“เทียนหวูเชว!”
“นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นคุณชายหวูเชว!”
จากการเปิดออกของโลกเซียนเสวียนเทียน ถึงแม้คำถามที่ว่าใครเป็นผู้ได้ครอบครองสำนักเต๋าเสวียนเทียนยังคงเป็นปริศนาอยู่ แต่คนจำนวนมากก็ได้รับทรัพย์สินและทรัพยากรมาจากโลกเซียนเสวียนเทียนไม่น้อยเช่นกัน ดังนั้นทุกคนที่ได้รับทรัพย์สินและทรัพยากรจึงต่างมาขายหรือแลกเปลี่ยนเป็นสมบัติที่เหมาะสมกับตัวเองในเมืองแก้วเทว
เทียนหวูเชวก็ต้องเป็นหนึ่งในนั้นเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ถึงแม้เขาจะเป็นบุตรผู้ภาคภูมิของสวรรค์ในสำนักเซียนไร้เจตสิก แต่เขาก็ต้องไปตามหาทรัพยากรและสมบัติที่ใช้ในการยกระดับผลการฝึกตนด้วยตัวเอง เพราะผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงล้วนต้องเติบโตโดยการผ่านการขัดเกลาจากประสบการณ์ หากอาศัยเพียงการช่วยเหลือที่ทางสำนักมอบให้ ถึงแม้จะฝึกตนจนบรรลุถึงแดนเทพมารแล้ว ก็ไม่สามารถกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงได้
เสี้ยววินาทีที่เห็นหน้าเทียนหวูเชว ช่าจื่อเยียนก็ปล่อยจิตที่จะฆ่าออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ เนื่องจากนางทราบอยู่ว่าการล่มสลายของสำนักเทียนช่า นอกจากการลงมือของราชาเทพซือถูนั่นแล้ว สำนักเซียนไร้เจตสิกก็เป็นผู้ช่วยก่อกรรมทำชั่วรายใหญ่สุดเช่นกัน
ในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในโลกเสวียนเทียน สำนักเทียนช่าไม่ถูกชะตากับสำนักเซียนไร้เจตสิกมาโดยตลอด ปะทะกันอย่างดุเดือดมานานหลายปี สำนักเซียนไร้เจตสิกฉวยโอกาสคอยซ้ำเติม ทำให้ช่าจื่อเยียนรู้สึกเกลียดแค้นสำนักเซียนไร้เจตสิกเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะนางทราบมาจากปากหลัวซิวว่า สำนักเซียนไร้เจตสิกถึงกับส่งตัวเทพมารสามคนไปตามไล่ล่าเสี่ยวเจียงหมิงด้วย ด้วยเหตุนี้เขามังกรบินก็เดือดร้อนไปด้วย จนสูญสิ้นทั้งสำนัก
“บังอาจมีจิตที่จะฆ่าข้าอย่างนั้นหรือ?”
จิตญินของเทียนหวูเชวว่องไวและเฉียบแหลมมาก สัมผัสได้ถึงจิตที่จะฆ่าในแววตาช่าจื่อเยียน เขาจึงแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางพูด: “ดูท่าเจ้าก็น่าจะเป็นกากแดนของสำนักเทียนช่าเหมือนกันสินะ”
“มัน มันนี่แหละที่เป็นคนฆ่าอาจารย์อาลั่วเย่ แล้วก็พวกท่านพี่ฉายอิน……”
ปฏิกิริยาของเสี่ยวเจียงหมิงดุเดือดมากยิ่งขึ้น ใช้นิ้วชี้ไปทางเทียนหวูเชว น้ำเสียงสั่นเทา เต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้น
ทุกคนที่เขาพูดมา ล้วนเป็นคนใกล้ชิดและสหายที่เคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเขาครั้นเมื่อยังอยู่ในสำนักเทียนช่า เทียนหวูเชวก็เข้าร่วมสงครามที่ทำให้สำนักเทียนช่าล่มสลายเช่นกัน สังหารศิษย์ในสำนักเทียนช่าไปเยอะมากจนนับไม่ถ้วน
“บุตรคนสุดท้องของจ้าวเซียนเทียนช่า? วันนี้ในเมื่อข้าเจอตัวเจ้าแล้ว เช่นนั้นสายเลือดนี้ก็ตัดขาดไปจากโลกนี้โดยสิ้นเชิงซะเถอะ”
เทียนหวูเชวเย็นชามาก ๆ ดวงตาเย็กเยือก ราวกับไม่มีความรู้สึกใด ๆ เลยแม้แต่น้อย
“ข้าว่าเจ้าไม่ใช่หวูเชว แต่เป็นคนโง่มากกว่า”
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงเสียงหนึ่งดังลั่นขึ้นมา น้ำเสียงก้องกังวาน ทำให้ทุกคนที่อยู่บริเวณนี้ต่างได้ยินกันอย่างชัดแจ๋ว
แววตาของเทียนหวูเชวเย็นเยือกลงไปถึงขั้นสุดในชั่วพริบตาเดียว สายตาจับจ้องไปทางหลัวซิว เนื่องจากคำพูดในเมื่อกี้นี้ หลุดออกมาจากปากมดตัวจ้อยมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 2 นั่น
“เจ้ากล้าพูดอีกครั้งหรือไม่?”แววตาของเขาร้อนผ่าวดั่งเปลวไฟ ราวกับกระบี่อันเฉียบคม ทิ่มแทงไปทางหลัวซิว
แต่ทว่าหลัวซิวกลับได้เก็บเอามาใส่ใจเลยแม้แต่น้อย หลุดหัวเราะออกมาแล้วพูด: “บอกว่าเจ้าโง่เจ้ายังไม่เชื่ออีก ต้องให้ข้าพูดซ้ำอีกครั้งหรือ?”
เทียนหวูเชวเป็นผู้ภาคภูมิของสวรรค์จริง ๆ ถึงแม้จะพ่ายแพ้ให้กับยอดฝีมือที่แย่งสำนักเต๋าเสวียนเทียนไปครั้นเมื่ออยู่ในโลกเซียนเสวียนเทียน แต่นี่ก็ไม่ได้กระทบถึงชื่อเสียงอันโด่งดังของเขาเลย
ถึงแม้เขาจะไม่ใช่เทพมาร อยู่แค่แดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสูง แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ เมื่อผู้อาวุโสระดับเทพมารจากแดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ พบเห็นเขา ก็ไม่กล้าดูถูกดูแคลนเขาแม้แต่น้อย มากกว่านั้นคือผู้อาวุโสเทพมารจำนวนมากก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
แต่วินาทีนี้กลับมีไอ้หนุ่มมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 2 คนหนึ่งด่าเขาว่าโง่ต่อหน้าสาธารณชน การกระทำนี้ไม่ต่างอะไรจากการยั่วยุบารมีชื่อเสียงของเทียนหวูเชวเลย เป็นการกระทำที่ทำให้เขารู้สึกขายหน้าต่อทุกคน!
“ทำไม? อยากลงมือหรือ?”
สัมผัสได้ถึงจิตที่จะฆ่าของเทียนหวูเชวที่มีต่อตน หลัวซิวยังคงหัวเราะดังลั่นอย่างจองหอง“เมืองแก้วเทวห้ามมิให้ลงมือต่อสู้กัน ถ้ากล้าเจ้าก็ลองดูสิ?”
“ไอ้เด็กเปรต มึงมันรนหาที่ตาย!”
เทียนหวูเชวยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูดอะไร คนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขากลับทนต่อไปไม่ไหวแล้ว พูดด้วยอารมณ์ที่โกรธเคือง: “ต่อให้ฆ่ามึงในเมืองแก้วเทวไม่ได้ แต่หากมึงกล้าย่างกรายออกไปจากเมืองละก็ กูจะเอามึงให้ตายแล้วสับมึงออกเป็นชิ้น ๆ เอง!”