มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1073
“ออร่าของกฎธาตุทองดั้งเดิม……”
หลัวซิวหลับตารับรู้ ภายในตัวสำนึกราวกับมีเสียงดาบนับหมื่นที่ต่อสู้กันดังสนั่น และเป็นกระบี่หักของเทพฟ้าเล่มนี้ที่ปล่อยออกมา
ในตอนนี้เอง ก็มีนักยุทธ์คนอื่น ๆ รีบรุดมาที่แห่งนี้ มีคนพบว่ากระบี่หักเล่มนั้นปักอยู่บนยอดเขา ในใจก็เกิดความโลภขึ้นมา ใช้ความเร็วที่เร็วที่สุดพุ่งตรงขึ้นไป
คนผู้นี้มีผลการฝึกตนแดนเจ้ายุทธจักรขั้นเจ็ด แต่เมื่อเดินมาถึงจุดที่ห่างไปราวสิบกว่าลี้จากกระบี่หักของเทพฟ้า ร่างกายก็ถูกสับโดยจิตสังหารที่มองไม่เห็นในทันที กลายเป็นก้อนเนื้อสับที่ตกลงมาบนพื้น กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอย่างน่าหวาดกลัว
อาวุธชำรุดที่ผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าหลงเหลือเอาไว้ เพียงแค่ออร่าไร้รูปร่างที่ถูกแผ่กระจายออกมา ก็ไม่ใช่สิ่งที่เจ้ายุทธจักรจะสามารถต้านทานเอาไว้ได้
“เป็นแดนปริศนาเทพฟ้าอีกแห่งหรือ?”
มหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสามของแก๊งรอบรู้ก็มาถึงบริเวณใกล้เคียงกับกระบี่หักของเทพฟ้าด้วย
เมื่อนานมาแล้ว แก๊งรอบรู้ก็ได้ค้นพบแดนปริศนาแห่งนี้ เดิมคิดว่าเป็นแดนปริศนาที่ผู้แข็งแกร่งเทพมารทิ้งเอาไว้ แต่กลับคาดไม่ถึงว่าจะเป็นแดนปริศนาเทพฟ้า
ไม่เพียงแค่กระบี่หักเล่มหนึ่ง ความเย็นยะเยือกที่หลงเหลือไว้ก็ทำให้ ผู้แข็งแกร่งระดับเจ้ายุทธจักรทำได้แค่มองเท่านั้น เมื่อใดที่เข้าใกล้ก็มีแค่ตายอย่างเดียว
แม้ว่าแก๊งรอบรู้ทั้งสามคนนี้จะมีผลการฝึกตนระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ แต่ก็ยังมีสีหน้าเคร่งเครียด ไม่กล้าที่จะทำสิ่งใดตามอำเภอใจ
กระบี่หักของเทพฟ้าเล่มนี้ ด้านบนดูเหมือนจะสามารถมองเห็นร่องรอยกฎบางอย่างได้อย่างชัดเจนในบริเวณที่ไม่มีสนิมเกาะ เผยให้เห็นออร่าของกฎธาตุทองดั้งเดิม
วิชากฎที่หลัวซิวฝึกตนทั้งหมดในตอนนี้ คือความเป็นตายและกาลเวลา สำหรับกฎธาตุทองนั้นไม่ได้มีพื้นฐานแม้แต่น้อย เพราะฉะนั้นต่อให้ได้กระบี่หักของเทพฟ้าเล่มนี้มาครอง สำหรับตนแล้วก็ไม่ได้มีประโยชน์เท่าใดนัก
ถึงจะบอกว่าเป็นซากอาวุธที่เทพฟ้าหลงเหลือเอาไว้ พลังอำนาจแข็งแกร่งยิ่งกว่าอาวุธของเทพมาร แต่ว่าหลัวซิวได้มีหอกยุทธ์มังกรดำแล้ว พลังอำนาจนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าเสียอีก
ในขณะที่หลัวซิวกำลังคิดว่าไม่สนใจกระบี่หักของเทพฟ้าเล่มนี้ชั่วคราว และหันกลับไปค้นหาสมบัติที่อื่นแทนนั้น ออร่าเทพมารอันน่าเกรงขามก็พลันปรากฏขึ้น
“เทพมาร?”
หลัวซิวตกใจเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นไปมอง เห็นว่าเหนือศีรษะของมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสามแห่งแก๊งรอบรู้ มีเพลิงอัคคีพันรอบไม้โบราณ ใบไม้ปลิวไสว แผ่กระจายออร่าของกฎเพลิงอัคคีดั้งเดิมออกมา
นี่คือไม้เทพอู๋ถงต้นหนึ่ง เป็นสมบัติสังเวยผู้แข็งแกร่งเทพมาร เมื่อพลังอำนาจถูกขับเคลื่อน ก็เป็นเหมือนเทพมารลงมาเยือน หลัวซิวเองก็เกือบเข้าใจผิดไปว่ามีผู้แข็งแกร่งเทพมารปรากฎตัวอยู่ในที่แห่งนี้
“ดูแล้ว เจ้าพวกแก๊งรอบรู้นี่ก็ไม่ธรรมดาเลย จะต้องมีผู้แข็งแกร่งเทพมารคอบบัญชาอยู่เป็นแน่” หลัวซิวคิดในใจ
เห็นว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสามแห่งแก๊งรอบรู้ อัญเชิญไม้เทพอู๋ถงออกมา อยู่ ๆ ก็มีความมั่นใจขึ้นมา พลังอำนาจของไม้เทพ ร่วงหล่นลงมาเป็นกองไฟ ก่อเป็นโล่ จากนั้นก็เดินหน้าเขาไปยังภูเขาที่แห้งแล้งอันเป็นสถานที่ที่กระบี่หักของเทพฟ้าปักอยู่
“เวิง! เวิง! เวิง!……”
ความเหน็บหนาวไร้รูปร่างกระแทกเข้ากับม่านแสงเพลิงอัคคี ม่านแสงเพลิงอัคคีเกิดระลอกคลื่นที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่ก็ไม่ได้ถูกทำให้สลายไป
ไม่นานนัก มหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสามก็อาศัยพลังของไม้เทพอู๋ถง เดินมาจนถึงบริเวณหนึ่งร้อยเมตรห่างจากกระบี่หักของเทพฟ้า
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ทุกคนที่อยู่ ณ สถานที่แห่งนี้ก็พากันรู้สึกเศร้าสลดขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าอาวุธที่แตกหักชิ้นนี้กำลังจะตกไปอยู่ในมือของแก๊งรอบรู้ ตนและคนอื่น ๆ ต่างก็หมดโอกาสอย่างสิ้นเชิง
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเพียงอาวุธเทพฟ้าที่แตกหัก อีกทั้งยังไม่ได้มีผู้แข็งแกร่งคอยบังคับควบคุม มหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสามอาศัยอาวุธเทพมารชิ้นหนึ่งก็สามารถเอามาครองได้ ไม่ใช่เรื่องยากลำบากแต่อย่างใด
หลังจากนั้นในเวลานี้เอง บางสิ่งที่ผิดปกติก็เกิดขึ้น ภายในกระบี่หักของเทพฟ้าที่มีสนิมเกาะอยู่นั้น ก็พลันเสียงดาบร้องก้องกังวานไปทั่วฟ้าดิน
ราวกับบางสิ่งที่มีอำนาจแข็งแกร่งได้ตื่นขึ้นจากการหลับใหล กระบี่หักของเทพมีแสงสว่างขึ้นไกลกว่าหมื่นฟุต ก่อเป็นแสงกระบี่เล่มหนา เสียงดังปังบดขยี้ทั่วทั้งปริภูมิ กดไปยังมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสามแห่งแก๊งรอบรู้ที่อยู่ใกล้ที่สุด