หลัวซิวเห็นช่าจื่อเยียนกำลังสอนเสี่ยวเจียงหมิงฝึกตน เด็กคนนี้อาจกล่าวได้ว่าโชคร้าย แต่ก็โชคดีเช่นกัน
โชคร้ายคือเขายังอายุน้อยครอบครัวก็ถูกทำลายและเขาาต้องพลัดถิ่น โชคดีคือเขาอายุยังน้อยก็ถูกสอนโดยช่าจื่อเยียน จุดนี้ไม่ว่าจะเป็นการฝึกฝนหรือการหยั่งรู้ เขานำหน้ากว่าคนอื่นที่เป็นรุ่นเดียวกับเขา
ตั้งแต่กลับมาจากเมืองแก้วเทวก็นานมาแล้ว ในช่วงเวลานี้ทุกอย่างค่อนข้างสงบ และสำนักเซียนไร้เจตสิกไม่มีการกระทำอื่นใดอีก
เพียงแต่ว่าช่าจื่อเยียน ไม่ได้อยู่ในสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน แต่มาอาศัยอยู่ที่สำนักไท่เสวียนพร้อมเขา
ผลการฝึกฝนของนางตกลงมาจากแท่นบูชา แต่แดนและวิสัยทัศน์ก็ยังคงอยู่ และมีหลัวซิวกลั่นยาจัดหาทรัพยากรผลฝึกตนให้นาง ผลการฝึกฝนได้ฟื้นจากแดนมหายุทธ์ถึงแดนเจ้ายุทธจักรขั้น 7
ในเวลาประมาณสิบปี ผลฝึกตนของนางสามารถฟื้นคืนสู่แดนเทพมาร และไม่เกินห้าสิบปี นางสามารถกลับสู่ผลการฝึกตนจุดสูงสุดของเทพมาร!
ในช่วงนี้ แม้ว่าผลการฝึกตนของหลัวซิวจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่อารมณ์ของเขาก็เก็บตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ และสภาพจิตใจของเขาเป็นเหมือนเหวและหุบเขา ซึ่งยากที่จะเข้าใจ
“พี่เกือบมองเจ้าไม่ออกแล้ว” ช่าจื่อเยียนเหลือบมองเขา รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในอารมณ์ของเขา และหยอกเขาเล่น
ในการต่อสู้ที่เมืองแก้วเทว หลัวซิวฆ่าเทียนหวูเชว ช่าจื่อเยียนรู้ว่าเขาทำเพื่อตัวเองและเสี่ยวเจียงหมิง นางไม่ได้พูดอะไร แต่นางก็รู้สึกขอบคุณมาก
“ท่านอาจารย์พี่ ผลการฝึกตนของข้าใกล้จะถึงแดนมกุฎยุทธ์แล้ว!”
เสี่ยวเจียงหมิงวิ่งมาอย่างตื่นเต้น จับมือหลัวซิว ดูเหมือนเด็กที่ต้องการการชมจากเขา
ผลการฝึกตนของเสี่ยวเจียงหมิงเพิ่มสูงขึ้น หลัวซิวมองเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตา ความเร็วในการฝึกฝนนั้นเร็วมาก แต่กลับไม่มีปัญหาเกี่ยวกับรากฐานอะไร เขาสืบทอดพรสวรรค์ที่เก่งกาจจากจ้าวเซียนเทียนช่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการฝึกฝนพลังแห่งความตาย พรสวรรค์ที่เหนือกว่าผู้อื่น คนธรรมดาไม่สามารถเปรียบเทียบได้
หลังจากนั้นไม่นาน หลัวซิวก็มาถึงหอไตร
“เจ้าคือก็หลัวซิว?”
หอไตรเป็นสถานที่ที่สำคัญ และโดยธรรมชาติจะมีผู้อาวุโสระดับเทพมารเฝ้าอยู่
“เป็นข้าเอง คารวะผู้อาวุโส” หลัวซิวคำนับ
“ฮ่าฮ่า คนหนุ่มสาวที่มีความสามารถและรู้จักมารยาทดีขนาดนี้หายากนัก” ผู้อาวุโสลูบเคราสีขาวของเขาแล้วยิ้มกล่าวว่า “เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ได้สั่งไว้ว่าถ้าเจ้ามาหอไตร ไม่ว่าจะเป็นวิชาพลังอมตะ วรยุทธ์หรือวิชาลับ เจ้าสามารถเลือกฝึกฝนได้ตามใจชอบโดยไม่มีการจำกัด”
“เจ้าสามารถเอาชนะและฆ่าเทียนหวูเชวได้โดยตรง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความสามารถของเจ้ามีศักยภาพที่น่าทึ่ง และอนาคตนั้นไร้ขีดจำกัด เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ให้ความสำคัญกับเจ้ามาก อย่าทำให้เขาผิดหวัง” ผู้อาวุโสเทพมารกล่าว
“ขอบคุณผู้อาวุโสสำหรับการชี้แนะนี้ ข้าจำไว้แล้ว” หลัวซิวพยักหน้าตอบ
ผู้อาวุโสเทพมารยื่นป้ายบัญชาการให้เขา หลัวซิวก็เข้าไปในหอไตร
“จ้าวศักดิ์สิทธิ์เฟิงก็ดีต่อข้าไม่น้อย”
หลัวซิวกำป้ายบัญชาการอยู่ในมือ สำหรับการกระทำและการเตรียมการของเฟิ่งหวูซิน ในใจก็รู้สึกซึ้งใจ
ในตอนแรก เขาไปเมืองแก้วเทวเพราะขาดสติและท้าทายเทียนหวูเชว หากไม่มีเฟิ่งหวูซินซึ่งเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มาทันท่วงที ตงฟางเทียนโหยวเพียงคนเดียวอาจไม่สามารถหยุด จ้าวนภาไร้เจตสิกได้
จากจุดนี้ อาจกล่าวได้ว่าเฟิ่งหวูซินได้ช่วยชีวิตเขาไว้
ต่อมาเฟิ่งหวูซินมีความคิดที่ไกลและตกลงให้เขาตั้งรกรากของสำนักไท่เสวียนอยู่ในสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน และเลือกเขาทิพย์ในสำนักโดยไม่ลังเลใด ๆ
ตอนนี้หอไตรก็เปิดกว้างสำหรับเขา และสามารถเลือกวิชาพลังอมตะ วรยุทธ์ วิชาลับได้ตามต้องการ!
เขารู้ว่าเหตุผลที่เฟิ่งหวูซินกล่าวอย่างนี้ เพราะต่องการฝึกฝนเขาสุดกำลัง ให้เขารู้สึกขอบคุณเขา รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน และเห็นคุณค่าความสามารถและศักยภาพของเขา