มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1252
“เจ้าเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์และศักยภาพแข็งแกร่งมาก ๆ และมีสิทธิ์กลายเป็นปีศาจสิบในหุบเขาปีศาจเก้าของข้าจริง ๆ”
เมื่อคิดเช่นนี้ได้ เซียวจื่อเจี้ยนจึงกลั้นใจหยิบเกล็ดมังกรครามยักษ์หนึ่งเกล็ดออกมาจากกล่องหยก เกล็ดมังกรที่อยู่บนมือเขามีขนาดเทียบเท่าหนึ่งฝ่ามือเท่านั้น แต่ทว่าที่เกล็ดมังกรเกล็ดนี้มีปริมาตรเล็กเช่นนี้นั้น เป็นเพราะเกิดจากการกดอัดจากกฎปริภูมิ
หลัวซิวยื่นมือไปคว้ามาอย่างรวดเร็ว เกรงว่าไอ้เซียวจื่อเจี้ยนนี่จะถอนคำพูด
เกล็ดมังกรที่อยู่ในมือหนักมาก ๆ เขาใช้แรงฮึดจากร่างยุทธ์ระดับเทพมารจับไว้ในมือก็ยังรู้สึกหนักอึ้งมาก ๆ
เกล็ดมังกรครามยักษ์เป็นเกล็ดที่แข็งแรงที่สุดบนตัวมังกรยักษ์ระดับเจ้านภา เป็นวัตถุดิบชั้นยอดที่ใช้สำหรับการฝึกเซ่นอัญเทพฟ้าอย่างแน่นอน
เฒ่าประหลาดตวนมู่เก็บสะสมมันมานานแสนปี เขามักจะโม้เรื่องนี้กับผู้อื่นอยู่เสมอ ปัจจุบันเขากลับพ่ายแพ้การพนันและสูญเสียมันไปหมด เขาแทบจะกระอักเลือดออกมา
โดยเฉพาะเมื่อทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุเห็นว่าปีศาจเก้าเซียวจื่อเจี้ยนถึงกับนำหนึ่งในเกล็ดมังกรนั้นให้ผู้น้อยอย่างหลัวซิว แววตาของพวกเขาก็ยิ่งร้อนผ่าวมากกว่าเดิม
หากเกล็ดมังกรครามยักษ์อยู่ในกำมือปีศาจเก้าเซียวจื่อเจี้ยนละก็ พวกเขาคงไม่มีจิตใจชั่วร้ายอะไรหรอก เพราะถึงแม้ในบรรดาเทพฟ้าทั้งหมด อายุของเซียวจื่อเจี้ยนจะค่อนข้างหนุ่ม แต่ศักยภาพของเขากลับไม่ใช่เล่น ๆ เลย อีกทั้งเบื้องบนเขายังมีพี่ชายอีกแปดคน ซึ่งทุกคนล้วนเป็นเทพฟ้า คนหนึ่งแข็งแกร่งกว่าอีกคนหนึ่ง
แต่ทว่าหลัวซิวกลับแตกต่างจากเซียวจื่อเจี้ยน เขาเป็นเพียงผู้น้อยคนหนึ่ง ถึงจะสามารถฆ่าเทพมารโดยที่อยู่ในมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 5 แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นเพียงผู้แข็งแกร่งระดับเทพมารคนหนึ่งเท่านั้น สำหรับเทพฟ้าแล้ว แค่เป่าลมเบา ๆ ก็สามารถสังหารเทพมารได้อย่างง่ายดายแล้ว
หลัวซิวกำเกล็ดมังกรครามยักษ์ไว้ในมือ สามารถสัมผัสได้ถึงจิตจะฆ่าอันน่ากลัวหลายจิตผนึกมาที่ตัวเขาภายในชั่วพริบตาเดียว
ถึงแม้ปีศาจเก้าเซียวจื่อเจี้ยนจะอยู่ที่นี่ด้วย ผู้แข็งแกร่งเทพมารเหล่านี้ก็ไม่ได้ปิดซ่อนความคิดที่จะฆ่าเขาเพื่อแย่งชิงสมบัติในมือเขาเลยแม้แต่น้อย
“แฮะ ๆ เห็นหรือยัง? เกล็ดมังกรครามยักษ์ที่อยู่ในมือเจ้าไม่ต่างอะไรจากมันเผาที่ร้อนมือเลย ให้ข้าช่วยเจ้าเก็บรักษาไว้ก่อนดีกว่า รอศักยภาพของเจ้าพอเพียงเมื่อใด ข้าค่อยให้เจ้า เจ้าคิดว่าข้าจะเอาสมบัติของเจ้าไปซ่อนได้อีกหรือ?”เซียวจื่อเจี้ยนยิ้มพลางกล่าว
“ฝันไปเถอะ!”หลัวซิวกลอกตามองบน เขาไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าปีศาจเซียวจื่อเจี้ยนนี่จะใจดีเช่นนี้
หากฝากเกล็ดมังกรครามยักษ์ให้เขาเก็บรักษาจริง ๆ ต่อไปก็อย่าคิดว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกเลย
หลัวซิวเก็บเกล็ดมังกรครามยักษ์เข้าไปในแหวนเก็บของอย่างไม่ลังเลใจ ขอเพียงเขาอาศัยเกล็ดมังกรครามยักษ์มายกระดับปีกเทพดาราไร้มลทินอีกครั้ง มันก็จะวิวัฒนาการกลายเป็นอาวุธเทพขั้นกลางที่มีกฎความเร็วแฝงซ่อนอยู่ ซึ่งจะเทียบเท่ากับสมบัติระดับอัญเทพฟ้า
ทันทีที่ปีกเทพดาราไร้มลทินวิวัฒนาการขึ้นมาถึงระดับนี้ นอกเสียจากว่าผู้แข็งแกร่งระดับเจ้านภาจะลงมือเอง มิเช่นนั้นจากความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขา สามารถหลุดพ้นจากการไล่ล่าของเทพฟ้าได้อย่างง่ายดายเลย
อีกอย่างสาเหตุที่หลัวซิวกล้าทำเช่นนี้นั้น เขาต้องมีต้นทุนของตนเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ซึ่งนั่นก็คือหากดึงกำลังรบทั้งหมดของร่างกลวัฏสงสารออกมา กำลังรบของเขาก็จะไม่ด้อยไปกว่าเทพฟ้า
“แฮะ ๆ ยังมีผู้ใดอยากท้าประลองน้องชายคนนี้ของข้าอีกหรือไม่? เซียวจื่อเจี้ยนข้ารับรูปแบบการพนันได้ทุกรูปแบบเลย!”
เซียวจื่อเจี้ยนกวาดตามองดูทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ พนันการต่อสู้เพียงยกเดียวก็ชนะเกล็ดมังกรครามยักษ์มาได้สองเกล็ด ถ้าเกิดมีคนมาท้าประลองอีก เขาจะไม่รวยเละเลยหรือ?
แต่ทว่าเหล่าเทพฟ้าที่อยู่ในที่เกิดเหตุกลับไม่ใช่คนโง่ที่จะยอมเสียเงินเปล่า ในบรรดาวัยรุ่นระดับเทพมาร ศักยภาพของนายน้อยเขาปีศาจนรกถือว่าจัดอยู่ในอันดับหนึ่งในสามแล้ว แม้แต่เขายังพ่ายแพ้ให้กับหลัวซิวไปอย่างง่ายดาย หากคนอื่น ๆ ขึ้นไป ก็คงมีแต่จะแพ้อย่างเดียวเท่านั้น
ในส่วนของวัยรุ่นอัจฉริยะที่ผลการฝึกตนยังไม่ถึงแม้กระทั่งเทพมารนั้น ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
“มหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 5 สยบทุกคนในรุ่นเดียวกัน?”
เหล่าเทพฟ้าจากกองกำลังต่าง ๆ ต่างมองตาสื่อสารกันและกัน มีจิตจะฆ่าอันรวดเร็วและดุดันกระพริบผ่านไปในแววตาของบางคน
พวกเขาต้องดูออกเป็นธรรมดาอยู่แล้วว่าปีศาจเก้าเซียวจื่อเจี้ยนตั้งใจที่จะดึงตัวหลัวซิวเข้าร่วมหุบเขาปีศาจเก้า มากกว่านั้นคือยังให้เขาเป็นปีศาจสิบที่อายุน้อยที่สุดในหุบเขาปีศาจเก้าด้วย