Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2875 แจ้งมรรคหลุดพ้น

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2875 แจ้งมรรคหลุดพ้น

ตอนที่ 2875 แจ้งมรรคหลุดพ้น

ฟ้าดินอึมครึมกดข่ม ทำให้คนใจสั่น

พวกจิ่งจงเยวี่ยมาถึงบริเวณใกล้เคียงแล้ว สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม

พวกเขาล้วนแจ้งมรรคข้ามด่านเคราะห์ในแดนมารสวรรค์ ขณะเดียวกันก็สังเกตเห็นว่ากลิ่นอายของเคราะห์สวรรค์ที่พุ่งเป้าไปที่หลินสวินครั้งนี้ดูไม่ธรรมดานัก

น่าสะพรึงถึงขั้นแฝงกลิ่นอายประหลาด!

กลับเห็นหลินสวินเหมือนไม่ใส่ใจ ก้าวทะยานขึ้นสู่ห้วงฟ้า เสื้อผ้าพลิ้วไหว สง่างามอย่างที่สุด

สุดท้ายเขายืนนิ่งอยู่ใต้เมฆาเคราะห์ หยิบน้ำเต้าสุราออกมาดื่มถึงค่อยถอนหายใจยาว ยิ้มกล่าว “ทุกท่านไม่ต้องตื่นตกใจ เคราะห์วันนี้ก็มองเป็นสิ่งหล่อเลี้ยง ช่วยทะลวงมหามรรค!”

เสียงที่ผ่อนคลายก้องกังวานไปทั่วฟ้าดิน

ทุกคนเหมือนถูกความมั่นใจและทระนงในคำพูดของหลินสวินชำระล้าง จิตใจผ่อนคลายลงเล็กน้อย

ครืน!

แต่สายฟ้าในส่วนลึกของเมฆาเคราะห์กลับเหมือนถูกกระตุ้นโทสะ ส่งเสียงครั่นครืนขึ้นกะทันหัน เสียงสะเทือนเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน ทำเอาภูผาธาราล้วนสั่นไหว

บนชั้นเมฆมีประกายสายฟ้าอุบัติขึ้น แผ่ลามไปสี่ทิศแปดด้าน ท้องฟ้าที่ราวกับสาดย้อมด้วยน้ำหมึกถูกแหวกออก

จากนั้นอสนีเคราะห์ที่เจิดจ้าบาดตาสายหนึ่งกรีดแหวกเมฆาเคราะห์ที่หนาหนักนั้นลงมา มันมีสีขาวเทาประหลาด รูปร่างคล้ายทวนเทพมหามรรค ราวกับสามารถทะลวงห้วงมิติ ไม่มีผู้ใดต้านทานใด!

ทุกคนในที่นั้นรู้สึกเพียงว่าภาพตรงหน้าแสบตา อดหวาดหวั่นพรั่นพรึงไม่ได้

ด่านเคราะห์นี้น่าหวาดหวั่นเกินไปแล้ว!

กลับเห็นหลินสวินยื่นมือออกไป ถึงกับคว้าอสนีเคราะห์สายหนึ่งไว้ในมือ เหมือนจับอสรพิษคลั่งเจ็ดชุ่นตัวหนึ่งไว้ ประกายอสนีบาดตาส่องสะท้อนจนเงาร่างของหลินสวินสว่างไสวทั้งแถบ

ปังๆๆ!

อสนีเคราะห์ขาวเทาที่หนาใหญ่น่ากลัวระเบิดออกในฝ่ามือของหลินสวิน เปลี่ยนเป็นละอองแสงประกายอสนีหลากสี

บนร่างหลินสวินกฎเกณฑ์มหามรรคที่คลุมเครือดุจหุบเหวปรากฏ ชั่วพริบตาก็ดูดซับและหลอมประกายอสนีเหล่านี้ ก็เห็นผิวหนังเขาส่งเสียงระเบิดระลอกหนึ่ง ทว่าไม่เพียงไม่เสียหายสักนิด กลับได้รับการชำระจากการหลอมประกายอสนี

ภาพที่เหลือเชื่อนี้ทำให้พวกจี้ซานไห่ จิ่งจงเยวี่ยต่างอึ้งงัน

ยังทำเช่นนี้ได้ด้วย!?

วิธีที่หลินสวินทำลายอสนีเคราะห์นี้ง่ายดายและลวกๆ เกินไป ทำให้คนรู้สึกผิดแปลกอย่างแรงกล้า

ตูม โครม!

เมฆาเคราะห์ตลบม้วน พลุ่งพล่านราวกับกระแสน้ำ กลิ่นอายทำลายล้างกลางฟ้าดินน่าสะพรึงกว่าเดิม พริบตานั้นแสงอสนีนับร้อยพันสายบ้างผ่าลงมา บ้างกระแทกหนักหน่วง รุนแรงยิ่งยวด เข้าปกคลุมพื้นที่แถบนี้ทั้งหมด

นี่ทำให้พวกจี้ซานไห่หัวใจสั่นไหว นี่เป็นมหาเคราะห์ที่แตกต่างแค่ไหนกันแน่ เหตุใดเพิ่งเริ่มก็น่ากลัวขนาดนี้แล้ว

แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาผิดคาดคือ หลินสวินที่เผชิญหน้ากับอสนีเคราะห์นี้กลับนั่งขัดสมาธิในห้วงอากาศทั้งอย่างนั้น

เงาร่างของเขาปรากฏหุบเหวใหญ่ นั่นคือการสะท้อนมรรควิถีทั้งร่างเขา ยามนี้เริ่มดึงรั้งอสนีเคราะห์มาเคี่ยวกรำตนเอง

นี่คือบททดสอบแห่งความเป็นความตาย หากเป็นคนทั่วไปคงกลายเป็นเถ้าถ่านนานแล้ว ไม่ว่าเป็นอสนีบาตสายใดมาเยือน ล้วนสามารถสังหารขั้นดับเทพสัมบูรณ์คนหนึ่งได้ นี่เป็นทัณฑ์สวรรค์ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

หลินสวินกลับมองเป็นการเคี่ยวกรำอันล้ำเลิศ ใช้มรรควิถีแห่งตนแปลงแสงอสนีมาเป็นของตน สั่งสมพลังแห่งสายฟ้า เริ่มแรกเขายังสบายมาก ผิวหนังพร่างพราว พลังเต็มเปี่ยม รู้สึกได้อย่างเด่นชัดว่าตนเองกำลังแข็งแกร่งขึ้น

แต่ไม่นานเขาก็ไม่อาจสบายได้แล้ว แสงสายฟ้าเคราะห์อสนีปกคลุมทั้งในและนอกร่างมากเกินไปแล้ว ยากจะหลอมให้หมดสิ้นได้ในเวลาสั้นๆ

กลับเห็นหลินสวินสูดหายใจลึกคราหนึ่ง หุบเหวใหญ่รอบตัวเปลี่ยนเป็นเตาหลอมโดยพลัน เข้ากำราบอสนีเคราะห์ที่โจมตีมาจากรอบทิศไว้ในเตาหลอมทั้งหมด

นี่คือคัมภีร์เตาหลอมมหามรรคที่เขาสร้างขึ้น!

และตอนนี้หลินสวินกำลังใช้มันกำราบอสนีเคราะห์ เพื่อหลอมชำระตนเอง!

นี่ทำให้ทุกคนอึ้งค้างไประลอกหนึ่ง วิปริตจริงๆ ในอสนีเคราะห์ล้ำเลิศ ดันกำราบอสนีเคราะห์มาหลอมชำระตัวเอง เหลือเชื่อเกินไปแล้ว

แต่ไม่นานหลินสวินก็ลิ้มรสความยากลำบาก ความรู้สึกเช่นนี้ทรมานเกินไปแล้ว ถูกสายฟ้ากลบท่วม ต่อให้มีเตาหลอมมหามรรคก็ไม่สามารถคลี่คลายได้

พรูด!

เขาถูกโจมตีจนกระอักเลือด เนื้อตัวแตกยับ ไหม้เกรียมไปทั้งตัว เลือดสดไหลชุ่ม ส่งเสียงในคอออกมา

ทว่าเมื่อเทียบกับอาการบาดเจ็บเหล่านี้ ในเวลาเดียวกันก็มีพลังที่เกิดขึ้นใหม่กำลังหล่อเลี้ยงร่างที่บาดเจ็บ ใช้สายฟ้าหลอมมรรควิถีของเขา

หลินสวินในตอนนี้ยังคงนั่งขัดสมาธิ สีหน้าเคร่งขรึม ทุกอณูรูขุมขนล้วนกำลังส่องแสงสว่างไสว ประกายสายฟ้าสาดส่อง นี่เป็นการทำลายและเคี่ยวกรำอย่างหนึ่ง นอกร่างของเขา แสงมรรคปานอมตะเดี๋ยวเปลี่ยนเป็นหุบเหวใหญ่ เดี๋ยวเปลี่ยนเป็นเตาหลอม เข้ากำราบและหลอมอสนีเคราะห์โดยไม่เคยหยุด

ในที่สุดสายฟ้าหลายพันสายก็ผ่านพ้นไป หลินสวินยืนหยัดผ่านการโจมตีรอบนี้ไปได้แล้ว

ทว่านี่เป็นเพียงรอบแรก

ไม่ทันไรส่วนลึกของเมฆาเคราะห์ก็มีเสียงดังกึกก้องขึ้นอีกครั้ง มีแสงสายฟ้ามากมายไหลพุ่ง ขาวโพลนทั้งแถบ เหมือนจะกลบท่วมฟ้าดิน

พวกจี้ซานไห่ล้วนจำต้องหลีกหนีไปไกล

แสงอสนีครั้งนี้กลับเหมือนดาบกระบี่ สว่างไสวไร้ใดเปรียบ ฟาดฟันไม่หยุดยั้ง เจิดจ้าระยับตา ไอสังหารล้นฟ้า

เงาร่างที่นั่งขัดสมาธิอยู่ของหลินสวินถูกกลบมิดอย่างสิ้นเชิงทันที

ร่างกายเขาปรากฏสัญญาณแตกทลาย แต่ไม่ทันไรก็ฟื้นคืนกลับมา ราวกับกำลังสำแดงวัฏจักรแห่งการทำลายล้างและการเกิดใหม่อย่างไรอย่างนั้น

ส่วนมรรควิถีของเขาก็ยิ่งใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่องระหว่างการหลอมชำระ

นี่คือแสงอสนียอดสุริยัน มีผลดีอย่างยิ่งใหญ่ต่อกายมรรคและพลังจิต สามารถทำให้กายมรรคเกิดการแปรสภาพ ทำให้พลังจิตยิ่งเจิดจรัสแวววาว

ในเวิ้งฟ้าประกายอสนีร้อนแรงสว่างไสว พุ่งลงมาราวกับน้ำตก กว้างใหญ่ไพศาลไร้ขอบเขต

ในสายตาพวกจี้ซานไห่ หลินสวินน่าอนาถจนไม่อาจทนดูได้ หัวแตกเลือดไหล ได้รับบาดเจ็บสาหัส ร่างถูกผ่าอย่างต่อเนื่อง เลือดสดสาดกระเซ็น

ทว่าสารกาย พลังชีวิต และจิตวิญญาณของเขากลับควบรวมยิ่งยวด ในร่างหล่อเลี้ยงแก่นพลัง ส่องแสงรุ่งโรจน์รุนแรง

นี่ก็เหมือนการหลอมทองเซียน กำจัดสิ่งปนเปื้อนไป จึงจะสามารถสร้างอาวุธที่แหลมคมและแข็งแกร่งที่สุดในโลกได้

นี่เป็นการขัดเกลาแห่งความเป็นตายอย่างแท้จริง อาศัยเคราะห์สวรรค์มาเคี่ยวกรำร่างกายและจิตวิญญาณของตน สำแดงการแปรสภาพตามความหมายแท้จริง

โครม!

ฟ้าดินกึกก้อง แสงอสนีไร้สิ้นสุด

จนกระทั่งครู่ใหญ่ในที่สุดจึงสงบลง ส่วนหลินสวินนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้นตั้งแต่ต้นจนจบ หลังผ่านอสนีเคราะห์ด่านนี้ มรรควิถีทั้งหมดก็แปรสภาพแล้ว กายมรรคพร่างพราว พลังจิตหนาแน่น กลิ่นอายแข็งแกร่งกว่าที่ผ่านมามาก

ยามเห็นภาพนี้ในใจพวกจี้ซานไห่จึงค่อยๆ สงบลง

เพียงแต่พวกเขาต่างสังเกตเห็นว่าเคราะห์สวรรค์ยังคงอยู่ ยังไม่สิ้นสุดลง เคราะห์สวรรค์หลังจากนี้จะต้องน่าสะพรึงยิ่งกว่าเดิม แปลกประหลาดยิ่งกว่าเดิม!

นี่ทำให้พวกเขาไม่อาจไม่ปาดเหงื่อแทนหลินสวิน

ตูม!

ดังคาด หลังจากเงียบสงบไปชั่วครู่ อสนีเคราะห์ก็มาเยือนอีกครา

……

และก็เป็นเช่นนี้ หลินสวินพบเจอความยากลำบากยิ่งยวด ในเวลาหลังจากนั้นเขาข้ามด่านเคราะห์ต่อเนื่อง ทุกครั้งล้วนใช้เวลายาวนานมาก นับอย่างละเอียดถึงกับทะลวงผ่านไปเก้าครั้งแล้ว

อสนีเคราะห์บ้างเปลี่ยนเป็นหมอกเมฆาทั่วฟ้า สะท้อนแสงสีที่แตกต่างกัน สีสันงดงาม พร่างพราวรุนแรง สาดส่องฟ้าดินจนเรืองรองไปทั้งแถบ

บ้างเปลี่ยนเป็นเงาร่างวิญญาณเทพดึกดำบรรพ์ ขับเคลื่อนรถศึก ถือทวนสวรรค์ ราวกับแม่ทัพวิญญาณเทพที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรเข้าโจมตีหลินสวิน

บ้างเปลี่ยนเป็นบทประพันธ์มหามรรค หมอกแสงแผ่เต็มเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน เสียงสายฟ้าเป็นระลอกส่งผลต่อจิตวิญญาณโดยตรง

บ้างเปลี่ยนเป็น…

ทุกภาพล้วนเรียกได้ว่าแปลกประหลาด ได้ยินสิ่งที่ไม่เคยได้ยิน ได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น ทำให้เอาจิตใจของพวกจี้ซานไห่ถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง ไม่สามารถจินตนาการได้ว่าบนโลกนี้มีด่านเคราะห์เช่นนี้ได้อย่างไร

ส่วนหลินสวินถึงกับสามารถฟันฝ่าอยู่ในการโจมตีของอสนีเคราะห์รอบแล้วรอบเล่าได้ ทำให้พวกเขาตะลึงถึงขีดสุด

ทั้งหมดนี้พูดแล้วดูเหมือนง่าย แต่ความจริงเป็นเหมือนการเผชิญหน้ากับความเป็นตาย เมื่อครู่นี้ร่างของหลินสวินถูกผ่าไปไม่รู้กี่ครั้ง ครั้งที่น่าอนาถที่สุด พลังจิตถึงกับถูกผ่าจนแตกซ่าน แทบจะพินาศอย่างสิ้นเชิง

แต่สุดท้ายเขาก็ผ่านมาได้อย่างยากลำบาก

กระทั่งพลังจากอสนีเคราะห์ด่านที่เก้านี้สิ้นสุดลง

ชิ้ง!

กลางหว่างคิ้วของหลินสวิน มนุษย์พลังจิตตัวเล็กคนหนึ่งเดินออกมา อ้าปากสูดหายใจคราหนึ่ง ชั้นเมฆทั่วฟ้าสั่นไหว สี่ทิศแปดด้านมีแสงอสนีไม่รู้เท่าไรพวยพุ่งมา ปราณอสนีหนาแน่นห่อหุ้มร่างเขาเอาไว้

นี่คือเคราะห์สวรรค์ที่สลายตัว เขากลับไม่ยอมสิ้นเปลืองสักนิด ไม่ปล่อยไปแม้แต่เสี้ยวเดียว

กายเนื้อและพลังจิตล้วนถูกแสงอสนีปกคลุม สูบเอาแสงเคราะห์อันเป็นประวัการณ์นี้เข้าไปทั้งหมด

หลินสวินสัมผัสได้อย่างเด่นชัด ว่าไม่ว่าจะเป็นกายเนื้อหรือพลังจิตล้วนเหมือนได้เกิดใหม่

นี่คือการชำระที่ไม่สามารถจินตนาการได้ครั้งหนึ่ง!

หลินสวินในตอนนี้พลังขับเคลื่อนในร่างกำลังไหวเคลื่อนรุนแรง ส่งเสียงกึกก้องราวกับโลหะกระทบ โลกวัฏจักรในร่างดุจดั่งยามแรกกำเนิดอันเวิ้งว้างไพศาลไร้ขอบเขต มีพลังไร้จำกัดกู่ก้องเดือดพล่านอยู่ภายใน มรรควิถีทั้งร่างเกิดการเปลี่ยนแปลงที่เย้ยฟ้าพลิกดินแล้ว

เขานั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น แสงมรรคพรั่งพรูทั่วร่าง มีเสียงมรรคดังอึงอลจากในร่างของเขา ก้องไปทั่วฟ้าดิน ราวกับเทพดึกดำบรรพ์กำลังท่องคัมภีร์ ทิวทัศน์โดยรอบระยิบระยับ เขาเหมือนดั่งเทพที่แข็งแกร่งที่สุดในฟ้าดินแห่งนี้ กำลังท่องคัมภีร์แท้อยู่ที่นี่ รับการกราบไหว้จากสรรพชีวิต

พวกจี้ซานไห่มองภาพนี้อย่างอึ้งงัน แววตาตกตะลึง ราวกับกำลังมองปาฏิหาริย์ที่ไม่เคยมีมาก่อน

นี่เป็นภาพที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างหนึ่ง!

ไม่นานการแปรสภาพบนร่างหลินสวินคล้ายมาถึงจุดสำคัญ ทั้งร่างสั่นไหวไม่หยุด เสียงกึกก้องประหนึ่งฟ้าร้อง สะเทือนจนหูแทบดับ

จากนั้นสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าร่างมรรคของเขากำลังแตกออก!

นี่ไม่ใช่การทำลายล้าง แต่เหมือนงูลอกคราบ จักจั่นลอกคราบ ทิ้งร่างเก่าไป สร้างร่างใหม่อีกร่าง เป็นการเกิดใหม่อย่างหนึ่ง!

นอกจากนี้สิ่งที่พวกจี้ซานไห่ไม่เห็นก็คือ พลังจิตของหลินสวินกำลังแตกออกเช่นกัน จากนั้นสร้างใหม่อีกครั้ง เป็นเช่นนี้ซ้ำๆ ทำลายล้างและเกิดใหม่ นิพพานและแปรสภาพ ทำซ้ำไม่หยุด…

กระบวนการนี้ดำเนินมาหนึ่งวันเต็มแล้ว

ยามมาถึงช่วงปลายของการแปรสภาพนี้ หลินสวินที่นั่งขัดสมาธิอยู่รูปลักษณ์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ร่างกายสูงโปร่งและแข็งแกร่ง ผิวแวววาวดุจดั่งหินหยก นั่งขัดสมาธิอยู่ใต้ท้องฟ้า ประหนึ่งสุริยันดวงโตหนึ่งเดียวส่องสว่างโลก ศักดิ์สิทธิ์และสูงส่ง โดดเด่นเหนือสรรพสิ่ง!

ชั่วขณะที่หลินสวินลืมตาขึ้น แสงเทพดุจกระบี่ แหลมคมกดข่ม แต่ไม่ทันไรก็เปลี่ยนเป็นสงบลง กลิ่นอายทั้งหมดทั่วร่างล้วนเก็บกลับเข้าภายใน คืนสู่สภาวะเดิม

ราวกับไม่ต่างอะไรกับก่อนหน้านี้

แต่ทุกคนล้วนรู้ว่าหลังจากผ่านด่านเคราะห์ประหลาดที่เรียกได้ว่าหมื่นกาลไม่เคยมีมาก่อนครั้งนี้ กายเนื้อและพลังจิตของหลินสวินผ่านการเคี่ยวกรำและยกระดับอย่างลึกล้ำครั้งหนึ่ง แปรสภาพสำเร็จครั้งแล้วครั้งเล่า ก้าวสู่ขั้นหลุดพ้นสำเร็จ!

อะไรคือหลุดพ้น

ไม่ถูกกฎระเบียบยุคสมัยผูกมัด อยู่เหนือมหามรรค ดำรงอยู่อย่างอมตะ!

และมีเพียงการก้าวสู่ขั้นนี้ จึงจะเรียกได้ว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงบนมรรคาอมตะ ไม่กลัวการกดข่มและจำกัดของกฎระเบียบฟ้าดินอีกต่อไป อาศัยพลังแห่งตนก็สามารถก้าวเดินในโลกยุคสมัยที่แตกต่างกันได้

ในโลกหล้าที่ไม่มีระดับนิรันดร์ ระดับอมตะขั้นหลุดพ้นคือตัวตนสูงสุด!

และหลินสวินได้แจ้งมรรคขั้นหลุดพ้นในวันนี้!

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท