มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1097
ทุกสิ่งในโลกล้วนมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นต้นหญ้า ใบไม้หรือดิน วัสดุในการหล่อเทวเทพนี้ก็มีชีวิตเช่นกัน มันสามารถฟื้นคืนชีพได้โดยให้กฎชีวิตดั้งเดิมเป็นจิตวิญญาณ
วิธีนี้คล้ายกับวิธีการค่ายกลระดับเทพเพื่อให้ได้มาซึ่งจิตวิญญาณของจิตค่าย
อย่างไรก็ตาม วิธีการของหลัวซิวไม่มีเพียงแค่นั้น ทุกคนพบว่าเขาไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ เขายกมือขึ้นและหลอมธงค่ายรูปแบบต่างๆ ให้เข้าไปในอนัตตา สร้างค่ายขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมรัศมีหลายหมื่นลี้
ตำแหน่งของตาค่ายของค่ายอันยิ่งใหญ่นี้คือตำแหน่งของเทวเทพหนึ่งหมื่นฟุต และเทวเทพที่ฟื้นคืนชีพก็คือจิตค่าย ซึ่งชี้นำค่ายใหญ่ระดับเทพหนึ่งนี้
แม้ว่าระดับจะเป็นเพียงระดับ 1 แต่มีเทวเทพหมื่นฟุตนั่งอยู่ใจกลาง แม้แต่ผู้แข็งแกร่งในเทพมารก็ยากที่จะทำลายรูปแบบค่ายกลนี้
เหตุผลที่หลัวซิวทำเช่นนี้ก็เพื่อเพิ่มสมบัติของสำนักเขาไท่เสวียน เพื่อว่าหลังที่เขาจากไปแล้ว ใครบางคนอาจมาเกิดเจตนาร้าย เข้ามาคุกคามความปลอดภัยของทุกคนในไท่เสวียน
เมื่อคิดว่าในไม่ช้าตนจะต้องจากไป หลัวซิวจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียดายเล็กน้อยอยู่ในใจ
เขาคิดถึงญาติๆ โดยเฉพาะบิดามารดาและน้องสาวของเขา ซึ่งไม่ได้เจอกันมานานยี่สิบสามสิบปีแล้ว
บิดามารดาของเขาอาศัยอยู่ที่สำนักเขาไท่เสวียนมาโดยตลอด ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายสบายๆ ไร้ความกังวล
การบำรุงจากทั้งโอสถทิพย์ยาเซียนต่างๆ แม้ว่าบิดามารดาของหลัวซิวจะอายุ 70 – 80 ปีแล้ว แต่มองไปยังดูเหมือนคนอายุ 30 กว่าๆ ไม่แก่แม้แต่น้อย
ปุถุชนธรรมดาที่ไม่มีศิลปะการต่อสู้ สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้เพียง 100 ปี ซึ่งเป็นขีดจำกัดแล้ว แต่บิดามารดาของหลัวซิวไม่ใช่หนึ่งในนั้น หากมีโอสถทิพย์ยาเซียนจะทำให้ชีวิตยืนยาวขึ้น จะเรียกว่าอมตะนั้นไม่อาจพูดได้ แต่การมีชีวิตสักสามสี่ร้อยปีนับว่ามิใช่ปัญหาใหญ่
เมื่อวันเวลาหมุนไป ชั่วพริบตาหลัวซิวก็หาใช่เด็กชายอายุ 13 ปีที่อยู่ในเมืองชิงหยุนอีกต่อไป หากว่ากันในฐานะมนุษย์ เขาอายุใกล้จะห้าสิบปีแล้ว เรียกได้ว่าอาจกลายเป็นปู่ไปแล้วก็ย่อมได้
เมื่อคิดถึงบิดามารดาในดวงใจ หลัวซิวจึงตรงไปยังสถานที่แห่งนั้นทันที ทิ้งอาจารย์เทพมารแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่รอตนมาตลอดสามปีไว้ที่นั่น
เกาเหลียนหงตกใจกลัว เขาเดินทางมาที่ห้องโถงด้วยท่าทางคับข้องใจ กล่าวกับอาจารย์เทพมารแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายว่า : “เจ้าศักดิ์สิทธิ์มีบางอย่างที่ต้องทำ ขอทุกท่านโปรดรอสักครู่…… ”
“หึ่ม !”
ใบหน้าของอาจารย์เทพมารจำนวนไม่น้อยมืดมนลง รู้สึกว่าหลัวซิวทำมากไปเล็กน้อย ถือเป็นการเพิกเฉยต่อแดนศักดิ์สิทธิ์มากเกินไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทพมารเหล่านี้เห็นว่าผู้อาวุโสตำหนักดาราผู้นั้นยังคงนั่งรอโดยหลับตาลงอย่างสงบ พวกเขาทั้งหมดก็เงียบลง
พลังต่อสู้ของหลัวซิวเทียบได้กับเทพมารขั้นสูง นี่คือสิ่งที่ผู้อาวุโสตำหนักดาราผู้นั้นกล่าวด้วยตนเอง เมื่อการฝึกฝนมาถึงระดับเดียวกันกับเขานี้แล้ว ตามปกติจะไม่ยกยอผู้อื่นอย่างง่ายดาย นับประสาอะไรกับการยกระดับผู้อื่นให้อยู่เหนือกว่าตนเอง
ด้วยเหตุนี้จึงไม่ต้องสงสัยการตัดสินใจของผู้อาวุโสนี้ เทพมารขั้นสูงผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งสามารถครองโลกได้ หลัวซิวถือได้ว่าเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของโลก
“เจ้าเป็นใคร มาแอบทำอะไรอยู่หน้าบ้านข้า?”
เมื่อหลัวซิวมาถึงประตูลานบ้านซึ่งบิดามารดาของเขาอาศัยอยู่ จู่ ๆ ประตูก็เปิดออก เด็กผู้หญิงอายุสิบสี่สิบห้าปีเดินออกมา ชี้และพูดกับเขา
สิ่งนี้ทำให้หลัวซิวหัวเราะอย่างตะลึงงัน เมื่อตระหนักว่าบัดนี้เขาคือมหาจักรพรรดิยุทธ์ ผู้ซึ่งกวาดล้างเทพมารด้วยพลังมหาจักรพรรดิ และเรียกได้ว่าเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของโลก
“เจ้าหัวเราะอะไร? ในฐานะศิษย์ของไท่เสวียน เจ้าไม่รู้หรือว่าสถานที่แห่งนี้ไม่สามารถเข้าออกตามใจได้?” เด็กสาวกล่าวอย่างเย็นชาด้วยแววตาอันสดใสคู่นั้นของนาง
เด็กสาวนางนี้มีดวงตาที่สดใสและฟันขาวผ่อง คิ้วของนางค่อนข้างคล้ายกับหลัวซิ่วเอ๋อร์ พี่สาวของหลัวซิว