มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1254
“โลกาศุภร!”
เขาใช้จิตนึกคิด อาศัยเศษใจแห่งศุภรเข้าไปภายในโลกาศุภร เมื่ออยู่ในมิติที่เวลาหมุนช้านี้ อัตราส่วนของเวลาภายในนี้กับโลกภายนอกจะอยู่ที่หนึ่งต่อสิบ
เกล็ดมังกรครามยักษ์เป็นเกล็ดที่แข็งแรงที่สุดของมังกรยักษ์ระดับเจ้านภา เดิมทีหลัวซิวคิดว่าศักยภาพและผลการฝึกตนในตอนนี้ของตัวเองยังไม่สามารถกลั่นแปรมันได้ แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่าเสี้ยววินาทีที่เกล็ดมังกรครามยักษ์และปีกเทพดาราไร้มลทินสัมผัสด้วยกัน ก็เกิดเป็นแสงเรืองวงหนึ่งอย่างไม่คาดคิด ผสมเข้ากับปีกเทพดาราไร้มลทิน
หลังจากที่เกล็ดมังกรครามยักษ์ผสมเข้ากันแล้ว ปีกเทพดาราไร้มลทินก็เริ่มวิวัฒนาการ เหมือนดั่งการวิวัฒนาการของสำนักเต๋าเสวียนเทียน ขั้นตอนการวิวัฒนาการนี้ค่อนข้างช้า ไม่รวดเร็วดังการยกระดับในตอนแรก
ในระหว่างนี้ หลัวซิวก็ไม่ได้ปล่อยให้เวลาสูญเปล่าไปเช่นกัน เขาฝึกตนไปทีละขั้น ยกระดับผลการฝึกตน รวมไปถึงการตระหนักรู้ในแดนกฎ
หลังจากผ่านไปเจ็ดเดือน หลัวซิวก็ลืมตาขึ้นมา การวิวัฒนาการของสำนักเต๋าเสวียนเทียนยังไม่จบ แต่การวิวัฒนาการของปีกเทพดาราไร้มลทินกลับใกล้จะสำเร็จแล้ว
“ชั๊วะ!”
รัศมีเทวสีเขียวทองเป็นประกายระยิบระยับอยู่ด้านหลัง ถัดจากนั้นปีกครามสามคู่ก็สยายออกจากด้านหลัง ปีกครามทุกคู่ตรงและเฉียบคมดั่งกระบี่มีด บนปีกมีเกล็ดมังกรสีเขียวทองปกคลุมอยู่อย่างถี่ยิบ ทำให้ดูโบราณเรียบง่าย กว้างใหญ่และดูศักดิ์สิทธิ์ดั่งเทพ!
ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น บนปีกครามทุกคู่ก็มีเงามังกรกำลังเคลื่อนไหวไปมาลาง ๆ เช่นกัน สมจริงสมจังราวกับเห็นมังกรจริง เหมือนดั่งมีวิญญาณมังกรแฝงซ่อนอยู่ด้านใน
“โฮกก!”
ภายใต้การสั่นกระพือปีก ทำให้มีเสียงคำรามมังกรดังเลือนลั่น จากนั้นเงาร่างของหลัวซิวก็หายวับไปกับตา ปรากฏอยู่ตรงสุดขอบเขตของโลกาศุภร
“ความเร็วขึ้นกว่าเดิมแล้ว!”
หลัวซิวดีใจอย่างมาก ในขณะที่กระตุ้นปีกคราม เขาจะมีความรู้สึกเหมือนตัวเองหลุดพ้นจากการพันธนาการของปริภูมิยังไงอย่างนั้น ขอเพียงใช้จิตนึกคิด อยากไปที่ใดก็สามารถไปที่นั่นได้ สามารถมองข้ามการขวางกั้นทุกอย่างของปริภูมิได้
ซึ่งมันแตกต่างจากการเคลื่อนไหวในชั่วพริบตาของกฎปริภูมิ เมื่อใช้วิชาการเคลื่อนไหวในชั่วพริบตาจะทำให้ปริภูมิผันแปร แดนกฎยิ่งสูงการผันแปรของปริภูมิก็จะยิ่งน้อย และยิ่งสังเกตเห็นได้ยาก
ส่วนกฎความเร็วที่บริสุทธิ์นั้น ดูเหมือนมันจะมีประสิทธิผลเหมือนการเคลื่อนไหวในชั่วพริบตา แต่จะไม่มีการผันแปรของปริภูมิ ทำให้ศัตรูสังเกตเห็นยากและเตรียมป้องกันยากด้วย!
เมื่ออยู่ในสงครามการเข่นฆ่า กฎความเร็วจะใช้ง่ายกว่ากฎปริภูมิเล็กน้อย และสาเหตุที่กฎปริภูมิถูกจัดให้เป็นกฎชั้นยอดนั้น นอกจากเป็นเพราะจุดเด่นด้านความเร็วแล้ว มันยังมีกระบวนท่าที่แข็งแกร่งอื่น ๆ อีก
เวลาโลกภายนอกผ่านไปเจ็ดเดือน เท่ากับหลัวซิวใช้ชีวิตอยู่ในโลกาศุภรไปเกือบเจ็ดปี!
ระยะเวลาเจ็ดปีสำหรับมหาจักรพรรดิยุทธ์ นอกเสียจากว่าจะได้รับโอกาสที่มากพอ มิเช่นนั้นภายในระยะเวลาเจ็ดปีประสิทธิผลของการยกระดับผลการฝึกตนนั้นจะสังเกตเห็นได้ไม่ชัดเจนนัก
หลัวซิวก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน อดีตความเร็วในการยกระดับผลการฝึกตนของเขานั้นรวดเร็วมาก ๆ เป็นเพราะเขาได้รับโอกาสต่าง ๆ อย่างไม่ขาดสาย แต่หลังจากที่ผลการฝึกตนของเขายิ่งอยู่ยิ่งสูงขึ้น ก็พบว่าโอกาสที่ทำให้ผลการฝึกตนของเขาบรรลุได้นั้น ยิ่งอยู่ยิ่งหายาก
และนี่ก็เป็นสาเหตุที่มีผู้แข็งแกร่งขั้นสุดยอดน้อยนั่นเอง เนื่องจากเมื่อแดนยิ่งสูง ศักยภาพก็ยิ่งแข็งแกร่ง โอกาสที่สามารถทำให้พวกเขาบรรลุได้นั้นก็จะยิ่งน้อย ยิ่งหายาก
ผลการฝึกตนของเขายังคงอยู่ในแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 5 เช่นเคย แต่ทว่าผลการฝึกตนกลับเรียบนิ่งบริสุทธิ์ขึ้นมาเล็กน้อย ยิ่งอยู่ยิ่งเข้าใกล้มหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 6
นอกจากนี้แล้วยังมีการตระหนักรู้ในแดนกฎของเขาด้วย ในที่สุดการพันธนาการของกฎความตายก็ถูกทำลายไปสักที บรรลุถึงแดนบริบูรณ์ใหญ่ หากมีการพัฒนาอีกหนึ่งก้าว ก็จะตระหนักรู้ในกฎดั้งเดิมได้ ได้รับการยอมรับจากกฎดั้งเดิม บรรลุถึงแดนเทพมาร
ร่างแยกกฎชีวิตที่อยู่ในโลกเสวียนเทียนก็ยกระดับกฎชีวิตขึ้นไปถึงแดนบริบูรณ์ใหญ่แล้วเช่นกัน กฎการเวียนว่ายตายเกิดทั้งสองกฎเคียงบ่าเคียงไหล่กัน รักษาอัตราการก้าวหน้าไปพร้อมกัน