ในตอนเริ่มต้น เขาแท้ของเขาสามารถยกระดับผลการฝึกตนของเขาแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 3ได้ในคราวเดียว เพราะเขาได้รับพลังแห่งกฎหลังจากทัณฑ์นภาอัสนี
ตอนนี้ทรัพยากรทั้งหมดในมือของเขาหมดลงแล้ว แต่การฝึกฝนของเขายังคงอยู่ที่แดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 1
จากสิ่งนี้จะเห็นได้ว่าหลังจากถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ การบรรลุแต่ละแดนนั้นยากเพียงใด นอกจากต้องการพรรสวรรค์แล้วการสะสมของทรัพยากรจำนวนมากก็เป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งเช่นกัน
มีคำกล่าวที่ว่าแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ เป็นแดนสูงสุดที่มนุษย์จะบรรลุถึงได้ และหากยังคงบรรลุต่อไป ก็เข้าใกล้เทพมารมากขึ้นเรื่อย ๆ ทิ้งร่างกายมนุษย์ไป
ดังนั้นบนถนนที่จะเข้าสู่เทพมาร แต่ละขั้นตอนจึงยากขึ้น
ในชาติก่อนนี้ เหตุผลที่หลี่ยู่สามารถฝึกฝนให้เป็นเทพมารเมื่ออายุยี่สิบปี ต่อมาหลัวซิวฝึกฝนร่างกลวัฏสงสาร จึงได้รู้ในภายหลังว่าหลี่ยู่เกิดมาพร้อมกับร่างกายพิเศษที่เรียกว่าร่างเทวอลวน
แม้ว่าร่างเทวอลวนไม่จำเป็นต้องฝึกฝน ก็จะดูดซับพลังจากฟ้าดินโดยอัตโนมัติ และทำความเข้าใจพลังแห่งกฎด้วยความพยายามเพียงครึ่งเดียวก็บรรลุแดนอย่างรวดเร็ว
ร่างกายพิเศษทุกประเภทที่เกิดมาตั้งแต่เกิด เช่น ร่างแห่งเสวียนหยินและร่างอสูรฟ้า เป็นร่างกายที่ค่อนข้างธรรมดา ในขณะที่ร่างเทวอลวนนั้นเรียกว่าเป็นร่างกายที่ทรงพลังที่สุดในโลก
ในแง่ของพรสวรรค์ความสามารถ แม้แต่หลัวซิองวเที่ได้รับลูกแก้วความเป็นตายก็ยังด้อยกว่าหลี่ยู่ในชาติก่อน
คราวนี้ หลัวซิววางแผนที่จะออกไปหาทรัพยากร เพราะตัวเขาเองหรือร่างกลอดีตชาติต่างต้องการทรัพยากรจึงจะเพิ่มผลการฝึกฝนได้อย่างรวดเร็ว
แม้ว่าเขาจะเป็นศิษย์ในสำนักของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน แต่ทรัพยากรของสำนักไม่ได้ใช้ได้อย่างไร้เงื่อนไข เขาจำเป็นต้องทำอะไรบางอย่างให้กับสำนักก่อนจึงจะได้รับรางวัล
“ไม่รู้ว่าตอนนี้ เสี่ยวเจียงหมิงเป็นเช่นไรบ้างแล้ว”
ตามข้อมูลในป้ายคาดเอวระบุตัวตน หลัวซิวได้รู้ว่าผู้อาวุโสทุกคนมีตำหนักเป็นของตัวเองเป็นที่พำนักใน สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน
ในสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน หากผลการฝึกตนไปถึงเทพมารก็จะกลายเป็นผู้อาวุโสได้โดยตรง ซุ๋นซินเหลียนเป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งเป็นของผู้อาวุโสที่ค่อนข้างอายุน้อย
เขาบินขึ้นไปบนท้องฟ้า และครู่ต่อมาก็มาถึงสถานที่ฝึกฝนของ ซุ๋นซินเหลียน
ตำหนักที่นางอาศัยอยู่ตั้งอยู่บนยอดเขาทิพย์สูงตระหง่าน จากระยะไกล หลัวซิวสามารถมองเห็นยอดเขาที่เปิดโล่งของภูเขาได้ เด็กชายคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิ ฝึกฝนวิชา สูบปราณทิพย์ฟ้าดินเข้าออก
หนึ่งปีผ่านไป เสี่ยวเจียงหมิงเติบโตขึ้นไม่น้อย และเขาก็เป็นลูกชายเล็กของจ้าวเซียนเทียนช่า อายุเพียงแปดขวบก็ได้เข้าสู่แดนราชายุทธ์แล้ว
ด้วยความเร็วเช่นนี้ ภายในสิบปี เขาอาจจะสามารถบรรลุถึงแดนเจ้ายุทธจักรหรือแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ได้
“เจ้าเป็นผู้ใด เขาทิพย์ผู้อาวุโส ไม่อนุญาตให้เข้ามา!”
ทันใดนั้น ร่างๆหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ขวางทางหลัวซิว น้ำเสียงเย่อหยิ่งมีร่องรอยดูถูกเหยียดหยาม
หลัวซิวหยุดแล้วมองไปตรงหน้า คนที่อยู่ตรงหน้าคือผู้หญิงในชุดยาวสีน้ำเงิน นางสวยมาก แต่สีหน้าของนางเย่อหยิ่งมากนัก
เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้น่าเป็นศิษย์หลัก เพราะมีเพียงศิษย์หลักเท่านั้นที่จะกราบพวกผู้อาวุโสเทพมาร และสามารถรับการถ่ายทอดพลังอมตะที่ทรงพลังยิ่งขึ้น เวลาธรรมดาจะได้รับการสั่งสอนจากผู้แข็งแกร่งเทพมาร ทุกคนจะกลายเป็นที่พึ่งของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินในอนาคต
“ที่นี่คือเขาทิพย์ของผู้อาวุโสซุ๋นใช่หรือไม่?”หลัวซิวถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
แม้ว่าท่าทีของอีกฝ่ายจะแย่มาก แต่หลัวซิวก็ไม่ได้ตั้งใจจะสนใจอีกฝ่าย
“ฮึ่ม ในเมื่อเจ้ารู้ว่านี่คือเขาทิพย์ผู้อาวุโส เจ้ายังกล้ามาที่นี่อีก? เป็นเพียงศิษย์ในสำนักเล็กๆก็กล้าแหกกฎได้อย่างไร?” น้ำเสียงของหญิงกระโปรงสีน้ำเงินแข็งกระด้าง คำพูดของนางเผยให้เห็นว่านางดูถูกศิษย์ในสำนักอย่างหลัวซิว