Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2867 ช่องทางเชื่อมสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2867 ช่องทางเชื่อมสวรรค์

ตอนที่ 2867 ช่องทางเชื่อมสวรรค์

ขณะที่ครุ่นคิดหลินสวินก็ยกมือขึ้นกวัก

สวบ!

น้ำเต้าสีเขียวก็หล่นลงมาบนฝ่ามือ แวววาวโปร่งแสง

มันไม่ยินยอมถูกกดข่มเหมือนน้ำเต้าม่วงเช่นกัน ดิ้นรนไม่หยุด

เมื่อนิ้วมือหลินสวินเคาะเบาๆ มันก็สะดุ้งโหยงเหมือนสายฟ้าฟาด พ่นกระบี่เทพสีม่วงขุ่นมัวทึบทึมเล่มหนึ่งออกมา หนักแน่นเหมือนผืนปฐพี กลิ่นอายเย็นเยียบอบอวล

เห็นได้ชัดว่ากระบี่เทพสีม่วงนี้ก็แปลงมาจากพลังระเบียบที่บริสุทธิ์และสมบูรณ์เหมือนกับกระบี่เทพสีเขียว!

คิดถึงตรงนี้หลินสวินพลันเรียกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งออกมา แล้วสยบน้ำเต้าเขียวม่วงคู่นี้ไว้ในนั้น

ครืน!

ภายในเตากระบี่ ระเบียบนิพพานถาโถม ลวดลายดอกบัวบานสะพรั่งเข้ากำราบน้ำเต้าม่วงเขียว

ทั้งสองปลดปล่อยกระบี่เทพม่วงเขียวเข้าต่อต้าน พลังรุนแรงที่พลันเกิดขึ้นส่งเสียงดังสนั่น

นั่นเป็นการชิงชัยระหว่างพลังระเบียบ!

หลินสวินเพิ่งเห็นการต่อสู้เช่นนี้เป็นครั้งแรก ควรรู้ว่าระเบียบนิพพานในอดีต ไม่ว่าจะต่อกรกับพลังระเบียบเช่นไรล้วนกำราบได้อย่างง่ายดาย

แต่ตอนนี้ถึงกับไม่สามารถสยบน้ำเต้าม่วงเขียวนี้ได้ในทันที

น่าสนใจ

ดวงตาหลินสวินเจือแววประหลาด

เขามั่นใจแล้วว่าน้ำเต้าม่วงเขียวคู่นี้ต้องแปลงมาจากพลังระเบียบอย่างไม่ต้องสงสัย มิหนำซ้ำเป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะเป็นระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าที่หายาก ครอบครองวิญญาณระเบียบ!

เพียงแต่ตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าระเบียบเช่นนี้จะเก็บซ่อนนัยเร้นลับเช่นไรไว้กันแน่

โครม!

เตากระบี่ส่งเสียงดังสนั่น ภายในนั้นเหมือนกำลังเปิดการประลองไร้เทียมทาน ความเคลื่อนไหวใหญ่โตยิ่งนัก

แต่ผ่านไปเพียงครู่เดียว

ความเคลื่อนไหวอันรุนแรงเช่นนี้ก็ค่อยๆ คืนสู่ความเงียบสงบ ก็พบว่าภายในเตากระบี่เหลือเพียงแสงเงาสีม่วงกับสีเขียวอย่างละสายรัดพันกันเอง ดูเชื่องเป็นที่สุด

ขณะเดียวกันเสียงกระจ่างเจือความตกใจของอู๋ซวงก็ดังขึ้น “นายท่าน นี่เป็นระเบียบขั้นเก้าที่หายากยิ่งสองชนิด ภายในมีนัยเร้นลับมหามรรคมากมายอย่างขุ่นใส หยินหยาง มืดสว่าง เมื่อพลังทั้งสองสายรวมกัน ความแข็งแกร่งของอานุภาพเหนือกว่าวิญญาณระเบียบทั่วไปมาก!”

เป็นเช่นนี้ดังคาด!

ความปรีดายากปิดบังผุดขึ้นในใจหลินสวิน

พูดได้ว่านี่ย่อมเป็นศุภโชคชิ้นใหญ่ที่สุดที่เขาได้จากแดนมารปฐพี ระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้ากับเศษเสี้ยวระเบียบระดับเทพอะไรก็เทียบไม่ติด

“ทำไมพวกมันถึงวิวัฒน์ร่างวิญญาณออกมาอย่างเจ้าไม่ได้”

หลินสวินเอ่ยถาม

อู๋ซวงกะพริบดวงตาคู่โต เอ่ยเสียงใสว่า “นายท่าน วิญญาณระเบียบบนโลกนี้บ้างสามารถแปลงเป็นศาสตรามรรค บ้างสามารถแปลงเป็นสิงสาราสัตว์ แต่น้อยนักที่จะแสดงรูปลักษณ์มนุษย์ได้อย่างข้า”

เสียงเจือความภูมิใจ

นางเป็นวิญญาณระเบียบมรรคสวรรค์ที่มาจากโลกต้นกำเนิดยุคก่อน เคยโชคดีรอดชีวิตจากเคราะห์ยุคสมัยผันเปลี่ยน ถ้าไม่ใช่เพราะพลังต้นกำเนิดได้รับความเสียหายอย่างหนัก อานุภาพของนางย่อมเหนือกว่าวิญญาณระเบียบทั่วไป

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”

หลินสวินนึกถึงวิญญาณ ‘ระเบียบผนึกพิฆาต’ ที่โม่หลันซานเก็บไปสมัยอยู่ทะเลประหัตมาร เห็นได้ชัดว่าตอนนั้นรูปร่างที่เผยออกมาก็คือขวานยักษ์สีดำเล่มหนึ่ง

และระเบียบผนึกพิฆาตนี้เป็นของหัวหน้าหอแรกนภาเหยียนจี้

เห็นชัดว่าน้ำเต้าม่วงเขียวคู่นี้ก็เป็นวิญญาณระเบียบแบบเดียวกัน

“นายท่าน น้ำเต้าม่วงเขียวคู่นี้สยบลงแล้ว ท่าน… คิดจะจัดการพวกมันอย่างไร”

อู๋ซวงเอ่ยถามอย่างกระวนกระวาย ดวงตาใสกระจ่างเจือแววคาดหวัง

หลินสวินมองปราดเดียวก็อ่านความคิดของนางออก พูดว่า “สมบัติชั้นนี้จะให้เจ้ากินไม่ได้ พวกมันยังมีประโยชน์มาก”

ได้ยินดังนั้นแสงมรรคสีม่วงเขียวนั้นถึงกับกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ คล้ายเห็นด้วยกับคำพูดของหลินสวินหาใดเทียบ

อู๋ซวงเสียดายยิ่งยวด เอ่ยว่า “นายท่าน ถ้าหลอมพวกมัน ข้าต้องคืนสู่สภาพสูงสุดในอดีตได้แน่…”

หลินสวินคิดๆ แล้วก็โยนพลังระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าให้อู๋ซวง กล่าวว่า “นี่ให้เจ้า คงได้แล้วกระมัง”

นี่เป็นพลังระเบียบที่กำราบมาได้ในแดนมารปฐพี มีทั้งหมดสองสาย

หลินสวินคิดจะใช้ตอนที่แจ้งมรรคขั้นหลุดพ้น แต่ตอนนี้มีน้ำเต้าม่วงเขียวคู่นี้แล้ว หลินสวินก็ไม่สนใจของพวกนี้แล้ว

อู๋ซวงเบิกบานในทันใน ยิ้มหวานเอ่ยว่า “ขอบคุณนายท่าน นายท่านดีต่อซวงเอ๋อร์ที่สุดเลย!”

พลังระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าที่สมบูรณ์สายหนึ่ง มูลค่านั้นก็ไม่อาจประเมินได้ สามารรถทำให้สิบยักษ์ใหญ่อมตะแก่งแย่งกันอย่างบ้าคลั่ง

“อู๋ซวง เจ้าว่าข้าจะจัดการพวกมันอย่างไรดี”

หลินสวินลูบคางถาม

“นายท่าน วิญญาณระเบียบเช่นนี้ถ้าหลอมไปก็น่าเสียดายนัก นายท่านสามารถพกพวกมันไว้กับตัว ยามต่อสู้สามารถใช้พลังของพวกมันสังหารศัตรูได้”

อู๋ซวงเอ่ย “แต่ประโยชน์ที่ใหญ่ที่สุดของพวกมันคือคุ้มครองเขตแดนหนึ่งหรือตระกูลหนึ่ง ถ้ามีพวกมันอยู่ ขั้นหลุดพ้นยังทำได้แค่หยุดเท้า!”

หลินสวินนึกถึงประสบการณ์ยามกำราบน้ำเต้าม่วงเขียวคู่นี้แล้วลอบพยักหน้าอย่างอดไม่ได้

ควรรู้ว่าเขามีมรรควิถีขั้นดับเทพสัมบูรณ์แล้ว ในระดับขั้นเดียวกันไร้ศัตรูใดสู้ได้ ประหนึ่งยอดคนในมรรคาอมตะ

แต่ตอนที่ไล่โจมตีน้ำเต้าม่วงกลับพลาดไปครั้งแล้วครั้งเล่า!

มิหนำซ้ำตอนที่น้ำเต้าม่วงเขียวร่วมกันต่อสู้ พลังที่ปลดปล่อยออกมาทำให้เขายังรู้สึกถึงแรงกดดันและภัยคุกคาม นี่จะไม่ธรรมดาเกินไปแล้ว

จนสุดท้ายหลินสวินก็ยังต้องอาศัยอภินิหารประตูเนรเทศถึงเก็บสมบัติคู่นี้เข้ากระเป๋าได้

คำพูดของอู๋ซวงทำให้หลินสวินนึกขึ้นได้ ว่าสิบยักษ์ใหญ่อมตะที่ตั้งตระหง่านอยู่ในน่านฟ้าที่แปดตั้งแต่โบราณมาจนปัจจุบันนั้น ต่างก็อาศัยพลังระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าที่หาได้ยาก ถึงได้สามารถดำรงอยู่อย่างอหังการได้ถึงปัจจุบัน

คนในตระกูลเหล่านี้มีพลังระเบียบคุ้มครองมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะฝึกปราณหรือหยั่งรู้มหามรรค ต่างก็ได้รับประโยชน์ที่ไม่อาจคาดคิดจากพลังระเบียบทั้งนั้น

พูดได้ว่าก็เพราะระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าที่หายากพวกนี้ จึงค้ำจุนรากฐานให้ยักษ์ใหญ่อมตะแต่ละตระกูลได้หยัดยืน!

ทั้งหมดนี้ล้วนหมายความว่าการมีอยู่ของน้ำเต้าม่วงเขียว ทำให้หลินสวินสามารถสร้างขุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่ไม่ด้อยกว่าสิบยักษ์ใหญ่อมตะได้

คิดถึงตรงนี้แววตาหลินสวินก็ปรากฏแววพิกล

นอกจากน้ำเต้าม่วงเขียวแล้ว ในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งของเขายังมีอู๋ซวง เสี่ยวหมิงและเสี่ยวเซียน

ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือยังมีระเบียบนิพพาน!

ทั้งหมดนี้จะกลายเป็นไพ่ตายของเขาเมื่อไปกรำศึกในน่านฟ้าที่แปดและน่านฟ้าที่เก้าในภายหน้า!

……

ในประทับผนึกเวลา

เมื่อเงาร่างหลินสวินเดินออกมาจากประตูเนรเทศ ก็มีน้ำเต้าสีเขียวผลหนึ่งห้อยเพิ่มอยู่ที่เอว แวววาวโปร่งแสงประหนึ่งเจียรขึ้นจากหยกมันแพะ

หลินสวินตั้งชื่อให้มันว่า ‘เสี่ยวชิง’ (เขียวน้อย)

ถ้าเสี่ยวชิงมีสติปัญญาและความรู้สึกจริงๆ เกรงว่าจะต่อต้านชื่อนี้อยู่ในใจอย่างแน่นอน…

แต่หลินสวินก็ตั้งชื่อเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร

เช่นตั้งชื่อเสี่ยวหมิง (นรกน้อย) ให้กับระเบียบนรก ตั้งชื่อเสี่ยวเซียน (เซียนน้อย) ให้ระเบียบมรรคเซียน…

โชคดีที่อู๋ซวงแปลงเป็นรูปลักษณ์มนุษย์ สามารถใช้พลังระเบียบวิวัฒน์สติปัญญาออกมาได้ มิหนำซ้ำเดิมทีก็มีชื่ออยู่แล้ว มิเช่นนั้นก็ไม่รู้จะถูกหลินสวินตั้งชื่ออย่างไรให้เหมือนกัน

หลีเจินยังรักษาบาดแผลอยู่ หลินสวินจึงไม่ได้รบกวนเขา นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งตามลำพัง พลางนำเศษเสี้ยวระเบียบระดับเทพชิ้นหนึ่งออกมา

ระเบียบระดับเทพเกี่ยวโยงถึงนัยเร้นลับนิรันดร์ ทั้งถูกเรียกว่าระเบียบนิรันดร์

ลือกันว่าเพราะมีระเบียบระดับเทพ จึงทำให้เผ่าเทพในน่านฟ้าที่เก้าเหล่านั้นมีความมั่นใจและพลังในการต้านทานยุคสมัยดับสิ้น!แอดริน 1-2สัปดาห์เราอาจะอัพช่วงเที่ยงเรื่องนี้ช้าหน่อยนะคะเนื่องจากติดงาน

เศษเสี้ยวระเบียบระดับเทพที่อยู่ในมือหลินสวินชิ้นนี้ขนาดเท่าเหรียญทองแดง ดำขลับทั้งชิ้น แต่กลิ่นอายที่มันแผ่ออกมากลับไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง

และแม้ว่าระเบียบนี้จะไม่สมบูรณ์ หยั่งรู้นัยเร้นลับอะไรไม่ได้สักนิด แต่ได้เห็นมันกลับทำให้หลินสวินนึกถึง ‘กฎระเบียบลบล้าง’ และ ‘กฎระเบียบสมบัติร่วงหล่น’ ที่อยู่ในประตูเนรเทศ

หรือพูดอีกอย่างก็คือ กลิ่นอายที่อยู่ในเศษเสี้ยวระเบียบระดับเทพนี้คล้ายคลึงกับพลังกฎระเบียบยิ่งนัก!

‘ที่ลือกันไม่ผิดดังคาด เดิมทีพลังระเบียบระดับเทพที่สมบูรณ์สายหนึ่งก็คือกฎระเบียบฟ้าดินชนิดหนึ่ง เป็นภาพสะท้อนพลังกฎระเบียบ’

ในใจหลินสวินกระจ่างแจ้ง

คิดๆ แล้วเขาก็เก็บเศษเสี้ยวระเบียบระดับเทพชิ้นนี้ไป

จากคำพูดของหลีเจิน สำหรับขั้นดับเทพสัมบูรณ์คนใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าหรือเศษเสี้ยวระเบียบระดับเทพ ต่างเรียกได้ว่าเป็นยอดสมบัติที่ใช้ในการแจ้งมรรคทะลวงขั้น!

หรือพูดอีกอย่างก็คือ ยามทะลวงขั้นหลุดพ้น สมบัติเช่นนี้จะมีประโยชน์อย่างไม่อาจประเมินได้

หลังจากนั้นหลินสวินก็ไม่ได้คิดอะไรมากอีก หลับตาลงเริ่มนั่งสมาธิ

ยี่สิบกว่าวันผ่านไป

ตูม!

เสียงเหมือนจักรวาลแรกกำเนิดเสียงหนึ่งดังก้องไปทั้งท้องฟ้าเหนือแดนมารปฐพี ทำเอาฟ้าดินสั่นระรัว ภูผาธาราส่งเสียงเสียดสีครั่นครืน

บัดนี้ผู้เข้าร่วมศึกที่กระจายอยู่ตามที่ต่างๆ ของแดนมารปฐพีต่างหยุดทำสิ่งที่ทำอยู่ มองไปที่เวิ้งฟ้า

บนเวิ้งฟ้าสูงลิบมีแสงเงาประหลาดนับไม่ถ้วนอุบัติขึ้นนับ คล้ายมีเงามายาของโลกมากมายกำลังตัดสลับและเปลี่ยนผันอยู่

แสงเงาแน่นขนัดนี้ค่อยๆ รวมตัวกัน แปลงเป็นช่องทางที่สาดประกายแรกกำเนิดสายหนึ่ง โรยตัวตรงแน่วลงมาจากเวิ้งฟ้า

“ช่องทางเชื่อมสวรรค์!”

ในส่วนลึกของมหาสมุทรแถบหนึ่ง หยวนฉางเทียนเงยหน้าขึ้น แววร้อนเร่าฉายวาบในดวงตา

ช่องทางเชื่อมสวรรค์ นั่นคือเส้นทางที่เชื่อมไปยังแดนมารสวรรค์!

สวบ!

ครู่ต่อมาเงาร่างเขาก็หายลับไปกลางอากาศ

“ในที่สุดแดนมารสวรรค์ก็เปิดแล้ว…”

ในป่าลึกอันรกชัฏไร้ขอบเขตแห่งหนึ่ง ดวงตาชางฝูเฟิงวาวโรจน์ดุจเปลวเพลิง ‘หลังจากแจ้งมรรคขั้นหลุดพ้นแล้วจะต้องฆ่าหลินสวิน!!’

ความแค้นถาโถมขึ้นในใจเขา

ข้างกัน หั่วเซียวแววตากระตือรือร้น เอ่ยว่า “ใต้เท้าชาง ในแดนมารสวรรค์นั้นมีระเบียบระดับเทพที่สมบูรณ์อยู่จริงหรือไม่”

“ไปก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ” ขณะพูดชางฝูเฟิงก็ทะยานฟ้าขึ้นไปแล้ว

หั่วเซียวรีบร้อนตามไป

“แดนมารสวรรค์เปิดออก ก็เหลือเวลาเพียงสามเดือน หลินสวิน เจ้าอาจจะมีพลังชั้นยอดในขั้นนี้ แต่เจ้าจะแจ้งมรรคขั้นหลุดพ้นที่แดนมารสวรรค์ได้อีกหรือไม่”

ในพื้นที่รกร้างขมุกขมัวแห่งหนึ่ง เหวินเฉียวสุ่ยยืนไพล่หลัง แววตาไหววูบ

บุตรเทพอย่างเขาตกตะกอนและขัดเกลาในขั้นดับเทพสัมบูรณ์มานานหลายปีแล้ว มีรากฐานจะแจ้งมรรคขั้นหลุดพ้นได้

พูดได้ว่าขอเพียงไปถึงแดนมารสวรรค์ เขามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าจะก้าวข้ามธรณีประตูแห่งขั้นหลุดพ้นได้

ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ หลินสวินจะเอาอะไรมาสู้กับเขา

เว้นแต่หลินสวินก็แจ้งมรรคขั้นหลุดพ้นเช่นกัน แต่นี่จะเป็นไปได้หรือ

ในเวลาสิบปีเขาทะลวงขั้นจากขั้นดับเทพขั้นต้นมาถึงขั้นดับเทพสัมบูรณ์ รวดเร็วจนสามารถโดดเด่นเหนือหมื่นกาล ไร้ใครเทียบได้

ในโลกหล้าต่างๆ ยังเรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์ที่มีเพียงผู้เดียว

กระนั้นถ้าไม่ได้ผ่านการตกตะกอนและขัดเกลา เขาจะมีความหวังกี่มากน้อยไปแจ้งมรรคขั้นหลุดพ้นได้

ขณะที่ครุ่นคิดเหวินเฉียวสุ่ยก็ออกเคลื่อนไหวแล้ว

“พวกเราก็ไปเถอะ”

จี้ซานไห่ยืดตัวบิดขี้เกียจ เงาร่างอรชรรเผยโค้งเว้าน่าเย้ายวน ขณะพูดนางก็เคลื่อนไหวไปก่อนแล้ว

พวกจิ่งจงเยวี่ย ผูซงจื่อสี่คนตามไปพร้อมกัน

สิบปีนี้ขุมอำนาจอื่นต่างล้มตาย มีเพียงทางลัทธิวิญญาณนี้ที่ไม่มีใครตายสักคน

ต้องพูดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับจี้ซานไห่อย่างลึกซึ้ง ธิดาเทพที่โดดเด่นเหนือใครอย่างนางไม่มีใครต้องการเป็นศัตรูด้วย

และในวันเดียวกันนี้เอง

หลินสวินกับหลีเจินที่ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บโดยสมบูรณ์แล้วก็ออกเดินทางไปยังแดนมารสวรรค์พร้อมกัน

ตั้งแต่นี้ไป เหลือเวลาอีกเพียงสามเดือนศึกมรรคอมตะก็จะปิดฉากลง!

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท