Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2810 ยังมีใครอยากรับความตายอีก

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2810 ยังมีใครอยากรับความตายอีก

ตอนที่ 2810 ยังมีใครอยากรับความตายอีก

การตายของอิ๋งเยวี่ย ก่อให้เกิดแรงสะเทือนยิ่งใหญ่ในหมู่ผู้ชมการต่อสู้ที่อยู่ห่างไป

โดยเฉพาะเหล่าผู้แข็งแกร่งของเผ่าเทพตระกูลอิ๋ง ไม่มีใครไม่ดวงตาปูดโปน!

ส่วนในสนามรบ กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินห้ำหั่นกับระดับบุตรเทพสามคนของตระกูลเหลียงชิวแล้ว

ตูม!

แสงศักดิ์สิทธิ์สาดประกาย วิชามรรคกู่ก้อง

บริเวณใกล้ๆ นภาดาราศุภโชคถูกคลื่นการต่อสู้ชวนประหวั่นปกคลุมโดยสมบูรณ์

อย่างน้อยในเมืองเทพศุภโชค การต่อสู้เช่นนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นการต่อสู้ชั้นสูง เป็นการประลองระหว่างผู้ไร้คู่ต่อกรในระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ

การตายของอิ๋งเยวี่ยกระตุ้นพวกเหลียงชิวหูอย่างที่สุดเช่นกัน พวกเขาแต่ละคนไม่กล้าเก็บงำ ปลดปล่อยมรรควิถีของตนถึงขีดสุด

แต่ยิ่งสู้ยิ่งทำให้พวกเขาหวั่นใจ

ด้วยร่างแยกของหลินสวินแข็งแกร่งกว่าที่พวกเขาคิดไว้มาก ต่อให้ถูกล้อมโจมตีก็ยังไม่ถูกกำราบ กลับเป็นว่าทุกครั้งที่ออกโจมตีจะสร้างผลกระทบและภัยคุกคามให้พวกเขาอย่างมาก!

ตูม!

ท่ามกลางแสงศักดิ์สิทธิ์พลุ่งพล่านลุกโชน ภายใต้หมัดของหลินสวิน ทวนยาวเจิดจ้าของเหลียงชิวเวิ่นถูกซัดจนเกือบกระเด็นหลุดจากมือ ไม่รอให้นางตอบสนอง หลินสวินก็พุ่งตัวเข้าไป แขนเสื้อสะบัดโบก ปราณกระบี่นับไม่ถ้วนทะยานออกมา

คล้ายหมื่นกระบี่พุ่งออกมาพร้อมกัน!

เหลียงชิวเวิ่นส่งเสียงร้องแหลม ยามเงาร่างพริบไหวหลบหลีกก็ช้าไปก้าวหนึ่งแล้ว ถูกปราณกระบี่หลายสายฟันใส่ตัว เลือดสดสาดกระเซ็นไปทั้งร่าง แทบถูกฟันเป็นชิ้นๆ

“ฆ่า!”

เหลียงชิวหูกับเหลียงชิวเจี้ยนเข้ามาช่วยทันเวลา ใช้พลังทั้งหมดโจมตีหลินสวิน

กลับเห็นหลินสวินไม่หลบไม่หลีก ใช้ร่างกายต้านการโจมตีนี้อย่างแข็งกร้าว ทั้งเขายังเหิมฮึก กำหมัดกระหน่ำซัด

ปัง!

เหลียงชิวเวิ่นที่เดิมได้รับบาดเจ็บสาหัสถูกพลังหมัดสังหารโดยตรง เลือดสดสาดกระเซ็น

“นี่…”

“สวรรค์!”

“ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งเช่นนี้”

เสียงอุทานดังขึ้นแต่ไกล ผู้ชมการต่อสู้ล้วนถูกภาพนองเลือดกระตุ้น อกสั่นขวัญหาย อึ้งงันอยู่ตรงนั้น

ร่างแยกร่างเดียวกลับร้ายกาจเช่นนี้ ฆ่าอิ๋งเยวี่ย สังหารเหลียงชิวเวิ่น ราวกับไม่อาจทัดเทียม!

“บัดซบ!”

สีหน้าเหลียงชิวหูกับเหลียงชิวเจี้ยนอึมครึมเป็นพิเศษ ทั้งตระหนกและขุ่นเคือง อานุภาพทั้งตัวน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม พลังที่สำแดงออกมายามเคลื่อนไหวล้วนมีอานุภาพทลายฟ้ามลายดิน

“เปล่าประโยชน์”

กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินเยาะหยัน ออกหมัดสังหารเหมือนเทพองค์หนึ่ง ทุกการโจมตีล้วนมีอานุภาพทำลายภูผาธารา บดขยี้เก้าชั้นฟ้า

อันที่จริงหลังจากเริ่มเปิดศึก หลินสวินก็ไม่เคยเก็บงำ!

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ข้อห้ามสำคัญก็คือการถูกปิดล้อมและพัวพัน

ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการฆ่าอิ๋งเยวี่ยหรือกำจัดเหลียงชิวเวิ่นก่อนหน้านี้ ล้วนเป็นการสะท้อนมรรควิถีทั้งตัวเขาถึงขีดสุด

หากเก็บงำคงไม่มีทางสังหารอีกฝ่ายได้เร็วเช่นนี้แน่

จากมุมมองคนนอก อิ๋งเยวี่ยกับเหลียงชิวเวิ่นดูไม่ได้ความนัก แต่ความจริงเป็นเพียงเพราะความสำเร็จบนระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิของหลินสวินเหนือกว่าสองคนนี้เท่านั้น

ต้องรู้ว่าตั้งแต่แจ้งมรรคเป็นมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิที่โบราณสถานทวยเทพ หลินสวินก็ใช้พลังของตัวเองกำราบมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิที่แจ้งมรรคมาหลายปีอย่างฉีหลิงอวิ๋น จงหลีเซียว มู่อี้ ชือพั่วจวินได้แล้ว

กระทั่งต่อมายามเข้าสู่โลกยอดนิรันดร์ เมื่อพลังปราณระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิของเขาเลื่อนขั้นอย่างต่อเนื่อง ยามมาถึงน่านฟ้าที่หก เขาถึงขั้นข้ามระดับไปต่อสู้กับระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าได้

พลังนั้นมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิในความหมายทั่วไปมีหรือจะเทียบได้

ตอนนี้แม้ว่าสิ่งที่หลินสวินใช้คือกายมรรคไม้เขียว แต่ก็มีพลังต่อสู้เหมือนร่างต้น!

กล่าวสรุปโดยง่าย นี่ก็คืออานุภาพของมกุฎบรรพจารย์หมื่นมรรค!

ในโลกยอดนิรันดร์ก่อนหน้านี้ เขาทรงพลังไร้เทียมทาน

ในแหล่งสถานศุภโชคตอนนี้ เขาไม่ใช่คนที่บุตรเทพและธิดาเทพใดต้านทานได้

ตำนานแล้วอย่างไร

ปีศาจแล้วอย่างไร

ในการประลองบนมรรคาระดับจักรพรรดิ หลินสวินไม่หวาดกลัวอะไรนานแล้ว

ปึง!

เหลียงชิวเจี้ยนบาดเจ็บในการต่อสู้ ถูกแขนเสื้อหลินสวินซัดโดนตัว เหมือนถูกเทพสวรรค์ฟาดแส้ใส่ ผิวแตกเลือดอาบ กระดูกแตกหัก ทั้งตัวกระเด็นออกไป

ริมฝีปากเขาส่งเสียงอึดอัด ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

ยามนี้เหลียงชิวหูคิดไปช่วยก็ไม่ทันแล้ว

ตูม!

ครู่ต่อมาร่างเหลียงชิวเจี้ยนระเบิดออก ถูกหลินสวินซัดฝ่ามือใส่กลางอากาศ

“ใต้เท้า!”

ห่างออกไปเหล่าผู้แข็งแกร่งตระกูลเหลียงชิวส่งเสียงร้องอย่างอดไม่ได้

เหลียงชิวเวิ่นตายแล้ว ตอนนี้เหลียงชิวเจี้ยนก็ตายแล้ว แรงโจมตีที่นำพามาสู่พวกเขาหนักหน่วงนัก

คนอื่นในที่นั้นก็ถูกทำให้ตกใจโดยสมบูรณ์

ต่อให้ผ่าสมองออกมาก็ไม่อาจจินตนาการ ว่าแม้ระดับบุตรเทพลงมือพร้อมกันยังไม่อาจกำราบหลินสวินได้ กลับเป็นว่าถูกหลินสวินปลิดชีพทีละคน

นี่เหมือนความฝันที่ไม่ใช่ความจริง!

“ตอนนี้เจ้าคิดว่าพอหรือยัง”

กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินเอ่ยปาก ตอนนี้เหลือแค่เหลียงชิวหูคนเดียว เพียงแต่สีหน้าผิดแปลกหาใดเปรียบ บนหน้าผากมีเส้นเลือดปูดโปน ดวงตาแดงก่ำ เคียดแค้นเหมือนบ้าคลั่ง

“เจ้าจองหองตอนนี้แล้วอย่างไร สุดท้ายก็ออกจากเมืองเทพศุภโชคนี้ไม่ได้”

เหลียงชิวหูกล่าวข่มขู่

“ขอแค่รอดชีวิตก็มีโอกาสพลิกสถานการณ์ หากตายไป ทุกอย่างล้วนไม่ต้องพูดถึง”

หลินสวินกล่าวราบเรียบ

ฟุ่บ!

เงาร่างเหลียงชิวหูพุ่งวาบ กลายเป็นร่างแยกนับไม่ถ้วนเคลื่อนย้ายไปทั่วทิศ

ถึงกับหนีแล้ว!

กลับเห็นหลินสวินไม่ร้อนรน ยกมือกรีดวาด

ปราณกระบี่สายหนึ่งควบรวมในเสียงกังวาน จากนั้นก็แบ่งหนึ่งเป็นสอง แบ่งสองเป็นสี่ เพียงพริบตาก็กลายเป็นปราณกระบี่แน่นขนัดปกคลุมฟ้าดินพุ่งตามไปทันที

เห็นชัดว่าอหังการหาใดเปรียบ

สนไปไยว่าเงาร่างที่เจ้าวิวัฒน์ออกมาร่างไหนจริงร่างไหนปลอม กำราบมันทั้งหมดก็พอ!

ปังๆๆ!

เงาร่างนับไม่ถ้วนของเหลียงชิวหูระเบิดออกเหมือนฟองสบู่ ไม่นานเงาร่างสายหนึ่งก็คำรามเสียงอู้อี้ ร่างหนึ่งในนั้นหลั่งเลือดแดงก่ำราวน้ำตก

นั่นเป็นกายมรรคแท้จริงของเหลียงชิวหู ถูกกระบี่โจมตีอย่างหนัก เกือบฟันเอวขาด

“หลินสวิน เจ้า…”

เขาพยายามจะพูดอะไร แต่ยังไม่ทันสิ้นเสียงก็ถูกฝนกระบี่ห่าหนึ่งฝังกลบร่าง บดขยี้เป็นก้อนเลือดนับไม่ถ้วนและหายไปกลางอากาศ

“ใกล้ตายอยู่แล้วยังพูดมากอะไร”

กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินส่ายหัว

สีหน้าทุกคนอึ้งงัน ไม่อาจใช้คำพูดมาบรรยายความตกตะลึงในใจได้

ตั้งแต่การต่อสู้เริ่มต้นถึงตอนนี้เพิ่งผ่านไปไม่ถึงครึ่งเค่อ ระดับบุตรเทพของตระกูลเหลียงชิวและตระกูลอิ๋งล้วนถูกฆ่าตายคาที่!

พอมองหลินสวินอีกครั้ง เขาไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ท่าทางสุขุมเยือกเย็น

เมื่อเทียบกันสองฝ่ายแล้วย่อมตัดสินสูงต่ำได้!

สิ่งที่ทำให้ผู้คนใจสั่นที่สุดคือ ตั้งแต่ต้นจนจบร่างต้นของหลินสวินยังนั่งสมาธิ ไม่สนใจทุกอย่างที่เกิดขึ้นโดยรอบ…

“หลินสวิน เจ้าต้องไม่ตายดี!”

“รอก่อนเถอะ นอกเสียจากว่าเจ้าจะหลบอยู่ในเมืองทั้งชีวิต มิฉะนั้นเจ้าต้องถูกพันมีดหมื่นแล่แน่!”

ในฝูงชนมีเสียงเดือดดาลอาฆาตมากมายดังขึ้น

นั่นคือผู้แข็งแกร่งของตระกูลเหลียงชิวและตระกูลอิ๋ง แต่ละคนล้วนคับแค้น

สิ่งที่ตอบพวกเขาคือปราณกระบี่มากมายที่กระหน่ำฟันเข้ามา

ปราณกระบี่แต่ละสายราวกับมีจิตวิญญาณ พุ่งเข้าหาศัตรูกลางฝูงชนได้อย่างแม่นยำ บ้างแทง บ้างผ่า บ้างฟัน บ้างตัด…

เพียงพริบตาในฝูงชนราวกับมีดอกไม้ไฟสีเลือดมากมายเบ่งบาน ผู้คนใกล้เคียงตกใจจนอลหม่านไปทั้งแถบ หวีดร้องหลบหนีไม่หยุด

เมื่อมองผู้แข็งแกร่งของตระกูลเหลียงชิวและตระกูลอิ๋งพวกนั้น ก็เห็นว่าถูกสังหารหมู่จนราบคาบ!

ภาพเผด็จการเลือดเย็นนี้ทำให้หลายคนสองขาอ่อนปวกเปียก นึกถึงภาพตอนหลินสวินเพิ่งเข้าสู่เมืองเทพศุภโชค บุกสังหารจากประตูสวรรค์ทิศใต้มาถึงทะเลสาบจันทร์หม่นตลอดทางอย่างอดไม่ได้

“เจ้าอยากรับความตายตอนนี้ หรือจะรอรวมคนให้พอแล้วรับความตายพร้อมกัน”

หลินสวินไม่สนใจเรื่องพวกนี้ สายตามองเยี่ยนชิงหลีที่ชักช้าไม่เคลื่อนไหวมาตลอด

ใบหน้างามของเยี่ยนชิงหลีซีดเผือด ร่างอรชรสูงโปร่งเครียดเกร็ง ความหนาวสะท้านอย่างบอกไม่ถูกอัดแน่นไปทั้งตัว ทำให้นางรู้สึกเหมือนตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง

โดยเฉพาะยามที่ถูกสายตาของหลินสวินจับจ้อง พริบตานั้นนางถึงขั้นอยากหันตัวหนีไปทันที

“ข้า…”

เยี่ยนชิงหลีเพิ่งหมายพูดอะไร หลินสวินพลันชี้นิ้วไปยังที่ห่างไกล “แน่นอน เจ้าจากไปตอนนี้ก็ได้ ไม่อย่างนั้นเจ้าจะไม่มีทางรอดให้เลือกอีก”

ประโยคเดียวง่ายๆ ไม่มีการหยามเหยียดและสบประมาท

แต่สำหรับเยี่ยนชิงหลี นี่เป็นการดูถูกอย่างมากแล้ว!

เนิ่นนานกว่าเยี่ยนชิงหลีจะหันหลังจากไปอย่างยากลำบาก

ภายใต้การจับจ้องของสายตานับไม่ถ้วน ก็เหมือนดาบคมกริบมากมายเสียบแทงใจนางอย่างหนัก บดขยี้ศักดิ์ศรีของนางไปพร้อมกัน

สำหรับธิดาเทพอย่างนาง การถอยโดยไม่สู้ย่อมเป็นความอัปยศชั่วชีวิต ถึงขั้นมีโอกาสสูงว่าในจิตมรรคจะเหลือเงามืดไว้ ส่งผลต่อมรรคาของนางในวันหน้า

แต่ถ้าอยากมีชีวิตรอด นางได้แต่ทำเช่นนี้

มองดูนางจากไป สีหน้าทุกคนในที่นั้นล้วนซับซ้อน บ้างตกตะลึง บ้างทอดถอนใจ บ้างหวาดกลัวและยำเกรงอยู่ลึกๆ

หลินสวินแค่ใช้ร่างแยกออกโรงก็กำราบระดับบุตรเทพได้ทั้งหมด นี่อยู่เหนือการคาดเดาก่อนหน้านี้ของพวกเขาโดยสิ้นเชิง

เดิมทีพวกเขาแค่คิดว่าอย่างมากหลินสวินก็ได้แต่สูสีกับระดับบุตรเทพพวกนั้น

แต่ตอนนี้พวกเขาเพิ่งรู้ซึ้งว่าหลินสวินโดดเด่นไม่เหมือนใครเพียงใด

ปีศาจพวกนั้นโดดเด่นเหนือฝูงชน แต่เขากลับสังหารปีศาจเหล่านั้นทั่วทิศ!

“ยังมีใครอยากรับความตายอีก”

ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัดกดดัน หลินสวินกวาดสายตามองโดยรอบ ขอแค่เป็นผู้ฝึกปราณที่ถูกสายตาเขากวาดผ่าน ทุกคนล้วนหลบหนีโดยไม่รู้ตัว ไม่กล้าสบตาเขา

“ที่นั่นใช่ไหม”

ทันใดนั้นเสียงหยิ่งทะนงเย็นชาหนึ่งดังขึ้นแต่ไกล จากนั้นตรงขอบฟ้าไกลโพ้นมีรุ้งเทพสายหนึ่งเคลื่อนตัวมาทางนี้เต็มกำลัง

เมื่อมองอย่างละเอียด นั่นเป็นชายชุดดำที่มีกลิ่นอายน่ากลัวถึงขีดสุดคนหนึ่ง

แต่มาถึงครึ่งทางก็ถูกเสียงลนลานกระวนกระวายห้ามไว้

“นายน้อย! ไปไม่ได้!”

เสียงลนลานนี้เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่อย่างรวดเร็ว

ฟุ่บ!

ภายใต้การจับจ้องด้วยสายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วน พลันเห็นชายชุดดำนั่นหันหลังกลับ เพียงพริบตาก็หายลับไป

“เจ้าหมอนั่น…”

หลายคนหมดคำพูด รู้สึกแปลกๆ

“นั่นดูเหมือนว่าจะเป็นบุตรเทพของเผ่าเทพต้าฉู่”

“ขี้ขลาดเกินไปแล้ว!”

“ขี้ขลาด? ถ้าข้าเป็นเขาก็คงหนีไปทันทีเหมือนกัน!”

ผู้คนวิพากษ์วิจารณ์ไม่หยุด

กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ย้อนกลับเข้าร่างต้นโดยตรง

คลื่นลมครานี้จึงปิดฉากเพียงเท่านี้

แต่เหล่าผู้ฝึกปราณที่รวมตัวอยู่ที่นี่กลับรู้ว่าเมื่อเรื่องในวันนี้แพร่ออกไป ระดับบุตรเทพที่กำลังเร่งเดินทางมาพวกนั้น เกรงว่าต้องชั่งน้ำหนักพิจารณาผลลัพธ์ของการมาจัดการหลินสวินแล้ว

เท่านี้ก็คาดเดาได้ว่าหากเกิดเคราะห์สังหารที่หมายหัวหลินสวินอย่างวันนี้อีก คนที่ลงมือพวกนั้นต้องเตรียมการมาก่อน!

ผู้คนแยกย้ายกันไปช้าๆ ทั้งกระจายเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ออกไป

คาดการณ์ได้ว่าเมืองเทพศุภโชคในวันนี้ต้องปั่นป่วนโกลาหลอีกครั้งแน่

ไม่ทันไรบริเวณใกล้ๆ นภาดาราศุภโชคเปลี่ยนเป็นเงียบสงบลง มีแค่ผู้ฝึกปราณบางส่วนยืนกระจัดกระจาย ลังเลว่าจะเข้าไปในอาณาเขตของนภาดาราศุภโชคเพื่อหยั่งรู้ระบบการฝึกปราณที่สมบูรณ์นับร้อยนั่นหรือไม่

สำหรับเรื่องพวกนี้หลินสวินเหมือนไม่รับรู้ นั่งเฉยอยู่ตรงนั้นราวกับรูปปั้นแกะสลักที่ไม่ขยับมาหมื่นกาล นิ่งไม่ไหวติง

……………….

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท