จากนั้น พายุหมุนตัวสำนึกของหลัวซิวดูไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเติบโตขึ้นแต่อย่างใด แต่กลับใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งโซนตัวหยั่งรู้ไม่สามารถแบกรับเอาไว้ได้ มีดังกร๊อบดังลอยออกมา ราวกับว่ากำลังจะแตกอออกอย่างไรอย่างนั้น
ในเวลานี้เอง หลัวซิวหมุนเวียนโซนพลังแห่งกฎเพิ่มความมั่นคงให้ตัวหยั่งรู้ ตามการเติบโตอย่างต่อเนื่องของพายุหมุนตัวสำนึก โซนตัวหยั่งรู้ของเขาก็ภายใต้แรงกดดีนถึงขีดสุดนี้ โซนของเขาก็ยิ่งกว้างขว้างมากขึ้นกว่าเดิม
“มหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นแปด!”
เมื่อพายุหมุนตัวสำนึกของหลัวซิวไม่ได้เติบโตอีกต่อไปแล้ว พลังตัวสำนึกของเขาก็ได้บรรลุถึงระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นแปด
แต่ว่าทั้งหมดมันยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ หลังจากพายุหมุนตัวสำนึกเติบโตจนถึงขีดสุด พายุหมุนตัวสำนึกของเขาก็เริ่มลดชนาดเล็กลง ถึงแม้ว่าขนาดจะเล็กลงแล้ว แต่พลังงานวิญญาณที่หลอมรวมกลับบีบอัดมากขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว จำนวนรวมของพลังงานวิญญาณที่แฝงอยู่นั้นไม่ได้ลดลง แต่คุณภาพกลับเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว ท้ายที่สุดพายุหมุนตัวสำนึกของหลัวซิวก็คงรูปได้อย่างสมบูรณ์ กลายเป็นวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ ขนาดเล็กและประณีต ส่องแสงประกายระยิบระยับ เทียบกับขนาดพายุหมุนตัวสำนึกที่หลอมรวมของมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั่วไปเมื่อตอนที่เพิ่งบรรลุแล้วไม่ได้แตกต่างกันมากเท่าใดนัก แต่พลังงานวิญญาณที่แฝงอยู่ในใจนั้น ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพหรือปริมาณ กลับแตกต่างกันหลายหลายแสนเท่า
หลังจากวิญญาณตัวสำนึกแปลงร่างได้สำเร็จ ต่อมาก็คือพลังจิตแท้ภายในร่างของหลัวซิว รวมถึงพลังแห่งกฎของเขาด้วย
ผังกฎการเวียนว่ายตายเกิดดั้งเดิมลอยเคว้งอยู่กลางสมองของเขา ตามการบรรลุของแดนผลการฝึกตน เขายิ่งมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในการการสัมผัสรู้ผังกฎดั้งเดิม
“ปัง!”
ร่างของเขาสั่นไหว พลังออร่าที่เอ่อล้นแผ่กระจายออกมา แก้วเทวที่กองเป็นภูเขาจำนวนนับหมื่นชิ้นรอบ ๆ กายทั้งหมดแหลกสลายกลายเป็นผุยผง
แก้วเทวนับหมื่นชิ้นนี้ พลังงานเหล่านั้นถูกเขานำมากลั่นแปรทุกหยาดหยด
ทางท่าที่มือของหลัวซิวไม่ได้มีทีท่าว่าจะหยุดลงแต่อย่างใด ยาระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้าเม็ดแล้วเม็ดเล่าถูกเขาโยนเข้าไปในปากอย่างลวก ๆ อีกมือหนึ่งก็หยิบเอาแก้วเทวชั้นกลางที่ได้รับมาจากแดนปริศนาเทพสงครามเอกภพออกมากลั่นแปร
ในภวังค์ หลัวซิวรู้สึกเหมือนตนเองมองเห็นประตูบานใหญ่บานหนึ่ง เพียงแค่ประตูบานนี้กลับมีน้ำหนักมหาศาล เขาออกแรงพลังทั้งหมดแล้วก็ยังไม่สามารถผลักประตูบานนั้นออกได้
ประตูแห่งกฎเกณฑ์!
ตามหลักแล้วเมื่อจอมยุทธ์ฝึกตนจนถึงแดนระดับหนึ่ง ก็จะมีประตูแห่งกฎเกณฑ์ปรากฏขึ้น จำกัดการข้ามไปถึงแดนที่สูงกว่าของนักยุทธ์
เมื่อมาถึงแดนระดับนี้ หากต้องการบรรลุก็จำเป็นต้องฝืนพลังเพื่อผลักประตูแห่งกฎเกณฑ์ให้ออก ความยากของการผลักประตูนี้ เกี่ยวพันกับการสั่งสมของตัวนักยุทธ์เอง
การสั่งสมของตนยิ่งน้อย ประตูแห่งกฎเกณฑ์ก็จะสามารถผลักออกได้โดยง่าย แต่หลังจากที่บรรลุแล้ว พลังก็อ่อนแอตามไปด้วย อีกทั้งต่อไปในวันข้างหน้าหากต้องการบรรลุให้ถึงแดนที่สูงขึ้น ก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
กลับกันหากการสั่งสมของตนยิ่งมากมายสักเพียงใด ประตูแห่งกฎเกณฑ์ก็จะยิ่งผลักออกได้ยาก แต่เมื่อบรรลุได้แล้ว พลังเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ในระดับแดนเดียวกัน เรียกได้ว่าเป็นราชา หรือกระทั่งจักรพรรดิ!
ก่อนนี้หลัวซิวก็เคยได้ยินมาว่า มีคนหยุดอยู่ในแดนเดิมเป็นเวลานับพันปี วางรากฐานการสั่งสมของตนอย่างมั่นคง เพื่อที่จะเตรียมบรรลุถึงแดนที่สูงขึ้น แต่เมื่อถึงเวลาต่อให้ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีแล้ว ก็ยังไม่สามารถผลักประตูแห่งกฎเกณฑ์นี้ออกได้
แต่หลัวซิวนั้นได้ฝึกตนวิชาวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพมาตั้งแต่แรก การสัมผัสรู้กฎสองระดับความเป็นตาย ฝึกตนพลังอมตะหลากหลายชนิด สิ่งที่เขาสั่งสมเอาไว้นั้น เรียกได้ว่ามันมากมายเสียจนถึงจุดที่ไม่สามารถคาดเดาได้
ดังนั้น ประตูแห่งกฎเกณฑ์ของเขา สำหรับนักยุทธ์ทั่วไปแล้วนั้น เหมือนกับประตูที่ปิดตายแห่งหนึ่ง ดูเหมือนว่าความเป็นได้ได้ในการผลักมันออกจะไม่มีอยู่เลย
แต่หลัวซิวกลับไม่คิดเช่นนั้น หากแม้แต่ประตูแห่งกฎเกณฑ์ของแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ก็ยังไม่สามารถข้ามผ่านมันไปได้ ต่อไปจะพูดถึงการก้าวเท้าเข้าสู่โลกยุทธ์ขั้นสูงอย่างภาคภูมิใจได้อย่างไร?
“จงเปิดเดี๋ยวนี้!”
เขาตระโกนคำรามอย่างดุดัน รวบรวมจิตสำหนึ่งทุกอย่าง สองระดับความเป็นตายผสานเป็นหนึ่ง เกิดเป็นพลังเทพที่ปะทุขึ้นมา
“โครมคราม……”
แรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยถูกส่งออกมาจากประตูแห่งกฎเกณฑ์ ประตูบานใหญ่ค่อยๆ เอนไปเอนมา ถูกเขาโจมตีจนเกิดเป็นรอยแยกเล็ก ๆ