มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1044
อารมณ์ของศิษย์หลายคนในสำนักไท่เสวียนสงบลง ทุกอย่างในสำนักกลับสู่สภาวะปกติอีกครั้ง
หลัวซิวนับเวลาในใจอย่างเงียบๆ ในตอนแรก เขาทำให้พลังของค่ายเทพระดับ 4 อ่อนแอลง คาดว่าช่าจื่อเยียนจะทำลายวิชาห้ามภายในสองเดือน เขาเพียงแค่รอให้ช่าจื่อเยียนออกมาจากปัญหา ก็ย้ายเคลื่อนย้ายแดนตำหนักจื่อกลับไปที่โลกแสงดาว
ทันใดนั้น สีหน้าของหลัวซิวเปลี่ยนไปเล็กน้อย ออร่าแข็งแกร่งและทรงพลังก็กระจายออกจากหอฝึกกลาง ครอบคลุมทั่วทั้งฟ้าดินของแดนปริศนา
“ความกดดันจากแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์?”
ในตอนนี้ ทุกคนในแดนปริศนาต่างรู้สึกได้ เพราะไม่มีแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ผู้แข็งแกร่งนั่งเฝ้าอยู่ในสำนักไท่เสวียนมาเป็นเวลานานแล้ว ความกดดันจากแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์นี้มาจากไหน?
“หรือว่าเจ้าสำนักบรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์?” ศิษย์สำนักไท่เสวียนหลายคนต่างคาดเดาเช่นนี้ในใจ
อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าพลังการต่อสู้ของหลัวซิวสามารถแข่งขันกับเทพมารได้ แต่เขายังไม่ถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ แต่อยู่ในแดนเจ้ายุทธจักร
แม้ว่าเหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่ต่างก็อยู่ในแดนเจ้ายุทธจักร และในสำนักก็มีแดนเจ้ายุทธจักรจำนวนมากที่หลัวซิวเคยปราบแล้วรับมาในตอนแรก คนเหล่านี้ก็ยังห่างไกลจากการบรรลุแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์
ความกดดันจากแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์นี้มีออร่าที่กดดันผู้อื่นอยู่ภายใต้ความแข็งแกร่งเขา ราวกับผู้แข็งแกร่งที่ไม่มีใครเทียบได้ ได้ตื่นขึ้นจากการนอนหลับสนิท ห้มหน้าลงมองผู้คนที่อยู่เบื้องล่าง
“ห้วงยุทธ์ของวิชาสังหารไท่เสวียนผู้อาวุโสเสวียนดำฟื้นฟูแล้ว?” สีหน้าหลัวซิวเผยรอยยิ้มยินดีออกมา
หลายปีก่อน หลัวซิวกลับมาจาก โลกเชิ่งถิง ได้มอบดอกยวิ่นหลิงที่พบในแดนดารานอกให้กับมหาจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำเพื่อฟื้นฟูวิญญาณ
และในที่สุดตอนนี้มหาจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำก็ใช้รุณสมบัติพิเศษของดอกยวิ่นหลิง ฟื้นฟูร่องรอยของเทพจิตขึ้นมาเล็กน้อยด้วยร่างวิญญาณ ทันใดนั้น ความกดดันจากแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์นี้ก็แผ่ขยายออกไปสร้างความตื่นตระหนกให้กับทุกคน
เห็นเพียงภูเขาสีดำสูงตระหง่านปรากฏขึ้นเหนือหอฝึกกลาง เปล่งออร่าที่น่าสะพรึงกลัวที่กดดันฟ้าดินที่สามารถทำลายล้างทุกสิ่งได้ออกมา
หลังจากนั้น แสงสีดำก็พุ่งออกมา กลายเป็นเงาเทพจิตร่างหนึ่ง สูงตระหง่าน ราวกับพระเจ้าที่มองเห็นสิ่งมีชีวิตต่ำต้อย
“ข้าเสวียนดำ ในที่สุดก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว…”
เสียงถอนหายใจที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นสะท้อนออกมา จากนั้นภาพทั้งหมดก็หายไปทีละภาพ ทุกอย่างกลับสู่ความสงบ
ครู่ต่อมา ชายชราในชุดคลุมสีดำก็ปรากฏตัวขึ้นใน ตำหนักวัฏสงสาร เขามีผมยาวสีเทาขาว มีใบหน้าที่เคร่งขรึมเย็นชา แต่ร่างกายของเขาเลือนราง ไม่ใช่ร่างแท้จริงของเขา แต่เป็นตัวสำนึกเทพจิตที่ควบแน่น
“ยินดีผู้อาวุโสกำลังจะหายดีแล้ว” หลัวซิวลุกขึ้นทันทีและพูดด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นชายชราชุดดำปรากฏตัว
แม้ว่าขณะนี้มหาจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำยังห่างไกลจากการฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ แต่ก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาที่จะผลการฝึกตนที่แข็งแกร่งที่สุดในอดีตเมื่อเขาสามารถฟื้นตัวสำนึกเทพจิตขึ้นมาได้บางส่วน
“เจ้าหนุ่ม.. ขอบใจเจ้านะ”
ริมฝีปากของมหาจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำสั่น เห็นได้ชัดว่ายังคงตื่นเต้นมาก เขาคิดว่าจะมีคำพูดเป็นพันคำ แต่เมื่อมาถึงช่วงเวลานี้จริงๆ เขารู้สึกว่าเขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
แต่หลัวซิวรู้ว่าคำขอบใจของมหาจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำ ได้แสดงความรู้สึกที่จริงใจที่สุดในใจของเขาแล้ว
หลัวซิวพลิกมือหยิบกล่องหยกออกมาแล้วยิ้มเล็กน้อย “สิ่งที่อยู่ภายในเป็นของขวัญจากผู้น้อยที่มอบให้ท่าน!”
กล่องหยกถูกแกะสลักด้วยลวดลาย และแม้แต่งูมรณาจิ่วหยินที่มีผลการฝึกตนของเทพมารก็ไม่อาจสัมผัสได้ว่ามีอะไรอยู่ในกล่องหยก
“เจ้าใจกว้างขนาดนั้นเลย?” มหาจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำเลิกคิ้ว ล้อเขาเล่น จากนั้นเขาก็ไม่เกรงใจยื่นมือหยิบกล่องหยกมา
“ข้าฟื้นฟูเพียงเทพจิตเล็กน้อยเท่านั้น ยังห่างไกลจากการฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์” มหาจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำล่าวด้วยรอยยิ้ม