มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1243
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลัวซิวก็เก็บม้วนหยกไว้ เอ่ยพูดเสียงเรียบ “ฝากขอบคุณสำหรับน้ำใจไปยังท่านผู้อาวุโสเซียวด้วย เพียงแค่ข้ายังมีเรื่องบางอย่างที่ต้องไปทำ ในช่วงเวลานี้ยังไม่สามารถไปคารวะท่านที่หุบเขาปีศาจเก้าได้”
หญิงสาวตรงหน้ายิ้มออกมาบาง ๆ พูดด้วยน้ำเสียงใสกังวาน “นายท่านของข้าคาดเอาไว้อยู่แล้วว่าท่านชายจะปฏิเสธ แต่นายท่านกล่าวว่า ท่านมิได้ประสงค์ร้ายต่อท่านชายเลยแม้สักน้อย ท่านชื่นชมท่านชายยิ่งนัก กระทั่งคิดจะเชิญให้ท่านชายไปเป็นมารที่สิบแห่งหุบเขาปีศาจเก้าอีกเสียด้วยซ้ำ!”
“มารที่สิบ?” หลัวซิวเลิกคิ้วเล็กน้อย แอบคิดว่าหุบเขาปีศาจเก้าผู้นี้เพียงเพื่อจะดึงเขาให้เข้ากองกำลังจึงกล้าลงทุนได้ถึงเพียงนี้
มารเก้าแห่งหุบเขาปีศาจเก้าเป็นถึงผู้แข็งแกร่งเทพฟ้า หากจะมีมารที่สิบปรากฏตัวขึ้น อีกทั้งยังต้องนับพี่ถือน้องกับมารเก้าอีก แน่นอนว่าจะต้องถูกจัดอยู่ในระดับเทพฟ้า
แต่หลัวซิวเพิ่งจะถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นห้า ด้วยผลการฝึกตนระดับนี้ ให้กลายเป็นมารที่สิบและนับพี่ถือน้องกับเทพฟ้า เห็นได้ชัดว่าหุบเขาปีศาจเก้าเรียกได้ว่ายอมเทหมดหน้าตักเพื่อดึงตัวเขา มั่นใจว่าในอนาคตเขาจะต้องสามารถบรรลุเป็นเทพฟ้าได้เป็นแน่
ในเมื่ออีกฝ่ายพูดออกมาถึงขนาดนี้แล้ว หากหลัวซิวยังคงดึงดันปฏิเสธต่อไป นั่นก็จะเป็นการไม่ไว้หน้ามารเก้าเซียวจื่อเจี้ยน ผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าอย่างเซียวจื่อเจี้ยนให้ความสำคัญกับชื่อเสียงอย่างมาก หากเกิดไปก้าวล่วงอีกฝ่ายขึ้นมา โลกาอสูรฟ้าแห่งนี้เกรงว่าคงจะไม่สามารถอยู่ต่อไปได้อีกแน่นอน
ความอันตรายของอนัตตาไม่สิ้น หลัวซิวคิดแล้วก็รู้สึกขนลุกขนพองขึ้นมา เพื่อที่จะสามารถอาศัยอยู่ที่โลกาอสูรฟ้าได้อย่างสบายใจสักเล็กน้อย เขาจึงทำได้แค่เพียงพยักหน้าตอบรับ
“น้อมส่งนายท่าน!”
ทุกคนในชนเผ่าของถูหมิงคุกเข่าคำนับลงกับพื้น หลัวซิวและหญิงสาวยื่นอยู่ด้านนบนนาเวศเซียนที่ค่อย ๆ ลอยสูงขึ้น ไม่นานก็หายลับจากขอบฟ้า
เป็นพิภพกลางเหมือนกัน ระดับโดยรวมของโลกาอสูรฟ้านั้น ค่อนข้างแข็งแกร่งกว่าโลกเสวียนเทียนอยู่เล็กน้อย
หุบเขาปีศาจเก้าไม่ใช่หุบเขาแห่งหนึ่ง แต่เป็นเกาะแห่งหนึ่งกลางมหาสมุทร
เกาะนั้นกว้างใหญ่ไพศาล เหมือนแผ่นดินขนาดเล็ก พระราชวังทั้งเก้าเรียงรายอยู่กลางอากาศ
ยืนอยู่ด้านบนของนาเวศเซียนบินตรงขึ้นไป ยังไม่ทันเข้าใกล้ หลัวซิวก็สามารถรับรู้ได้ถึงปราณทิพย์ที่เข้มข้นจากที่ไกล ๆ กระทั่งปราณทิพย์เหล่านี้เกือบจะกลายร่างเป็นปราณปีศาจอยู่แล้ว เหมาะการฝึกตนของจอมยุทธ์วิถีมารอย่างมาก
ภายในโลกาอสูรฟ้าแห่งนี้ไม่ได้นับว่าเป็นเรื่องประหลาดแต่อย่างใด เพราะสภาพแวดล้อมที่พิเศษของโลกาอสูรฟ้า ดังนั้นปราณทิพย์จะแตกต่างกับปราณทิพย์ของโลกพิภพอื่น ๆ อาศัยการกลั่นแปรจากค่ายกลที่ทำขึ้นโดยเฉพาะ ก็จะสามารถกลายเป็นปราณปีศาจที่บริสุทธิ์ได้
“ท่านชายหลัว นายท่านของข้ารอท่านอยู่ภายในตำหนักแห่งนั้น” หญิงสาวยื่นมือออกไปชี้ไปยังตำหนักแห่งหนึ่งที่ลอยอยู่เหนือเกาะ
ตำหนักทั้งเก้านี้ คือสถานที่ฝึกตนของมารเก้า นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ที่มีปราณปีศาจหนาแน่นที่สุดท่ามกลางพื้นดินบนเกาะทั้งหมด ตำหนักทุกแห่งถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำหนาทึบ วิสัยทัศน์ต่าง ๆ ถูกแสดงออกมา
นาเวศเซียนบินตรงไปด้านหน้าอย่างต่อเนื่อง เมื่อมองออกไป ตำหนักก็ได้ขยายใหญ่ขึ้นแล้ว แต่กลับต้องบินอยู่นานกว่าจะมาถึงด้านหน้าของตำหนัก หลัวซิวพบความลึกลับของกฎโซน เห็นได้ชัดว่าโซนใกล้ ๆ กับตำหนักเหล่านี้ต่างก็ซ้อนทับกันอยู่ ดูเหมือนว่าระยะทางนั้นไกลมาก แต่ในความเป็นจริงนั้นห่างออกไปเป็นระยะทางที่ไกลมาก
กลอุบายประเภทนี้เหมือนกับอุบายที่หลัวซิวใช้ตอนที่ต่อสู้กับหุบเขาผีเขียว ทำให้โซนบริเวณกว้างใหญ่ไพศาลหดเล็กลงถึงบริเวณรอบ ๆ ร่างกาย กลายเป็นโซนซ้อนทับที่บิดเบี้ยว
ตำหนักไม่มีคนเฝ้ายาม หญิงสาวได้นำหลัวซิวเดินเข้าไปด้านในในทันที
เมื่อเข้ามาในตำหนัก หลัวซิวถึงได้พบว่าภายในตำหนักมีแดนอื่นอยู่ นั้นคือแดนปริศนาแห่งหนึ่ง เกิดเป็นพิภพของตนเอง
ภูเขา แม่น้ำ นก และสัตว์ทุกชนิด สิ่งที่ควรมีต่างมีครบครัน เต็มไปด้วยชีวิตชีวา
ที่นี่เหมือนกับถานที่ในอุดมคติที่ปราศจากการรบกวนจากภายนอก แต่กลับมีตำหนักที่น่าหวาดกลัวและวังเวงตั้งอยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุด ทำลายบรรยากาศของทิวทัศน์ที่งดงามจนสิ้น ไม่มีส่วนใดที่เข้ากันได้เลย
“นักยุทธ์ของโลกาอสูรฟ้าได้รับผลกระทบจากปราณปีศาจ นิสัยแปลกประหลาดจริงเสียด้วย……”
หลัวซิวแอบตำหนิอยู่ภายในใจ เดินตามหญิงสาวเข้ามาถึงหน้าประตูของสำนักอันน่าพิศวงแห่งนี้