรันดร์ก็ยังเป็นระดับที่ทำให้เขาในตอนนี้ยังไม่กล้าคิดถึง
ถึงตอนนี้ระดับนิรันดร์คนแรกที่เขาพบก็มีแต่ไท่เสวียน มิหนำซ้ำยังเป็นเพียงคนเดียวที่ได้พบ
และตอนนี้นอกแดนผนึกเรืองแสงแห่งนี้ รูปจำลองเจตจำนงของไท่เสวียนกำลังจะประลองกับรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ตระกูลเหลียงชิวผู้หนึ่ง ทำให้หลินสวินยังหวั่นไหวและตั้งตาคอยอย่างแรงกล้าชนิดควบคุมไม่อยู่
พลังของระดับนิรันดร์จะน่ากลัวปานไหนกันแน่
ยามนี้หลินสวินถึงกับกังวลอยู่บ้างว่าด้วยมรรควิถีของตนจะไม่อาจเห็นภาพการประลองที่เกิดขึ้นคราวนี้
คนใหญ่คนโตขั้นหลุดพ้นเจ็ดคนที่อยู่ไกลๆ ต่างไม่อาจสงบใจได้เช่นกัน
ต่อให้อยู่ในแหล่งสถานศุภโชค การประชันเช่นนี้ก็หายากยิ่งนัก ทันทีที่เกิดการต่อสู้เช่นนี้ มักหมายความว่าจะเกิดความโกลาหลใหญ่โตที่กระทบกับสถานการ์ทั้งโลกครั้งหนึ่ง
และตอนนี้การต่อสู่ระดับนี้จะเปิดฉากอยู่นอกแดนผนึกเรืองแสงแห่งนี้
……
เหลียงชิวเทียนอู่ในชุดนักพรตทั้งตัว เจตกระบี่ไหลวนทั่วร่าง
เมื่อเขายื่นมือคว้าไปกลางอากาศ
ตูม!
ฟ้าดาราสั่นไหว กฎระเบียบฟ้าดินคล้ายถูกจับคว้าลงมา ตกลงสู่ฝ่ามือของเหลียงชิวเทียนอู่ ควบรวมเป็นปราณกระบี่ดั่งภาพมายา
หลอมกฎระเบียบฟ้าดินเป็นกระบี่เล่มหนึ่งอย่างง่ายดาย!
พลังอันไร้ทัดเทียมนั้น ทำเอาขั้นหลุดพ้นเจ็ดคนเห็นแล้วยังลมหายใจสะดุด
ส่วนหลินสวินหวาดหวั่นโดยสิ้นเชิงแล้ว
กฎระเบียบฟ้าดินก็เป็นเหมือน ‘มรรคาแห่งฟ้า’ พันผูกกับวัฏจักรของโลกหล้าแห่งหนึ่ง
เหมือนอย่างแดนเทพต้าฉิน เพราะกฎระเบียบฟ้าดินไม่เหมือนกัน ทำให้ทันทีที่ ‘คนนอก’ อย่างเขาเข้าไป มรรควิถีของตนก็ถูกกดข่ม
ผู้ฝึกปราณทั่วไปหยั่งรู้มหามรรคเพื่อการแปรสภาพและหลุดพ้นไม่รู้จบ สุดท้ายก็คือการไปต้านกฎระเบียบฟ้าดิน หรือถึงขั้นหลุดพ้นจากกฎระเบียบฟ้าดิน
เหมือนเช่นระดับอมตะขั้นหลุดพ้น สาเหตุที่ไม่หวั่นเกรงการกดข่มของกฎระเบียบฟ้าดิน ก็เพราะมรรควถีของพวกเขามีพลังที่สามารถหลุดพ้นกฎระเบียบมหามรรค ไม่ถูกพลังดังกล่าวจำกัดไว้อีก
แต่ตอนนี้พลังการคว้าครั้งเดียวของเหลียงชิวเทียนอู่ กลับหลอมกฎระเบียบฟ้าดินมาใช้ได้!
เรื่องนี้น่ากลัวยิ่งอย่างไร้ข้อกังขา!
“กฎเกณฑ์มหามรรคถือกำเนิดในพลังระเบียบ พลังระเบียบถือกำเนิดในกฎระเบียบฟ้าดิน ระดับอมตะขั้นหลุดพ้นไม่ถูกระเบียบฟ้าดินจำกัด ส่วนระดับนิรันดร์ สามารถใช้กฎระเบียบฟ้าดินได้ จะทำลายหรือรังสรรค์ล้วนเกิดขึ้นเพียงหนึ่งห้วงคิด”
ไกลออกไปเสียงกระจ่างกังวานของไท่เสวียนดังขึ้น “สหายน้อย ศึกนี้ข้าก็จะใช้กระบี่ในมืออธิบายระดับนี้ให้เจ้าฟัง ต่อให้ไม่อาจหยั่งรู้นัยเร้นลับในนั้น ก็ยังสามารถเห็น ‘รูป’ และสัมผัสถึง ‘จิต’ ของมันได้ ยามเจ้าแจ้งมรรคนิรันดร์ ก็จะมี ‘ทั้งรูปและจิต’ สามารถหยั่งถึงนัยเร้นลับของระดับนี้ได้อย่างแท้จริง”
แขนเสื้อเขาไหวกระพือ ขณะพูดปราณกระบี่สายหนึ่งเคลื่อนออกจากปลายนิ้วเขาอย่างฉับไว ปรากฏกลางอากาศตรงหว่างคิ้วของหลินสวิน
ทันใดนั้นการรับรู้และครรลองสายตาของหลินสวินก็เปลี่ยนไปโดยพลัน
ฟ้าดารายังเป็นฟ้าดาราเดิม แต่กลับมีกลิ่นอายคลุมเครือและมหัศจรรย์นับไม่ถ้วนอุบัติขึ้น ผูกโยงกับวัฏจักรของฟ้าดาราแห่งนี้ดั่งศิลาฤกษ์และเสาหลักของบ้านหลังหนึ่ง
กลิ่นอายพร่าเลือนนั่นมีอยู่ทุกหนแห่ง เติมเต็มห้วงอากาศทุกกระเบียด ดวงดาว ฝุ่นธุลี แสงเงา แม้กระทั่งบนร่างของมนุษย์แต่ละคนต่างมีกลิ่นอายเช่นนี้ไหวเคลื่อน
ยามพลังขับเคลื่อนทั้งตัวคนใหญ่คนโตขั้นหลุดพ้นเจ็ดคนนั้นโคจร คล้ายหลุดพ้นจากกลิ่นอายพร่าเลือนที่มีอยู่ทุกหนแห่งนั่น ดูเหนือธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง
และบนร่างของไท่เสวียนกับเหลียงชิวเทียนอู่ กลิ่นอายพร่าเลือนนั้นก็เหมือนสวามิภักดิ์ โคจรตามพลังขับเคลื่อนบนร่างของพวกเขา ก่อเกิดท่วงทำนองและการเปลี่ยนแปลงอันลึกลับ
โดยเฉพาะเหลียงชิวเทียนอู่ ปราณกระบี่ที่ถืออยู่คือพลังที่แปลงจากกลิ่นอายคลุมเครือนั้น ประหนึ่งจอมเหนือหัวผู้ครอบครองกระบี่มรรคสวรรค์!
หลินสวินสะท้านในใจ
เขารู้ว่ากลิ่นอายคลุมเครือที่มีอยู่ทุกหนแห่งนั้น ความจริงแล้วก็คือพลังของ ‘กฎระเบียบฟ้าดิน’!
แต่ก่อนหน้านี้เขาแค่รู้สึกได้ แต่ไม่อาจ ‘มองเห็น’
ชิ้ง!
เหลียงชิวเทียนอู่ออกโจมตี ปราณกระบี่ในมือแทงออกไป
หนึ่งกระบี่ที่เรียบง่าย
ในฟ้าดารา ดวงดาวนับไม่ถ้วนระเบิดกระจุยดังสนั่นเหมือนลูกหนังถูกเจาะแตก ขั้นหลุดพ้นเหล่านั้นต่างตัวแข็งทื่อ ต้องโคจรมรรควิถีทั้งหมดถึงสลายกลิ่นอายทำลายล้างที่มีอยู่ทั่วนั่นได้
ปราณกระบี่ตรงหว่างคิ้วหลินสวินโอบล้อมเหมือนปราการตามธรรมชาติ สลายพลังทั้งหมดนี้ไป มิหนำซ้ำด้วยพลังปราณกระบี่สายนี้ ยังทำให้เขามองทะลุการโคจรและกลิ่นอายของกระบี่นี้ได้อย่างชัดเจน
ทว่าสุดท้ายเพราะมรรควิถีต่างกันเกินไป ทำให้ต่อให้เขามองเห็นภาพกระบี่นี้ แต่กลับไม่สามารถสัมผัสถึงนัยเร้นลับที่อยู่ภายในนั้น
แต่อานุภาพของกระบี่นี้กลับถูกหลินสวินจำไว้มั่น
ความรู้สึกนั้นก็เหมือนเซียนผู้หนึ่งสำแดงยุทธ์ ส่วนเขาก็คือตาสีตาสาคนหนึ่ง จิตใจถูก ‘พลานุภาพ’ อย่างหนึ่งดึงดูด
พูดแล้วเหมือนช้าแต่ความจริงรวดเร็วยิ่ง ไท่เสวียนก็ออกกระบี่แล้ว ตวัดกระบี่ฟันลงมา เรียบง่ายถึงขีดสุดเช่นกัน
แต่พลังของกระบวนท่านี้คล้ายจะตัดแบ่งฟ้าดิน ภูผาธาราและมหามรรค เผยความน่าเกรงขามอหังการดุจเทพต้านเทพสังหาร
เหลียงชิวเทียนอู่หรี่ตาลงเล็กน้อย กระบี่ที่แทงออกมาหักเลี้ยวรวดเร็ว ม้วนกลับสู่ฟ้าไกล ไท่เสวียนพลิกแพลงตามสถานการณ์ กระบี่ที่ฟันออกมาถูกดึงกลับโดยพลัน จากนั้นก็เคลื่อนกวาดไป
ชั่วขณะเดียวทั้งสองใช้กระบี่ชิงชัย กระบวนท่าที่ใช้แทบไม่มีการเคลื่อนไหวที่เกินจำเป็น บ้างแทง บ้างฟัน บ้างเฉือน บ้างจ้วง บ้างตลบ บ้างถล่ม บ้างกรีดวาด…
ล้วนเป็นรูปแบบกระบี่ที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อนอย่างที่สุด ความรู้สึกเช่นนั้นก็เหมือนดูมือกระบี่ในโลกปุถุชนสองคนกำลังห้ำหั่นกัน ไม่มีกระบวนท่าเลิศลอย ไม่มีวิชาลับ
ทว่าอานุภาพที่แต่ละการโจมตีปลดปล่อยออกมา กลับน่ากลัวถึงขั้นสะท้านโลกไปแล้ว!
ในสายตาหลินสวิน ทุกกระบี่ล้วนใช้พลังกฎระเบียบฟ้าดินถึงขีดสุด สำแดงความสำเร็จอันน่ากลัวที่ระดับนิรันดร์ทั้งสองมีในมรรคกระบี่
ถ้าตอนนี้มีคนนอกอยู่ ภาพที่ได้เห็นก็คือภาพการทำลายล้าง พังพินาศ และโกลาหลแถบหนึ่ง มีดวงดาวนับไม่ถ้วนร่วงหล่น มีมหามรรคมากมายดับสูญ!
‘ขีดสุดของมรรคกระบี่ ว่ากันถึงแก่นแล้วก็คือ ‘หนึ่ง’ในหนึ่งกระบี่สามารถแปรเปลี่ยนได้ดั่งจำนวนทรายในแม่น้ำนิรันดร์ อานุภาพของหนึ่งกระบี่สามารถทำลายวิชามากมายในหมื่นโลกหล้า’
เสียงของไท่เสวียนพลันดังขึ้นในใจหลินสวิน ‘หนึ่งให้กำเนิดสอง สองให้กำเนิดสาม สามให้กำเนิดอนันต์ อนันต์ให้กำเนิดจุดจบ และกลับสู่หนึ่ง ก็เปรียบได้กับระดับนิรันดร์นี้ มรรคาในอดีตล้วนเกิดขึ้นจากหนึ่ง แปรสภาพและเปลี่ยนผันไม่หยุด จนท้ายที่สุดนัยเร้นลับยามทำลายกฎระเบียบฟ้าดิน ทั้งหมดล้วนเป็นนิรันดร์ดุจดั่งหนึ่งเดียว’
หลินสวินพลันเกิดความรู้สึกตื่นรู้
เขาจ้องมองไปไกล เงาร่างสูงตระหง่านของไท่เสวียนกวาดกระบี่โรมรัน ท่วงท่าดุจเทพ ขณะที่เจตกระบี่อาละวาด กฎระเบียบฟ้าดินก็แปลงเป็นนัยเร้นลับไร้สิ้นสุดตามไปด้วย ถูกหลอมรวมเข้าไปในหนึ่งกระบี่แล้วฟันออกมา
เหลียงชิวเทียนอู่ก็เช่นเดียวกัน ทุกกระบี่ล้วนเรียบง่าย แต่ละกระบี่ล้วนหลอมนัยเร้นลับไร้สิ้นสุด น่าเหลือเชื่อเกินจินตนาการ
แม้ไม่อาจหยั่งรู้นัยเร้นลับในนั้นได้ แต่หลินสวินกลับสัมผัสถึง ‘อานุภาพแห่งรูปจิต’ ที่แท้จริงอย่างหนึ่ง มองรูปรับรู้จิต จิตใจล้วนดำดิ่งอยู่ในนั้น ลืมสิ้นซึ่งกาลเวลา
ก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน
หลินสวินพลันใจสั่น จากนั้นก็เห็นว่าการประลองของไท่เสวียนกับเหลียงชิวเทียนอู่จบลงแล้ว
ฟ้าดารายังคงเป็นฟ้าดาราเช่นเดิม ดวงดาวและห้วงอากาศที่ถูกทำลายก่อนหน้านี้ยังคงเป็นเช่นเดิม กว้างใหญ่ไพศาลและเงียบสงบเหมือนไม่ได้ถูกทำลายแต่อย่างใด
ทว่าหลินสวินกลับสังเกตเห็นว่าขั้นหลุดพ้นเจ็ดคนที่อยู่ไกลลิบบ้างตกตะลึง บ้างหวาดหวั่น บ้างงุนงง บ้างอึ้งงันไม่พูดจา
จิตใจพวกเขาคล้ายเพิ่งถูกพายุลูกหนึ่งโจมตี บัดนี้ยังไม่อาจสงบใจลงได้
ไท่เสวียนสองมือไพล่หลัง แสงมงคลไพศาลเบื้องหลังไหลวน อานุภาพยังคงแข็งแกร่งจนทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเล็กจ้อยเหมือนมด ทำได้เพียงแหงนหน้าเลื่อมใส
เหลียงชิวเทียนอู่ที่อยู่ไกลออกไปถอนใจยาว “มรรคกระบี่นี้ยอดเยี่ยมจริง”
ในน้ำเสียงมีทั้งแววทอดถอนใจ ทั้งพึงพอใจ และมีความไม่ยินยอมเล็กน้อย
ไท่เสวียนยิ้มเอ่ย “ชมเกินไปแล้ว”
“จะให้พวกเขาจากไปได้หรือไม่” เหลียงชิวเทียนอู่ถาม
ไท่เสวียนยิ้มพลางส่ายหัว “กฎข้ากำหนดไว้ ผ่านไปสามลมหายใจแล้ว พวกเขาไม่มีทางหนีแล้ว”
เหลียงชิวเทียนอู่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เอ่ยว่า “หากเป็นเช่นนี้ วันหน้าย่อมต้องตัดสินเป็นตายกับร่างต้นของสหายยุทธ์”
รอยกระบี่รอยหนึ่งปรากฏขึ้นบนรูปจำลองเจตจำนงของเขาเงียบๆ จากนั้นร่างก็แยกออกเป็นสองส่วนแล้วหายลับไป
หลินสวินนัยน์ตาหดรัดมันใด ตระหนักได้ในยามนี้ว่าสาเหตุที่การต่อสู้นี้สิ้นสุดลง ก็เพราะเหลียงชิวเทียนอู่ถูกหนึ่งกระบี่ฟันขาดไปแล้ว!
ไกลออกไปพวกคนใหญ่คนโตขั้นหลุดพ้นเจ็ดคนอย่างเหลียงชิวสุ่ยขนพองสยองเกล้า เหมือนตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง
รูปจำลองเจตจำนงของเหลียงชิวเทียนอู่ยังถูกสังหารแล้ว!
“ไป!”
เยี่ยนอันเต้ากับเยี่ยนอันสิงเคลื่อนตัวหนีเต็มกำลังทันที
คำพูดที่ไท่เสวียนตอบเหลียงชิวเทียนอู่ก่อนหน้านี้ เท่ากับตัดสินโทษประหารให้พวกเขาแล้ว ใครจะนั่งรอความตายได้อีก
แทบจะในขณะเดียวกัน เหลียงชิวสุ่ย เหลียงชิวอวิ๋น อิ๋งเซี่ยวยวน อิ๋งชิง ฉินเวิ่นเจินต่างก็เคลื่อนไหว หนีกันรวดเร็วยิ่ง
คนใหญ่คนโตขั้นหลุดพ้นเจ็ดคนล้วนหนีสุดกำลัง!
ภาพเช่นนี้ทำเอาหลินสวินได้เปิดหูเปิดตา อย่างน้อยก่อนหน้านี้เขาก็ไม่เคยคิดสักนิด ว่าสัตว์ประหลาดเฒ่าที่น่าครั่นคร้ามยิ่งเช่นนี้จะถึงกับหนีหัวซุกหัวซุนแบบนี้
เรื่องนี้พิสูจน์อย่างไร้ข้อกังขาว่าภัยคุกคามจากไท่เสวียนใหญ่โตเกินไป รุนแรงจนพวกเขาไม่กล้าต่อต้านหรือดิ้นรนสักนิด!
“ก่อนหน้านี้ให้พวกเจ้าไป พวกเจ้าไม่ไป ตอนนี้ไม่ให้พวกเจ้าไป พวกเจ้าดันอยากไป ทำไมต้องหาเรื่องใส่ตัวเช่นนี้ด้วย”
ไท่เสวียนถอนใจยาวเฮือกหนึ่ง
เขาสะบัดข้อมือ กระบี่มรรคในมือพุ่งผ่านอากาศไปอย่างรวดเร็ว
สวบ!
ทันใดนั้นกระบี่มรรคแน่นขนัดนับไม่ถ้วนเป็นดั่งกระแสน้ำเชี่ยวกราก แผ่ปูทั่วฟ้าดารา เสียงกระบี่ดังชิ้งๆ ก้องไปทั้งเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน
แปดร้อยล้านสี่หมื่นกระบี่เต็มแน่นฟ้าดารา!
หลินสวินตกใจทันที
ณ ที่ไกลลิบ เสียงร้องอู้อี้ โหยหวน หวีดแหลม ร้องลั่นดังขึ้นต่อเนื่องระลอกหนึ่ง…
จากนั้นทุกอย่างก็คืนสู่ความเงียบ
ปราณกระบี่ที่ปกคลุมทั้งฟ้าดาราหายลับไปเงียบๆ เหมือนแสงเคลื่อนเป็นริ้วๆ
“ตายแล้วหรือ” หลินสวินถามอย่างอดไม่ได้
“รับรองว่าไม่มีชีวิตรอดแล้ว”
ไท่เสวียนยิ้มเบิกบาน
หลินสวินต้องหายใจเข้าออกลึกๆ เฮือกหนึ่งถึงเก็บกลั้นความตื่นตกใจไว้ได้ เอ่ยว่า “ผู้อาวุโส นี่ก็คือพลังของระดับนิรันดร์หรือ”
ไท่เสวียนนิ่งคิดแล้วกล่าวว่า “พูดให้ถูกต้อง ถือว่าเป็นแค่พลังของรูปจำลองเจตจำนงเท่านั้น”
หลินสวินยิ้มขื่นไปครู่หนึ่ง
เขาอดคิดไม่ได้ว่ารูปจำลองเจตจำนงยังแกร่งกล้าปานนี้ เช่นนั้นร่างต้นของไท่เสวียน… จะน่ากลัวขนาดไหน
——