เงาร่างของเทพมารองค์หนึ่งปรากฏอยู่บนเตาเทพ จากนั้นเงาร่างนั้นก็ได้กลายเป็นพละกำลังหนึ่งลอยเข้าไปในเตาเทพ แทรกรวมเข้าไปภายในตัวยา
“สำเร็จแล้ว!”
หลัวซิวดีใจอย่างมาก เตาเทพสั่นเครือดังเลื่อนลั่นดั่งเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่า ยาที่อยู่ภายในเตากลั่นสำเร็จแล้ว ยามีธาตุทิพย์ มันจึงอยากจะทำลายเตาบินทะลุออกมา
“เปิดเตา!”
หลัวซิวยื่นมือไปเปิดฝาเตาเทพออก ถัดจากนั้นก็มีเสียงคำรามของมังกรและเสือดังขึ้น ยาสีทองเม็ดหนึ่งบินออกมาด้วยความเร็วที่รวดเร็วมาก
“ดำรงอยู่คู่กับปรากฏการณ์แปลก ๆ มาทั้งชีวิต ในที่สุดข้าก็กลั่นยาเซียนสำเร็จแล้ว!”
หลัวซิวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะดังลั่น ยื่นมือออกไปจับยาที่คิดจะบินหนีนั่น แล้วเก็บเข้าไปในขวดหยกที่มีคุณสมบัติพิเศษ
ถัดจากนั้น ได้ยินเพียงเสียงตึกตึกตึกดังขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน มียาหกเม็ดบินออกมาจากเตาเทพติดต่อกัน ชั่วพริบตาเดียวยาทั้งหกเม็ดนั้นก็ได้บินไปยังทิศทางที่แตกต่างกันไป ความเร็วของมันรวดเร็วมาก ๆ แม้นจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์แต่ก็ตามไม่ทัน
อย่างไรก็ตามที่นี่คือโลกาศุภร ไม่ว่ายาเหล่านั้นจะบินหนีไปไหน หลัวซิวก็สามารถสัมผัสตำแหน่งของพวกมันได้อย่างชัดเจน
หลังจากที่ผ่านไปสักพักยาทั้งเจ็ดเม็ดก็ถูกเขาจับเก็บเข้าไปในขวดหยกเรียบร้อย เขาเทเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด กำไว้ในมือพลางเรียนรู้สำรวจเม็ดยานี้ ก่อนจะพบว่าบนเม็ดยามีร่องรอยกฎปรากฏอยู่ราง ๆ ราวกับมีเด็กทารกคนหนึ่งกำลังขดตัวนอนหลับปุ๋ยอยู่ภายในยายังไงอย่างนั้น
กำเนิดใหม่ต้องมีจิต สิ่งนี้ต้องเป็นยาเซียนอย่างไร้ข้อสงสัยแน่นอน!
ยาที่หลัวซิวกลั่นในครั้งนี้เป็นยาที่ใช้สำหรับการเพิ่มพลังเทพและผลการฝึกตนของผู้แข็งแกร่งเทพมารขั้นปฐมภูมิ มีนามว่ายาเอี๊ยงอัมภรทอง!
หากอยู่โลกภายนอก มูลค่าของยาเม็ดนี้เทียบเท่ากับแก้วเทวชั้นล่างหมื่นชิ้น และมูลค่ารวมของยาทั้งเจ็ดเม็ดก็เท่ากับเจ็ดหมื่นกว่า ต่อให้เทพมารขั้นปฐมภูมิส่วนมากจะขายทรัพย์สินทั้งหมดที่มีอยู่ของตัวเองแล้ว พวกเขาก็ยังไม่มีปัญญาซื้อยาทั้งหมดนี้เลย
กลั่นยาเซียนได้สำเร็จ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าประสิทธิภาพในการกลั่นยาของหลัวซิวเลื่อนขึ้นเป็นนักยาเซียนระดับ 1 คนหนึ่งโดยปริยายแล้ว
หลัวซิวระงับความรู้สึกดีใจที่ได้กลายเป็นนักยาเซียนลงไปอย่างรวดเร็ว ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาใช้เวลากับการเลื่อนขั้นในครั้งนี้ไปนานแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นผลการฝึกตนหรือพละกำลังของเขาล้วนสูญเสียไปเยอะมาก ๆ ต้องกลับไปฟื้นฟูร่างกายตัวเองดี ๆ หน่อยแล้วล่ะ
เขาใส่ยาเอี๊ยงอัมภรทองเข้าไปในปากหนึ่งเม็ด ทันทีที่ใส่เข้าไปในปากตัวยาก็ละลายเลย กลายเป็นพลังบริสุทธิ์ไหลเวียนอยู่ภายในร่างกาย พลังเหล่านี้แตกต่างจากยาธรรมดาทั่วไปตรงที่ยาตัวนี้มีพลังแห่งกฎแฝงซ่อนอยู่ด้วย
หากมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 1 ทั่วไปกลืนกินยาเซียนโดยตรงละก็ คาดว่าใช้เวลาไม่นานคนดังกล่าวก็คงต้านทานฤทธิ์ยาที่ทรงพลังไม่ไหว ร่างกายคงระเบิดแตกและเสียชีวิตไปในที่สุดแน่นอน
แต่ร่างกายของหลัวซิวกลับถูกกฎความตายและกฎปริภูมิชุบมาหลายครั้งจนนับไม่ถ้วนแล้ว มากกว่านั้นคือในเลือดทุกหยดของเขาล้วนแฝงซ่อนไปด้วยร่องรอยกฎ บวกกับวิชาธรรมจุติมรณะทำให้ฤทธิ์ยาถูกกลั่นแปรอย่างรวดเร็ว แม้ทุกส่วนของร่างกายจะขยายขึ้นจนรู้สึกทรมาน แต่เขายังอดทนได้อยู่
หลังจากที่ดูดซึมยาเอี๊ยงอัมภรทองทั้งเจ็ดเม็ดเสร็จ มีพลังออร่าที่ยิ่งใหญ่ปรากฏอยู่บนตัวหลัวซิว ในที่สุดหลัวซิวก็บรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 2 สักที
“มียาเซียนเหลืออยู่ไม่มากแล้ว”
มองดูยาเซียนที่ยังเหลือติดตัว หลัวซิวยิ้มขมขื่นอย่างอดไม่ได้ ยาเซียนที่เขาเก็บเกี่ยวได้ในเขาปีศาจมารมีไม่น้อยเลย แต่สูญเสียอยู่กับการฝึกฝีมือไปไม่น้อย หลังจากที่ใช้ยาเซียนที่คงเหลือกลั่นสกัดยาเอี๊ยงอัมภรทองหนึ่งเตา มากสุดก็แค่สามารถกลั่นยามังกรเทพอเวจีได้อีกหนึ่งเตา
ยาเอี๊ยงอัมภรทองสามารถเพิ่มผลการฝึกตนของกฎพลังเทพได้ ส่วนยามังกรเทพอเวจีนั้น เป็นยาเซียนที่ผู้แข็งแกร่งเทพมารขั้นปฐมภูมิใช้เพื่อชุบร่างเนื้อ
หากดูจากมูลค่าของมันแล้ว ยามังกรเทพอเวจีมีมูลค่ากว่าหยินอัมภรทอง โดยส่วนใหญ่แล้ว ใช้หยินอัมภรทองสองเม็ดแลกยามังกรเทพอเวจีได้แค่หนึ่งเม็ดเท่านั้น
เนื่องจากเมื่อเปรียบเทียบผลการฝึกตนของกฎพลังเทพแล้ว สิ่งที่ผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์ตั้งแต่แดนเทพมารขึ้นไปให้ความสำคัญกว่าคือการยกระดับตัวหยั่งรู้และร่างเนื้อของตน