Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2889 ตรวจสอบ

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2889 ตรวจสอบ

ตอนที่ 2889 ตรวจสอบ

เสวียนเฟยหลิงใคร่ครวญครู่ใหญ่ก่อนเอ่ยถาม “เดิมเจ้าคิดจะจัดการอย่างไร”

หลินสวินพูดโดยไม่ต้องคิด “แน่นอนว่าต้องฆ่า แต่ตอนนี้มาคิดดูแล้ว การให้พวกเขารอดชีวิตอาจมีประโยชน์มากกว่า”

“หมายความว่าอย่างไร”

“ถ้าพวกเขารอดชีวิตจากไป แม้เผ่าเทพเบื้องหลังพวกเขาจะแค้นข้าเข้ากระดูก แต่ก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามมาหาเรื่องสำนักของพวกเรา ถึงอย่างไรรากฐานของสำนักก็ยังอยู่”

หลินสวินกล่าว “ทั้งข้าจะให้พวกเขารู้ว่าระหว่างทางกลับมาสำนัก เพื่อชิงพลังระเบียบระดับเทพในมือข้า ลัทธิพ่อมดกับลัทธิฌานล้วนไม่สนใจชีวิตของพวกเขาสักนิด”

“ยุแยงตะแคงรั่วหรือ เรื่องนี้คงถูกมองออกอย่างง่ายดาย”

“มองออกก็ไม่เป็นไร แค่อยากฉวยโอกาสนี้สร้างความเกลียดชังไปทางลัทธิพ่อมดกับลัทธิฌาน อย่างน้อยภายหน้าหลังจากบุตรเทพสองคนอย่างเหวินเฉียวสุ่ยและชางฝูเฟิงกลับไปยังตระกูลพวกเขาแล้ว ย่อมไม่มีทางพูดจารื่นหูเกี่ยวกับลัทธิพ่อมดและลัทธิฌานแน่”

“เช่นนั้นก็ทำตามที่เจ้าบอก”

เสวียนเฟยหลิงตัดสินใจทันที

หลินสวินอึ้งงันพลางกล่าว “ผู้อาวุโสก็เห็นว่าเป็นไปได้หรือ”

เสวียนเฟยหลิงกล่าว “หากข้าเดาไม่ผิด ใช้เวลาไม่นานบุคคลสำคัญของตระกูลเหวินกับตระกูลชางก็จะมาเยือนด้วยตัวเอง เป้าหมายคือแค่มากล่าวโทษ ถึงตอนนั้นค่อยฉวยโอกาสหาประโยชน์บางส่วนจากพวกเขาได้ ถึงอย่างไรตัวประกันก็ไม่อาจส่งคืนไปโดยเสียเปล่าเช่นนี้”

หลินสวินดึงพลังจิตของเหวินเฉียวสุ่ยกับชางฝูเฟิงออกมาแล้วมอบแก่เสวียนเฟยหลิงโดยตรง “เช่นนั้นเรื่องนี้ก็รบกวนผู้อาวุโสออกหน้าจัดการแล้ว”

เสวียนเฟยหลิงอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ “เกรงว่าเจ้าหนูอย่างเจ้าคงคิดมอบเผือกร้อนลวกมือคู่นี้ให้ข้าตั้งแต่แรกแล้วกระมัง”

หลินสวินก็ยิ้มแล้ว “ข้าแค่เชื่อว่ามีเพียงผู้อาวุโสออกหน้าจึงจะจัดการเรื่องนี้ได้สมบูรณ์แบบที่สุด”

คืนวันนั้นหลังจากหลินสวินกลับมาถ้ำสถิต ทั้งตัวล้วนผ่อนคลายลง

การเข้าร่วมศึกมรรคอมตะครั้งนี้ใช้เวลาไปสิบปีกว่า การเข่นฆ่าสังหารที่ประสบมีจำนวนไม่น้อย แต่ผลประโยชน์ก็มากเหลือประมาณ

หลินสวินเคยตรวจสอบมาก่อน จำนวนของระเบียบระดับปฐพีมีถึงแปดพันกว่าสาย ระเบียบระดับสวรรค์มีสามร้อยกว่าสาย!

แค่จำนวนนี้ก็พอจะสะท้านโลก ทำให้ขุมอำนาจใหญ่นับไม่ถ้วนอิจฉาน้ำลายหก

ถึงอย่างไรยามปกติผู้แข็งแกร่งขั้นดับเทพคิดเสาะหาพลังระเบียบระดับปฐพีก็ยากเกินไปจริงๆ

นอกจากสิ่งเหล่านี้ บนตัวหลินสวินยังมีระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าที่เปลี่ยนเป็นกระบี่บินเก้าเล่ม

ส่วนระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้า รวมถึงเศษเสี้ยวระเบียบระดับเทพอื่นๆ ล้วนถูกหลอมไปหมดยามแจ้งมรรคขั้นหลุดพ้นในแดนมารสวรรค์แล้ว

แน่นอนว่าผลประโยชน์ยิ่งใหญ่ที่สุดคือระเบียบระดับเทพสมบูรณ์สายหนึ่งโดยไม่ต้องสงสัย ปัจจุบันถูกหลินสวินตั้งชื่อว่า ‘ปฐม’

ยามอยู่แดนมารสิบทิศ หลังจากสังหารผู้ร่วมศึกลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน สิบยักษ์ใหญ่อมตะ ก็ทำให้หลินสวินเก็บสมบัติได้มากมาย มีดาบคมศาสตราจิต เจตวัตถุหายาก ลูกกลอนโอสถเป็นต้น มูลค่าไม่อาจประเมิน

ถึงอย่างไรผู้ร่วมศึกพวกนั้นก็เป็นขั้นดับเทพสัมบูรณ์ทั้งสิ้น เป็นบุคคลแกนหลักของแต่ละขุมอำนาจใหญ่ สมบัติติดตัวแน่นอนว่าไม่มีทางเป็นสิ่งที่ของทั่วไปเทียบได้

เปรียบเทียบกับของพวกนี้แล้ว สมบัติที่เก็บได้ระหว่างทางกลับมาสำนักก็มีหลายประเภทเช่นกัน

โดยเฉพาะหลังกำจัดหวังจ้งหยวนกับขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์สิบคน รวมถึงราชครูดินอย่างจู่เหวินเหิงด้วย แค่ตรวจสอบทรัพย์หลังศึกติดตัวสัตว์ประหลาดเฒ่าพวกนี้ ก็ทำให้เขาสับสนตาลายและอัศจรรย์ใจมากแล้ว

สรุปคือการเคลื่อนไหวครั้งนี้จริงอยู่ว่าอันตราย แต่ผลประโยชน์ก็มากมายมหาศาล

หากพูดถึงจำนวนทรัพย์สิน มองทั่วลัทธิแรกกำเนิดตอนนี้ เกรงว่าคงต้องก้มหัวละอายต่อหน้าหลินสวิน

‘พลังระเบียบพวกนี้เก็บไว้ใช้ส่วนหนึ่ง ภายหน้าค่อยให้จิ่งเซวียนกับฝานเอ๋อร์มาใช้ ที่เหลือก็ยกให้เหล่าสหายสนิทในสำนัก’

หลินสวินใคร่ครวญ

เขานึกถึงพวกเฟิงซีซี หลิวอวิ๋นเฟิง เถาเหลิ่ง เย่ฉุนจวิน ฉินรั่วหลิง ฮวงมู่จี้ขึ้นมา

คนพวกนี้ล้วนเป็นสหายที่เขาเชื่อใจได้

‘ส่วนสมบัติอื่น… ภายหน้าถ้ามีโอกาสก็มอบให้เหล่าเพื่อนร่วมสำนักที่สนับสนุนข้ามาตลอดได้’

หลินสวินรู้ดีว่ายิ่งเลื่อนตำแหน่งเร็ว ก็ยิ่งต้องสร้างอิทธิพลและบารมีของตน คิดบรรลุเป้าหมายนี้มีแค่สี่คำเท่านั้น

สร้างคุณเสริมบารมี!

คุณก็คือบุญคุณ เป็นได้ทั้งรางวัล มิตรภาพ และความสัมพันธ์อื่น

แต่สิ่งที่ตรงไปตรงมาที่สุดคือใช้ทรัพยากรในการฝึกปราณมาแลกการสนับสนุนโดยไม่ต้องสงสัย

บารมีก็ง่ายมาก ขอเพียงมรรควิถีแข็งแกร่งพอ ย่อมไม่มีใครกล้าไม่ยอมรับแน่

ไม่นานหลินสวินหยิบขวดหยกใบหนึ่งออกมา

ในขวดหยกบรรจุน้ำค้างเทพฟ้าประทานไว้สิบหยด ก่อเกิดจากพลังระเบียบระดับเทพของลัทธิแรกกำเนิด มีความอัศจรรย์ไม่อาจประเมินต่อการฝึกปราณขั้นหลุดพ้น

หลินสวินเปิดขวดหยกออก หมอกแสงทองอร่ามแถบหนึ่งพุ่งออกมาทันที ส่องประกายเต็มห้อง กลิ่นโอสถอบอวลเป็นระลอก มีพลังระเบียบพวยพุ่งรางๆ น่าอัศจรรย์หาใดเปรียบ

เมื่อลองเอียงขวดหยก น้ำค้างเทพหยดหนึ่งกลิ้งออกมาทันที เกลี้ยงกลมโปร่งแสง แสงทองอบอวล พอมองอย่างละเอียด ในน้ำค้างเทพนั้นมีพลังระเบียบนับไม่ถ้วนตัดสลับพลิกตลบ เปล่งประกายเจิดจรัสเหมือนประกายสายฟ้าสีทองแน่นขนัด

หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ นั่งขัดสมาธิ แล้วอ้าปากกลืนน้ำค้างเทพหยดนี้เข้าไป

ตูม!

ทันใดนั้นด้วยมรรควิถีตอนนี้ของหลินสวิน ภายในร่างยังสั่นสะเทือนทันที จากนั้นพลังมหามรรคน่ากลัวราวภูเขาไฟระเบิดพลิกตลบกู่ก้อง ทำให้ทั้งตัวหลินสวินมีความรู้สึกว่าอิ่มเอิบแทบทะลัก

‘พลังระเบียบน่าสะพรึงนัก!’

หลินสวินโคจรพลังปราณทันที สลายแก่นพลังระเบียบซึ่งแฝงอยู่ในน้ำค้างเทพฟ้าประทานหยดนั้นอย่างเต็มกำลัง

ระดับอมตะขั้นหลุดพ้น คือหลุดพ้นเหนือกฎระเบียบฟ้าดิน การฝึกปราณในขั้นนี้นอกจากต้องหลอมพลังระเบียบอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังต้องไปหยั่งรู้กฎระเบียบฟ้าดินด้วย!

มีเพียงหยั่งรู้นัยเร้นลับของกฎระเบียบฟ้าดิน ถึงไปครอบครองและควบคุมพลังกฎระเบียบหลังจากแจ้งมรรคระดับนิรันดร์ได้!

ตอนนี้หลินสวินเข้าใจแล้ว พลังระเบียบที่สมบูรณ์แต่ละอย่างล้วนมาจากกฎระเบียบฟ้าดิน เดิมก็เป็นสิ่งสะท้อนอย่างหนึ่งของพลังกฎระเบียบ

ด้วยพลังระเบียบที่ผู้ฝึกปราณแต่ละคนหลอมมีจำนวนมาก แตกต่างกันออกไป ดังนั้นถ้าอยากมีความก้าวหน้าของพลังปราณขั้นหลุดพ้น ก็ต้องจัดเรียงและหลอมรวมพลังระเบียบที่ตนครอบครอง

การหลอมรวมเช่นนี้จะสะท้อนให้เห็นบน ‘กฎเกณฑ์อมตะ’

กฎเกณฑ์อมตะที่ขั้นหลุดพ้นครอบครอง ยังถูกเรียกว่ากฎเกณฑ์หลุดพ้น ควบรวมจากพลังระเบียบนานัปการที่หล่อหลอม

กฎเกณฑ์อมตะที่เคี่ยวกรำยิ่งบริสุทธิ์ พลังปราณก็ยิ่งยกระดับเร็ว อานุภาพที่ปลดปล่อยออกมาก็ยิ่งแข็งแกร่ง

สำหรับหลินสวินจุดนี้ไม่ใช่ปัญหาโดยสิ้นเชิง

ตั้งแต่อยู่ขั้นอายุขัยเทียมฟ้า เขาก็หยั่งรู้นัยเร้นลับของระเบียบนิพพาน ใช้สิ่งนี้ควบรวมกฎเกณฑ์อมตะของตนออกมา

หลายปีมานี้ตั้งแต่ขั้นอายุขัยเทียมฟ้าถึงขั้นดับเทพ ตั้งแต่ขั้นดับเทพถึงขั้นหลุดพ้นในปัจจุบัน ขอแค่เป็นพลังระเบียบที่ถูกเขาหลอม เกือบทั้งหมดล้วนถูกระเบียบนิพพานหลอมมาก่อนรอบหนึ่ง

ทุกอย่างนี้ทำให้ยามหลินสวินควบหลอม สิ่งที่ดูดซับล้วนเป็นต้นกำเนิดระเบียบซึ่งบริสุทธิ์ที่สุด!

กระทั่งกฎเกณฑ์หลุดพ้นที่เขาครอบครองตอนนี้ ไม่เพียงหลอมรวมเป็นหนึ่งนานแล้ว มันยังบริสุทธิ์แข็งแกร่ง ไม่มีมลทินแม้แต่น้อย เทียบกับขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์พวกนั้นแล้วมีแต่จะเหนือกว่า!

นี่ก็คือสาเหตุที่เขากำราบหวังจ้งหยวนกับสัตว์ประหลาดเฒ่าขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ในการต่อสู้ ทั้งที่เพิ่งแจ้งมรรคขั้นหลุดพ้นได้

สรุปคือสำหรับหลินสวินการฝึกปราณในขั้นหลุดพ้นนั้นง่ายมาก ขอแค่หลอมพลังระเบียบต่อไป เคี่ยวกรำกฎเกณฑ์อมตะของตนก็พอแล้ว

เมื่อมรรควิถีของเขาบรรลุถึงขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ กฎเกณฑ์อมตะที่เขายึดกุมจะยิ่งแข็งแกร่ง หมายความว่ากฎเกณฑ์ฟ้าดินที่เขาหยั่งรู้ก็ยิ่งมาก

เมื่อเป็นเช่นนี้ภายหน้าหลังจากแจ้งมรรคระดับนิรันดร์ ยามไปครอบครองและควบคุมกฎระเบียบฟ้าดินก็ย่อมง่ายดายเป็นธรรมดา!

ผ่านไปสามชั่วยาม

พร้อมกับเสียงกัมปนาทระลอกหนึ่ง พลังขับเคลื่อนทั่วร่างหลินสวินเงียบสงบลงช้าๆ

เวลานี้เขาเพิ่งหลอมพลังของน้ำค้างเทพฟ้าประทานหยดนั้นเสร็จสมบูรณ์ เมื่อรู้สึกถึงพลังปราณที่พัฒนาขึ้นช่วงหนึ่งอย่างเด่นชัด หลินสวินพลันตกตะลึงอย่างอดไม่ได้

น้ำค้างเทพฟ้าประทานหนึ่งหยด ถึงกับทำให้พลังปราณขั้นหลุดพ้นขั้นต้นของเขายกระดับประมาณสองเท่า!

หากหลอมครบสิบหยด ไม่ใช่ว่าจะทะลวงขั้นหลุดพ้นขั้นกลางได้เลยหรือ

แต่หลินสวินรู้ดีว่านี่เป็นแค่สมมุติฐาน การหลอมครั้งแรกอาจมีผลชวนตะลึง แต่เกรงว่าครั้งที่สองคงไม่มีผลดีเท่าครั้งแรกแล้ว

‘สมบัตินี้ไม่อาจใช้ไปกับการฝึกปราณเช่นนี้’

หลินสวินเก็บขวดหยกลงไปอย่างระวัง

เสวียนเฟยหลิงเคยบอกว่าเมื่อเกิดสถานการณ์ที่พลังแห้งเหือดในการต่อสู้ ขอแค่ดื่มน้ำค้างเทพฟ้าประทานหนึ่งหยดก็ฟื้นคืนสภาพยอดเยี่ยมได้ในพริบตา

สำหรับหลินสวินที่ผ่านการต่อสู้มานาน ย่อมเข้าใจว่าความอัศจรรย์ของน้ำค้างเทพฟ้าประทานทรงพลังเพียงใดเป็นธรรมดา

เมื่อคิดดูแล้วหลังจากใช้อภินิหารอย่างดาบกาลเวลา ประตูเนรเทศ ประทับผนึกเวลาติดต่อกัน พลังจะถดถอยแห้งขอด แต่กลับใช้น้ำค้างเทพหนึ่งหยดฟื้นคืนกลับมาได้ในพริบตา นี่ยังไม่เรียกว่าน่าอัศจรรย์อีกหรือ

ตัวหลินสวินยังมีพลังระเบียบมากมาย ไม่ต้องใช้น้ำค้างเทพฟ้าประทานไปกับการฝึกปราณแต่แรก

ก็เหมือนตอนนี้ หลินสวินหยิบระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าที่กลายเป็นกระบี่บินเก้าเล่มออกมา

เดิมเขายังคิดเก็บรักษาสมบัติล้ำค่านี้ไว้ ไม่ว่าจะเก็บให้เพื่อนสนิทหรือเก็บให้มารดาลั่วชิงสวินที่อยู่ตระกูลลั่ว ล้วนสร้างประโยชน์ไม่อาจประเมินได้

แต่ตอนนี้หลินสวินไม่สนใจเรื่องพวกนี้แล้ว

ด้วยเขายังมีระเบียบดับเทพ ระเบียบปฐม อู๋ซวง เสี่ยวเซียน เสี่ยวหมิง ทั้งมีน้ำเต้าม่วงเขียวอยู่!

หลินสวินนำระเบียบกระบี่บินเก้าเล่มใส่เข้าไปในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง หล่อหลอมด้วยระเบียบนิพพาน ระหว่างนี้เขาจมสู่ห้วงความคิด

‘เมื่อกฎเกณฑ์หลุดพ้นของข้าควบรวมถึงขั้นหนึ่ง บางทีอาจลองไปหลอมระเบียบนิพพานได้แล้ว หากหลอมระเบียบนิพพานสำเร็จ… นัยเร้นลับทั้งหมดที่ซ่อนอยู่ในนั้นก็จะเป็นส่วนหนึ่งของมรรควิถีข้า!’

‘ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะสร้างหรือฟื้นคืนพลังระเบียบอย่างหนึ่งขึ้นใหม่ ไปลบล้างหรือหลอมพลังระเบียบอย่างหนึ่ง ตัวข้าล้วนควบคุมได้ทั้งสิ้น!’

‘แม้แต่อู๋ซวง เสี่ยวเซียน เสี่ยวหมิง ระเบียบปฐม ข้าล้วนสร้างขึ้นใหม่และฟื้นคืนได้หมด’

‘ถ้าเป็นเช่นนี้กฎเกณฑ์อมตะที่ข้าครอบครองย่อมถูกลิขิตให้ไม่มีใครเทียบได้แน่!’

หลินสวินก็รู้ว่าอยากหลอมระเบียบนิพพานใช่ว่าจะสำเร็จได้ในวันเดียว ต้องพยายามไปทีละน้อย ไม่อาจรีบร้อน

แต่เขารู้ดีว่าเมื่อมรรควิถีของตนยกระดับ ความเร็วในการหลอมระเบียบนิพพานย่อมเร็วขึ้นเรื่อยๆ

บางทีไม่ต้องรอถึงตอนแจ้งมรรคนิรันดร์ก็บรรลุเป้าหมายนี้ได้!

วู้ม!

ผ่านไปหนึ่งก้านธูปเต็มๆ ในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งเกิดคลื่นเร้นลับระลอกหนึ่ง

ขณะเดียวกันเสียงกระจ่างใสของอู๋ซวงดังขึ้น “นายท่าน ต้นกำเนิดระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าเก้าอย่างหลอมเสร็จแล้ว”

หลินสวินตื่นจากห้วงคิดทันที

…………….

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท