Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2803 ความองอาจอย่างเทพมารในอดีต

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2803 ความองอาจอย่างเทพมารในอดีต

ตอนที่ 2803 ความองอาจอย่างเทพมารในอดีต

บนถนน เลือดนองดุจแม่น้ำ แผ่ขยายออกมา

ศัตรูล้วนถูกฆ่าหมดแล้ว เหลือเพียงเงาร่างที่ผ่าเผยนั้นของหลินสวินยืนอยู่เพียงลำพัง เนื้อตัวสะอาดสะอ้านไม่บาดเจ็บสักนิด

อารมณ์สะท้านไหวพวยพุ่งขึ้นในใจผู้คนที่เฝ้ามองดูอยู่ไกลๆ ไม่รู้มีคนเท่าไรขนลุก

แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

ทั้งหมดยังไม่ถึงครึ่งเค่อ คนผู้เดียวฟันมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดินับร้อย การสังหารที่นองเลือดระดับนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยเกิดขึ้นในเมืองเทพศุภโชค

เขาเป็นใครกันแน่

เหตุใดพลังต่อสู้จึงน่ากลัวเพียงนี้

บรรดาผู้ฝึกปราณที่ตามหลังหลินสวินมาไกลโดยตลอดขาอ่อนแล้ว สายตาอึ้งงัน พวกเขาตามหลินสวินมาตลอดทาง เห็นขั้นตอนทั้งหมดที่หลินสวินสังหารตั้งแต่นอกประตูสวรรค์ทิศใต้มาถึงที่นี่

หลายครั้งที่พวกเขาต่างตกใจ รู้สึกอยากถอยหนีอย่างแรงกล้า

แต่สุดท้ายพวกเขาก็ทนเอาไว้ เพราะพวกเขาเชื่อมั่นว่าเมื่อแต่ละขุมอำนาจเผ่าเทพส่งผู้ฝึกปราณมา หลินสวินต้องตกอยู่ในการปิดล้อมของทัพใหญ่แน่นอน

แต่ตอนนี้…

ความเชื่อมั่นในใจพวกเขาล้วนพังทลาย ถูกความตื่นตกใจและหวาดหวั่นเข้าแทนที่

บรรยากาศกดดันและเงียบกริบทำให้คนหายใจไม่ออก

หลินสวินกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปัดเสื้อผ้าลวกๆ จะเดินทางต่อ จู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นได้ เอ่ยว่า

“ใครรู้บ้างว่าพื้นที่ที่เก้าเผ่าเทพอย่างตระกูลเหลียงชิว ตระกูลอิ๋ง ตระกูลเยี่ยนตั้งอาณาเขตไว้อยู่ที่ไหน”

เสียงกังวานทั่วพื้นที่นี้

คนมากมายขนลุกซู่ คนแซ่หลินนี่คิดจะทำอะไร หรือยังคิดจะไปบุกอาณาเขตของเก้าเผ่าเทพ!?

แม้ตื่นตกใจแต่ก็ไม่มีคนตอบ

ก่อนหน้านี้หลินสวินสังหารผู้แข็งแกร่งของขุมอำนาจเผ่าเทพไปมากมายขนาดนั้น เผ่าเทพเหล่านี้ไม่มีทางหยุดเพียงเท่านี้อย่างไม่ต้องสงสัย

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ใครจะกล้าเปิดเผยข่าวสารให้หลินสวิน

หลินสวินเหมือนไม่ได้ประหลาดใจนัก ยื่นมือไปคว้าง่ายๆ

ปัง!

ชายชุดดำที่ตามหลังมาตลอดคนหนึ่งถูกคว้าจากกลางอากาศ กลิ้งร่วงมาอยู่เบื้องหน้าหลินสวิน

“พูดมา” หลินสวินพูดง่ายๆ

ชายชุดดำเอ่ยอย่างตื่นตระหนก “ข้า… ถ้าพูดข้าต้องตาย!”

“เจ้าไม่พูดก็จะต้องตายตอนนี้”

“เจ้า…”

“คิดว่าข้าฆ่าผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจใช่หรือไม่ ขอโทษด้วย เจ้าไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์ ตอนที่อยู่นอกเมืองเจ้าเป็นคนแรกที่ส่งข่าวมาในเมือง คิดว่าข้าไม่เห็นจริงหรือ”

ชายชุดดำหน้าเปลี่ยนสีไป กัดฟันกล่าว “ข้ามาจากเผ่าเทพตระกูลเป้า…”

ปัง!

พูดยังไม่ทันจบก็ถูกฝ่ามือหนึ่งของหลินสวินตบจนร่างแหลก ดึงพลังจิตของเขาออกมาพลางถอนหายใจเบาๆ “ถึงขนาดนี้แล้วยังจะเอาฐานะมาขู่ โง่จริงๆ”

ขณะพูดจิตรับรู้ของเขาแทงเข้าไปในพลังจิตของอีกฝ่ายราวกับคมกระบี่

ไม่นานหลินสวินก็ได้รู้คำตอบที่ตนต้องการ

“ล่วงเกินเผ่าเทพไปแล้ว เจ้ารอดชีวิตได้อีกไม่กี่วันหรอก!” พลังจิตของคนผู้นั้นคำราม

เสียงเปรี๊ยะดังขึ้นคราหนึ่ง หลินสวินบดขยี้พลังจิตของเขาจนระเบิด กลายเป็นละอองแสงพร่างพรม

เหล่าคนที่เห็นภาพนี้ขนลุกซู่ไปทั้งตัว ในที่สุดก็ตระหนักได้ว่าคนแซ่หลินนี่ไม่สนใจการคุกคามของเผ่าเทพใดๆ!

ไร้ซึ่งความหวาดกลัวถึงได้ไร้พะวง!

“ตรงนี้ เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

ตอนนี้เองไกลออกไปมีเงาร่างผู้ฝึกปราณพุ่งมาอีกกลุ่ม อานุภาพทรงพลัง

แต่เมื่อเห็นภาพที่เลือดนองดุจดั่งภาพวาดนี้ แต่ละคนล้วนหน้าเปลี่ยนสี สายตาที่มองหลินสวินก็แฝงความตกตะลึงไปด้วย

“รีบไป คนผู้นี้สู้ไม่ไหว! ก่อนหน้านี้ได้สังหารมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดินับร้อยแล้ว!”

ผู้ฝึกปราณที่ดูอยู่ไกลๆ คนหนึ่งตะโกนเตือนอย่างร้อนใจ

ตอนนี้เองก็เห็นหลินสวินสะบัดแขนเสื้อ ปราณกระบี่นับไม่ถ้วนตัดสลับ กลายเป็นกระแสปราณกระบี่ที่หอบม้วนห้วงอากาศ พุ่งไปทางผู้ฝึกปราณกลุ่มนั้น

“ไป!”

“รีบแยกตัว!”

ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นสังเกตเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีแต่แรกแล้ว ทั้งยังถูกเตือน จะไม่เข้าใจความผิดปกติได้อย่างไร

หลังจากที่หลินสวินลงมือ พวกเขาก็เลือกถอยทัพในทันที

แต่กลับช้าไปก้าวหนึ่งแล้ว

ตูม โครม!

กระบี่ครวญสะเทือนฟ้าดินพวยพุ่ง ในห้วงอากาศเงาร่างสายแล้วสายเล่าถูกปราณกระบี่ที่แหลมคมหาใดเปรียบกวาดพาด ร่างแยกเป็นสี่ห้าส่วน เลือดสาดราวกับน้ำตก

ชั่วพริบตาถูกฆ่าจนหมด!

ภาพการตายเหล่านี้กระตุ้นจนคนที่มองดูอยู่ไกลๆ ล้วนเหมือนบ้าคลั่งขึ้นมา ส่งข่าวอย่างลนลาน

“บอกคนในตระกูล อย่ามาเด็ดขาด!”

“เจ้าคนแซ่หลินนี่ฆ่ามกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิร้อยกว่าคนแล้ว รีบบอกผู้แข็งแกร่งในตระกูล ไม่เช่นนั้นจะประสบเคราะห์ใหญ่!”

“เร็ว รีบห้ามคนในตระกูล!!”

…ข่าวต่างๆ กระจายไปยังสี่ทิศแปดด้าน

ที่น่าขันคือ ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่นอกประตูเมืองก็เป็นคนเหล่านี้ที่ส่งข่าว หวังให้ขุมอำนาจเบื้องหลังเคลื่อนไหวในทันที จัดการหลินสวินเสีย…

กับเรื่องนี้หลินสวินไม่ได้ห้าม เขาก้าวเท้ามุ่งหน้าต่อไป

เมืองเทพศุภโชคเทียบได้กับโลกใหญ่แห่งหนึ่ง กว้างใหญ่ไม่มีสิ้นสุด

ผู้ฝึกปราณที่รวมตัวอยู่ในเมืองมีมากกว่าร้อยล้าน ในนั้นมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคือตัวตนที่สูงส่งที่สุด

ทว่าคนเช่นนี้แม้พบได้ไม่ยาก แต่ในขอบเขตผู้ฝึกปราณมากกว่าร้อยล้านคนก็ยังถือเป็นแค่ส่วนเล็กๆ

ผู้ฝึกปราณส่วนใหญ่ในเมืองล้วนมีปราณต่ำกว่าระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ ยิ่งมีผู้ฝึกปราณที่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิ

แค้นมีเจ้าของ หนี้มีเจ้าหนี้

หลินสวินไม่ได้จะกวาดล้างทั้งเมือง แน่นอนว่าไม่อาจฆ่าผู้บริสุทธิ์

ว่ากันถึงที่สุด เขาในตอนนี้ต้องการฆ่าเพื่อระบายความแค้นในใจ

เห็นเงาร่างของหลินสวินค่อยๆ เดินออกไปไกล จู่ๆ ก็มีคนตะโกนอย่างตกใจ “เขา… คงไม่ได้จะไปอาณาเขตของเผ่าเทพตระกูลเยี่ยนกระมัง”

เผ่าเทพตระกูลเยี่ยน นั่นเป็นถึงขุมอำนาจเผ่าเทพที่จัดอยู่ในสิบอันดับแรกของแหล่งสถานศุภโชค!

“ต้องเป็นเช่นนั้นแน่ เพราะในบริเวณสามหมื่นลี้ของประตูสวรรค์ทิศใต้ แม้มีกำลังพลเผ่าเทพไม่น้อยตั้งปักหลักอยู่ แต่ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันล้วนเป็นอาณาเขตที่ปกครองโดยเผ่าเทพตระกูลเยี่ยนมาโดยตลอด”

“วันนี้คนแซ่หลินนี่จะเปิดฉากการสังหารครั้งใหญ่ กวาดล้างอาณาเขตของเก้าเผ่าเทพหรือ”

“บ้าไปแล้ว…”

ผู้ที่มองดูอยู่ต่างแตกตื่น พวกเขาส่งข่าวการเคลื่อนไหวของหลินสวินออกไปในทันที

……

ยอดเขาลมพิสุทธิ์

พื้นที่ในเมืองเทพศุภโชคที่เผ่าเทพตระกูลเยี่ยนยึดครอง

ตอนที่หลินสวินมาถึง กระบวนผนึกที่วางอยู่ทั่วยอดเขาลมพิสุทธิ์ล้วนเปิดใช้ ผู้ฝึกปราณระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิกลุ่มหนึ่งของตระกูลเยี่ยนรวมตัวอยู่ด้านหลังกระบวนผนึก รอคอยอย่างเคร่งขรึม

ข่าวจากในเมืองล้วนถูกพวกเขาล่วงรู้ในทันที ย่อมรู้ดีว่าหลินสวินบุกสังหารมาจากประตูสวรรค์ทิศใต้เพียงลำพังอย่างไร

“หากอยู่โลกภายนอก ฝ่ามือเดียวของข้าก็ตบคนคลั่งเช่นเจ้าให้ตายได้แล้ว!”

เฒ่าดึกดำบรรพ์ตระกูลเยี่ยนคนหนึ่งพูดอย่างเดือดดาล เขาเป็นเฒ่าดึกดำบรรพ์ขั้นดับเทพ ช่วงนี้มาทำธุระที่เมืองเทพศุภโชค ไม่คิดว่าจะเจอหายนะเช่นนี้

แต่ในเมืองเทพศุภโชค คนที่แข็งแกร่งอย่างเขามรรควิถีล้วนถูกกดให้อยู่ในระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ นี่ก็คือเหตุผลที่ทำให้เขาขุ่นเคือง

“ผู้อาวุโส พูดเรื่องพวกนี้ตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์”

ชายชุดทองคนหนึ่งพูดเสียงขรึม “ข้าออกคำสั่งไปแล้ว ระดมกำลังเผ่าเทพอื่นๆ มาเสริมทัพ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การมาของคนแซ่หลินนี่จะต้องไปไร้หวน!”

ประโยคเดียวทำให้คนอื่นๆ ฮึกเหิมขึ้นมา

ในโลกยุคสมัยนับร้อยของแหล่งสถานศุภโชค เผ่าเทพตระกูลเยี่ยนก็เป็นขุมอำนาจใหญ่ที่จัดอยู่ในสิบอันดับแรก

ใต้อาณัติของพวกเขายังมีขุมอำนาจเผ่าเทพอีกไม่น้อย

อย่างเช่นในหมู่เก้าเผ่าเทพที่ออกคำสั่งตามฆ่าหลินสวิน ก็มีสองเผ่าเทพเป็นขุมอำนาจใต้อาณัติตระกูลเยี่ยน

“เล่นงานคนผู้เดียวเท่านั้น กลับต้องเคลื่อนกำลังพลยิ่งใหญ่เช่นนี้ หากกระจายออกไป… ขายหน้าอยู่บ้างจริงๆ…” เฒ่าดึกดำบรรพ์คนนั้นถอนหายใจ

“ผู้อาวุโส กองหนุนของพวกเรามาแล้ว!”

ทันใดนั้นชายชุดทองพลันฮึกเหิม มองกลุ่มคนสองขบวนที่มาอย่างเกรียงไกร เป็นผู้แข็งแกร่งเผ่าเทพตระกูลฉู่และเผ่าเทพตระกูลเป้าใต้อาณัติพวกเขาตระกูลเยี่ยน

นี่ทำให้ผู้แข็งแกร่งตระกูลเยี่ยนวางใจลง เช่นนี้บริเวณยอดเขาลมพิสุทธิ์ก็มีมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิมากกว่าร้อยคนรวมตัวอยู่ ยิ่งมีกระบวนผนึกเป็นชั้นๆ ปกป้อง!

“รีบดูเร็ว เจ้าหมอนั่น… เจ้าหมอนั่นคงไม่ใช่คนคลั่งแซ่หลินหรอกนะ”

แทบจะในเวลาเดียวกัน เสียงตะโกนสายหนึ่งดังขึ้น ทำให้ทุกคนฮือฮาขึ้นมา

ทุกคนเงยหน้ามองไป ก็เห็นว่าไกลออกไปมีเงาร่างผ่าเผยสายหนึ่งก้าวเดินผ่านห้วงอากาศเข้ามา ชุดขาวพระจันทร์โบกสะบัด โดดเด่นราวกับเซียน

“เป็นเขา!”

“เขาถึงกับกล้ามากำเริบเสิบสานที่ตระกูลเยี่ยนของพวกเราจริงๆ”

“ช่างขวัญกล้านัก!”

ผู้แข็งแกร่งเผ่าเทพตระกูลเยี่ยนฮือฮา สีหน้าแตกต่างกันไป

“ผู้แข็งแกร่งตระกูลฉู่ตระกูลเป้าฟังคำสั่ง รีบไปสังหารคนผู้นี้!”

ชายชุดทองตะโกน เสียงดังก้องไปนอกกระบวนผนึก

กำลังพลของตระกูลฉู่และตระกูลเป้าต่างสังเกตเห็นหลินสวินแล้ว หลังจากได้รับคำสั่งก็พลันรวมตัว ราวกับกระแสน้ำที่กลบฟ้าดิน โจมตีเข้าใส่หลินสวิน

ตูม!

การต่อสู้ปะทุขึ้น แสงมรรคพลุ่งพล่านท่วมฟ้าดินผืนนั้น

เพียงครู่เดียว

ผู้แข็งแกร่งที่มองดูอยู่ตลอดต่างหน้าเปลี่ยนสีโดยพร้อมเพรียง ตะโกนออกมาด้วยความตกใจ

“นี่เป็นไปได้อย่างไร”

“บนโลกนี้มีมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิที่แข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร”

“คนระดับนี้ เทียบเท่ากับธิดาเทพตระกูลเราแล้ว…”

“ไม่ เกรงว่าธิดาเทพยังไม่ร้ายกาจเท่าคนแซ่หลินนี่ด้วยซ้ำ”

ในครรลองสายตาของพวกเขา หลินสวินประหนึ่งกระบี่เทพที่ทำลายได้ทุกสิ่ง เพียงครู่เดียวก็สังหารคู่ต่อสู้สิบกว่าคน แข็งแกร่งยิ่งยวด

ผู้แข็งแกร่งตระกูลเป้าและตระกูลฉู่ที่เข้าปิดล้อมพ่ายแพ้ไม่เป็นกระบวนในทันที

นี่ทำให้พวกเขาเดือดดาลและรู้สึกหวาดกลัวเช่นกัน

“จะไปช่วยหนุนหรือไม่”

มีคนส่งเสียงอย่างยากลำบาก

“ช่วยหนุนหรือ ข้าว่าไปรนหาที่ตายมากกว่า! ป้องกันอยู่ที่นี่ อย่าเคลื่อนไหวโดยพลการ!”

ชายชุดทองโกรธจนหน้าเขียว

สีหน้าของคนอื่นๆ ก็ไม่น่าดูเช่นกัน แต่ละคนสภาวะจิตกดดัน

ผู้แข็งแกร่งตระกูลฉู่และตระกูลเป้าที่อยู่ไกลออกไป หากพูดถึงมรรควิถีล้วนไม่ด้อยกว่าพวกเขาอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้กลับถูกคนผู้เดียวสังหารจนสิ้นกระบวน บาดเจ็บล้มตายต่อเนื่อง นี่ทำให้พวกเขารู้สึกได้ถึงภัยคุกคามรุนแรง

ที่ยิ่งทำให้พวกเขาทั้งโกรธและตกใจกว่าคือ การต่อสู้ดำเนินไปได้ไม่นาน ผู้แข็งแกร่งตระกูลฉู่และเป้ากลับหนีไปแล้ว!

แต่ละคนราวกับถูกฆ่าจนหลอนไปแล้ว หนีกันรวดเร็วยิ่ง

“พวกสารเลว!”

เฒ่าดึกดำบรรพ์ขั้นดับเทพคนนั้นโกรธจนก่นด่า

เพียงแต่ครู่ต่อมา สีหน้าที่เดือดดาลของเขาก็ถูกความตะลึงแทนที่

ก็เห็นปราณกระบี่เรืองรองนับไม่ถ้วนกระจายออกจากร่างหลินสวิน หอบม้วนไปยังสี่ทิศแปดด้าน

ปังๆๆ!

เสียงทึบหนักถี่ยิบระลอกหนึ่งดังขึ้น ผู้แข็งแกร่งสองเผ่าเทพที่หนีไป แต่ละคนร่างระเบิด ถูกฆ่าตายคาที่ เลือดสาดกระเซ็นขึ้นสูง

“นี่…”

บนยอดเขาลมพิสุทธิ์ เหล่าผู้แข็งแกร่งของเผ่าเทพตระกูลเยี่ยนอึ้งงันอยู่ตรงนั้น เบิกตาโพลง สีหน้าเผยความหวาดกลัวอย่างไม่สามารถควบคุมได้

มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิสองเผ่าเทพหลายสิบคนถูกสังหารจนหมด!!

ทั้งหมดนี้ยังเกิดขึ้นภายใต้สายตาของพวกเขา ภาพที่นองเลือดแต่ละภาพทำเอาพวกเขาถึงขั้นรู้สึกอยากทิ้งที่มั่น หนีไปให้รู้แล้วรู้รอด

แต่ตอนนี้หลินสวินก้าวเข้ามาแล้ว มาถึงหน้ายอดเขาลมพิสุทธิ์ ใต้แสงฟ้า เงาร่างผ่าเผยนั้นปกคลุมด้วยแสงประกายที่ทำให้คนใจสั่นชั้นหนึ่ง

ดุจดั่งเทพมาร!

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท