มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1002
“เมื่อเทพแห่งสงครามโกรธ แผ่นดินจะต้องเปื้อนไปด้วยเลือด”
เทพสงครามเอกภพตะโกนลั่น พลังอันแข็งแกร่งของเขาเปล่งประกายรอบตัว ทำให้หลัวซิวสัมผัสได้ถึงความกดดันอันยิ่งใหญ่
“ฟึ่บ!”
เขาพลิกมือหยิบเอาไฟเทวสว่างออกมา อานุภาพของสมบัติของเทพมารชิ้นนี้สามารถปกป้องรอบกายเขาได้ และจะทำให้เขาสามารถต้านทานเทพสงครามเอกภพได้
หากจะพูดจริงๆ เทพสงครามเอกภพคนนี้แข็งแกร่งมากกว่าเขาในตอนที่อายุสี่สิบกว่าปีมากนัก เพราะเขามีความทรงจำและประสบการณ์ในการต่อสู้ทั้งหมดของเทพสงครามเอกภพ รวมทั้งอารมณ์ความรู้สึก
“ตะวัน จันทราและดารา ฝ่ามือดับสูญ!”
เทพสงครามเอกภพลงมืออีกครั้ง เขาใช้ตะวัน จันทราและดารา จากนั้นปล่อยพลังดับสูญออกมาทำลายท้องฟ้าจนตกอยู่ในความมืดมิด
การป้องกันของไฟเทวสว่างระเบิดออก จนดูเหมือนกำลังจะแตกสลายเต็มที
“เทพสงครามไร้คู่ต่อกร!”
เทพสงครามเอกภพตะโกนออกมาทันควัน รอบกายของเขามีแสงเทพโคจรรอบตัวร้อยจั้ง ทุกลำแสงไม่ต่างอะไรกับกระบี่ที่แหวกทำลายล้างทุกสิ่ง
“เคร้ง!”
การป้องกันของไฟเทวสว่างแตกกระจาย ไฟที่ลุกโชนอยู่ตรงไส้ตะเกียงอ่อนลง โคมไฟมืดสลัวจนริบหรี่
เทพสงครามเอกภพน่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง ด้วยระดับการฝึกตนระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ เกือบทำลายสมบัติของเทพมารจนดับสลายไปแล้ว
แม้แต่มหาจักรพรรดิยุทธ์แต่งตั้งแห่งโลกแสงดาว หากต้องมาเผชิญหน้ากับเทพสงครามเอกภพในระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นปลายก็อาจจะกลายเป็นผู้ไร้ความสามารถไปได้โดยยังไม่ทันต่อสู้เลยด้วยซ้ำ
“พลังแปรเสวียนเทียน!”
หลัวซิวเงยหน้าขึ้นแผดเสียง พลังรอบกายของเขาเพิ่มขึ้นถึงยี่สิบสี่ระดับ มือของเขากุมหอกยุทธ์มังกรดำเอาไว้ พลังการต่อสู้ของเขายกระดับขึ้นจนถึงขั้นสูง
ภายในร่างกายของเขา กฎสองระดับความเป็นตายกำลังวับไหว สองขั้วได้รวมเป็นหนึ่ง เปล่งพลังดั้งเดิมออกมา
“ฆ่ามัน!”
“บุก!”
เทพสงครามเอกภพกับหลัวซิวพุ่งเข้าใส่กันอย่างไร้ความเกรงกลัวและอาฆาต
รอบกายของเขาปกคลุมไปด้วยแสงเทพสีทอง แววตาของเทพสงครามเอกภพปรากฏแสงสว่างสองสายที่ยาวสุดลูกหูลูกตา ราวกับสามารถส่องผ่านทะลุฟ้าดินได้
ผมดำสลวยของหลัวซิวหล่นลงเรี่ยบ่า ท่ามกลางสายลมบ้าคลั่งเขาเคลื่อนไหวไปรอบๆ ดวงตาของเขาเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง ความเป็นตายสองระดับเคลื่อนไหวอย่างพิสดาร
ในเทพนิยาย เทพสงครามอยู่ในตำแหน่งระดับกลางที่ไร้ศัตรูเทียมทาน เบื้องหลังของเขาปรากฏภาพลวงตาของบรรพบุรุษเทพสงคราม ระหว่างที่กำลังคำรามอยู่นั้น ภูเขาและแม่น้ำพังทลาย เกิดเป็นภาพฟ้าดินถล่มอันน่าหวาดผวา
หลัวซิวกับหอกรวมตัวกันเป็นรูปมังกร แล้วพุ่งเข้าปะทะกับเทพสงครามในตำนานทันที
เกิดเสียงระเบิดสนั่น ร่างมังกรหายไปกลายเป็นร่างหลัวซิวเข้ามาแทน เขายืนนิ่งอยู่กลางท้องฟ้าไม่เคลื่อนไหว
แววตาของเทพสงครามเอกภพดุดัน เลือดปราณที่เดือดพล่านพุ่งกระฉูดปกคลุมทั่วฟ้า ราวกับลำแสงสีทองที่พุ่งปกคลุมไปทั่วฟ้าและแผ่นดิน ราวกับลำแสงสีทองที่ทะลุทะลวงท้องฟ้าและแผ่นดิน
ขนาดเผชิญหน้ากับเทพมาร หลัวซิวยังไม่รับรู้ถึงความกดดันมากมายขนาดนี้ ก่อนจะไปถึงช่วงที่อายุขัยไม่มีที่สิ้นสุด เทพสงครามเอกภพที่มีอายุเพียงสี่สิบกว่าปีกลับมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งไร้คู่ต่อกรเช่นนี้ ช่างน่าหวาดหวั่นใจยิ่งนัก
หลัวซิวรู้อยู่แก่ใจดีว่าการที่เขามีความสามารถในการต่อสู้เช่นนี้ เป็นเพราะเขาโชคดีที่ได้รับลูกแก้วความเป็นตายมา
หากในปีนั้นเขาไม่ได้รับลูกแก้วความเป็นตาย ทุกวันนี้ความสำเร็จของเขาคงไปได้ไม่เกินแดนจักรพรรดิยุทธ์
“ดียิ่ง! ตอนที่ข้าอายุได้สี่สิบกว่าปียังไม่เคยเจอคู่ต่อสู้เช่นเจ้า อีกอย่างการฝึกตนของเจ้ายังด้อยกว่าข้าอยู่มากนัก หากอยู่ในระดับเดียวกัน เกรงว่าข้าก็คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า”
เทพสงครามเอกภพวางท่าสง่างาม ตอนที่อายุสี่สิบกว่าปีเท่ากัน การฝึกตนของเขาอยู่ในช่วงมหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงปลายแล้ว ส่วนหลัวซิวที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นกลับเป็นเพียงเจ้ายุทธจักร หากเทียบกันแล้วต่างกันเกือบถึงหนึ่งแดนใหญ่
เทพสงครามเอกภพยิ่งใหญ่เพียงใด? ประสบการณ์ของเขาราวกับในบทกลอนโบราณ ทุกครั้งจะข้ามระดับด้วยการสังหารศัตรูในระดับแข็งแกร่ง ไม่เคยมีผู้ใดข้ามระดับมาท้าทายกับเขา และยิ่งไม่ต้องพูดถึงการข้ามระดับในแดนใหญ่เช่นนี้