Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2883 กระบี่วิญญาณยอดสยบ

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2883 กระบี่วิญญาณยอดสยบ

ตอนที่ 2883 กระบี่วิญญาณยอดสยบ

หลินสวินกับฟางเต้าผิงต่างถอยออกมา

อานุภาพของกระบี่นี้แข็งแกร่งจนพวกเขาไม่อาจไม่หลบ

นี่ก็คือความแตกต่างของระดับนิรันดร์และระดับอมตะขั้นหลุดพ้น

ระดับอมตะขั้นหลุดพ้นไม่ถูกผูกมัดด้วยกฎระเบียบฟ้าดิน

แต่ระดับนิรันดร์ครอบครองและใช้กฎระเบียบฟ้าดินได้!

ชิ้ง!

ห่างออกไปกระบี่ยาวที่หยวนซวีคุนกอดในอ้อมแขนมาตลอดพลันออกจากฝัก เสียงกระบี่ครวญราวเสียงคำรามของเทพดึกดำบรรพ์ เจตกระบี่ชวนประหวั่นไหลพุ่งออกมาเหมือนปกคลุมฟ้าดิน

ปังๆๆ!

กระบี่ซึ่งไท่เสวียนฟันออกไปยังไม่เข้าใกล้หยวนซวีคุนก็พังทลายไปทั้งหมดกลางอากาศ กลายเป็นละอองแสงโปรยปรายไร้สิ้นสุด

เวลานี้กระบี่ยาวในมือหยวนซวีคุนถูกชักออกมาทั้งหมดแล้ว สีขาวเงินดุจหิมะน้ำแข็งตลอดเล่ม เปล่งประกายโชติช่วง สว่างไสวไพศาล ส่องสะท้อนฟ้าดารา

กระบี่เล่มหนึ่งกลับทำให้หลินสวินกับฟางเต้าผิงรู้สึกว่าจิตใจปวดแสบ มีความรู้สึกว่าหายใจไม่ออก สีหน้าเปลี่ยนไปทันที

“กระบี่วิญญาณยอดสยบ!”

หว่างคิ้วไท่เสวียนขมวดขึ้น สีหน้าจริงจังขึ้นมาอย่างยากจะได้เห็น

กระบี่นี้คือกระบี่พิทักษ์ตระกูลของเผ่าเทพตระกูลหยวน

กระบี่เทพที่เกิดจากระเบียบระดับเทพเล่มหนึ่ง พลังกฎเกณฑ์ที่สั่งสมอยู่ภายในเปลี่ยนไปจนเผยนัยเร้นลับแห่งกฎระเบียบแล้ว

หากร่างต้นอยู่ที่นี่ ไท่เสวียนย่อมไม่กลัวศาสตราจิตเช่นนี้โดยสิ้นเชิง

แต่เขาซึ่งเป็นแค่รูปจำลองเจตจำนงกลับไม่อาจไม่เกรงกลัวกระบี่นี้

เกือบจะเวลาเดียวกันฟางเต้าผิงเล่าที่มาเกี่ยวกับกระบี่วิญญาณยอดสยบให้หลินสวินฟัง หว่างคิ้วเขาก็เต็มไปด้วยแววจริงจังเช่นกัน

ไม่ต้องสงสัยว่าหยวนซวีคุนมาครานี้ เห็นชัดว่าต้องเอาระเบียบระดับเทพไปให้ได้ มิฉะนั้นย่อมไม่มีทางนำยอดสมบัติอย่างกระบี่วิญญาณยอดสยบติดตัวมาแน่

หลินสวินฟังจบแล้วนึกถึง ‘กฎระเบียบลบล้าง’ และ ‘กฎระเบียบสมบัติร่วงหล่น’ ในประตูเนรเทศ สิ่งเหล่านี้มีความมหัศจรรย์คล้ายคลึงกับกระบี่วิญญาณยอดสยบที่ประทับพลังกฎระเบียบอยู่บ้าง

“ข้าคนแซ่หยวนมาครานี้แค่เพื่อระเบียบระดับเทพเท่านั้น หากสหายยุทธ์ยินดีมอบให้ ข้าคนแซ่หยวนจะจากไปทันที ถึงอย่างไรตอนนี้บุตรคนที่เก้าของหัวหน้าตระกูลข้าก็ฝึกปราณในลัทธิแรกกำเนิด ข้าคนแซ่หยวนไม่คิดทำลายสัมพันธ์ระหว่างกัน”

ไกลออกไปหยวนซวีคุนถือกระบี่เอ่ยปากเนิบช้า อานุภาพของเขาน่ากลัวยิ่งกว่าเดิมแล้ว

ไท่เสวียนกล่าวเรียบๆ “เจ้าวางใจ ต่อให้เจ้าตายไป ขอแค่หยวนฉางเทียนไม่ละเมิดกฎของลัทธิแรกกำเนิด ลัทธิแรกกำเนิดของข้าก็ไม่ล้างแค้นเขา สำหรับระเบียบระดับเทพ หากมีข้าอยู่เจ้าก็ชิงไปไม่ได้”

สีหน้าหยวนซวีคุนเปลี่ยนเป็นเย็นชา กล่าวว่า “หากรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ถูกทำลาย ในเวลาอันสั้นจะไม่อาจควบรวมร่างที่สองออกมาได้อีก ซ้ำยังสร้างความเสียหายต่อมรรควิถีแห่งตนด้วย เจ้าแน่ใจว่าจะสู้สุดชีวิตจริงหรือ”

คำตอบของไท่เสวียนคือปราณกระบี่ที่ฟันออกมา

ปราณกระบี่นี้เรียบง่าย ไม่มีกลิ่นอายโลกีย์แม้เศษเสี้ยว ปรากฏขึ้นกลางอากาศ ทะลวงผ่านฟ้าดาราในพริบตา แทงไปทางหยวนซวีคุน

หยวนซวีคุนแค่นเสียงเย็นชา ฟันกระบี่วิญญาณยอดสยบออกมา

ตูม!

ละอองแสงม้วนกลืนทั่วฟ้า ฟ้าดาราแถบนี้อลหม่านโดยสมบูรณ์ ทุกหนแห่งเป็นภาพพังทลายจ่อมจมราวกับช่วงแรกกำเนิด สรรพสิ่งไม่อาจดำรง

“มีกระบี่วิญญาณยอดสยบ ต่อให้รูปจำลองเจตจำนงของเจ้าไท่เสวียนแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่อาจต้านลิขิตสวรรค์”

ท่ามกลางละอองแสงม้วนซัด เสียงของหยวนซวีคุนดังขึ้น “ในเมื่อเจ้าไม่ยอมถอย ข้าคนแซ่หยวนก็จะไม่เกรงใจอีก”

ฟุ่บ!

เขาถือกระบี่พุ่งเข้ามา ราวกับแสงไหวเคลื่อนสีเงินเจิดจรัสปรากฏตัวตรงหน้าไท่เสวียนกะทันหัน ปลายกระบี่สีเงินซึ่งอบอวลด้วยพลังกฎระเบียบลึกลับฟาดฟันลงมา

ทั่วร่างไท่เสวียนเผยปราณกระบี่นับหมื่นแสน ผสานเป็นค่ายกลกระบี่เข้าห้ำหั่นกับอีกฝ่าย

ตูม!

ฟ้าสะเทือนดินสะท้าน กลิ่นอายทำลายล้างน่ากลัวเกินไปแล้ว

ฟางเต้าผิงรู้สึกถึงภัยคุกคามรุนแรงที่บีบกดมาทันที เขากำลังจะพาหลินสวินถอยห่างไปยังพื้นที่ห่างไกลโดยไม่ลังเล

กลับเห็นหลินสวินส่ายหัวสื่อจิต ‘ข้าอยากช่วยหนุนผู้อาวุโสไท่เสวียน บางทีอาจช่วยพวกเราสลายวิกฤติได้’

ฟางเต้าผิงอึ้งไป

ชั่วขณะที่อึ้งงันหลินสวินก็ลงมือแล้ว

ดาบกาลเวลา!

ด้วยมรรควิถีตอนนี้ของหลินสวิน ยามสำแดงอภินิหารต้องห้ามนี้ อานุภาพของมันย่อมเปลี่ยนไปจากเดิมเป็นธรรมดา

ก็เห็นคมประกายดั่งมายาพุ่งออกมา ฟันใส่หยวนซวีคุนซึ่งกำลังต่อสู้อยู่ไกลๆ โดยไร้สุ้มเสียง รวดเร็วถึงขั้นสะเทือนใต้หล้า

หยวนซวีคุนเหมือนมีญาณทิพย์ กระบี่ยาวในมือวาดกวาด ต้านดาบกาลเวลาได้อย่างฉิวเฉียด

ปัง!

ดาบกาลเวลาระเบิดออก

“หากเจ้ามีมรรควิถีระดับนิรันดร์ ยามสำแดงดาบกาลเวลาของลั่วทงเทียนบางทีข้าอาจหวั่นเกรงอยู่สามส่วน แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เจ้าไม่มีภัยคุกคามสักนิด”

หยวนซวีคุนสีหน้าเรียบเฉย

เขาทำลายดาบกาลเวลาได้ในการโจมตีเดียว พลังนั้นแข็งแกร่งถึงขั้นทำให้ผู้คนสิ้นหวัง

หลินสวินหน้านิ่วคิ้วขมวด

เขามองออกว่ารูปจำลองเจตจำนงของไท่เสวียนถูกจำกัดพลังอยู่มาก บาดเจ็บเสียหายหลายจุด หากเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ใช่แค่รูปจำลองเจตจำนงของไท่เสวียนที่จะถูกทำลาย วันนี้แม้แต่เขากับฟางเต้าผิงก็เกรงว่าคงไม่อาจออกจากที่นี่ได้

ใช่ว่าเพราะพลังต่อสู้ของหยวนซวีคุนเหนือกว่าไท่เสวียน แต่อานุภาพของกระบี่วิญญาณยอดสยบในมือเขาน่ากลัวเกินไปจริงๆ

ฟางเต้าผิงก็รู้ว่าท่าไม่ดี สื่อจิตกล่าวอย่างรวดเร็ว ‘หลินสวิน ข้าจะไปร่วมต่อสู้กับหัวหน้าหอไท่เสวียน เจ้าฉวยโอกาสนี้จากไปโดยเร็ว หนีไปยิ่งไกลยิ่งดี’

เห็นชัดว่าเขาคิดยอมพลีชีพ ชิงโอกาสรอดเสี้ยวหนึ่งให้หลินสวิน!

หลินสวินใจกระตุกวูบ รีบกล่าวทันที ‘ผู้อาวุโส สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นเข้าตาจน!’

พูดจบเขาสูดหายใจเข้าลึกๆ พุ่งตัวไปเบื้องหน้า

หยวนซวีคุนที่กำลังต่อสู้โรมรันกับไท่เสวียนสังเกตเห็นอย่างฉับไว กฎกาลเวลากลางฟ้าดินเกิดการเปลี่ยนแปลงประหลาด ราวกับถูกชักนำโดยพลังไร้รูปอย่างหนึ่ง

พร้อมกันนี้หลินสวินพุ่งเข้ามาแล้ว สองมือทำมุทรา

ฮูม…

เส้นแสงกาลเวลานับไม่ถ้วนไขว้ตัดสลับกัน กลายเป็นกระบวนผนึกลึกลับชั้นหนึ่งปกคลุมสนามรบแห่งนี้ไว้ ทั้งครอบคลุมหยวนซวีคุนไว้ภายใน

ประทับผนึกเวลา!

หยวนซวีคุนที่สังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากลอยู่ก่อนแล้วลงมือทันที กระบี่วิญญาณยอดสยบฟันลงมาอย่างเดือดดาล

อานุภาพของกระบี่นี้น่ากลัวระดับใด ประทับผนึกเวลาเกิดคลื่นสะเทือนรุนแรงทันที แต่สุดท้ายก็สลายพลังของกระบี่นี้ได้

รูปจำลองเจตจำนงของไท่เสวียนเผยแววแปลกใจอย่างอดไม่ได้ “อภินิหารกาลเวลาร้ายกาจนัก!”

“ผู้อาวุโส หนีเร็ว”

หลินสวินกล่าวอย่างรวดเร็ว

“ไป!”

ไท่เสวียนก็รู้ว่าตอนนี้เป็นโอกาสทองในการหนี เขาสะบัดแขนเสื้อทันที พาหลินสวินกับฟางเต้าผิงเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศไปพร้อมกัน

เพียงพริบตาก็หายไปในฟ้าดารากว้างใหญ่แถบนี้

ในกระบวนผนึกเวลาสีหน้าหยวนซวีคุนอึมครึมยิ่งนัก เขาใช้พลังทั้งหมดกระหน่ำโจมตี แต่พลังของประทับผนึกเวลาคือกฎกาลเวลาที่ควบรวมจากฟ้าดิน ไม่อาจทำลายได้ในเวลาอันสั้น

ต่อให้ใช้กระบี่วิญญาณยอดสยบก็ไม่ได้!

“บัดซบ!!”

หยวนซวีคุนเดือดดาลถึงขีดสุด

ครั้งนี้เขาเตรียมการมาก่อน คิดไว้แล้วว่าครั้งนี้ยามช่วงชิงระเบียบระดับเทพ ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดการปะทะกับรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ ด้วยเหตุนี้จึงพกกระบี่วิญญาณยอดสยบติดตัวมา

แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่าเหตุไม่คาดฝันจะเกิดจากตัวหลินสวิน!

ครั้งนี้ไม่เพียงมีโอกาสสูงว่าจะชวดระเบียบระดับเทพ หากให้พวกหลินสวินรอดกลับไปลัทธิแรกกำเนิดอีก ภายหน้าลัทธิแรกกำเนิดต้องมองตระกูลหยวนของพวกเขาเป็นศัตรูคู่อาฆาตแน่!

แม้ว่าตระกูลหยวนจะครองอาณาเขตในน่านฟ้าที่เก้า ไม่กลัวลัทธิแรกกำเนิดโดยสิ้นเชิง แต่ความน่ากลัวในรากฐานพลังของลัทธิแรกกำเนิด ก็ทำให้ตระกูลหยวนไม่อาจมองข้ามภัยคุกคามของพวกเขาได้

หยวนซวีคุนสูดหายใจลึกหลายเฮือกกว่าจะสงบลงโดยสมบูรณ์

เขาเริ่มพิจารณาประทับผนึกเวลา

‘นี่คืออภินิหารต้องห้ามที่แฝงอยู่ในพรสวรรค์หุบเหวกลืนกินหรือ มหัศจรรย์เกินคาดเดาดังคาด หากร่างต้นอยู่ที่นี่ยังทำลายมันเต็มกำลังได้ แต่ตอนนี้…’

หยวนซวีคุนคำนวณครู่หนึ่งแล้วได้คำตอบที่ทำให้เขาหนักใจ

ต่อให้เขาใช้พลังของรูปจำลองเจตจำนงร่วมกับอานุภาพของกระบี่วิญญาณยอดสยบกระหน่ำโจมตีเต็มกำลัง อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสองชั่วยาม!

ทั้งเมื่อทำลายประทับผนึกเวลานี้จริงๆ พลังรูปจำลองเจตจำนงของเขาก็จะผลาญไปครึ่งหนึ่ง!

‘ด้วยความสามารถของไท่เสวียน หากกลับไปลัทธิแรกกำเนิดจากที่แห่งนี้ ไม่เกินสามวันก็จะถึงจุดหมาย หากไปตามล่าหลังผ่านไปสองชั่วยามเกรงว่าต้องใช้เวลาหนึ่งวัน…’

หยวนซวีคุนใคร่ครวญอยู่นานแล้วกัดฟันกรอด เริ่มโจมตีประทับผนึกเวลาเต็มกำลัง

ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นรูปจำลองเจตจำนง ต่อให้ถูกทำลายโดยสิ้นเชิงเขาก็ไม่สนใจแต่แรก

เขาตัดสินใจตาม!

มิฉะนั้นคงไม่ยินยอมชั่วชีวิต!

ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นพลังระเบียบระดับเทพที่สมบูรณ์ หากครอบครองมันได้ ย่อมถึงขั้นทำให้ฐานะของตระกูลหยวนเกิดการเปลี่ยนแปลงในหมู่เผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูล!

หลินสวินสีหน้าซีดเผือด

เขากำลังหลอมพลังของโอสถอมตะสุริยันจันทราเต็มที่

ใช้อภินิหารต้องห้ามทั้งสองอย่างดาบกาลเวลาและประทับผนึกเวลาติดต่อกัน ทำให้มรรควิถีของเขาถูกใช้ไปประมาณแปดส่วนในชั่วขณะเดียว

แม้รูปจำลองเจตจำนงของไท่เสวียนจะบาดเจ็บสะสม แต่ความเร็วในการเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศกลับเรียกได้ว่าน่ากลัว พาหลินสวินกับฟางเต้าผิงห้อตะบึงกลางฟ้าดาราเต็มอัตรา

“อย่างมากพลังอภินิหารนั้นของเจ้ายืนหยัดได้นานเท่าไหร่”

ระหว่างทางฟางเต้าผิงเอ่ยถาม

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ในใจฟางเต้าผิงก็สั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก เขาเพิ่งเคยเห็นอานุภาพของประทับผนึกเวลาเป็นครั้งแรก ต่อให้ผ่าสมองออกมาก็คิดไม่ถึง ว่าแค่อภินิหารอย่างหนึ่งเท่านั้น แต่กลับขังรูปจำลองเจตจำนงของระดับนิรันดร์ได้!

“ไม่แน่ใจ”

หลินสวินส่ายหัว

หากจัดการระดับอมตะ พลังของประทับผนึกเวลาย่อมยืนหยัดได้นานครึ่งเดือน

แต่หากจัดการรูปจำลองเจตจำนงของระดับนิรันดร์ หลินสวินก็ไม่มีความมั่นใจแล้ว

“ไม่เป็นไร ต่อให้ใช้พลังของรูปจำลองเจตจำนงนี้จนหมด ข้าก็จะคุ้มกันพวกเจ้ากลับสู่ลัทธิแรกกำเนิด”

ไท่เสวียนสีหน้าราบเรียบ

เขาบาดเจ็บสะสม แต่กลับไม่ใส่ใจ ถึงอย่างไรก็เป็นรูปจำลองเจตจำนง ไม่ใช่ร่างต้น

“ก่อนหน้านี้ข้าใช้วิชาลับติดต่อสำนักแล้ว หนทางข้างหน้าของพวกเราต้องมีคนใหญ่คนโตของสำนักรีบเร่งมาแน่”

ฟางเต้าผิงกล่าวเสียงขรึม

“ในลัทธิแรกกำเนิดตอนนี้สภาวะจิตของเจ้าเฒ่าเหยียนจี้มีปัญหา โหยวเป่ยไห่ยังไม่แจ้งมรรคนิรันดร์ ส่วนร่างต้นของข้าก็ยังนั่งทื่ออยู่ในเขตผนึกแจ้งเร้น ประลองกับตัวเอง…”

ไท่เสวียนถอนใจเบาๆ “ต้องโทษข้าที่ตอนนั้นเย่อหยิ่งจองหอง คิดแค่จะเหนือกว่าเจ้าลัทธิบนมหามรรค กระทั่งทำให้ตนตกอยู่ในการปิดด่านที่เหมือน ‘หว่านแหจับตัวเอง’ ไม่เช่นนั้นในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมานี้ในสำนักคงไม่เกิดเรื่องมากขนาดนี้”

ฟางเต้าผิงพลันเงียบไป

สำหรับประเด็นสนทนานี้ ด้วยฐานะของเขาก็ไม่อาจพูดอะไรได้มากนัก

หลินสวินหน้านิ่วคิ้วขมวด จากคำพูดของไท่เสวียนทำให้เขารับรู้ได้ทันที ว่าครั้งนี้ต่อให้มีคนจากลัทธิแรกกำเนิดมาช่วยพวกเขา ก็เป็นไปได้สูงว่ามีแค่ใต้เท้ารองหัวหน้าหออย่างเสวียนเฟยหลิงและตู๋กูยง…

ถึงอย่างไรในลัทธิแรกกำเนิดที่กว้างใหญ่ หัวหน้าหอสามคนต่างมีเรื่องวุ่นวายติดพัน!

สิ่งเดียวที่น่ายินดีคือหยวนซวีคุนถูกกักขัง ถูกลิขิตให้ไม่อาจตามมาได้ในเวลาอันสั้น

ขอเพียงหนทางต่อจากนี้ไม่เกิดเรื่องผิดคาดอะไร พวกเขาก็ไปถึงลัทธิแรกกำเนิดได้อย่างปลอดภัย

แต่สิ่งที่หลินสวินคิดไม่ถึงคือผ่านไปเพียงครึ่งวัน บนทางข้างหน้าที่พวกเขาเคลื่อนตัวไปเต็มอัตรา เคราะห์สังหารล้นฟ้าคราหนึ่งพลันมาเยือน!

……………….

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท