Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2851 เปลี่ยนแปลงเล็กใหญ่ เป็นไปดั่งใจนึก

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2851 เปลี่ยนแปลงเล็กใหญ่ เป็นไปดั่งใจนึก

ตอนที่ 2851 เปลี่ยนแปลงเล็กใหญ่ เป็นไปดั่งใจนึก

ช่วงที่หลินสวินถูกล้อมวันที่สอง

ผู้เข้าร่วมศึกยี่สิบห้าคนจากยักษ์ใหญ่อมตะห้าตระกูลอย่างตระกูลฝู ตระกูลฉี ตระกูลมู่ ตระกูลจู่ ตระกูลชือเร่งเดินทางมารวมพลกับพวกหวังเจวี๋ยฮ่วน

ชั่วขณะเดียวกำลังคนของพวกหวังเจวี๋ยฮ่วนเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ไกลออกไปทั้งสี่คนจากลัทธิฌานเดิมตั้งใจจะรออยู่ที่นี่อีกหนึ่งเดือน แต่เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็เลือกล่าถอยอย่างชาญฉลาดยิ่งยวด

พวกเขารู้ดียิ่ง ต่อให้มีโอกาสโจมตีสังหารหลินสวิน ด้วยพลังของพวกเขาสี่คนก็ไม่อาจสู้อีกฝ่ายได้สักนิด

หยวนฉางเทียนที่ซ่อนตัวลอบสังเกตในเงามือมาตลอดอดขมวดคิ้วไม่ได้

นี่คือตัวแปรอย่างแรก ทำให้เขาคิดไม่ถึงสักนิดว่าหวังเจวี๋ยฮ่วนถึงกับร้ายกาจเช่นนี้ รวมผู้เข้าร่วมศึกทั้งหมดจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะมารวมตัวกันที่นี่

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้ผู้เข้าร่วมศึกลัทธิพ่อมดเร่งเดินทางมา เกรงว่าก็ต้องตัดสินใจเลือกทางเดียวกับคนจากลัทธิฌาน

ดังคาด วันที่ห้าที่หลินสวินถูกล้อม หลังจากผู้เข้าร่วมศึกลัทธิพ่อมดห้าคนโดยมีบุตรเทพชางฝูเฟิงเป็นผู้นำเดินทางมาถึง พวกเขาไม่ได้หยุดอยู่นานนักก็หมุนตัวจากไปอีกครั้ง

หยวนฉางเทียนพอจะเดาความคิดของชางฝูเฟิงได้เลาๆ ไม่ใช่สู้ไม่ไหว แต่ไม่อยากไปแย่งชิงกับพวกหวังเจวี๋ยฮ่วนเพราะหลินสวินเพียงคนเดียว

เพราะเมื่อแย่งชิง ก็หมายความว่าอาจจะเกิดความขัดแย้งได้สูง

หยวนฉางเทียนรู้ดียิ่ง เหตุที่คนอย่างพวกชางฝูเฟิง เหวินเฉียวสุ่ย และจี้ซานไห่เข้าร่วมศึกมรรคอมตะในครั้งนี้ จุดประสงค์ก็น่าจะเหมือนกับเขา…

เพื่อช่วงชิงศุภโชคยิ่งใหญ่ที่สุดที่ถือกำเนิดในแดนมารสิบทิศ ศุภโชคที่ว่านี้เป็นไปได้สูงยิ่งว่าอาจเกี่ยวข้องกับพลังระเบียบระดับเทพ!

และศุภโชคนี้ก็อยู่ที่แดนมารสวรรค์!

แต่ใครต่างก็รู้ดี หากอยากไปยังแดนมารสวรรค์มีแต่ต้องรอสิบปีให้หลังเท่านั้น

นี่ก็หมายความว่าก่อนจะไปแดนมารสวรรค์ บุตรเทพและธิดาเทพอย่างพวกชางฝูเฟิงไม่มีทางทำเรื่องตัดกำลังตนเองโดยเด็ดขาด

และไม่มีทางเสี่ยงอันตรายเพราะเรื่องนี้เช่นกัน

ตรงข้ามกับผู้เข้าร่วมศึกจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะอย่างพวกหวังเจวี๋ยฮ่วน เป้าหมายล้วนชัดเจนยิ่ง นั่นคือมาเพื่อจัดการหลินสวิน ฉะนั้นจึงยกโขยงรวมขบวนกันทันทีที่ศึกมรรคอมตะครั้งนี้เพิ่งจะเริ่มขึ้นเช่นนี้

“พวกเราก็ไปเหมือนกัน”

หยวนฉางเทียนแววตาทอประกาย ทำการตัดสินใจ

“ไปหรือ”

เฉาเป่ยโต้วและอวิ๋นเทียนหมิงไม่เต็มใจอยู่บ้าง “ไม่รอดูหน่อยหรือว่าหลินสวินนั่นถูกฆ่าตายอย่างไร”

หยวนฉางเทียนขมวดคิ้วกล่าว “พวกเราเป็นตัวแทนของลัทธิแรกกำเนิด เจ้าทั้งสองอย่าลืมสิว่าการล่าสัตว์ระเบียบสะสมคะแนนการต่อสู้ต่างหากจึงจะเป็นเรื่องหลักของพวกเรา ยิ่งกว่านั้นพวกเจ้าคิดว่าแม้หลินสวินจะรอดชีวิตไปจากแดนมารสิบทิศ ยังจะสามารถรอดชีวิตกลับลัทธิแรกกำเนิดอีกกระนั้นหรือ”

กล่าวพลางเขาหมุนตัวจากไป

เฉาเป่ยโต้วและอวิ๋นเทียนหมิงรีบตามไปทันที

“ผู้อาวุโส”

วันที่เจ็ดที่ถูกขัง หลินสวินลืมตาขึ้นมาจากการนั่งสมาธิ “ประเดี๋ยวข้าจะออกไปสังหารศัตรู ท่านแค่รออยู่ที่นี่ก็พอแล้ว”

หลีเจินอึ้งไป “ไม่ต้องให้ข้าช่วยเหลือหรือ”

“ไม่ต้อง”

หลินสวินหยัดตัวขึ้นยิ้มกล่าวว่า “อย่างมากก็แค่หนีเข้าผนึกนี้อีกก็สิ้นเรื่อง”

ด้วยการควบคุมประทับผนึกเวลาของเขาในปัจจุบัน สามารถยืนหยัดได้สูงสุดครึ่งเดือน เทียบกับจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์ที่สามารถวางผนึกนี้ได้เนิ่นนานไม่ได้

แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

“เจ้าหมอนี่คล้ายจะมีการเคลื่อนไหวแล้ว”

ไกลออกไปพวกหวังเจวี๋ยฮ่วนที่เฝ้าอยู่ด้านนอกผนึกมาโดยตลอดเริ่มปั่นป่วน ล้วนสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของหลินสวิน

“ดูท่าเขาใกล้จะยืนหยัดไม่ไหวแล้ว”

หวังเจวี๋ยฮ่วนหยัดตัวลุกขึ้น มือซ้ายถือกระบี่โบราณลายสน มือขวากำมุกอสนีกาลเวลา นัยน์ตาเย็นเยียบ “ทุกคน เตรียมพร้อมต่อสู้ให้ดี!”

สามสิบหกคนที่เหลือในที่นี้ล้วนหยัดตัวขึ้น ตั้งท่าพร้อมสู้

“ทำให้ทุกคนรอนานแล้ว”

หลินสวินเดินออกมาจากประทับผนึกกาลเวลา เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งลอยล่อง แสงมรรคมหาศาลอาบชโลมเงาร่างสูงโปร่งของเขาไว้ภายใน

“เขาถึงกับเดินออกมาเช่นนี้เลยหรือ”

คนไม่น้อยล้วนอึ้งไป รู้สึกว่าการกระทำนี้ของหลินสวินเหมือนมาตายเปล่าชัดๆ

แม้แต่หวังเจวี๋ยฮ่วนยังแปลกใจระลอกหนึ่ง กล่าวว่า “ทำไม เจ้าไม่คิดจะหดหัวในกระดองต่อแล้วหรือ”

หลินสวินเดินขึ้นไปข้างหน้าพลางยิ้มกล่าว “ปากเจ้าวอนดีจริงๆ”

ตูม!

เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งส่งเสียงอึงอล จากนั้นเงาร่างหลินสวินพุ่งกระโจนไปข้างหน้าตามไปติดๆ

เมื่อเห็นเช่นนี้พวกหวังเจวี๋ยฮ่วนจึงยอมเชื่อในที่สุดว่าหลินสวินไม่ได้วางมาดข่มขวัญ หากแต่ตั้งใจสู้ศึกเป็นตายจริงๆ

“ฆ่า!”

พวกหวังเจวี๋ยฮ่วนที่หลายวันมานี้สั่งสมความเดือดดาลจุกอกนานแล้ว เวลานี้ล้วนใช้วิธีที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองโดยไม่ลังเลแต่อย่างใด

ตูม!

สมบัติและวิชามรรคแต่ละชนิดเคลื่อนขวางทะยานขึ้น เบียดเสียดแน่นขนัดเต็มฟ้าดิน พุ่งกระหน่ำเข้าใส่หลินสวินราวกระแสน้ำเชี่ยว ฟ้าดินล้วนถูกส่องสว่างจนเจิดจ้าพราวตาสุดขีด

นี่น่าสะพรึงเกินไป

ขั้นดับเทพสัมบูรณ์สามสิบกว่าคนลงมือพร้อมกัน กำลังพลขนาดนั้นรวมตัวกัน เสมือนจะทลายจักรวาลตรงๆ ทำให้สรรพสิ่งในโลกล้วนถูกทำลายล้าง

กลับเห็นหลินสวินไม่เบี่ยงหลบ ใช้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งสำแดงอภินิหารประตูเนรเทศ

ตูม!

ชั่วพริบตาประตูที่มีอาณาเขตหมื่นจั้งปรากฏขึ้น ดุจดั่งปากใหญ่เปื้อนเลือดที่กลืนกินสัตว์ยักษ์ การโจมตีและสมบัติทั้งมวลล้วนถูกกลืนกินไปกว่าครึ่งตรงๆ

“ถอย!”

หวังเจวี๋ยฮ่วนที่เคยเพลี่ยงพล้ำอย่างหนักให้กับประตูเนรเทศมาก่อนส่งเสียงตะโกนลั่น ใช้สมบัติลับที่สามารถต้านทานพลังกาลเวลาพลางถอยหลีกออกไปไกลๆ

พวกเขาทั้งโกรธทั้งตกใจ

หลินสวินเพิ่งจะก้าวออกมาก็ใช้อภินิหารน่าสะพรึงระดับนี้ทันที เหมือนเป็นบ้าไปแล้วชัดๆ

แต่ยังดีที่พวกเขาเตรียมตัวมาแต่แรก จึงไม่ได้เกิดการบาดเจ็บล้มตายใดๆ

“หลินสวิน พลังเช่นนี้ไม่มีผลกับพวกข้าแล้ว!”

บริเวณไกลโพ้นหวังเจวี๋ยฮ่วนตะโกนลั่น

“มีผล”

ขณะหลินสวินเอ่ยพูด ประตูที่เดิมมีรัศมีหมื่นจั้งหดเล็กลงไม่รู้กี่เท่าตัว กลายเป็นจุดแสงเล็กๆ เวียนวนอยู่บนเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง

สวบ!

เขาประคองเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งพุ่งไปข้างหน้า เงาร่างพริบไหว พริบตาก็มาถึงเบื้องหน้าผู้แข็งแกร่งคนหนึ่ง

“ตาย!”

คนผู้นี้ตอบสนองรวดเร็วยิ่ง ทั้งยังรับมือยากเป็นที่สุด ใช้ไพ่ตายตรงๆ

วู้ม!

ยันต์มรรคสีดำลึกลับชิ้นหนึ่งระเบิดกระจายกลางห้วงอากาศทันที ปลดปล่อยกระแสทำลายล้างที่เกินกว่าจินตนาการออกมา

หลินสวินยกเตากระบี่กระแทกลงไปเต็มแรง ทันใดนั้นกระแสทำลายล้างนี้ก็อันตรธานหายไปอย่างประหลาด ราวกับถูกปากกลืนกิน

นี่ย่อมเป็นผลลัพธ์มหัศจรรย์ของประตูเนรเทศ

เก้าปีที่ปิดด่านในลัทธิแรกกำเนิด หลินสวินหลอมประตูเนรเทศจนถึงขั้นที่ไม่เคยเป็นมาก่อนนานแล้ว ยามมีขนาดใหญ่สามารถปกคลุมท้องฟ้าและแผ่นดิน ยามขนาดเล็กก็สามารถกลายเป็นเงาแสงสายหนึ่งได้

แต่ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ อานุภาพล้วนเหมือนกัน!

ที่วิเศษอัศจรรย์ที่สุดคือ ยิ่งประตูเนรเทศเล็กเท่าไร ระยะเวลาคงอยู่ก็ยิ่งยาวนานขึ้น เหมือนอย่างเวลานี้ ประตูเนรเทศดุจดั่งเงาแสงเสี้ยวหนึ่ง สามารถคงอยู่ได้นานถึงครึ่งชั่วยาม!

“แย่แล้ว!”

คนผู้นั้นที่ถูกหลินสวินหมายหัวหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ รีบเบี่ยงหลบ

แต่กลับช้าไปก้าวหนึ่งแล้ว เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกำราบลงมา ภายใต้ความจนหนทาง คนผู้นี้ใช้หอกศึกในมือมาต้านทาน

ตูม!

ภาพการปะทะที่คาดไว้ไม่ได้เกิดขึ้น ก็เห็นว่าเมื่อเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งร่วงลงมา หอกศึกในมือคนผู้นี้พลันถูกประตูเนรเทศกลืนกินทันที จากนั้นทั้งตัวเขาก็ถูกกลืนหายเข้าไปในนั้นด้วยเช่นกัน

ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นรวดเร็วยิ่ง ความรู้สึกที่มอบให้ผู้คนก็เหมือนคนผู้นี้ระเหยหายไปกลางอากาศในครู่เดียว

ภาพแปลกพิสดารนี้ทำเอาคนอื่นๆ ต่างหน้าเปลี่ยนสีไม่หยุด

“ทุกคนใช้สมบัติกาลเวลาฆ่าศัตรู!”

หวังเจวี๋ยฮ่วนมองเบาะแสออกแล้ว ส่งเสียงตะโกนลั่น

ตูม!

เขาพุ่งไปข้างหน้า ใช้มุกอสนีกาลเวลากระแทกกับเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง เสียงสนั่นอึงอลสะเทือนโสตจนหูแทบดับดังก้องขึ้นทันที พลังกาลเวลาบ้าคลั่งแผ่กว้างม้วนตลบ

พลังมุกอสนีกาลเวลาสามารถต้านทานอานุภาพของประตูเนรเทศได้อย่างไม่ต้องสงสัย!

คนอื่นๆ ล้วนเห็นภาพนี้ชัดเจน จิตใจฮึกเหิม พุ่งกรูเข้าใส่หลินสวิน

กระนั้นยามพวกเขาล้อมกรอบเข้ามา ประตูเนรเทศบนเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งพลันขยายรัศมีออกเป็นร้อยจั้งในทันที เมื่อหลินสวินพุ่งไปข้างหน้าก็กลืนกินการโจมตีทั้งหมดราวกับกลืนกินฟ้าดิน

ที่น่าอัศจรรย์ที่สุดคือพลังดึงรั้งอันน่ากลัวที่เกิดขึ้นพร้อมประตูเนรเทศ แม้ว่าคนมากมายจะใช้สมบัติลับกาลเวลาเข้าต้าน ไม่ได้ถูกหอบม้วนเข้าไปในนั้น แต่เงาร่างก็ยังซวนเซระลอกหนึ่ง

นี่จึงถูกหลินสวินคว้าโอกาสไว้ได้!

กายมรรคทั้งห้าพุ่งทะยานออกไปเต็มแรง กระจายตัวพุ่งเข้าหาคู่ต่อสู้

พรูด!

ผู้เข้าร่วมศึกที่หลบไม่ทันคนหนึ่งร่างกายแตกระเบิด ถูกกายมรรคไม้เขียวใช้พลังแข็งแกร่งที่สุดสังหาร ละอองเลือดสาดกระเซ็น

เกือบจะในเวลาเดียวกัน ทางฝั่งกายมรรคอีกสี่ร่างอย่างดินเหลือง วารีดำ ไม้เขียว และทองขาวก็โจมตีศัตรูตายอนาถไปสองคน บาดเจ็บสาหัสสองคน!

ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป ชีวิตและความตายถูกขีดเส้นแบ่งกั้นในช่วงเวลาเพียงประเดี๋ยวเดียว

และในยามนี้หลินสวินย่อขนาดประตูเนรเทศหดเล็กลงเป็นเงาแสงสายหนึ่งอีกครั้ง ยังคงอยู่บนเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งดังเดิม เมื่อเขาพุ่งโจมตี ศัตรูเลี่ยงหลบไม่ทันล้วนอันตรธานหายไปกลางอากาศในบัดดล

ถูกประตูเนรเทศกลืนกินอีกแล้ว!

“ฆ่า!”

หวังเจวี๋ยฮ่วนไอสังหารล้นทะลัก บุกนำหน้าเป็นคนแรก มุกอสนีกาลเวลากะพริบแสงน่าสะพรึง

กระนั้นยามเขาและเหล่าผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ กรูเข้ามา หลินสวินขยายประตูเนรเทศเป็นรัศมีร้อยจั้งอีกครั้ง อานุภาพที่เกิดขึ้นก็พุ่งกระฉูดรุนแรงเช่นกัน…

ด้วยสภาวะจิตของหวังเจวี๋ยฮ่วน ยามเห็นภาพนี้ก็โกรธจนแทบเต้น ยังไม่จบไม่สิ้นอีกหรือ

แต่ถึงเขาจะเดือดดาลแค่ไหนก็ไม่อาจไม่หลบพ้นเช่นกัน

เพราะพลังของมุกอสนีกาลเวลา แม้ว่าจะสามารถต้านทานประตูเนรเทศได้ แต่กลับเกิดพลังเชื่อมโยงมหาศาลต่อตัวเขา

ผู้แข็งแกร่งคนอื่นไม่ได้โชคดีขนาดนั้น ถูกพลังประตูเนรเทศพุ่งโจมตีจนเงาร่างซวนเซอีกครั้ง และกายมรรคทั้งห้าก็สบโอกาสพุ่งทะยานขึ้นไป

ตูม โครม!

เสียงอึงอลสะเทือนฟ้าดินดังกึกก้อง ในครั้งนี้มีสามคนที่ถูกสังหารอีก

แต่ละคนล้วนเป็นคนระดับปลายยอด เป็นพวกร้ายกาจในขั้นดับเทพสัมบูรณ์ อยู่ที่โลกภายนอกเป็นคนใหญ่คนโตที่สามารถดูแลเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลหนึ่งได้

แต่ยามนี้กลับถูกหลินสวินใช้อภินิหารประตูเนรเทศโจมตีสังหารอย่างต่อเนื่อง

นี่กระตุ้นจนพวกหวังเจวี๋ยฮ่วนจวนเจียนจะเป็นบ้า อัดอั้นจนอยากกระอักเลือด

พวกเขายังไม่เคยผ่านประสบการณ์การต่อสู้ที่แปลกพิสดารเช่นนี้มาก่อน อภินิหารพรสวรรค์ที่เกี่วข้องกับกาลเวลาทำให้พวกเขาถึงกับไร้แรงปัดป้อง!

นี่น่าเหลือเชื่อเกินไป

หลีเจินที่ชมการต่อสู้อยู่ไกลๆ ยังมองจนปากอ้าตาค้างไประลอกหนึ่ง จิตใจพลุ่งพล่าน พลังอภินิหารระดับนี้ออกจะเย้ยฟ้าเกินไปแล้วกระมัง

แต่เขาไม่รู้ว่าในการปิดด่านเก้าปีนั้น เพื่อจะศึกษาพลังในประตูเนรเทศ หลินสวินควบคุมอภินิหารนี้จนถึงขั้นช่ำชอง ทะยานสู่ปลายยอดนานแล้ว

เปลี่ยนแปลงเล็กใหญ่ เป็นไปดั่งใจนึก!

ตูมโครม! ตูมโครม!

ฟ้าดินสั่นสะเทือน การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด ภูผาธาราบริเวณใกล้เคียงล้วนกลายเป็นเถ้าธุลี แผ่นดินใหญ่จ่อมจม ห้วงอากาศล้วนปั่นป่วนโดยสมบูรณ์

กระแสพลังอันน่าสะพรึงหอบม้วนเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน ดุจดั่งมหาเคราะห์วันสิ้นโลกร่วงมาเยือน

ก็เห็นว่าในสนามรบแม้หลินสวินจะตัวคนเดียว แต่กลับปรากฏมาดอาละวาดเคลื่อนขวาง ไร้ใครทัดเทียม ทุกครั้งที่ศัตรูจะเข้ามาล้อมกรอบ เป็นต้องถูกเขาใช้ประตูเนรเทศที่ขยายใหญ่ร้อยจั้งทลายการโจมตี

และทุกครั้งในเวลานี้จะมีคนหลบไม่ทัน ถูกหลินสวินและร่างแยกทั้งห้าของเขาฉวยโอกาสสังหาร

เพียงครู่เดียวเท่านั้น

ทางฝั่งสิบยักษ์ใหญ่อมตะมีคนร่วงหล่นสิบสองคนแล้ว

ในนั้นมีเจ็ดคนถูกหอบม้วนเข้าไปในประตูเนรเทศ!

…………………..

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท