“หากทำเช่นนั้นได้จริง ๆ รอข้าฝึกตนถึงแดนเทพมาร ถึงครานั้นร่างแยกดับเบิ้ลก็จะรวมเป็นหนึ่ง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะแข็งแกร่งได้ถึงขั้นไหนนะ?”ความคิดนี้กระตุ้นจนหัวใจหลัวซิวเต้นเร็วจนสงบไม่อยู่
หลังจากที่ผ่านไปหลายวัน คนกลุ่มหนึ่งก็ได้กลับมาถึงสำนักเขาของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน หลังจากกลับถึงถ้ำ หลัวซิวก็รีบฝึกตนปิดขังทันที ภายในถ้ำมีห้องลับที่ใช้สำหรับการฝึกตนอยู่สามห้อง หลัวซิวครองหนึ่งห้อง ภายในห้องถูกจัดวางเต็มไปด้วยวิชาห้ามค่ายกล ถังหยุนครองหนึ่งห้องเพื่อใช้สำหรับการฝึกตน ส่วนห้องลับที่อยู่ใกล้ประตูหินของถ้ำเป็นห้องของจินเฟยเทียน เขาเป็นผู้เฝ้าดูแลประตูในระหว่างการฝึกตนปิดขัง
การฝึกตนปิดขังในครั้งนี้ หลัวซิวเตรียมพร้อมที่จะจัดการกับประสบการณ์ของตน อย่างแรกคือยกระดับแดนกลั่นยาของตนขึ้นไปถึงระดับนักยาเซียน อย่างที่สองคือใช้ร่างแยกดับเบิ้ลและร่างกลวัฏสงสารฝึกวิชาบรรพเทพโลหิตพร้อมกัน
ร่างแยกกฎชีวิตอยู่ในโลกาปุถุชน แม้ทรัพยากรการฝึกตนในโลกาปุถุชน จะแย่ไปหน่อย แต่ก็มีทรัพยากรระดับสูงบางอย่างที่สามารถใช้ได้เช่นกัน จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะฝึกวิชาบรรพเทพโลหิตให้ถึงขั้น 1
“ก็ไม่รู้เช่นกันว่าการฝึกตนปิดขังในหนนี้จะใช้เวลานานเท่าไหร่ ต้องใช้โลกาศุภรแล้วล่ะ”
ในเศษใจแห่งศุภรมีโลกาศุภรหนึ่งซ่อนอยู่ หากฝึกตนภายในโลกาศุภรจะทำให้การเดินของเวลาช้าลงสิบเท่า ซึ่งเทียบเท่ากับมีเวลาฝึกตนเพิ่มขึ้นสิบเท่า
ฝึกตนอยู่ในโลกาศุภรสิบปี เวลาโลกภายนอกผ่านไปแค่หนึ่งปีเท่านั้น
สมบัติชิ้นนี้ยอดเยี่ยมและสำคัญมากๆ เพราะฉะนั้นหลัวซิวจึงเก็บซ่อนมันอย่างระมัดระวังมาโดยตลอด และไม่กล้านำมันออกมาใช้ง่าย ๆ
ครั้งนี้เมื่อมีความคิดที่จะใช้โลกาศุภร สิ่งแรกที่หลัวซิวทำคือจัดวางสัญลักษณ์ลายค่ายที่นับไม่ถ้วนไว้รอบห้องลับ เพื่อรับประกันความปลอดภัยของที่แห่งนี้ ในขณะเดียวกันเขาก็ป้องกันไม่ให้กลิ่นอายของกฎเวลาดั้งเดิมหลุดรอดออกไปแล้วถูกผู้แข็งแกร่งในสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินสัมผัสได้เช่นกัน
ภายในโลกาศุภรว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย ภายในเป็นพื้นที่สีขาวที่ไม่มีที่สิ้นสุด ราวกับเวลาหยุดนิ่ง ทำให้คนที่อยู่ภายในสัมผัสไม่ได้ถึงการหมุนของเวลา
ร่างแยกร่างกลมรณะของหลัวซิวและร่างกลวัฏสงสารของหลึ่ยู่นั่งท่าขัดสมาธิอยู่ในโลกาศุภร ฝึกตนปิดขังไปพร้อมกัน
ร่างแยกดับเบิ้ลคือร่างเดียว เมื่อยกระดับร่างแยกร่างกลมรณะ ร่างแยกกฎชีวิตก็จะได้รับการยกระดับเช่นกัน ซึ่งนี่เป็นแก่นแท้และความแข็งแกร่งของวิชาแบ่งร่างดับเบิ้ล
เขาเอาแก้วเทวออกมาวางแผ่อยู่เต็มพื้น ฝึกตนอย่างตั้งอกตั้งใจ ไม่สนใจสิ่งเร้าภายนอก กฎพลังเทพที่เข้มข้น ผลการฝึกตน ร่างเนื้อและตัวสำนึกไหลเข้าสู่ร่างกายเขาอย่างพร้อมเพรียงกัน
ในขณะเดียวกัน เขาก็ได้อนุมานการบรรลุเป็นนักยาเซียนขั้นปฐมภูมิและความลี้ลับของวิชายาชิงเสวียนอยู่ในตัวหยั่งรู้ของตัวเองเช่นกัน หลังจากที่ตระหนักรู้ในสิ่งเหล่านี้สำเร็จ เขาพลิกฝ่ามือเรียกเตาเทพออกมา เริ่มกลั่นยาเซียนเพื่อลองฝึกฝีมือ แสวงหาโอกาสที่จะเลื่อนขั้นไปเป็นนักยาเซียน
ร่างกลเมื่อชาติปางก่อนของหลี่ยู่ที่อยู่อีกฝั่งก็ไม่ได้นิ่งดูดายเช่นกัน อนุมานการเปลี่ยนแปลงของพลังอมตะหมื่นจักรวาลไร้รูปอยู่ตลอดเวลา ตระหนักรู้แก่นแท้ของพลังอมตะทั้ง 36 พลังของตระกูลหลี่ในโลกจักรภพอย่างต่อเนื่อง จากนั้นค่อยปรับตัวให้เข้ากับโลกจักรภพ
หลังจากที่ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ร่างแยกกฎความตายของหลัวซิวก็สั่นเทาขึ้นมาอย่างกะทันหัน มีแสงอาทิตย์สาดส่องออกมาจากตรงหว่างคิ้ว ส่องทะลุพื้นที่ว่างเปล่าสีขาวในโลกาศุภรไปไม่รู้ไกลเท่าไหร่
“โครม!”
ช่องจิตสีดำมนที่รวมตัวกันอยู่ในตัวหยั่งรู้ของเขาในตอนแรก ขยายกว้างขึ้นอีกหนึ่งวง กลิ่นอายความตายอันเยือกเย็นแพร่กระจายออกไป แต่แสงเทพศักดิ์สิทธิ์ที่เปล่งออกมากลับทำให้คนรู้สึกทั้งศักดิ์สิทธิ์และชั่วร้ายอย่างขัดแย้งกัน
นี่จึงทำให้หลัวซิวรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่เล็กน้อย ตั้งแต่ที่มาถึงโลกเสวียนเทียน เขาไม่เคยละเลยการฝึกตนของตัวเองมาก่อนเลย แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่าการเลื่อนขั้นจะยากเช่นนี้ แต่พลังแห่งตัวสำนึกกลับราบรื่นมาก บรรลุถึงแดนเทพมารขั้น 2 แล้ว
แดนตัวหยั่งรู้ของเขาที่อยู่ทางนี้ได้รับการยกระดับ แดนตัวหยั่งรู้ของร่างแยกกฎชีวิตที่อยู่ในโลกแสงดาวก็บรรลุถึงเทพมารขั้น 2 เช่นกัน
หากร่างแยกดับเบิ้ลรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน เช่นนั้นแดนตัวหยั่งรู้ของเขาก็ยังสามารถยกระดับขึ้นอีกขั้นได้ เห็นได้เลยว่าพลังอมตะวิชาร่างแยกดับเบิ้ลนี้ทรงพลังและเหลือเชื่อมากแค่ไหน