มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1229
“เป็นใครกัน?”
ในอนัตตาไม่สิ้น หลัวซิวได้ฟันทลายหลุมดำ สีหน้าเคร่งขรึมเย็นชา
เขารู้ดีว่าขณะที่เขากระตุ้นร่างกลวัฏสงสารใช้ตราเปิดฟ้า ความแข็งแกร่งที่ซ่อนอยู่ของเขาได้ถูกเปิดเผยแล้ว
สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดไม่ใช่สิ่งเหล่านี้ แต่เนื่องจากทุกคนในสำนักไท่เสวียน ตอนนี้อยู่ที่สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน
ผู้แข็งแกร่งที่เชี่ยวชาญวิชาพลังอมตะของสำนักเต๋าเสวียนเทียน จะต้องเป็นผู้แข็งแกร่งในสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินอย่างแน่นอน อย่างนี้แล้วจึงเทียบเท่ากับว่าเขามีความอ่อนแออยู่ในมืออีกฝ่าย
“พรึบ!”
ปีกเทพดาราไร้มลทินด้านหลังกางออก ภายใต้การกระพือ หลัวซิวออกจากสถานที่เดิมด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด
หลังจากนั้นไม่นาน ร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นนั่นก็คือ เฟิ่งหวูซิน
“น่าเสียดายที่เขาหนีไปได้”
เฟิ่งหวูซินส่ายหัว มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าจะกลับมาไม่ช้าก็เร็ว”
ในอนัตตาไม่สิ้น อาจมีอันตรายได้ตลอดเวลา หลังจากที่หลัวซิวใช้ปีกเทพดาราไร้มลทินบินไม่รู้ว่านานแค่ไหน และเขาพบว่าไม่มีใครไล่ตามเขาดังนั้นเขาจึงบินช้าลงทันที
สีหน้าในขณะนี้ของเขาดูขรึมเย็นชาเป็นอย่างมาก เขาก็พึมพำ “เฟิ่งหวูซิน ข้าหวังว่าคงจะไม่ใช่เจ้าจริงๆ”
แม้ว่าเวลาในการฝึกฝนจะไม่นานเป็นพิเศษ แต่หลัวซิวก็ได้ผ่านประสบการณ์มาไม่น้อย เขาได้ติดต่อกับผู้คนทุกประเภท ถ้าเขาสงบสติอารมณ์แล้วครุ่นคิดอย่างรอบคอบ เขาก็สามารถเชื่อมโยงเรื่องทั้งหมดได้
“สมมติว่าเป็นเฟิ่งหวูซินจริงๆ งั้นเขาต้องสงสัยว่าบนร่างของเข้าต้องมีความลับใหญ่ตั้งแต่เนิ่น ๆ แน่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ข้าฆ่าเทียนหวูเชวและเสนอว่าจะให้สำนักไท่เสวียนอยู่ในสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน เขาตอบตกลงโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ตั้งแต่ตอนนั้น ข้าก็ได้มอบความอ่อนแอของตนเองไว้ในมือของเขา”
หลัวซิวขมวดคิ้วแน่น ดวงตาของเขามองไปยังอนัตตาที่แปลกประหลาด พึมพำ “แม้กระทั่งเฟิ่งหวูซินก็ยังจะสงสัยว่าสมบัติในแดนปริศนาเทพสงครามเอกภพก็ตกมาอยู่ในมือของข้าด้วย!”
เมื่อครุ่นคิดถึงจุดนี้ ทันใดนั้น หลัวซิวก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรง นับตั้งแต่เขามาถึงโลกเสวียนเทียน เขาก็ระมัดระวังตัวอยู่เสมอ แต่ท้ายที่สุดเขาได้เปิดเผยความลับของตนเองเพราะความขาดสติในชั่วขณะ
เฟิ่งหวูซินเป็นผู้แข็งแกร่งในแดนจ้าวนภา และตอนนี้ผลการฝึกฝนของเขาเป็นเพียงมหาจักรพรรดิยุทธ์เท่านั้น ห่างกันตั้งหนึ่งแสนแปดพันลี้
“ถ้าเฟิ่งหวูซินต้องการความลับของข้า เขาจะไม่ทำอะไรกับสำนักไท่เสวียน เพราะสำนักไท่เสวียนยังคงอยู่ ก็จะเป็นความห่วงใยของข้า และข้าจะต้องกลับไปแน่นอน”
“ถ้าข้ากลับไปตอนนี้ ก็เท่ากับเข้าไปอยู่ในกับดักที่เขาวางไว้ เหตุผลที่เฟิ่งหวูซินทดสอบ เป็นเพราะเขาไม่แน่ใจ เขาจึงไม่ได้ทดสอบ ตอนนี้ได้รับการยืนยันแล้ว ถ้าข้ากลับไปทั้งอย่างนี้ มีแต่ตายเท่านั้น!”
หลังจากเวลาผ่านไปนาน หลัวซิวสูดหายใจเข้าลึก ๆ ตอนนี้มีทางเดียวเท่านั้นที่จะทำได้ นั่นคือเพิ่มความแข็งแกร่งในการฝึกตนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และพยายามฝึกฝนเพื่อที่จะต่อสู้กับเฟิ่งหวูซินได้โดยเร็วที่สุด!
“เฟิ่งหวูซิน จะไม่ให้เวลาข้ามากเกินไปในการเติบโตจนถึงจุดที่ข้าสามารถต่อต้านเขาได้…”
ยิ่งหลัวซิวคิดเกี่ยวกับเรื่องมากเท่าไหร่ ใจของเขาก็ยิ่งวุ่นวายมากขึ้นเท่านั้น เขาจึงทิ้งเรื่องเหล่านี้ออกไปจากสมอง เข้าไปในอนัตตาไม่สิ้นตามทิศทางที่เข็มทิศมหาแดนชี้ให้
“บูม!”
ครู่ต่อมา เขาพบกับโซนอลหม่าน กระแสความปั่นป่วนแต่ละครั้งถูกควบแน่นด้วยกฎปริภูมิ ฉีกทุกสิ่งออกจากกันราวกับกระบี่และดาบ
อนัตตาไม่สิ้นของพิภพกลาง พลังโซนอลหม่านจะแข็งแกร่งกว่าพิภพล่าง นอกจากนี้ร่างยุทธ์แดนเทพมารของหลัวซิวก็ยากที่จะต่อต้าน สัมผัสเพียงเล็กน้อยร่างกายเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยเลือด ถูกโซนอลหม่านกรีดฟันอย่างน่าสยดสยอง
“วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ!”
รูเล็ตขาวดำลอยอยู่ด้านหลังศีรษะ ด้วยพลังของกฎการเวียนว่ายตายเกิด ขัดขวางโซนอลหม่าน